หัวข้อ: ศาลหลักเมืองพิษณุโลก - ความเป็นมาในการก่อสร้าง เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 03 มิถุนายน 2562 12:11:14 (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/73556925397780_1_Copy_.JPG) "จังหวัดพิษณุโลก เป็นเมืองเก่าแก่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เคารพหลากหลายอย่าง หลักเมืองนี้เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่กันกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้น เพื่อให้เป็นไปตาม ธรรมเนียมประเพณี และให้ประชาชนให้เคารพบูชาเป็นสิริมงคลและมั่นคงสืบไป" พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/29145076415604_2_Copy_.JPG) แปลนอาคารศาลหลักเมือง ออกแบบโดยกรมศิลปากร แบบอกปรางค์ มีฐานกว้าง ๑๖.๖๐ เมตร สูง ๑๐.๖๕ เมตร (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/37349609865082_3_Copy_.JPG) ศาลหลักเมืองพิษณุโลก บริเวณริมแม่น้ำน่าน ตรงข้ามวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก ความเป็นมาในการก่อสร้างศาลหลักเมืองพิษณุโลก ความคิดในการจัดสร้างศาลหลักเมืองจังหวัดพิษณุโลก ตามคำบอกเล่าจากหลายท่าน บ้างก็ว่าจังหวัดพิษณุโลกมีเสาหลักเมืองเป็นลักษณะศิลาจารึก เดิมฝังอยู่ใต้ดินริมแม่น้ำน่าน บริเวณหัวกำแพงหักหรือกำแพงขาดในกรมทหาร ไม่ห่างจากพระราชวังจันทน์เท่าใดนัก ปัจจุบันเก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติพุทธชินราช หรือก็ว่าหลักเมืองจมอยู่ในลำน้ำน่าน รวมถึงมีการกล่าวว่าเคยมีการวางศิลาฤกษ์ เพื่อสร้างศาลหลักเมืองบริเวณหน้าวัดนางพญา เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ความคิดในการจัดสร้างศาลหลักเมืองจังหวัดพิษณุโลกอย่างจริงจังเริ่มขึ้นปี พ.ศ.๒๕๓๐ นายสุวรรณ อุบลเจริญ นายกเทศมนตรีเมืองพิษณุโลกในขณะนั้น ได้ดำริจะสร้างศาลหลักเมืองพิษณุโลก บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอเมืองพิษณุโลก และจังหวัดได้เรียกประชุมหัวหน้าส่วนราชการ ตัวแทนพ่อค้า และตัวแทนกรมศิลปากร โดยสรุปผลการประชุมในแต่ละครั้ง ดังนี้ ครั้งที่ ๑ เดือนกรกฎาคม ๒๕๓๐ สรุปได้ว่า ที่ประชุมคัดค้าน เพราะ ๑.๑ การสร้างศาลหลักเมืองต้องขอพระบรมราชานุญาต ๑.๒ ผู้สร้างและวางศิลาฤกษ์ คือ พระมหากษัตริย์ ๑.๓ ไม่รู้ความเป็นมาว่าจังหวัดพิษณุโลกมีศาลหลักเมืองหรือไม่ แต่มีวัดพระศรีรัตนมหาธาตุมหาวิหาร เป็นศูนย์รวมจิตใจเช่นเดียวกับเมืองเก่าสุโขทัย ทั้งนี้ที่ประชุมได้มอบหมายให้ ผ.ศ.ปราณี แจ่มขุนเทียน ดำเนินการศึกษาหลักฐานเรื่องศาลหลักเมือง เพื่อประกอบการพิจารณาในการประชุมโอกาสต่อไป ครั้งที่ ๒ เดือนสิงหาคม ๒๕๓๐ สรุปได้ ดังนี้ ๒.๑ ผ.ศ.