◎ ช้าปี่ มาจะกล่าวบทไป | | ถึงระเด่นลันไดอนาถา |
เสวยราชย์องค์เดียวเที่ยวรำภา | | ตามตลาดเสาชิงช้าหน้าโบสถ์พราหมณ์ |
◎ เที่ยวสีซอขอข้าวสารทุกบ้านช่อง | | เป็นเสบียงเลี้ยงท้องของถวาย |
ไม่มีใครชิงชังทั้งหญิงชาย | | ต่างฝากกายฝากตัวกลัวบารมี |
พอโพล้เพล้เวลาจะสายัณห์ | | ยุงชุมสุมควันแล้วเข้าที่ |
บรรทมเหนือเสื่อลำแพนแท่นมณี | | ภูมีซบเซาเมากัญชา ฯ ๔ คำ ฯ |
◎ร่าย ครั้นรุ่งแสงสุริยันตะวันโด่ง | | โก้งโค้งลงในอ่างแล้วล้างหน้า |
เสร็จเสวยข้าวตังกับหนังปลา | | ลงสระสรงคงคาในท้องคลอง ฯ ๒ คำ ฯ เสมอ |
◎ชมตลาด กระโดดดำสามทีสีเหงื่อไคล | | แล้วย่างขึ้นบันไดเข้าในห้อง |
ทรงสุคนธ์ปนละลายดินสอพอง | | ชโลมสองแก้มคางอย่างแมวคราว |
นุ่งกางเกงเข็มหลงอลงกรณ์ | | ผ้าทิพย์อาภรณ์พื้นขาว |
เจียระบาดเสมียนละว้ามาแต่ลาว* | | ดูราวกับหนังแขกเมื่อแรกมี |
สวมประคำดีควายตะพายย่าม | | หมดจดงดงามกว่าปันหยี |
กุมตระบองกันหมาจะราวี | | ถือซอจรลีมาตามทาง ฯ ๖ คำ ฯ เพลงช้า |
◎ร่าย มาเอยมาถึง | | เมืองหนึ่งสร้างใหม่ดูใหญ่กว้าง |
ปราสาทเสาเล้าหมูอยู่กลาง | | มีคอกโคอยู่ข้างกำแพงวัง |
พระเยื้องย่างเข้าทางทวารา | | หมู่หมาแห่ห้อมล้อมหน้าหลัง |
แกว่งตระบองป้องปัดอยู่เก้กัง | | พระทรงศักดิ์หยักรั้งคอยราญรอน ฯ ๔ คำ ฯ เชิด |
◎ เมื่อนั้น | | นางประแดะหูกลวงดวงสมร |
ครั้นรุ่งเช้าท้าวประดู่ภูธร | | เสด็จจรจากเวียงไปเลี้ยงวัว |
โฉมเฉลาเนาในที่ไสยา | | บรรจงหั่นกัญชาไว้ท่าผัว |
แล้วอาบน้ำทาแป้งแต่งตัว | | หวีหัวหาเหาเกล้าผมมวย |
ได้ยินแว่วสำเนียงเสียงหมาเห่า | | คิดว่าวัวเข้าในสวนกล้วย |
จึงออกมาเผยแกลอยู่แร่รวย | | ตวาดด้วยสุรเสียงสำเนียงนาง |
พอเหลือบเห็นระเด่นลันได | | อรไทผินผันหันข้าง |
ชม้อยชม้ายชายเนตรดูพลาง | | ชะน้อยฤๅรูปร่างราวกับกลึง |
งามกว่าภัสดาสามี | | ทั้งเมืองตานีไม่มีถึง |
เกิดกำหนัดกลัดกลุ้มรุมรึง | | นางตะลึงแลดูพระภูมี ฯ ๑๐ คำ ฯ |
◎ เมื่อนั้น | | พระสุวรรณลันไดเรืองศรี |
เหลียวพบสบเนตรนางตานี | | ภูมีพิศพักตร์ลักขณา ฯ 2 คำ ฯ |
◎ ชมโฉม สูงระหงทรงเพรียวเรียวรูด | | งามละม้ายคล้ายอูฐกะกลาป๋า |
พิศแต่หัวตลอดเท้าขาวแต่ตา | | ทั้งสองแก้มกัลยาดังลูกยอ |
