03 พฤษภาคม 2567 04:23:59
ยินดีต้อนรับคุณ,
บุคคลทั่วไป
กรุณา
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
1 ชั่วโมง
1 วัน
1 สัปดาห์
1 เดือน
ตลอดกาล
เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
หน้าแรก
เวบบอร์ด
ช่วยเหลือ
ห้องเกม
ปฏิทิน
Tags
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
ห้องสนทนา
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!
[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
นั่งเล่นหลังสวน
สุขใจ ห้องสมุด
.:::
สมเด็จพระสังฆราช (สา ปุสฺสเทโว) “พระสังฆราชคู่พระทัยในรัชกาลที่ ๕”
:::.
หน้า: [
1
]
ลงล่าง
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
พิมพ์
ผู้เขียน
หัวข้อ: สมเด็จพระสังฆราช (สา ปุสฺสเทโว) “พระสังฆราชคู่พระทัยในรัชกาลที่ ๕” (อ่าน 1019 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ใบบุญ
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 12
คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์
Thailand
กระทู้: 2329
ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Mozilla รองรับ
สมเด็จพระสังฆราช (สา ปุสฺสเทโว) “พระสังฆราชคู่พระทัยในรัชกาลที่ ๕”
«
เมื่อ:
19 สิงหาคม 2561 18:42:32 »
Tweet
พระรูปสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (สา ปุสฺสเทโว) ณ วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม
(ภาพจากเพจวัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม )
สมเด็จพระสังฆราช (สา ปุสฺสเทโว)
“พระสังฆราชคู่พระทัยในรัชกาลที่ ๕”
ผู้เขียน : นนทพร อยู่มั่งมี
เผยแพร่ : นิตยสารศิลปวัฒนธรรม วันอาทิตย์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ.2561
ตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชนับเป็นตำแหน่งประมุขสูงสุดในการปกครองดูแลคณะสงฆ์ทั่วราชอาณาจักร พระภิกษุที่จะดำรงในตำแหน่งนี้ต้องมีความเหมาะสมทั้งความรู้ทางธรรมอย่างแตกฉาน ความเคร่งครัดในพระธรรมวินัย มีวัตรปฏิบัติมีที่งดงาม จนเป็นที่ยอมรับจากองค์พระมหากษัตริย์ให้ดูแลพุทธศาสนจักรต่างพระเนตรพระกรรณ ซึ่งหนึ่งในจำนวนสมเด็จพระสังฆราชจำนวนทั้งสิ้น ๒๐ พระองค์ มี สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (สา ปุสฺสเทโว) สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๙ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เจ้าอาวาสวัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมารามรูปแรก แม้จะทรงมีพระชาติกำเนิดมาจากสามัญชนแต่ด้วยความรู้ความสามารถทำให้ทรงเป็นที่ยอมรับจากพระมหากษัตริย์ถึง ๒ รัชกาล ด้วยการเป็นศิษย์หลวงในรัชกาลที่ ๔ และสมเด็จพระสังฆราชคู่พระทัยในรัชกาลที่ ๕ ความสำคัญเช่นนี้ทำให้พระประวัติของพระองค์น่าสนใจและสมควรเผยแพร่
[ในการลงเผยแพร่ครั้งนี้ได้แบ่งเนื้อหาออกเป็น ๒ ตอน และได้ตัดเอกสารเชิงอรรถอ้างอิงออก
ตอนที่ ๑ สมเด็จพระสังฆราช (สา ปุสฺสเทโว) “สังฆราช ๑๘ ประโยค” อ่านได้ที่