ปราณี แจ่มขุนเทียน ได้เสนอผลการศึกษาเรื่องศาลหลักเมืองจากข้อมูลที่ศึกษาได้จากพระราชนิพนธ์ พระนิพนธ์ เอกสารที่นักวิชาการ ผู้สนใจประวัติศาสตร์เมืองพิษณุโลก และการบอกเล่า ซึ่งสามารถประมวลได้ว่าการศึกษาความเป็นมาของศาลหลักเมือง มีดังนี้ ๒.๑.๑ ศึกษาจากเอกสาร และหลักฐานทางประวัติศาสตร์ เช่น ก. หนังสือสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อนุสรณ์ดอนเจดีย์ เรื่องศาลเทพารักษ์ กล่าวว่า ศาลเทพารักษ์ตั้งอยู่ทางด้านหลังพระราชวังจันทน์ เรียกกันในปัจจุบันว่า “ศาลอดีตมหาราช” แต่มักเรียกทั่วไปว่า “ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง” ข. หนังสือเรื่อง พิษณุโลก โอฆบุรี เมืองพุทธชินราช กล่าวว่า หลังอนุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมีต้นโพธิ์ขึ้นอยู่ต้นหนึ่ง เดิมมีศาลเทพารักษ์ตั้งอยู่ บางท่านเรียกว่า “ศาลอดีตมหาราช” และบางท่านเรียกว่า “ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง” ค. ตำนานเมืองพิษณุโลกหลวงเชื้อ ชำนาญเกณฑ์ กล่าวถึงศาลเทพารักษ์ว่าศาลเทพารักษ์ตั้งอยู่ภายในบริเวณพระราชวังจันทน์ทางด้านหลัง เรียกกันในปัจจุบันว่า “ศาลอดีตมหาราช” แต่มักเรียกกันทั่วไปว่า “ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง” ง. พระนิพนธ์เรื่อง เมืองพิษณุโลก และพระราชปรารภ เรืองพระพุทธชินราชของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ความว่า “... เดี๋ยวนี้ยังมีสระข้างพระราชมณเฑียรกับเนินดิน และมีศาลเทพารักษ์ที่พวกชาวเมืองไปบูชาปรากฏอยู่สิ่งอื่นหามีไม่” ๒.๑.๒ ศึกษาจากภาคสนาม (การบอกเล่า) โดยสัมภาษณ์ผู้อาวุโสหลายท่านซึ่งสรุปได้ว่า ไม่เคยเห็นศาลหลักเมือง แต่เคยได้ยินบรรพบุรุษพูดเสมอๆ ว่า เมืองพิษณุโลกไม่มีศาลหลักเมืองและได้ยินบุคคลอีกหลายท่านพูดว่า เดิมเมืองพิษณุโลกมีศาลหลักเมืองตั้งอยู่บริเวณหน้าค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช บ้างตั้งอยู่ตรงบริเวณหน้าวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ แต่ได้พังลงแม่น้ำน่านไปแล้ว จากการศึกษาความเป็นมาของศาลหลักเมืองหรือศาลเทพารักษ์ในจังหวัดพิษณุโลก ทั้งจากเอกสารและการบอกเล่า พอสรุปได้ว่า ๑. ไม่พบที่ตั้งศาลหลักเมือง ๒. ไม่พบหลักฐานว่า มีการสร้างศาลหลักเมืองในสมัยใด รู้แต่ว่าชาวพิษณุโลกในอดีตรู้จัก และให้ความสำคัญเฉพาะศาลเทพารักษ์ ที่ตั้งอยู่ในพระราชวังจันทน์เท่านั้น ๒.