หัวข้อ: wan - vi - sa - ka - bu - cha เริ่มหัวข้อโดย: 時々๛कभी कभी๛ ที่ 09 พฤษภาคม 2554 18:05:22 (http://www.seesod.com/storage36/ucXyM1pT2Q1304167888/l.jpg) http://www.fungdham.com/download/song/sec2/2buddhapower/08.wma (:LOVE:)วันวิสาขบูชาวันที่ประกอบด้วยคุณพิเศษ คือ.................. (:LOVE:) 1.เป็นวันที่พระพุทธเจ้าประสูติ 2.เป็นวันที่ต้นศรีมหาโพธิ์เกิดขึ้น 3.เป็นวันที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ 4.เป็นวันที่พระพุทธเจ้าเสด็จดับชันธปรินิพพาน {วันวิสาขะ}เป็นวันพิเศษวันอันประเสริฐที่สุด เพราะเป็นวันที่ พระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ได้ตรัสรู้ และย้อนกลับไปเมื่อสี่อสงไขย แสนกัปป์ในวันวิสาขะท่านสุเมธดาบสได้รับคำพยากรณ์จาก พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่าทีปังกรว่าอนาคตจะได้เป็นพระพุทธเจ้า ในวันเพ็ญ 15 ค่ำเดือน 8(อาสาฬหบูชา)พระโพธิสัตว์จุติจากสวรรค์ชั้นดุสิต ปฏิสนธิ ในพระครรภ์พระนางมหามายาเทวีพร้อม ๆ กับแผ่นดินไหว{ขณะที่ปฏิสนธิในพระครรภ์ มารดา ไม่ใช่ขณะประสูติ}เทวดาต่างอารักขาพระโพธิสัตว์และพระมารดา - พระมารดา ไม่มีความลำบากในการทรงพระครรภ์ พระมารดาย่อมได้ยศ ได้ลาภอันเลิศ ไม่มีความ พอใจในบุรุษ .......................พระโพธิสัตว์ทรงประสูติ..................... ตามธรรมเนียมของสมัยนั้น สตรีเมื่อจะคลอดย่อมคลอดที่สกุลเดิมหรือบ้านของบิดา มารดาของตน พระนางมหามายาเทวีจึงมีพระประสงค์จะไปที่กรุงเทวทหะอันเป็นเมือง ของพระราชบิดาและพระราชมารดาของพระองค์ เมื่อเสด็จถึงป่าสาลวันชื่อ{ลุมพินีวัน}ขณะนั้นต้นสาละออกดอกบานสะพรั่ง พระเทวีมี ประสงค์จะเล่นในสวนสาลวัน พระนางมีประสงค์จะจับกิ่งใด กิ่งนั้นก็น้อมมาที่พระหัตถ์ และลมกัมมัชวาตก็เกิดขึ้น มหาชนจึงล้อมม่านแล้วถอยออกไปพระนางได้ยืนจับกิ่ง สาละนั่นแล..........................ได้ประสูติแล้ว ในขณะนั้นนั่นเองท้าวมหาพรหมผู้มีจิตบริสุทธิ์ ๔ องค์ ก็มาถึงพร้อมกับถือข่ายทอง มาด้วยเอาข่ายทองนั้นรับพระโพธิสัตว์ วางไว้ตรงพระพักตร์ของพระราชมารดา พลางทูลว่า ข้าแต่พระเทวีขอพระองค์จงดีพระทัยเถิดพระราชบุตรของพระองค์ มีศักดาใหญ่อุบัติขึ้นแล้วพระโพธิสัตว์ก็ประทับยืนบนแผ่นดินทอดพระเนตรดู ทิศตะวันออกจักรวาลนับได้หลายพันได้เป็นที่โล่งเป็นอันเดียวกันพวกเทวดาและ มนุษย์ในที่นั้นต่างพากัน บูชาด้วยของหอมและดอกไม้เป็นต้นกราบทูลว่าข้าแต่ท่าน บุรุษคนอื่นในที่นี้เช่นกับท่านไม่มีคนที่ยิ่งกว่าท่านจักมีแต่ที่ไหน พระโพธิสัตว์มองตรวจดูตลอดทิศให้ทิศเล็กแม้ทั้ง ๑๐ คือทิศใหญ่ ๔ ทิศเล็ก ๔ เบื้องล่างเบื้องบนก็มิได้ทรงมองเห็นใครที่เช่นกับตนต่อจากนั้นประทับยืนที่ พระบาทที่ ๗ ทรงเปล่งอาสภิวาจา{วาจาแสดงความยิ่งใหญ่}ว่า....................... เราเป็นผู้เลิศในโลกเราเป็นผู้เจริญที่สุดในโลกเราเป็นผู้ประเสริฐที่สุด ในโลกการเกิดครั้งนี้เป็นการเกิดครั้งสุดท้ายบัดนี้ ภพใหม่ไม่มีต่อไป ......................