https://www.silpa-mag.com/club/art-and-culture/article_6802
ตอนที่ ๒ สมเด็จพระสังฆราช (สา ปุสฺสเทโว) “พระสังฆราชคู่พระทัยในรัชกาลที่ ๕”
ซึ่งผู้อ่านสามารถหาอ่านเพิ่มเติมได้ในบทความ “๒๐๐ ปี สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (สา ปุสฺสเทโว) สมเด็จพระสังฆราชคู่พระทัยของพระมหากษัตริย์ ๒ รัชกาล” เขียนโดย นนทพร อยู่มั่งมี ใน นิตยสารศิลปวัฒนธรรม ปีที่ ๓๔ ฉบับที่ ๑๐ (ส.ค. 2556),หน้า ๑๐๘-๑๒๘ อนึ่งทางวัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมารามก็ได้จัดพิมพ์หนังสือพระประวัติสมเด็จพระสังฆราช (สา ปุสฺสเทโว) สามารถสอบถามไปได้ที่เพจวัดราชประดิษฐฯ
https://web.facebook.com/Watrajapradit/
]
พระสังฆราชคู่พระทัยในรัชกาลที่ ๕
ภายหลังการขึ้นครองราชสมบัติของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เพียง ๔ ปี คือในปี พ.ศ.๒๔๑๕ ทรงโปรดเกล้าเลื่อนสมณศักดิ์แก่พระสาสนโสภณ (สา) ให้เป็นพระธรรมวโรดม ทำหน้าที่เจ้าคณะรองฝ่ายใต้ ทำหน้าที่สนองงานพระพุทธศาสนา คือ “สั่งสอนช่วยระงับอธิกรณ์ แลอนุเคราะห์พระภิกษุสงฆ์สามเณรในพระอารามทั้งปวงซึ่งขึ้นในคณะ” โดยยังคงราชทินนามพระราชทานแต่ครั้งรัชกาลก่อนทำให้มีการเรียกเป็น “พระสาสนโสภณ ที่พระธรรมวโรดม”
ภายหลังได้รับตำแหน่งพระธรรมวโรดมเพียงปีเดียว พระสาสนโสภณ (สา)ได้รับมอบหน้าที่สำคัญคือการเป็นพระกรรมวาจาจารย์ ในการผนวชพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อปี พ.ศ.๒๔๑๖ พิธีดังกล่าวจัดขึ้นที่พุทธรัตนสถานมนทิรารามในพระบรมมหาราชวังชั้นใน โดยมีสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์เป็นพระอุปัชฌาย์ พร้อมกับนิมนต์พระราชาคณะผู้ใหญ่จนครบคณะสงฆ์ ครั้งนั้นทรงผนวชอยู่ ๑๕ วัน ก่อนจะลาผนวชแล้วประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกอีกครั้งหนึ่งเพื่อขึ้นครองราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ ๕ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
การปฏิบัติหน้าที่เป็นพระกรรมวาจารย์ในคราวผนวชพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทำให้สมเด็จพระสังฆราช (สา ปุสฺสเทโว) ต้องทำทัฬหีกรรม หรือ อุปสมบทซ้ำ อีกครั้งหนึ่ง เพราะพระเถระผู้ร่วมคณะสงฆ์ประกอบพระราชพิธีส่วนมากทำทัฬหีกรรมแล้วทั้งสิ้น (เว้นแต่เพียงหม่อมเจ้าพระธรรมุณหิศธาดา อีกองค์หนึ่งเท่านั้น) สมเด็จพระสังฆราชทรงทำทัฬหีกรรมหลังจากอุปสมบทครั้งหลังได้ ๒๒ พรรษาแล้ว โดยไม่พบหลักฐานว่าทำที่ไหน ใครเป็นอุปัชฌาย์ ส่วนพระกรรมวาจาจารย์คือ พระจันทรโคจรคุณ (ยิ้ม จนฺทรํสี) วัดมกุฏกษัตริยาราม สำหรับสถานที่ประกอบพิธีสันนิษฐานว่ากระทำที่แพโบสถ์ตรงวัดราชาธิวาส และมีขั้นตอนเช่นที่ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ทรงบันทึกว่า