๒ ที่ประชุมอภิปรายอย่างกว้างขวางโดยตกลงให้สืบหาความเป็นมาว่าหากมีศาลหลักเมืองอยู่ที่ตั้งเดิมอยู่ที่ไหนหากหาพบจะได้สร้างที่นั่นและมติที่ประชุมขอให้ระงับการสร้างศาลหลักเมืองไว้ก่อนจนกว่าจะหาหลักฐานพบ ครั้งที่ ๓ เดือนธันวาคม ๒๕๓๕ คณะชาวพิษณุโลกในกรุงเทพฯ ได้นำเรื่องการดำเนินการก่อสร้างศาลหลักเมืองมาปรึกษาหารือกับชมรมผู้สนใจ ประวัติศาสตร์เมืองพิษณุโลกและมีการอภิปรายอย่างกว้างขวางโดยสรุปความคิดเห็นแตกต่างกันออกเป็น ๓ ฝ่ายดังนี้ ๑. ฝ่ายแรกสนับสนุนให้สร้างศาลหลักเมือง เพื่อเป็นศูนย์รวมจิตใจชาวพิษณุโลก ๒. ฝ่ายที่สองไม่เห็นด้วยโดยอ้างว่าชาวพิษณุโลกมีหลวงพ่อพุทธชินราช และสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เป็นศูนย์จิตใจอยู่แล้ว ๓. ฝ่ายที่สามมีความเห็นว่า สร้างหรือไม่สร้างก็ได้ กรณีถ้าไม่สร้างขอให้ พลเอกศิริ ทิวะพันธุ์ แม่ทัพภาคที่ ๓ ในขณะนั้น นำเงินบริจาคของคณะชาวพิษณุโลก กรุงเทพฯ บริจาคนั้นมาอนุรักษ์พระราชวังจันทน์ ซึ่งการอภิปรายดังกล่าว ไม่สามารถหาข้อยุติเกี่ยวกับการสร้างศาลหลักเมืองได้ รศ.ดร.มังกร ทองสุกดี ประธานชมรมผู้สนใจประวัติศาสตร์เมืองพิษณุโลก จึงมอบให้เลขานุการชมรมฯ ดำเนินการสำรวจประชามติจากชาวพิษณุโลก ครั้งที่ ๔ การขอประชามติจากผู้เข้าร่วมสัมมนาประวัติศาสตร์เมืองพิษณุโลก ระหว่างวันที่ ๘-๙ มกราคม ๒๕๓๖ณ โรงแรมไพลิน พิษณุโลก ผลการลงประชามติมีความคิดเห็นเป็น ๓ กลุ่ม (ผู้ตอบแบบสอบถาม ๒๘๕ คน) ดังนี้ ๑. เห็นสมควรสร้างศาลหลักเมืองจำนวน ๑๙๖ คน คิดเป็นร้อยละ ๖๘.๗๓ ๒. เห็นไม่สมควรสร้าง จำนวน ๕๗ คน คิดเป็นร้อยละ ๒๒.๒๔ ๓. ไม่ออกความคิดเห็น จำนวน ๒๙ คน คิดเป็นร้อยละ ๑๐.๐ อย่างไรก็ดี ไม่มีผู้ใดริเริ่มจัดสร้างศาลหลักเมืองขึ้นแต่อย่างใด จนกระทั่ง นายสวัสดิ์ ส่งสัมพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ในขณะนั้น (พ.ศ.๒๕๓๖-๒๕๓๙) ได้มอบหมายให้ที่ทำการปกครองจังหวัดพิษณุโลก (ฝ่ายปกครอง) ศึกษารายละเอียดขั้นตอนดำเนินการก่อสร้างศาลหลักเมือง และตรวจสอบประวัติศาสตร์ว่า จังหวัดพิษณุโลกเคยมีศาลหลักเมือง และเสาหลักเมืองมาก่อนหรือไม่ หากจะสร้างศาลหลักเมืองจะเป็นการเหมาะสมหรือไม่ ซึ่งฝ่ายปกครองได้ทำหนังสือจังหวัด ที่ พล ๐๐๑๖/๒๑๕๑๓ ลงวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๓๗ ถึงกรมศิลปากร เพื่อตรวจสอบความเป็นมาทางประวัติศาสตร์ดังกล่าว และกองวรรณคดีและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากรได้ตอบหนังสือ ที่ ศธ ๐๗๐๙/๒๕๖๗ ลง วันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๓๗ ว่า ได้ตรวจสอบหลักฐานทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีแล้ว ไม่ปรากฏว่าจังหวัดพิษณุโลกมีการสร้างศาลหลักเมืองมาก่อน และการดำริจะสร้างนั้นขอให้อยู่ในดุลยพินิจของจังหวัดเป็นสำคัญ ทั้งนี้ ขั้นตอนการดำเนินการก่อสร้าง มีดังนี้ ๑. ก่อนการดำเนินการก่อสร้าง (เตรียมการ) ๒. การดำเนินการก่อสร้าง ๓. การดำเนินการหลังการก่อสร้างอาคารศาลหลักเมืองแล้วเสร็จ จากเหตุผลดังกล่าวข้างต้น จังหวัดพิจารณาแล้วเห็นว่า พิษณุโลกเป็นจังหวัดที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน เป็นเมืองที่ประทับของพระมหากษัตริย์หลายพระองค์ ประกอบกับนโยบายของกระทรวงมหาดไทย ที่จะให้จังหวัดต่างๆ มีศาลหลักเมืองเป็นสิ่งร่วมใจของประชาชน และในวโรกาสมหามงคลปีกาญจนาภิเษก จังหวัดจึงได้ประชุมปรึกษาหารือและลงมติที่จะจัดสร้างศาลหลักเมือง เพื่อเป็นหลักชัย หลักใจ และเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวจังหวัดพิษณุโลก โดยพิจารณาเห็นว่าที่ราชพัสดุหน้าที่ว่าการอำเภอเมืองพิษณุโลก มีความเหมาะสมในการจัดสร้าง ๑. การเตรียมการก่อสร้างศาลหลักเมือง จังหวัดได้แต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินงานสร้างศาลหลักเมืองขึ้นตามคำสั่งจังหวัดพิษณุโลกที่ ๙๙๓/๒๕๓๘ ลงวันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๓๘ประกอบด้วยคณะกรรมการ ๗ คณะ คือ ๑. คณะที่ปรึกษาในการดำเนินการก่อนสร้างศาลหลักเมือง (ฝ่ายสงฆ์) มีสมเด็จพุฒาจารย์ วักสระเกศ, เป็นประธาน ๒. คณะที่ปรึกษาในการดำเนินก่อสร้างศาลหลักเมือง (ฝ่ายฆราวาส) มี พลโท ถนอม วัชรพุทธ แม่ทัพภาคที่ ๓ เป็นประธานที่ปรึกษา ๓. คณะกรรมการอำนวยการก่อสร้างศาลหลักเมืองมี นายสวัสดิ์ ส่งสัมพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ในขณะนั้น เป็นประธานกรรมการ และปลัดจังหวัดพิษณุโลก เป็นกรรมการ และเลขานุการ ๔. คณะกรรมการฝ่ายจัดหารายได้และการเงินมี รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก (๑) เป็นประธานกรรมการ และคลังจังหวัด เป็นกรรมการและเลขานุการ ๕. คณะกรรมการจัดพิธีวางศิลาฤกษ์มี ปลัดจังหวัดพิษณุโลกเป็นประธานกรรมการ และผู้ตรวจการส่วนท้องถิ่น เป็นกรรมการเลขานุการ ๖. คณะกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์มี ผู้อำนวยประชาสัมพันธ์เขต ๔ เป็นประธานและประชาสัมพันธ์จังหวัดเป็นกรรมการและเลขานุการ ๗. คณะกรรมการฝ่ายเลขานุการมี ปลัดจังหวัดพิษณุโลก เป็นประธานกรรมการและจ่าจังหวัดพิษณุโลก เป็นกรรมการและเลขานุการ ในส่วนของการจัดสร้างศาลหลักเมืองประจำจังหวัดนั้น จังหวัดได้ทำหนังสือถึงกระทรวงมหาดไทย เพื่อนำความเรื่องการขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตสร้างศาลหลักเมืองจังหวัดพิษณุโลก ขึ้นกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งต่อมากระทรวงมหาดไทยมีหนังสือ ที่ มท ๐๒๐๑/๓๐๙๑๓ ลงวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๓๘ แจ้งให้ทราบว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้จังหวัดพิษณุโลกสร้างศาลหลักเมืองได้ ๒. การดำเนินการก่อสร้างอาคารศาลหลักเมือง จังหวัดได้รับความอนุเคราะห์จากสถาปัตยกรรม กรมศิลปากรออกแบบแปลนและจำทำประมาณการค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างอาคารศาลหลักเมือง โดยกรมศิลปากรออกแบบแปลนอาคารศาลหลักเมือง แบบอกปรางค์ มีฐานกว้าง ๑๖.