คิ้วก่งเหมือนกงเขาดีดฝ้าย | | จมูกละม้ายคล้ายพร้าขอ |
หูกลวงดวงพักตร์หักงอ | | ลำคอโตตันสั้นกลม |
สองเต้าห้อยตุงดังถุงตะเคียว | | โคนเหี่ยวแห้งรวบเหมือนบวบต้ม |
เสวยสลายาจุกพระโอษฐ์อม | | มันน่าเชยน่าชมนางเทวี ฯ ๖ คำ ฯ |
◎ ร่าย นี่จะเป็นลูกสาวท้าวพระยา | | ฤๅว่าเป็นพระมเหสี |
อกใจทึกทักรักเต็มที | | ก็ทรงสีซอสุวรรณขึ้นทันใด ฯ ๒ คำ ฯ |
◎ พัดชา ยักย้ายร่ายร้องเป็นลำนำ | | มีอยู่สองสามคำจำไว้ได้ |
สุวรรณหงษ์ถูกหอกอย่าบอกใคร | | ถูกแล้วกลับไปได้เท่านั้น ฯ ๒ คำ ฯ |
◎ ร่าย แล้วซ้ำสีอิกกระดิกนิ้ว | | ทำยักคิ้วแลบลิ้นเล่นขบขัน |
เห็นโฉมยงหัวร่ออยู่งองัน | | พระทรงธรรม์ทำหนักชักเฉื่อยไป ฯ ๒ คำ ฯ มโหรี |
◎ เมื่อนั้น | | นางประแดะตานีศรีใส |
สดับเสียงสีซอพอฤทัย | | ให้วาบวับจับใจผูกพัน |
ยิ่งคิดพิศวงพระทรงศักดิ์ | | ลืมรักท้าวประดู่ผู้ผัวขวัญ |
ทำไฉนจะได้พระทรงธรรม์ | | มาเคียงพักตร์สักวันด้วยรักแรง |
คิดพลางทางเข้าไปในห้อง | | แล้วตักเอาข้าวกล้องมาสองแล่ง |
ค่อยประจงลงใส่กระบะแดง | | กับปลาสลิดแห้งห้าหกตัว |
แล้วลงจากบันไดมิได้ช้า | | เข้ามานอบนบจบเหนือหัว |
เอาปลาใส่ย่ามด้วยความกลัว | | แล้วยอบตัวลงบังคมก้มพักตรา ฯ ๘ คำ ฯ |
◎ เมื่อนั้น | | ลันไดให้แสนเสนหา |
อะรามรักยักคิ้วหลิ่วตา | | พูดจาลดเลี้ยวเกี้ยวพาน ฯ ๒ คำ ฯ |
◎ โอ้โลม งามเอยงามปลอด | | ชีวิตพี่นี้รอดด้วยข้าวสาร |
เป็นกุศลดลใจเจ้าให้ทาน | | เยาวมาลย์แม่มีพระคุณนัก |
พี่ขอถามนามท้าวเจ้ากรุงไกร | | ชื่อเรียงเสียงไรไม่รู้จัก |
เจ้าเป็นพระมเหสีที่รัก | | ฤๅนงลักษณ์เป็นราชธิดา |
รูปร่างอย่างว่ากะลาสี | | พี่ให้มีใจรักเจ้าหนักหนา |
ว่าพลางเข้าใกล้กัลยา | | พระราชาฉวยฉุดยุดมือไว้ ฯ ๖ คำ ฯ |
◎ ร่าย ทรงเอยทรงกระสอบ | | ทำเล่นเห็นชอบฤๅไฉน |
ไม่รู้จักมักจี่นี่อะไร | | มาเลี้ยวไล่ฉวยฉุดยุดข้อมือ |
ยิ่งว่าก็ไม่วางทำอย่างนี้ | | พระจะมีเงินช่วยข้าด้วยฤๅ |
อวดว่ากล้าแข็งเข้าแย่งยื้อ | | ลวนลามถามชื่อน้องทำไม |
น้องมิใช่ตัวเปล่าเล่าเปลือย | | หยาบเหมือนขี้เลื่อยเมื่อยหัวไหล่ |
ลูกเขาเมียเขาไม่เข้าใจ | | บาปกรรมอย่างไรก็ไม่รู้ ฯ ๖ คำ ฯ |