“แต่ครั้งทูลกระหม่อม [พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว] ยังทรงผนวช พวกพระธรรมยุตนับถือสีมาน้ำว่า บริสุทธิ์ เป็นที่สิ้นสงสัยไม่วางใจในวิสุงคามสีมาอันไม่ได้มาในบาลี เป็นแต่อรรถกถาจารย์ แนะไว้ในอรรถกถาอนุโลมตามสีมา ครั้งยังไม่มีวัดอยู่ตามลำพัง จึงใช้สีมาน้ำเป็นที่อุปสมบท ต่อมาพระรูปใดจะอยู่เป็นหลักฐานในพระศาสนา ท่านผู้ใหญ่จึงพาพระรูปนั้น ไปอุปสมบทซ้ำในสีมาน้ำ เรียกว่าทำ ทัฬหิกรรม สำนักวัดบวรนิเวศหยุดมานาน พระเถระในสำนักนี้ ไม่ได้ทำทัฬหิกรรมโดยมาก สมเด็จพระสังฆราช (ปุสฺสเทว) อุปสมบทครั้งหลังกว่า ๒๐ พรรษาแล้ว พึ่งได้ทำทัฬหิกรรม ครั้งจะสวดกรรมวาจาเมื่อล้นเกล้าฯทรงผนวชพระ [พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว] เสด็จพระอุปัชฌายะ [สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์] ตรัสเล่าว่า พระเถระทั้งหลายผู้เข้าในการทรงผนวชล้วนเป็นผู้ได้ทำทัฬหิกรรมแล้ว ยังแต่ท่านองค์เดียว ทั้งจักเป็นผู้สำคัญในการนั้น จึงต้องทำ คงจะไม่ทรงนึกถึงหม่อมเจ้าธรรมุณหิศธาดาผู้ไม่ได้ทำอีกองค์หนึ่ง…ครั้งเราบวช ความนับถือในพระบวชสีมาน้ำยังไม่วาย เราเห็นว่าเราเป็นผู้ยั่งยืนในพระศาสนาต่อไป พระเช่นเราจักต้องเป็นหลักในพระศาสนาด้วยเหมือนกัน เมื่อพระในนิกายเดียวกัน มีวิธีปฏิบัติแผกกันตามสำนัก เราควรเป็นผู้เข้าได้กับทุกฝ่าย อันจะให้เข้าได้ ต้องไม่เป็นที่รังเกียจในการอุปสมบทเป็นมูล ทั้งเราก็อุปสมบทเร็วไปกว่าปกติ เมื่อทำทัฬหิกรรมอุปสมบทซ้ำอีกในสีมาน้ำ จักสามารถทำประโยชน์ให้สำเร็จได้ดี เราจึงเรียนความปรารภนี้แก่เจ้าคุณอาจารย์ [พระจันทรโคจรคุณ (ยิ้ม จันทรํสี)] ขอท่านเป็นธุระจัดการให้…เราจักถือเจ้าคุณอาจารย์เป็นอุปัชฌายะใหม่ ในเวลาทำทัฬหิกรรม เจ้าคุณพระพรหมมุนีฟันหักสวดจะเป็นเหตุรังเกียจ เจ้าคุณอาจารย์ท่านเลือกเอาเจ้าคุณธรรมไตรโลก (ฐานจาระ) วัดเทพสิรินทร์ ครั้งยังเป็นบาเรียนอยู่วัดโสมนัสวิหารเป็นผู้สวดกรรมวาจา ท่านรับจัดการให้เสร็จ พาตัวไปทำทัฬหิกรรมที่แพโบสถ์ อันจอดอยู่ที่แม่น้ำ ตรงฝั่งวัดราชาธิวาสออกไป เมื่อวันเสาร์ เดือนยี่ แรม ๗ ค่ำ จุลศักราช ๑๒๔๑ ตรงกับวันที่ ๓ มกราคม พุทธศักราช ๒๔๒๒ แรกขอนิสสัยถืออุปัชฌายะใหม่ แล้วทำวิธีอุปสมบททุกประการ สวดทั้งกรรมวาจามคธและกรรมวาจารามัญ”
ความผูกพันที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวที่มีต่อสมเด็จพระสังฆราช (สา ปุสฺสเทโว) ในฐานะพระกรรมวาจาจารย์แต่ครั้งยังทรงผนวชยังปรากฏอยู่เสมอมาแม้ว่าจะทรงลาผนวชแล้ว พระองค์ทรงฉลองพระราชศรัทธาด้วยการเสด็จพระราชดำเนินมาสรงน้ำสงกรานต์ รวมทั้งทรงประทับตรัสด้วยคราวละนานๆ อาทิ การเสด็จพระราชดำเนินมาวัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม เนื่องในเทศกาลสงกรานต์ เมื่อปี พ.ศ.๒๔๑๙ ดังนี้
“เสด็จพระราชดำเนิรมาประทับตรัสกับพระสาสนโสภณที่พระธรรมวโรดมอยู่ประมาณ ๔๐ นาที แล้วจึงทรงสรงน้ำแลถวายผ้าไตร แก่พระสาสนโสภณในการสรงน้ำสงกรานต์ โดยท่านเปนพระกรรมวาจาจารย์”