๖๐ เมตร สูง ๑๐.๖๕ เมตร และได้รับความร่วมมือด้วยดีจาเทศบาลเมืองพิษณุโลก และสำนักงานโยธาธิการจังหวัดพิษณุโลกออกแบบปรับปรุงสภาพภูมิทัศน์รั้วรอบบริเวณ ระบบระบายน้ำ ทางเท้า และการจัดสวน สำหรับงบประมาณในการดำเนินการประกอบด้วย ๑. การก่อสร้างอาคารศาลหลักเมือง ตามแบบแปลนของกรมศิลปากร ใช้งบประมาณโครงการพัฒนาจังหวัด สนับสนุนภูมิภาคและท้องถิ่นปีงบ ประมาณ ๒๕๓๘ เป็นเงิน ๓,๐๐๐,๐๐๐บาท (สามล้านบาทถ้วน) ๒. การก่อสร้างรั้ว ประตูทางเข้า รางระบายน้ำและทางเข้า การจัดสวนเพื่อปรับปรุงภูมิทัศน์ บริเวณรอบอาคารศาลหลักเมือง ซึ่งจังหวัดได้ดำเนินการในส่วนนี้ โดยใช้จ่ายจากเงินบริจาคสมทบก่อสร้างศาลหลักเมืองของผู้มีจิตศรัทธา จำนวน ๑๙๔ ราย เป็นเงิน ๒,๖๒๔,๐๓๒ บาท ดังนี้ ๒.๑ ค่าก่อสร้างรั้ว แระตูทางเข้า รางระบายน้ำและทางเท้าเป็นเงิน ๑,๒๕๕,๒๕๔ บาท ๒.๒ ค่าติดตั้งโคมไฟฟ้า เป็นเงิน ๑๓๕,๑๐๘ บาท ๒.๓ ค่าวัสดุสำหรับระบบประปาเพื่อใช้สำหรับการดูแลสวนเป็นเงิน ๔๖,๐๒๔ บาท ๒.๔ ค่าถมดินปรับพื้นสนามด้านล่าง เป็นเงิน ๔๘,๐๐๐ บาท ๒.๕ ค่าจัดซื้อต้นไม้สำหรับจัดสวน เป็นเงิน ๕๓๖,๔๓๐ บาท นอกจากนี้จังหวัดได้ใช้จ่ายจากเงินบริจาคสมทบก่อสร้างศาลหลักเมืองเป็นค่าใช้จ่ายอื่นๆ ดังนี้ - ค่าใช้จ่ายในวันพิธีวางศิลาฤกษ์การก่อสร้างอาคารศาลหลักเมือง เป็นเงิน ๙๙,๘๕๐ บาท - ค่าจัดทำเสาหลักเมืองจำลอง เป็นเงิน ๑๔,๓๒๐ บาท - ค่าใช้จ่ายในพิธีประดิษฐานเสาหลักเมืองบรรจุดวงเมือง และสวมยอดเสาหลักเมือง เป็นเงิน ๒๐๐,๔๓๕ บาท - ค่าใช้จ่ายในพิธีเข้าเฝ้า น้อมเกล้าฯถวายยอดเสาหลักเมือง และแผ่นทองดวงเมือง เป็นเงิน ๑๑,๓๒๐ บาท รวมแล้วจังหวัดได้ใช้จ่ายเงินบริจาคสมทบก่อสร้างศาลหลักเมืองไปจำนวนทั้งสิ้น ๒,๓๕๑,๒๒๙ บาท คงเหลืออยู่ ๒๗๒,๘๐๓ บาท ซึ่งเงินจำนวนนี้จังหวัดจะต้องไปใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการขั้นตอนต่อไปคือ - ค่าจัดทำหนังสือที่ระลึกในวันพิธีเปิดศาลหลักเมือง - ค่าใช้จ่ายในพิธีเปิดศาลหลักเมือง - ค่าดูแลรักษาส่วนและอาคารศาลหลักเมือง - ค่าสาธารณูปโภค (ค่าน้ำ/ค่าไฟฟ้า) อนึ่งหากยังมีเงินบริจาคเหลืออยู่จังหวัดมีแนวทางที่จะจัดตั้งเป็นกองทุนศาลหลักเมือง เพื่อจะได้ใช้ดอกผลดังกล่าวไว้สำหรับเป็นค่าดูแลรักษา รวมทั้งเพื่อวัตถุประสงค์อื่น ตามที่คณะที่ปรึกษาในการดำเนินการก่อสร้างศาลหลักเมืองประจำจังหวัดพิษณุโลกกำหนด สำหรับการดำเนินการขอใช้พื้นที่บริเวณสวนสาธารณะ หน้าที่ว่าการอำเภอเมืองพิษณุโลก พื้นที่ประมาณ ๓-๓-๒๗.๕ ไร่ สำหรับก่อสร้างอาคารศาลหลักเมือง เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวคือ สนามหญ้าหน้าศาลากลางจังหวัดหลังเดิมเป็นที่ราชพัสดุและอยู่ในความครอบครองดูแลใช้ประโยชน์ของกระทรวงมหาดไทย จังหวัดจึงทำหนังสือที่ พล ๐๐๑๕.