หัวข้อ: ถาม - ตอบ ปัญหาธรรเรื่อง{โลภะ} เริ่มหัวข้อโดย: 時々๛कभी कभी๛ ที่ 01 มีนาคม 2554 10:11:55 (http://www.taklong.com/pictpost/t/90029IMG0014.jpg) http://www.fungdham.com/download/song/allhits/20.wma เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา..............วันอาทิตย์ที่........เดือน.....................ปี....................... ท่านอาจารย์สนทนาธรรมตอนหนึ่งว่า............................ โลภะอันละเอียด เมื่อเกิดขึ้นแล้ว เปรียบเสมือนละอองธุลีที่ฟุ้งอยู่ แล้วล่วงหล่นลงนอนเนื่องอยู่ในสันดาน ขออนุญาตเรียนถามว่า..........โลภะที่ละเอียดนั้นท่านหมายถึงโลภะประเภทไหน มีลักษณะ อย่างไรอยู่ที่จิตไหน ? และสังเกตได้อย่างไร ? และที่ท่านอุปมาว่า{เปรียบดังละอองธุลีที่ล่วงหล่นนอนเนื่องอยู่ในสันดานนั้น} ขยายความให้ชัดเจนเพื่อความเข้าใจได้อย่างไร ? และถ้อยคำนี้เป็นถ้อยคำในพระสูตรด้วยหรือไม่ ผู้ตอบ.......ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงเป็นสิ่งที่มีจริงทั้งหมด ทรงแสดงไว้อย่าง ละเอียดตลอด 45 พรรษาเพื่อประโยชน์ คือ ความเข้าใจถูกเห็นถูกของผู้ฟัง - ผู้ศึกษา เกิดความเข้าใจถูกเห็นถูกเป็นปัญญาของตนเองสำหรับในเรื่องของ{อกุศลธรรม} ซึ่งเป็นธรรม{ฝ่ายดำ}นั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าก็ทรงแสดงจำแนกไว้หลายหมวดหมู่ เพื่อให้สัตว์โลกได้เข้าใจและเห็นโทษของอกุศลธรรม ตามความเป็นจริง {โลภะ}เป็นสภาพธรรมทีี่มีจริงเป็นสภาพธรรมที่ติดข้องยินดีพอใจในสิ่งที่ปรากฏ เกิดขึ้นเป็นไปอย่างรวดเร็ว เช่น หลังเห็น หลังได้ยิน เป็นต้น{โลภะ}ก็ไหลไปแล้ว ชอบแล้วติดข้องแล้วโดยที่ยังไม่รู้เลยว่าเป็นอะไร ? นี้คือ ความบางเบาของกิเลสที่เกิด ขึ้นเป็นไปในชีวิตประจำวัน{โลภะ}เป็นอกุศลเจตสิกประการหนึ่ง เกิดร่วมกับ{อกุศลจิต} ประเภทที่มีโลภะเป็นมูลเท่านั้นไม่เกิดร่วมกับจิตประเภทอื่นเมื่อเกิดขึ้นแล้วก็ดับไป แต่ไม่สูญหายไปไหนยังสะสมสืบต่อในจิตขณะต่อไป ๆ ที่กล่าวว่า สันดาน หรือ {สันตานะ} นั้นก็ คือ การเกิดดับสืบต่อของจิตที่มีกิเลสเกิดขึ้นทำกิจหน้าที่กลุ้มรุมจิต ใจก็เพราะว่า........ยังมีพืชเชื้อของกิเลสที่นอนเนื่องอยู่ในจิตทุกขณะซึ่งเป็นกิเลสที่ ละเอียด{โลภะ}ก็เช่นเดียวกันที่เกิดติดข้องยินดีพอใจในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะก็เพราะยังมีพืชเชื้อของโลภะ ซึ่งเป็นกามราคานุสัย ซึ่งจะต้องถูกดับ ด้วย{มัคคจิต}คือ อนาคามิมัคคจิตถึงความเป็นพระอนาคามีบุคคล ในอรรถกถา ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ มงคลสูตรมีข้อความที่แสดงถึงละออง กิเลสไว้ว่า..................... จริงอยู่จิตของพระขีณาสพ(คือพระอรหันต์)นั้น ชื่อว่า วิรชะ เพราะปราศจาก ละอองกิเลสมีราคะ โทสะ โมหะ เป็นต้น ซึ่งคำว่าละอองในที่นี้ มาจากคำว่า{รชะ}หมายถึง ธุลีหรือสิ่งสกปรกจะเห็นได้ว่า กิเลสเป็นเครื่องเศร้าหมองของจิตเป็นสภาพธรรมที่ทำให้จิตเศร้าหมองไม่ผ่องใส มี โลภะ โทสะ โมหะ เป็นต้น บุคคลผู้ที่ไม่มีละอองกิเลสโดยประการทั้งปวง คือพระอรหันต์เท่านั้น ซึ่งดับพืชเชื้อของกิเลสได้ทั้งหมดไม่มีเหลือ พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ เล่มที่ ๓๙ - หน้าที่ ๒๑๑ ธรรม ๘ ประการนี้ ย่อมเป็นไปเพื่อความเสื่อมแก่ภิกษุผู้เสพคือ.................. ความเป็นผู้ยินดีการงาน ๑ ความเป็นผู้ยินดีในการคุย ๑ ความเป็นผู้ยินดีในความหลับ ๑ ความเป็นผู้ยินดีในการคลุกคลีด้วยหมู่คณะ ๑ ความเป็นผู้ไม่คุ้มครองทวารในอินทรีย์ทั้งหลาย ๑ ความเป็นผู้ไม่รู้จักประมาณในโภชนะ ๑ ความเป็นผู้ยินดีในธรรมเครื่องข้อง ๑ ความเป็นผู้ยินดีในธรรมเครื่องให้เนิ่นช้า ๑ สนทนาธรรมมูลนิธิบ้านธรรมะ บุคโล ดาวคะนอง ธนบุรีท่านมีความประสงค์สนทนาธรรมเรียนเชิญสอบถามได้ที่มูลนิธิ (http://www.sookjai.com/index.php?action=dlattach;topic=11736.0;attach=776;image) |