หรือ เหตุการณ์เมื่อคราวเสด็จพระราชดำเนินเพื่อบำเพ็ญพระราชกุศลในช่วงเทศกาลเข้าพรรษา ของปีเดียวกัน ความว่า “เสด็จมาถวายพุ่มขี้ผึ้งแลเครื่องสการบูชา เครื่องจำพรรษาแก่พระสาสนโสภณที่พระธรรมวโรดมกับพรงสงฆ์วัดราชประดิษฐเสร็จแล้ว ประทับตรัสอยู่กับพระสาสนโสภณประมาณชั่วโมงหนึ่ง แล้วเสด็จพระราชดำเนิรออกจากพระอุโบสถ”
สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (สา ปุสฺสเทโว) สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๙ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชศรัทธาต่อสมเด็จพระสังฆราช (สา ปุสฺสเทโว) อยู่เสมอมา นอกเหนือจากพระราชจริยวัตรที่แสดงออกถึงความใกล้ชิดดังกล่าวแล้ว ยังทรงสถาปนาเลื่อนสมณศักดิ์ให้สูงขึ้นตามลำดับ โดยในปี พ.ศ.๒๔๒๒ ทรงโปรดเกล้าเลื่อนสมณศักดิ์เป็นสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ เจ้าคณะใหญ่ฝ่ายเหนือ นอกจากนี้ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวยังทรงรักษาเกียรติยศของพระกรรมวาจาจารย์ในพระองค์ ด้วยการเร่งไต่สวนหาผู้กระทำผิดในกรณี “ลักโคมหลวง” เมื่อคราวสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (สา) มาร่วมพิธีมหาสมณุตตมาภิเศกสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ วัดบวรนิเวศวิหาร ซึ่งปรากฏข้อความจากจดหมายพระราชกิจรายวัน เมื่อวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๓๔ ดังนี้
“อนึ่ง ในการสมณุตมาภิเศกครั้งนี้ ในวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน เวลาเช้าสมเดจพระพุทธโฆษาจาริย์วัดราชประดิษฐ มารับพระราชทานฉันท์ในพระอุโบสถวัดบวรนิเวศวิหาร แล้วได้รับเครื่องไทยทานฃองหลวงที่โปรดให้สมเดจถวายแก่พระสงฆ์ คือวันนั้นสมเดจพระพุทธโฆษาจาริย์ได้โคมกับเครื่องบริขานอื่นๆให้สิทธิถือตามหลังไปถึงน่าวัดมหรรณพาราม โปลิศเข้าจับเอาสิทธิสมเดจว่าลักเอาโคมของหลวงไป นำตัวเอาไปส่งให้พระประสิทธิสัลการที่วัดบวรนิเวศวิหาร พระประสิทธิสัลการถามได้ความแล้วจึ่งว่าถ้าโคมของหลวงหายไปไม่พ้นตัวนายคนนี้ที่เปนสิทธิสมเดจแล้วสั่งให้ปล่อยตัวไป สิทธิสมเดจจึงได้ไปเรียนความกับสมเดจพระพุทธโฆษาจาริย์ ครั้นเวลาค่ำสมเดจพระพุทธมาสวดมนต์จบแล้ว จึ่งถวายพระพรกล่าวโทษพระประสิทธิว่าเปนการปมาท จึ่งมีพระราชดำรัสสั่งพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นนเรศร์วรฤทธิอธิบดีกรมพระนครบาล ว่ายศสมเดจพระพุทธโฆษาจาริย์ก็เสมอกบยศสมเดจเจ้าพระยา ซึ่งพระประสิทธิกล่าวเหลือเกินดังนี้ ให้พระประสิทธิไปสวดมนต์เลี้ยงพระสงฆ์ในวัดราชประดิษฐทั้งวัด แล้วให้มีลครสมโภชด้วยวันหนึ่ง ครั้นต่อมาพระประสิทธิก็ทำตามพระบรมราชโองการแล้ว”
หลังจากเหตุการณ์ร้ายแรงผ่านพ้นไปแล้ว ในปีเดียวกันพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าเพิ่มอิศริยศสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (สา)ให้เป็นสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สาเหตุสำคัญประการหนึ่งเพราะทรงระลึกถึงในฐานะสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (สา) ทรงเป็นพระกรรมวาจาจารย์และเป็นอาจารย์ถวายข้อธรรมะให้ทรงศึกษาระหว่างผนวช ซึ่งยากที่จะมีพระภิกษุรูปใดเสมอเหมือนได้ ดังข้อความจากประกาศสถาปนาเพิ่มอิศริยยศ ดังนี้