◎ ชาตรี ดวงเอยดวงไต้ | | สบถได้เจ็ดวัดทัดสองหู |
ความจริงพี่มิเล่นเป็นเช่นชู้ | | จะร่วมเรียงเคียงคู่กันโดยดี |
ถึงมิใช่ตัวเปล่าเจ้ามีผัว | | พี่ไม่กลัวบาปดอกนะโฉมศรี |
อันนรกตกใจไปใยมี | | ยมพระบาลกับพี่เป็นเกลอกัน |
เพียงจับมือถือแขนอย่าแค้นเคือง | | จะให้น้องสองเฟื้องอย่าหุนหัน |
แล้วแก้เงินในไถ้ออกให้พลัน | | นี่แลขันหมากหมั้นกัลยา |
พอดึกดึกสักหน่อยนะน้องแก้ว | | พี่จะลอดล่องแมวขึ้นไปหา |
โฉมเฉลาเจ้าจงได้เมตตา | | เปิดประตูไว้ท่าอย่าหลับนอน ฯ ๘ คำ ฯ |
◎ ร่าย ทรงเอยทรงกระโถน | | อย่ามาพักปลอบโยนให้โอนอ่อน |
ไม่อยากได้เงินทองของภูธร | | นางเคืองค้อนคืนให้ไม่อินัง |
ช่างอวดอ้างว่านรกไม่ตกใจ | | คนอะไรอย่างนี้ก็มีมั่ง |
เชิญเสด็จรีบออกไปนอกวัง | | อย่ามานั่งวิงวอนทำค่อนแคะ |
เพียงแต่รู้จักกันกระนั้นพลาง | | พอเป็นทางไมตรีกระนี้แหละ |
เมื่อพระอดข้าวปลาจึงมาแวะ | | น้องฤๅชื่อประแดะดวงใจ |
ท่านท้าวประดู่ผู้เป็นผัว | | ยังไปเลี้ยงวัวหากลับไม่ |
แม้นชักช้าชีวันจะบรรลัย | | เร่งไปเสียเถิดพระราชา ฯ ๘ คำ ฯ |
◎ เมื่อนั้น | | นางประแดะเห็นความจะวามวุ่น |
จึงนบนอบยอบตัวทำกลัวบุญ | | ไม่รู้เลยพ่อคุณนี้มีฤทธิ์ |
กระนั้นซิเมื่อพระเสด็จมา | | หมูหมาย่นย่อไม่รอติด |
ขอพระองค์จงฟังยั้งหยุดคิด | | อย่าให้มีความผิดติดตัวน้อง |
ท้าวประดู่ภูธรเธอขี้หึง | | ถ้ารู้ถึงท้าวเธอจะทุบถอง |
จงไปเสียก่อนเถิดพ่อรูปทอง | | อย่าให้น้องชั่วช้าเป็นราคี |
ว่าพลางทางสลัดปัดกร | | ควักค้อนยักหน้าตาหยิบหยี |
นาดกรอ่อนคอจรลี | | เดินหนีมิให้มาใกล้กราย ฯ ๘ คำ ฯ |
◎ เมื่อนั้น | | ลันไดไม่สมอารมณ์หมาย |
เห็นนางหน่ายหนีลี้กาย | | โฉมฉายสลัดพลัดมือไป |
มันให้ขัดสนยืนบ่นออด | | เจ้ามาทอดทิ้งพี่หนีไปได้ |
ตัวกูจะอยู่ไปทำไม | | ก็ยกย่ามขึ้นไหล่ไปทั้งรัก ฯ ๔ คำ ฯ เชิด |
◎ ช้า เมื่อนั้น | | ท้าวประดู่สุริวงศ์ทรงกระฏัก |
เที่ยวเลี้ยงวัวล้าเลื่อยเหนื่อยนัก | | เข้าหยุดยั้งนั่งพักในศาลา |
วันเมื่อมเหสีจะมีเหตุ | | ให้กระตุกนัยน์เนตรทั้งซ้ายขวา |
ตุ๊กแกตกลงตรงพักตรา | | คลานไปคลานมาก็สิ้นใจ |
แม่โคขึ้นสัดผลัดโคตัวผู้ | | พิเคราะห์ดูหลากจิตคิดสงสัย |
จะมีเหตุแม่นมั่นพรั่นพระทัย | | ก็เลี้ยวไล่โคกลับเขาพารา ฯ ๖ คำ ฯ เชิด |
◎ ร่าย ครั้นถึงขอบรั้วริมหัวป้อม | | พระวิ่งอ้อมเลี้ยวลัดสกัดหน้า |
ไล่เข้าคอกพลันมิทันช้า | | เอาขี้หญ้าสุมควันกันริ้นยุง |
ยืนลูบเนื้อตัวที่หัวบันได | | แล้วเข้าในปรางค์รัตน์ผลัดผ้านุ่ง |
ยุรยาตรเยื้องย่างมาข้างมุ้ง | | เห็นกระบุงข้าวกล้องนั้นพร่องไป |
ปลาสลิดในกระบายก็หายหมด | | พระทรงยศแสนเสียดายน้ำลายไหล |
กำลังหิวข้าวเศร้าเสียใจ | | ก็เอนองค์ลงในที่ไสยา |
กวักพระหัตถ์ตรัสเรียกมเหสี | | เข้ามานี่พุ่มพวงดวงยี่หวา |
วันนี้มีใครไปมา | | ยังพาราเราบ้างฤๅอย่างไร ฯ ๘ คำ ฯ |
◎ เมื่อนั้น | | นางประแดะฟังความที่ถามไถ่ |
กราบทูลเยื้องยักกระอักกระไอ | | ร้อนตัวกลัวภัยพระภูมี |
ตั้งแต่พระเสด็จไปเลี้ยงวัว | | น้องก็นอนซ่อนตัวอยู่ในที่ |
ไม่เห็นใครไปมายังธานี | | จงทราบใต้เกศีพระราชา ฯ ๔ คำ ฯ |
◎ เมื่อนั้น | | ท้าวประดูได้ฟังให้กังขา |
จึงซักไซ้ไล่เลียงกัลยา | | ว่าไม่มีใครมาน่าแคลงใจ |
ทั้งข้าวทั้งปลาของข้าหาย | | เอายักย้ายขายซื้อฤๅไฉน |
ฤๅลอบลักตักให้แก่ผู้ใด | | จงบอกไปนะนางอย่าพรางกัน ฯ ๔ คำ ฯ |
◎ เมื่อนั้น | | นางประแดะตกใจอยู่ไหวหวั่น |
ด้วยแรกเริ่มเดิมทูลพระทรงธรรม์ | | ว่าใครนั้นมิได้จะไปมา |
ครั้นจะไม่ทูลความไปตามจริง | | ก็เกรงกริ่งด้วยพิรุธมุสา |
สารภาพกราบลงกับบาทา | | วอนว่าอย่าโกรธจงโปรดปราน |
วันนี้มีหน่อกระษัตรา | | เที่ยวมาสีซอขอข้าวสาร |
น้องเสียมิได้ก็ให้ทาน | | สิ้นคำให้การแล้วผ่านฟ้า ฯ ๖ คำ ฯ |
◎ เมื่อนั้น | | ท้าวประดู่ได้ฟังนึกกังขา |
ใครหนอหน่อเนื้อกระษัตรา | | เที่ยวมาสีซอขอทาน |
เห็นจะเป็นอ้ายระเด่นลันได | | ที่ครอบครองกรุงใกล้เทวฐาน |
มันเสแสร้างแกล้งทำมาขอทาน | | จะคิดอ่านตัดเสบียงเอาเวียงชัย |
จึงชี้หน้าว่าเหม่มเหสี | | มึงนี้เหมือนหนอนที่บ่อนไส้ |
ขนเอาปลาข้าวให้เขาไป | | วันนี้จะได้อะไรกิน |
ถ้ามั่งมีศรีสุขก็ไม่ว่า | | นี่สำเภาเลากาก็แตกสิ้น |
แล้วมิหนำซ้ำตัวเป็นมลทิน | | จะอยู่กินต่อไปให้คลางแคลง |
เจ้าศรัทธาอาศัยอย่างไรกัน | | ฤๅกระนี้กระนั้นก็ไม่แจ้ง |
จะเลี้ยงไว้ไยเล่าเมื่อข้าวแพง | | ฉวยชักพระแสงออกแกว่งไกว ฯ ๑๐ คำ ฯ |