๑/๓๐๘๔ ลงวันที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๘ ถึงกระทรวงมหาดไทย เพื่อดำเนินการขอความเห็นชอบในการเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์การใช้ประโยชน์ในที่ราชพัสดุดังกล่าว ไปยังกรมธนารักษ์ และกรมธนารักษ์ได้ทำหนังสือกระทรวงการคลังที่ กค. ๐๔๐๗/๖๕๖๖ ลงวันที่ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๓๘ แจ้งกระทรวงมหาดไทยว่า ไม่ขัดข้องที่จังหวัดพิษณุโลกจะเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์การใช้ประโยชน์ในที่ราชพัสดุจากสวนสาธารณะ สนามเด็กเล่น เป็นพื้นที่ก่อสร้างศาลหลักเมืองและอนุญาตให้ใช้ที่ราชพัสดุดังกล่าวได้ และจังหวัดได้เริ่มการก่อสร้างเมื่อวันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๓๘ และก่อสร้างแล้วเสร็จในวันที่ ๙ มกราคม ๒๕๓๙ ทั้งนี้จังหวัดได้จัดพิธีวางศิลาฤกษ์ศาลหลักเมือง เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๓๘เวลา ๑๙.๓๙ น. ณ บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอเมืองพิษณุโลก มีนายสวัสดิ์ ส่งสัมพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ในขณะนั้น เป็นประธานในพิธีและประธานพิธีสงฆ์ คือ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (วัดสระเกศ) พร้อมด้วยพระสังฆาธิการ ซึ่งเป็นเจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะอำเภอ อีก ๘ รูป ๓. การดำเนินการหลังการก่อสร้างอาคารศาลหลักเมืองแล้วเสร็จ ๓.๑ การเข้าเฝ้าฯ น้อมเกล้าฯ ถวายยอดเสาหลักเมืองพร้อมแผ่นทองดวงเมือง เพื่อทรงพระสุหร่าย ทรงเจิมฯ จังหวัดได้รับแจ้งจากสำนักราชเลขาธิการที่ รส ๐๐๐๓/๑๕๔๙๕ ลงวันที่ ๕ กันยายน ๒๕๓๙ ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลกและคณะเข้าเฝ้าฯ น้อมเกล้าฯ ถวายยอดเสาหลักเมืองพร้อมกับแผ่นทองดวงเมือง เพื่อทรงพระสุหร่าย ทรงเจิมฯ ในวันพฤหัสบดีที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๓๙เวลา ๑๗.๓๐ น. ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน ทั้งนี้ หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระสุหร่าย ทรงเจิมฯ ยอดเสาหลักเมืองพร้อมแผ่นทองดวงเมืองแล้ว ทรงมีพระราชดำรัสแก่คณะบุคคลดังกล่าว ใจความว่า “จังหวัดพิษณุโลก เป็นเมืองเก่าแก่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เคารพหลากหลายอย่าง หลักเมืองนี้เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่กันกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้น เพื่อให้เป็นไปตามธรรมเนียมประเพณี และให้ประชาชนให้เคารพบูชาเป็นสิริมงคลและมั่นคงสืบไป” ๓.