“ได้เปน พระกรรมวาจาจารย์ให้สมเร็จอุปสมบทกิจการพระราชกุศลส่วนผนวชในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทั้งได้เรียบเรียงหนังสือธรรมวินัยถวายให้ทรงศึกษาในข้อปฏิบัติต่างๆ เปนอันมาก…พระสงฆ์ที่จะได้เปนกรรมวาจาจารย์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าแผ่นดินเช่นนี้มิได้มีมากเหมือนพระสงฆ์สามัญ นานๆ จะได้มีสักครั้งหนึ่ง”
การสถาปนาในคราวนี้ทรงมีพระราชประสงค์ “สมควรที่จะมีอิศริยยศให้พิเศษกว่าสมเด็จพระราชาคณะแต่ก่อนๆมา” ดังนั้น จึงทรงเลื่อนสมณศักดิ์ให้เป็นที่ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ มีนิตยภัตรเดือนละ ๑๑ ตำลึง มีถานานุกรมได้ ๑๒ รูป มากกว่า สมเด็จพระราชาคณะตำแหน่งอื่นๆ ซึ่งมีนิตยภัตรเดือนละ ๖ ตำลึง ๗ ตำลึง และ ๑๐ ตำลึง มีถานานุกรมได้ ๘ รูป และ ๑๐ รูป สมเด็จพระสังฆราช (สา ปุสฺสเทโว) เป็นพระมหาเถระรูปที่ ๒ ได้รับพระราชทานราชทินนามที่สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ อันเป็นราชทินนามสำหรับตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชตั้งแต่ยังไม่ได้เป็นสมเด็จพระสังฆราช นับได้ว่าเป็นการพระราชทานเกียรติยศอย่างสูงเป็นกรณีพิเศษ
สมเด็จพระสังฆราช (สา ปุสฺสเทโว) ทรงสมณศักดิ์ที่สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณประมาณ ๑ ปี ครั้นปี พ.ศ.๒๔๓๕ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ ซึ่งเป็นสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ก่อนสิ้นพระชนม์ด้วยพระโรคชรา ขณะมีพระชนมายุ ๘๓ พรรษา ประกอบกับใกล้ช่วงเวลาที่จะมีงานพระราชพิธีรัชฎาภิเษก สมควรที่จะมีพระสังฆราชประกอบพิธีอันสำคัญนี้
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าสถาปนาสมเด็จอริยวงศาคตญาณ (สา) เป็นสมเด็จพระสังฆราช เมื่อวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๓๖ อันเป็นปีที่สมเด็จพระสังฆราชทรงมีพระชนมายุครบ ๘๐ ปี การสถาปนาคราวนี้เรียกว่า “
สถาปนาเพิ่มอิสริยยศ พระราชทานมุทธาภิเศก
” ในการที่ทรงเลื่อนสมณศักดิ์เป็นที่สมเด็จพระสังฆราชทรงโปรดให้มีราชทินนามตามจารึกในสุพรรณบัตรเดิม โดยโปรดเกล้าฯให้ตั้งพระสุพรรณบัตรสมโภชที่พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม และพระราชทานเฉพาะใบกำกับพระสุพรรณบัตรใหม่เท่านั้น ในคราวเดียวกันนี้ พระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ขณะดำรงพระยศกรมหมื่น เป็นเจ้าคณะใหญ่คณะธรรมยุต และพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ พระองค์เจ้าอรุณนิภาคุณากร เป็นเจ้าคณะรองฝ่ายธรรมยุตติกนิกายด้วย