◎ เมื่อนั้น | | นางประแดะเลี้ยวลอดกอดเอวได้ |
เหมือนเล่นงูกินหางไม่ห่างไกล | | นึกประหวั่นพรั่นใจอยู่รัวรัว |
โปรดก่อนผ่อนถามเอาความจริง | | เมื่อชั่วแล้วแทงทิ้งเถิดทูนหัว |
อันพระสามีเป็นที่กลัว | | จะทำนอกใจผัวอย่าพึงคิด |
พระหึงหวงมิได้ล่วงพระอาญา | | ที่ให้ข้าวให้ปลานั้นข้าผิด |
น้องนี้ทำชั่วเพราะมัวมิด | | ทำไมกับชีวิตไม่เอื้อเฟื้อ |
น้องมิได้ศรัทธาอาศัย | | จะลุยน้ำดำไฟเสียให้เชื่อ |
ไม่มีอาลัยแก่เลือดเนื้อ | | แต่เงื้อเงื้อไว้เถิดอย่าเพ่อแทง ฯ ๘ คำ ฯ |
◎ เมื่อนั้น | | ท้าวประดูเดือดนักชักพระแสง |
ถ้าบอกจริงให้กูอีหูแหว่ง | | จะงดไว้ไม่แทงอย่างแย่งยุด |
กูก็เคยเกี้ยวชู้รู้มารยา | | มิใช่มึงโสดามหาอุด |
มันเป็นถึงเพียงนี้ก็พิรุธ | | ถึงดำน้ำร้อยผุดไม่เชื่อใจ |
ยังจะท้าพิสูจน์รูดลอง | | พ่อจะถองให้ยับจนตับไหล |
เห็นว่ากูหลงรักแล้วหนักไป | | เอออะไรนี่หวาน้ำหน้ามึง |
หาเอาใหม่ให้ดีกว่านี้อีก | | ผิดก็เสียเงินปลีกสองสลึง |
กำลังกริ้วโกรธาหน้าตึง | | ถีบผึงถูกตะโพกโขยกไป ฯ ๘ คำ ฯ โอด |
◎ โอ้ เมื่อนั้น | | นางประแดะเจ็บจุกลุกไม่ไหว |
ค่อยยืนยันกะเผลกเขยกไป | | เข้ายังครัวไฟร้องไห้โฮ |
ร้อนดิ้นเร่าเร่าพ่อเจ้าเอ๋ย | | ลูกไม่เคยโกหกพกโมโห |
เสียแรงได้เป็นข้ามาแต่โซ | | กลับพาโลโกรธาด่าตี |
น้องก็ไร้ญาติวงศ์พงศา | | หมายพึ่งบาทาพระโฉมศรี |
โคตรพ่อโคตรแม่ก็ไม่มี | | อยู่ถึงเมืองตานีเขาตีมา |
ตะโพกโดกโดยเมียแทบคลาด | | ถีบด้วยพระบาทดังชาติข้า |
จะอยู่ไปไยเล่าไม่เข้ายา | | ตายโหงตายห่าก็ตายไป ฯ ๘ คำ ฯ โอด |
◎ ร่าย เมื่อนั้น | | ท้าวประดูได้ฟังดังเพลิงไหม้ |
ดูดู๋อีประแดะค่อนแคะไค้ | | กลับมาด่าได้อีใจเพชร |
เอาแต่คารมเข้าข่มกลบ | | กูจะจิกหัวตบเสียให้เข็ด |
ชะช่างโศกาน้ำตาเล็ด | | กูรู้เช่นเห็นเท็จทุกสิ่งอัน ฯ ๔ คำ ฯ |
◎ ว่าพลางทางคว้าได้พร้าโต้ | | ดุด่าตาโตเท่ากำปั้น |
ผลักประตูครัวไฟเข้าไปพลัน | | นางประแดะยืนยันลั่นกลอนไว้ |
ผลักไปผลักมาอยู่เป็นครู่ | | จะเข้าไปในประตูให้จงได้ |
กระทืบฟากโครมครามความแค้นใจ | | อึกทึกทั่วไปในพารา ฯ ๔ คำ ฯ เชิด |
◎ บัดนั้น | | พวกหัวไม้กระดูกผีขี้ข้า |