ตรัสรู้.................... ในเวลาเช้าของวันเพ็ญ เดือน 6 วันวิสาขบูชา ขณะนั้นมีพระชนมายุ 35 พระชันษา ขณะนั้นทรงประทับที่ต้นไทร นางสุชาดานำข้าวมธุปายาสที่ใส่ถาดทองมาถวายพระ- โพธิสัตว์ พระโพธิสัตว์ทรงรับและเสวยข้าวมธุปายาสแล้วได้เสด็จไปที่ท่าน้ำเนรัญชรา พระองค์ทรงอธิษฐานว่าหากเราได้เป็นพระพุทธเจ้าก็ขอให้ถาดลอยทวนน้ำไปเมื่อ พระองค์ทรงปล่อยถาดลงในกระแสน้ำ - ถาดนั้นก็ลอยทวนกระแสน้ำและได้จมลงไปใน ที่อยู่ของนาคราชเมื่อถึงเวลาเย็น นายโสตถิยะก็ถวายหญ้า 8 กำ กับพระโพธิสัตว์ พระโพธิสัตว์ทรงวางหญ้าที่โพธิบัลลังก์ที่ต้นพระศรีมหาโพธิ์ทรงประทับนั่งแล้ว อธิษฐานว่าหากเรายังไม่บรรลุสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว แม้เนื้อและเลือดจะเหือดแห้ง ไปก็จะไม่ลุกไปเด็ดขาด พระองค์ทรงกำจัดมารในเวลาเย็นในเวลาปฐมยามทรง ระลึกชาติได้แต่ยังไม่เป็นพระพุทธเจ้าเวลา{มัจฌิมยาม}พระองค์ทรงเห็นสัตว์เกิดสัตว์ ตาย ด้วยพระญาณแต่ไม่เป็นพระพุทธเจ้า เวลาปัจฉิมยามทรงพิจารณาปฏิจจสมุปบาท ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในเวลาใกล้รุ่งของวันวิสาขบูชา เมื่อพระองค์ทรงตรัสรู้ได้เปล่งพระอุทานที่พระพุทธเจ้าทั้งปวงมิได้ทรงละว่า เราเมื่อแสวงหานายช่างคือ{ตัณหา}ผู้กระทำ เรือนเมื่อไม่ประสบได้ท่องเที่ยวไปยังสงสารมิใช่ น้อยความเกิดบ่อย ๆ เป็นทุกข์ ดูก่อนนายช่างผู้ กระทำเรือนเราเห็นท่านแล้วท่านจักทำเรือนไม่ได้ อีกต่อไปซี่โครงทั้งปวงของท่านเราหักแล้วยอด เรือนเรากำจัดแล้ว จิต {ของเรา}ถึงวิสังขาร{นิพพาน} แล้วเราได้ถึงความสิ้นตัณหาแล้ว .........................สิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้คืออะไร.................. ในปัจฉิมยามพระองค์ทรงพิจารณาปฏิจจสมุปบาทนั่นก็คือพระองค์ทรงตรัสรู้สัจจะ ความจริงที่เป้นสภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ ทรงตรัสรู้ ความจริงที่เป็นเพียง จิต เจตสิก รูป นิพพาน ไม่ใชสัตว์ บุคคล อาศัยเหตุปัจจัยจึงเกิดขึ้น เพราะมีความไม่รู้ จึงมีสภาพ ธรรมอื่น ๆ เกิดวนเวียนเป็นสังสารวัฏฏ์ไม่มีที่สิ้นสุดแต่เมื่อ{วิชชา} คือ ปัญญาเกิดก็ สามารถดับสังสารวัฏฏ์ได้พระองค์ตรัสรู้ความจริงที่เป็นเพียงสภาพธรรมด้วยปัญญา ของพระองค์ ตามความเป็นจริงการจะรู้ความจริงจึงรู้ขณะนี้ด้วยการฟังการศึกษาให้ เข้าใจสภาพธรรมทำหน้าที่เองให้ปัญญาเจริญขึ้นจนประจักษ์แจ้งสภาพธรรมที่มี ในขณะนี้ ในวันมาฆบูชา พระพุทธองค์ทรงปลงมายุสังขาร ณ ปาวาลเจดีย์ จากนี้ไปอีก 3 เดือน เราจะปรินิพพาน พระองค์ทรงตรัสเตือนภิกษุทั้งหลายว่า................... ชนเหล่าใดทั้งเด็กผู้ใหญ่ ทั้งพาล ทั้งบัณฑิต ทั้งมั่งมีทั้งขัดสน ล้วนมีความตาย เป็นเบื้องหน้า ภาชนะดิน ที่ช่างหม้อทำ ทั้งเล็กทั้งใหญ่ ทั้งสุกทั้งดิบทุกชนิดมีความ แตกเป็นที่สุดฉันใด ชีวิตของสัตว์ทั้งหลายก็ฉันนั้นดูก่อนภิกษุทั้งหลายพวก เธอจงไม่ประมาทมี{สติ} มีศีลด้วยดีเถิดจงเป็นผู้มีความดำริตั้งมั่นด้วยดีจงตามรักษา จิตของตนเถิดผู้ใดจักเป็นผู้ไม่ประมาทอยู่ในธรรมวินัยนี้ ผู้นั้นจักละชาติสงสารแล้ว จะกระทำที่สุดทุกข์ได้ ในวันวิสาขบูชา พระพุทธองค์เสด็จไปที่เมืองกุสินารา แม้จะลงพระโลหิตอย่างมาก ใกล้จะปรินิพพานแล้ว แต่พระองค์ก็เสด็จไปเพื่อที่จะโปรดสุภัททะปริพาชกให้บรรลุ ธรรมและเพื่อที่จะแสดงมหาสุทัสสนสูตรเพื่อให้มหาชนได้ฟังพระธรรมและอีกเหตุผล หนึงคือหากพระองค์ปรินิพพานที่กุสินาราจะไม่มีการทะเลาะกันในเรื่องของการแบ่งพระ ธาตุจะเห็นได้ถึงพระมหากรุณาคุณของพระองค์แม้พระองค์จะปรินิพานแล้วก็ยังช่วย สัตว์โลกแม้จะทรงประชวรอย่างหนักก็ตาม พระพุทธเจ้าเสด็จถึงป่าสาลวัน รับสั่งให้พระอานนท์จัดเตียงหันพระเศียรไปทาง ทิศเหนืออันอยู่ระหว่างต้นสาละคู่ ครั้งนั้นเทวดาและมนุษย์ต่างบูชาด้วยดอกไม้ของ หอมมากมาย พระพุทธองค์ตรัสกับพระอานนท์ว่า อานนท์การบูชาด้วยสักการะเหล่านี้ (อามิสบูชา)ยังไม่ชื่อว่าสักการะ เคารพพระองค์จริง แต่ผู้ใดปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ชื่อว่าบูชาพระองค์ นั่นคือการให้ทาน รักษาศีล ฟังธรรมเจริญกุศลทุกประการจนถึง การดับกิเลสได้เป็นการปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม พระพุทธองค์ทรงแสดงเรื่องสังเวชนียสถานว่าเป็นที่ที่ควรระลึกถึง ควรเห็นของผู้มี ศรัทธาเมื่อพระศาสดาล่วงไปแล้ว พระอานนท์ร้องไห้ที่ประตูวิหาร พระพุทธเจ้าทรงตรัสเรียกพระอานนท์และเตือนว่า ทุกสิ่งมีความแตกสลายไปธรรมดา เธออย่าประมาทจงทำที่สุดทุกข์และตรัสสรรเสริญ พระอานนท์มากมาย พระพุทธเจ้าทรงโปรดสุภัททะปริพพาชกจนสุดท้ายได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ พระพุทธเจ้าตรัสว่า เธออย่าสำคัญว่าศาสดาล่วงไปแล้วจะหาพระศาสดาไม่ได้ พระธรรมของเราจะเป็นศาสดาของพวกเธอ เมื่อพระภิกษุสงฆ์ประชุมพร้อมกันแล้ว พระองค์ได้ตรัสพระปัจฉิมโอวาทว่า................... ดูก่อนภิกษุทั้งหลายบัดนี้ เราขอเตือนพวกเธอว่า............................ สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดาพวกเธอจงยังความ ไม่ประมาทให้ถึงพร้อมเถิดนี้เป็นพระปัจฉิมวาจาของพระตถาคต พระพุทธเจ้าทรงเข้าฌานและออกจากฌานและทรงออกจากจตุตถฌานแล้ว พระพุทธเจ้าก็{ปรินิพพาน}ดับรอบซึ่งสังขารธรรมและขันธ์ทั้งหลายในคืนวันวิสาขบูชา ......................พระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้วไปไหน ?....................... นิพพานไม่ใช่สถานที่ ไม่มีปัจจัยปรุงแต่ง เมื่อจุติจิตของพระพุทธเจ้าหรือพระอรหันต์ เกิดขึ้นก็ไม่มีเหตุปัจจัยให้ปฏิสนธิจิตเกิดจึงไม่เป็นเหตุให้มีขันธ์ 5 เกิดขึ้นอีกจึงไม่ สามารถกล่าวได้ว่าไปที่ไหนเหมือนเปลวเทียนเมื่อดับไป เปลวเทียนไปไหนช่างตี เหล็กใช้ฆ้อนเหล็ก เมื่อตีเหล็กติดไฟ แล้วไฟก็ดับไป ไฟไปไหนพระอรัหันต์ผู้ดับ กิเลสแล้วเมื่อปรินิพพานจึงหาคติที่ไปไมได้อีก ขออนุโมทนา ขออนุโมทนา คุณ วรรณี ที่ทำให้ให้ได้รับความรู้ ใหม่ว่าวันวิสาขบูชายังเป็นวันที่ พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ทรงตรัสรู้และเป็นวันที่สุเมธดาบสได้รับคำพยากรณ์จากพระ พุทธเจ้าว่าจะเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตคขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่าน .........................THE END......................... นั่นคือธัมมะพระธรรมที่ทรงตรัสรู้นั้นเป็นธรรมที่ลึกซึ้งรู้ตาม เห็นตามได้ยาก สงบ ประณีต ไม่อาจรู้ได้ด้วยการตรึก ละเอียด เป็นธรรมอันบัณฑิตจะรู้ได้............................. ข้อความจากการสนทนาธรรมที่มูลนิธิบ้านธรรมะ บุคโล ฝั่งธนบุรี ขอเชิญร่วมการสนทนาธรรม เนื่องในวันวิสาขบูชา วันอังคารที่ ๑๗ พฤษภาคม พุทธศรักราชล่วงไปแล้ว ๒๕๕๔ โดยท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ และคณะวิทยากร ณ.มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา โดยมีรายการดังนี้......................... ๐๙:๐๐ - ๑๒:๐๐ น. สนทนาพระธรรมวินัย ๑๒:๐๐ - ๑๔:๐๐ น. เชิญร่วมรับประทานอาหารกลางวัน ๑๔:๐๐ - ๑๖:๐๐ น. สนทนาเรื่องปฏิบัติธรรม .....................สอบถามรายละเอียดโทรศัพท์ 02 - 4680239................... http://www.facebook.com/itsariyathanakorn (http://www.facebook.com/itsariyathanakorn) http://twitter.com/kiss_99 (http://twitter.com/kiss_99) หัวข้อ: วันวิสาขบูชา เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 09 พฤษภาคม 2554 18:10:29 สาธุ อนุโมทนาครับ
;D ;D ;D หัวข้อ: Re: wan - vi - sa - ka - bu - cha เริ่มหัวข้อโดย: 時々๛कभी कभी๛ ที่ 09 พฤษภาคม 2554 18:15:18 สาธุ อนุโมทนาครับ ;D ;D ;D (http://www.sookjai.com/external/Mcgar.gif) (:SHOCK:)มุดไป - มุดมา ฮ่า ฮ่า ฮ่า (:SHOCK:) |