เป็นที่น่าสังเกตว่าการสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช (สา ปุสฺสเทโว) ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้ตั้งฐานานุกรมได้ ๑๖ รูป นับเป็นเรื่องพิเศษ เนื่องจากการสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชก่อนหน้านี้ต่างได้รับพระราชทานสิทธิให้ตั้งฐานานุกรมได้ ๑๕ รูป เป็นประเพณีตลอดมา จนแม้สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส และสมเด็จพระสังฆราชที่สืบลำดับต่อมาก็มีสิทธิตั้งฐานานุกรมได้ ๑๕ รูป อีกทั้งสมเด็จพระสังฆราช (สา ปุสฺสเทโว) ยังนับเป็นสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณพระองค์แรกที่ดำรงตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราช แม้ว่าก่อนหน้านี้พระพิมลธรรม (อู่) จะได้เป็นสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณพระองค์แรกจากการพระราชทานของล้นเกล้าฯรัชกาลที่ ๔ แต่ก็มิได้เป็นสมเด็จพระสังฆราช อันแสดงถึงพระราชศรัทธาที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีต่อสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๙ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
สมเด็จพระสังฆราช (สา ปุสฺสเทโว) ได้ปฏิบัติศาสนกิจและปกครองคณะสงฆ์อย่างเต็มกำลังความสามารถจนกระทั่งสิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ ๑๑ มกราคม พ.ศ.๒๔๔๒ ขณะพระชนมายุ ๘๗ ปี ทรงดำรงพระอิสริยยศที่สมเด็จพระสังฆราช ๖ ปีเศษ และครองวัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม ๓๔ ปี หลังจากนั้นพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมิได้ทรงสถาปนาพระเถระรูปใดเป็นสมเด็จพระสังฆราชอีกเลยจนตลอดรัชกาล ตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชจึงว่างอยู่ถึง ๑๑ ปี (พ.ศ.๒๔๔๒-๒๔๕๓)
«
แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19 สิงหาคม 2561 18:45:37 โดย 自由人
»
บันทึกการเข้า
คำค้น:
หน้า: [
1
]
ขึ้นบน
พิมพ์
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
กระโดดไป:
เลือกหัวข้อ:
-----------------------------
จากใจถึงใจ
-----------------------------
=> หน้าบ้าน สุขใจ
===> สุขใจ ป่าวประกาศ (ข้อความจากทีมงาน)
===> สุขใจ เสนอแนะ (ข้อความจากสมาชิก)
===> สุขใจ ให้ละเลง (มุมทดสอบบอร์ด)
-----------------------------
สุขใจในธรรม
-----------------------------
=> พุทธประวัติ - ประวัติพระสาวก
===> พุทธประวัติ แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
===> ประวิติพระอรหันต์ พระสาวก ในสมัยพุทธกาล
===> ประวัติพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ในยุคปัจจุบัน
===> นิทาน - ชาดก
=====> ชาดก พระเจ้า 500 ชาติ
=> ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน
===> ธรรมะจากพระอาจารย์
===> เกร็ดครูบาอาจารย์
=> ห้องวิปัสสนา - มหาสติปัฏฐาน 4
=> สมถภาวนา - อภิญญาจิต
=> จิตอาสา - พุทธศาสนาเพื่อสังคม
=> เสียงธรรมเทศนา - เอกสารธรรม - วีดีโอ
===> เอกสารธรรม
===> เสียงธรรมเทศนา
=====> ธรรมะจาก สมเด็จโต
=====> ธรรมะจาก หลวงปู่มั่น
=====> เสียงบทสวดมนต์
=====> เพลงสวดมนต์
=====> เพลงเพื่อจิตสำนึก แด่บุพการี
=====> ธรรมะ มิวสิค (เพลงธรรมทั่วไป)