บ่อนเลิกกินเหล้าเมากลับมา | | ได้ยินเสียงเถียงด่ากันอื้ออึง |
จึงหยุดนั่งข้างนอกริมคอกวัว | | ว่าเมียผัวคู่นี้มันขี้หึง |
พอพลบค่ำราตรีตีตะบึง | | อึงคะนึงนักหนาน่าขัดใจ |
แล้วคว้าก้อนอิฐปาเข้าฝาโผง | | ตกถูกโอ่งปาล้อแลหม้อไห |
พลางตบมือร้องเย้ยเผยไยไย | | แล้ววิ่งไปทางตะพานบ้านตะนาว ฯ ๖ คำ ฯ |
◎ เมื่อนั้น | | ท้าวประดู่ตาพองร้องบอกกล่าว |
หยิบงอบครอบหัวตัวสั่นท้าว | | อ้ายพ่อเจ้าชาวบ้านวานช่วยกัน |
วัวน้ำวัวหลวงกูได้เลี้ยง | | อิฐมาเปรี้ยงเปรี้ยงเสียงสนั่น |
สาเหตุมีมาแต่กลางวัน | | คงได้เล่นเห็นกันอ้ายลันได |
ทั้งนี้เพราะอีมะเหเสือ | | จะกินเลือดกินเนื้อกูให้ได้ |
ขว้างวังครั้งนี้ไม่มีใคร | | ชู้มึงฤๅมิใช่อีมารยา |
พระฉวยได้ไม้ยุงปัดกวัดแกว่ง | | สำคัญว่าพระแสงขึ้นเงื้อง่า |
เลี้ยวไล่ฟาดฟันกัลยา | | วิ่งมาวิ่งไปอยู่ในครัว ฯ ๘ คำ ฯ |
◎ สับไทย เหม่! เหม่! ดูดู๋อีประแดง | | ที่นี้แหละเห็นประจักษ์ว่ารักผัว |
หากกูรู้ตัว | | หัวไม่แตกแตน |
ขว้างแล้วหนีไป | | มิได้ตอบแทน |
ยิ่งคิดยิ่งแค้น | | เลี้ยวแล่นไล่ตี ฯ ๔ คำ ฯ |
◎ รื้อ ทรงเอยทรงกระบอก | | น้องไม่เห็นด้วยดอกพระโฉมศรี |
ปาวังครั้งนี้ | | มิใช่ชู้น้อง |
สืบสมดังว่า | | สัญญาให้ถอง |
วิ่งพลางทางร้อง | | ตีน้องทำไม ฯ ๔ คำ ฯ |
◎ เหลือเอยเหลือเถน | | ขัดเขมรขบฟันมันไส้ |
ปรานีมึงไย | | ใครใช้มีชู้ |
ไม่เลี้ยงเป็นเมีย | | ไปเสียอย่าอยู่ |
รั้ววังของกู | | ปิดประตูตีแมว ฯ ๔ คำ ฯ เชิด |
◎ โอ้ เมื่อนั้น | | นางประแดะเหนื่อยอ่อนลงนอนแส้ว |
ยกมือท่วมหัวลูกกลัวแล้ว | | กอดก้นผัวแก้วเข้าคร่ำครวญ ฯ ๒ คำฯ |
◎ โอ้ โอ้! พระยอดตองของน้อยเอ๋ย | | กระไรเลยช่างสลัดตัดเด็ดด้วน |
แม้นชั่วช้าจริงจังก็บังควร | | พ่อมาด่วนมุทะลุดุดันไป |
จงตีแต่พอหลาบปราบพอจำ | | จะเฝ้าเวียนเฆี่ยนซ้ำไปถึงไหน |
งดโทษโปรดเถิดพระภูวไนย | | น้องยังไม่เคยไกลพระบาทา |
ถึงไม่เลี้ยงเป็นพระมเหสี | | จะขอพึ่งบารมีเป็นขี้ข้า |
ไม่ถือว่าเป็นผัวเพราะชั่วช้า | | จะก้มหน้าเป็นทาสกวาดขี้วัว |
สิบคนเข้าไม่เท่าคนหนึ่งออก | | อยู่กับคอกช่วยใช้พ่อทูนหัว |
ร่ำพลางทางทุ่มทอดตัว | | ตีอกชกหัวแล้วโศกา ฯ ๘ คำ ฯ โอด |