๒ พิธีรับยอดเสาหลักเมืองและแผ่นทองดวงเมือง วันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๓๙ นายสวัสดิ์ ส่งสัมพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ในขณะนั้นและคณะได้อัญเชิญยอดเสาหลักเมืองและแผ่นทองดวงเมือง ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระสุหร่าย ทรงเจิมฯ แล้ว เพื่อมาประดิษฐาน ณ ห้องปฏิบัติราชการผู้ว่าราชการจังหวัด ศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก โดยพิธีในวันดังกล่าวนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก อัญเชิญยอดเสาหลักเมืองและแผ่นทองดวงเมือง เดินทางออกจากกรุงเทพฯ เวลา ๐๙.๐๙ น. ถึงบริเวณพิธีหน้ามหาวิทยาลัยนเรศวร เวลา ๑๐.๐๐ น. และได้อัญเชิญยอดเสาหลักเมืองและแผ่นทองดวงเมืองประดิษฐานไว้บนรถอัญเชิญ เพื่ออัญเชิญยอดเสาหลักเมืองไปประดิษฐานที่ห้องปฏิบัติราชการผู้ว่าราชการจังหวัด ศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก ๓.๓ พิธีประดิษฐานเสาหลักเมือง บรรจุดวงเมือง และสวมยอดเสาหลักเมือง พิธีประดิษฐานเสาหลักเมือง บรรจุดวงเมืองและสวมยอดเสาหลักเมืองได้มีขึ้นในวันพุธที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๓๙ มีนายสวัสดิ์ ส่งสัมพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก เป็นประธานในพิธี สมเด็จพระพุฒาจารย์ (วัดสระเกศ) เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และพระครูวามเทพมุนี เป็นหัวหน้า พราหมณ์ ทำพิธีฝ่ายพราหมณ์ ในพิธีสงฆ์มีพระสงฆ์สมณศักดิ์เข้าร่วมพิธี ดังนี้ ๑. พระราชรัตนมุนี เจ้าคณะจังหวัดพิษณุโลก ๒. พระโสภณปริยัติธรรม เจ้าคณะอำเภอเมืองพิษณุโลก ๓. พระครูประสาทธรรมวัตร เจ้าอาวาสวัดอรัญญิก ๔. พระครูวิธานศาสนกิจ เจ้าคณะตำบลในเมือง เขต ๑ (พระอาจารย์ไพรินทร์) ๕. พระครูโสภณเขมาภิวัฒน์ เจ้าคณะอำเภอวังทอง ๖. พระครูพิทักษ์พรหมคุณ เจ้าคณะอำเภอบางระกำ ๗. พระกิตติยาภรณ์ เจ้าคณะอำเภอบางกระทุ่ม ๘. พระครูสถิตวีรธรรม เจ้าคณะอำเภอพรหมพิราม ๙. พระครูประพัฒน์ธรรมคุณ เจ้าคณะอำเภอนครไทย ขอขอบคุณที่มาข้อมูล : เว็บไซต์จังหวัดพิษณุโลก (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/25040645980172_4_Copy_.JPG) (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/73556925397780_1_Copy_.JPG)
(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/47848126954502_5_Copy_.JPG) (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/79557411124308_8_Copy_.JPG) (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/57111283019185_6_Copy_.JPG) (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/35075170008672_10_Copy_.JPG) (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/92081129261189_7_Copy_.JPG) (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/89697075635194_9_Copy_.JPG) |