[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => ประวัติพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ในยุคปัจจุบัน => ข้อความที่เริ่มโดย: ใบบุญ ที่ 21 พฤศจิกายน 2559 19:14:57



หัวข้อ: สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (พุฒ สุวัฑฒโน) วัดสุวรรณาราม บางกอกน้อย กรุงเทพฯ
เริ่มหัวข้อโดย: ใบบุญ ที่ 21 พฤศจิกายน 2559 19:14:57

(http://khosit.igetweb.com/article/art_645979.jpg)
"สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์" (พุฒ สุวัฑฒโน)
อดีตเจ้าอาวาสวัดสุวรรณาราม บางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร

"สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์" (พุฒ สุวัฑฒโน) อดีตเจ้าอาวาสวัดสุวรรณาราม และอดีตกรรมการมหาเถรสมาคม พระเถระผู้มีวัตรปฏิบัติอันน่ายกย่องและศรัทธาของบรรดาคณะศิษย์ ตลอดจนพุทธศาสนิกชนทั่วไปยิ่ง

มีนามเดิมว่า พุฒ สุวัฒนกุล เกิดเมื่อวันที่ 11 มี.ค.2450 ที่บ้านมะขามเรียง ต.จำปา อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา

พ.ศ.2467 เข้าพิธีบรรพชา โดยมีหลวงพ่อเพชร วัดตะลุง เป็นพระอุปัชฌาย์ ที่พัทธสีมาวัดตะลุง ต.งิ้วราย อ.เมือง จ.ลพบุรี และเริ่มเรียนพระปริยัติธรรมแผนกธรรมด้วย หลวงพ่อเพชรนำท่านไปฝากไว้กับพระเจริญ ซึ่งเป็นพระที่มีภูมิลำเนาอยู่ที่ตำบลงิ้วราย ที่คณะ 4 วัดสุทัศนเทพวราราม

พ.ศ.2469 สามารถสอบได้นักธรรมชั้นตรี-โท-เอก ตามลำดับ ที่สำนักเรียนวัดสุทัศนเทพวราราม กรุงเทพฯ

กระทั่งอายุครบ 20 ปี เข้าพิธีอุปสมบท เมื่อปี พ.ศ.2471 ณ วัดบัวงาม อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา มีพระญาณไตรโลก (ฉาย) วัดพนัญเชิงวรวิหาร จ.พระนครศรี อยุธยา เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอาจารย์บัตร วัดสะตือ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอธิการอุ่น วัดหนองแห้ว เป็นพระอนุสาวนาจารย์

ภายหลังอุปสมบท ท่านกลับวัดสุทัศน์ มุ่งมั่นศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกบาลี พ.ศ.2479 สามารถสอบได้เปรียญธรรม 7 ประโยค

เจ้าประคุณสมเด็จสร้างคุณูปการแด่คณะสงฆ์อย่างมากมาย อาทิ ก่อตั้งสหภูมิอยุธยา ขึ้นเมื่อปี 2496 ขณะดำรงสมณศักดิ์ที่พระพุทธญาณมุนี เพื่อสงเคราะห์พระภิกษุสามเณรที่มาศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกธรรมบาลี สามัญศึกษา และอุดมศึกษา ที่กรุงเทพมหานคร พระภิกษุ-สามเณรซึ่งเป็นชาวอยุธยาทุกวัดที่มาสมัครเป็นสมาชิกไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น

ท่านดำรงตำแหน่งองค์ประธาน การรวมตัวกันของสหภูมิอยุธยาถือเป็นแบบอย่างที่ดีในการสร้างสรรค์และช่วยเหลือพระภิกษุ-สามเณรที่ขาดแคลนทุนการศึกษา และเป็นการให้คำปรึกษาสนับสนุนระดมทุนสร้างเสถียรภาพให้กับวงการพระพุทธศาสนาสืบไป

อีกทั้งยังเป็นประธานการประชุมสัมมนาพระสังฆาธิการทั่วภูมิภาคทั่วประเทศ ครั้งที่ 1 นอกเหนือจากการประชุมแล้ว ท่านเจ้าประคุณสมเด็จยังได้น้อมนำธรรมะเข้ามาใช้ด้วยเสมอ ทั้งนี้ยังฝากทำยังไงจึงจะชอบ ก็ขอให้ไปดูคำสั่งครั้งสุดท้ายของพระพุทธเจ้า ยึดหลักความไม่ประมาทไว้ให้ดี ยังประโยชน์ส่วนตัวและส่วนรวมให้ถึงพร้อม ละเว้นบาปทั้งปวง ทำความดีให้ถึงพร้อม และทำจิตให้บริสุทธิ์ผ่องใส ซึ่งย่อมาจากพระสูตร 21,000 พระธรรมขันธ์ พระวินัย 21,000 และพระอภิธรรม 42,000 รวมเป็น 84,000 พระธรรมขันธ์

ตลอดชีวิตของสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ได้ทุ่มเทเวลาให้กับการศึกษามาโดยตลอด นอกจากนี้เจ้าประคุณสมเด็จยังเป็นผู้ที่มีความรู้แตกฉานในการแสดงธรรมเทศนา การบรรยายธรรมและในการสอน กล่าวได้ว่าท่านเป็นพระธรรมกถึกเอกองค์หนึ่งของประเทศไทย

ลำดับงานปกครองคณะสงฆ์ วันที่ 10 กรกฎาคม 2502 ย้ายมาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดสุวรรณาราม พ.ศ.2503 ได้รับแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์ประเภทวิสามัญ

พ.ศ.2504 เป็นผู้ช่วยแม่กองธรรมสนามหลวง และเป็นผู้อำนวยการตรวจธรรมหลวงชั้นโททั่วประเทศ พ.ศ.2508 เป็นเจ้าคณะอำเภอบางกอกน้อย

พ.ศ.2512 ได้เป็นรองเจ้าคณะภาค 2 มีเขตปกครอง 3 จังหวัด คือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา อ่างทอง และสระบุรี

ลำดับสมณศักดิ์ พ.ศ.2493 ได้รับพระราชทานแต่งตั้งเป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่ พระพุทธิญาณมุนี พ.ศ.2502 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นราชที่ พระราชพุทธิญาณ

พ.ศ.2509 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นเทพที่ พระเทพญาณสุธี พ.ศ.2515 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นธรรมที่ พระธรรมราชานุวัตร

พ.ศ.2521 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นหิรัญบัฏที่ พระอุบาลีคุณูปมาจารย์

พ.ศ.2539 ได้รับสถาปนาเป็นสมเด็จพระราชาคณะชั้นสุพรรณบัฏที่ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์

อย่างไรก็ตาม ด้วยอายุขัยที่ล่วงเลยเข้าสู่วัยชราภาพ บ่อยครั้งทำให้ท่านอ่อนแรง สุขภาพไม่แข็งแรงดังเดิม กระทั่งเกิดล้มป่วยอาพาธเป็นประจำ ต้องเข้าออกโรงพยาบาลหลายครั้ง

ท้ายที่สุด เมื่อวันที่ 26 ม.ค.2553 มรณภาพอย่างสงบ ด้วยวัย 103 ปี พรรษา 82

อริยะโลกที่ 6