===> ห้อง วีดีโอ
=> เกร็ดศาสนา
=> กฏแห่งกรรม - ท่องไตรภูมิ
=> ไขปัญหาโลก ธรรม และความรัก
=> บทสวด - คัมภีร์ คาถา - วิชา อาคม
=> พุทธวัจนะ - ภาษิตธรรม
===> พุทธวัจนะ ในธรรมบท
===> พุทธศาสนสุภาษิต
===> คำทำนายภัยพิบัติที่จะเกิด
===> รวมข่าวภัยพิบัติ ทั้งในอดีต และปัจจุบัน
===> รู้ เพื่อ รอด (การเตรียมการ)
=> ห้องประชาสัมพันธ์ ทั้งทางโลก และทางธรรม
===> ฐานข้อมูล มูลนิธิต่าง ๆ ในประเทศไทย (Donation Exchange Center)
-----------------------------
วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ
-----------------------------
=> วิทยาศาสตร์ - จักรวาล - การค้นพบ
===> เรื่องราว จากนอกโลก
=====> ประสบการณ์เกี่ยวกับ UFO
=====> หลักฐาน และ การพิสูจน์ยูเอฟโอ
=====> คลิปวีดีโอ ยูเอฟโอ
=> ไขตำนาน - ประวัติศาสตร์ - การค้นพบ อารยธรรม
=> เรื่องแปลก - ประสบการณ์ทางจิต - เรื่องลึกลับ
===> ร้อยภูติ พันวิญญาณ
=====> ประสบการณ์ ผี ๆ
=======> เรื่องเล่าในรั้วมหาลัย
=====> ประวัติ ต้นกำเนิด ตำนานผี
===> ดูดวง ทำนายทายทัก
===> ไดอะล็อก คือ ดอกอะไร - พลังไดอะล็อก (Dialogue)
===> กระบวนการ NEW AGE
=> เครื่องราง ของขลัง พุทธคุณ
-----------------------------
นั่งเล่นหลังสวน
-----------------------------
=> สุขใจ จิบกาแฟ
=> สุขใจ ร้านน้ำชา
=> สุขใจ ห้องสมุด
===> สุขใจ หนังสือแนะนำ
===> สุขใจ คลังความรู้ลวงโลก
===> สยาม ในอดีต
=> สุขใจ ใต้เงาไม้
=> สุขใจ ตลาดสด
=> สุขใจ อนามัย
=> สุขใจ ไปเที่ยว
=> สุขใจ ในครัว
===> เกร็ดความรู้ งานบ้าน งานครัว
=> สุขใจ ไปรษณีย์
=> สุขใจ สวนสนุก
===> ลานกว้าง (มุมดูคลิป)
===> เวที จำอวด (จำอวดหน้าม่าน)
===> หนังกลางแปลง (ดูหนัง รีวิวหนัง)
===> หน้าเวที (มุมฟังเพลง)
=====> เพลงไทยเดิม
===> แผงลอยริมทาง (รวมคลิปโฆษณาโดน ๆ)
คุณ
ไม่สามารถ
ตั้งกระทู้ได้
คุณ
ไม่สามารถ
ตอบกระทู้ได้
คุณ
ไม่สามารถ
แนบไฟล์ได้
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความได้
BBCode
เปิดใช้งาน
Smilies
เปิดใช้งาน
[img]
เปิดใช้งาน
HTML
เปิดใช้งาน
หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
หัวข้อ
เริ่มโดย
ตอบ
อ่าน
กระทู้ล่าสุด
“สมเด็จพระสังฆราช” ประทานพระโอวาทวันวิสาขบูชา
ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน
sithiphong
1
2079
30 พฤษภาคม 2553 05:09:04
โดย
เงาฝัน
สมเด็จพระสังฆราช กับ ท่านพุทธทาสภิกขุ
พุทธประวัติ - ประวัติพระสาวก
มดเอ๊ก
0
2211
16 สิงหาคม 2559 23:07:48
โดย
มดเอ๊ก
สมเด็จพระสังฆราช ๕ พระองค์
พุทธประวัติ - ประวัติพระสาวก
มดเอ๊ก
0
1815
17 สิงหาคม 2559 00:18:23
โดย
มดเอ๊ก
สมเด็จพระสังฆราช อานาปานสติสมาธิภาวนา
ห้องวิปัสสนา - มหาสติปัฏฐาน 4
มดเอ๊ก
0
1681
14 ธันวาคม 2559 03:46:53
โดย
มดเอ๊ก
พระสังฆราช สา ปุสฺสเทโว “สังฆราช 18 ประโยค”
พุทธประวัติ - ประวัติพระสาวก
ใบบุญ
1
916
03 ธันวาคม 2564 15:45:49
โดย
ใบบุญ
กำลังโหลด...