[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => เกร็ดศาสนา => ข้อความที่เริ่มโดย: ใบบุญ ที่ 06 พฤษภาคม 2558 09:41:57



หัวข้อ: ปัญหาว่าด้วยการอุทิศส่วนกุศลให้แก่ญาติ
เริ่มหัวข้อโดย: ใบบุญ ที่ 06 พฤษภาคม 2558 09:41:57
.

(https://encrypted-tbn1.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcS6nXt-TPZjw8KLBmPZl0-Xn_1FuSIuQeZb24_wO5atsblcDDbRAw)

เปตานังอุททิสสผล
ปัญหาว่าด้วยการอุทิศส่วนกุศลให้แก่ญาติ


สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ภูมินทราธิบดี มีพระราชโองการตรัสถามว่า ข้าแต่พระนาคเสนผู้ปรีชาอันว่าทายกทั้งหลายนี้ ย่อมให้ทานแล้วอธิษฐานจิตอุทิศส่วนกุศลว่า “ด้วยเดชะที่ข้าพเจ้ากระทำการกุศลครั้งนี้ อันว่าผลกุศลนี้ จงได้แก่บิดามารดาญาติกามิตรสหายบุตรภรรยาสามีของข้าพเจ้า ที่ตายไปสู่ปรโลกนั้นเถิด”

พระยามิลินท์ “นี่แหละพระผู้เป็นเจ้า ชนทั้งหลายที่ตายไปสู่ปรโลกนั้น จะได้ผลกุศลที่ทายกอุทิศให้หรือประการใด”

พระนาคเสน มีเถรวาจาวิสัชนาว่า “ขอถวายพระพรบพิตรพระราชสมภารบางจำพวกก็ได้ บางจำพวกก็ไม่ได้”

พระเจ้ามิลินท์ภูมินทราธิบดี มีพระราชโองการตรัสว่า“เป็นเหตุอะไรอย่างนั้น”

พระผู้เป็นเจ้าพระนาคเสน จึงวิสัชนาว่า “ขอถวายพระพรบพิตรพระราชสมภาร ด้วยคนทั้งหลายที่ตายไปสู่ปรโลกนั้น บางจำพวกไปเกิดในนรก บางจำพวกไปเกิดในสวรรค์เสวยรมย์ชมสมบัติทิพย์ บางจำพวกไปเกิดในติรัจฉานกำเนิด เกิดเป็นสัตว์เดียรัจฉาน สัตว์ ๓ จำพวกนี้ ถึงทายกจะแผ่ส่วนบุญกุศลให้ก็ไม่ได้เลย ประการหนึ่ง เป็นอสุรกายก็ดี เป็นขุปปิปาสิกาเปรตอดข้าวอดน้ำก็ดี เป็นนิชฌามตัณหิกเปรตเพลิงไหม้อยู่เป็นนิตย์ก็ดี ๓ จำพวกนี้ ถึงญาติจะแผ่ส่วนบุญให้ก็ไม่ได้ จะได้อยู่แต่ปรทัตตูปชีวเปรตนั้นจำพวกเดียว ด้วยปรทัตตูปชีวีเปรตนั้น มีชีวิตอยู่ด้วยทายกอุทิศส่วนกุศลให้ ถ้าว่าบิดามารดาคณาญาติมิตรบุตรธิดาสามีตาย ไปสู่ปรโลกนั้น ตายไปเป็นปรทัตตูปชีวีเปรต แม้ทายกอุทิศส่วนบุญให้ก็ได้รับ ถ้าไม่ได้เกิดเป็นปรทัตตูปชีวีตเปรตแล้ว ถึงทายกแผ่ส่วนบุญให้ก็ไม่ได้ ขอถวายพระพร”

สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ภูมินทราธิบดี มีพระราชโองการตรัสว่า “ข้าแต่พระนาคเสนผู้ปรีชาทานที่ทายกถวายแล้วอุทิศส่วนกุศลให้แก่บิดามารดาเป็นต้นที่ตายไปสู่ปรโลก ถ้าบิดามารดาเป็นต้นนั้น มิได้เกิดเป็นปรทัตตูปชีวิเปรตก็ไม่ได้แล้ว ผลทานนั้นจะมิสูญเปล่าหรือ ถ้าว่าญาติบิดามารดาเป็นต้นเกิดเป็นอื่น ผลทานนั้นก็สูญเปล่า ไม่เป็นประโยชน์นะซิ พระผู้เป็นเจ้า”

พระนาคเสน จึงถวายพระพรว่า “ขอถวายพระพรบพิตรพระราชสมภาร ผลทานนั้นจะสูญเปล่าหามิได้ ทายกผู้ให้ทานนั้นก็ได้ผลทานนั้น ขอถวายพระพร”

สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ภูมินทราธิบดี มีพระราชโองการตรัสถามว่า “ข้าแต่พระนาคเสนผู้ปรีชาการ ผู้เป็นเจ้าจงยังโยมให้รู้โดยอุปมาในกาลบัดนี้เกิด พระผู้เป็นเจ้า”

พระนาคเสน จึงมีเถรวาจาว่า “ขอถวายพระพรบพิตรพระราชสมภารเป็นประเสริฐยังมีบุรุษผู้หนึ่งจะไปเยี่ยมญาติของอาตมา ตบแต่งซึ่งสุรามังสะกับโภชนาหาร ขนมของกินแล้วจึงนำเอาของเหล่านั้นไปฝากตระกูลญาติของอาตมา ก็หาพบปะญาติไม่ เมื่อไม่พบญาติแล้วจะเอาของนั้นให้แก่ใครเล่า ของนั้นจะมิหายสูญเปล่าหรือมหาบพิตร”

สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ภูมินทราธิบดี มีพระราชโองการตรัสว่า “ของนั้นจะสูญไปหามิได้ ของนั้นก็อยู่กับเจ้าของนั้นแหละ พระผู้เป็นเจ้า”

พระนาคเสน จึงมีเถรวาจาว่า “ขอถวายพระพรบพิตรพระราชสมภาร ความประการนี้เปรียบฉันใด ทายกระทำทานอุทิศผลบุญไปให้แก่ญาติของตน เมื่อญาติไม่เป็นปรทัตตูปซีวิเปรตแล้ว ผลทานนั้นจะสูญไปหามิได้ ผลทานนั้นไซร้ก็คงได้แก่ทายกผู้ให้ อุปไมยเหมือนบุรุษชายหาของไปเยี่ยมญาตินั้น เมื่อไม่พบแล้ว ของนั้นก็กลับได้แก่บุรุษชายนั้น”

“อีกประการหนึ่ง ขอถวายพระพรมหาบพิตร เหมือนหนึ่งบุรุษเข้าไปสู่ห้อง เมื่อประตูอื่นนอกจากประตูที่เข้าไม่มีแล้ว บุรุษนั้นจะพึงออกทางไหน ก็จะต้องออกทางประตูที่เข้าไปมิใช่หรือ ข้อนี้มีครุวนาฉันใด ทายกที่ให้ทานอุทิศผลไปให้หมู่ญาติ เมื่อหมู่ญาติคือมิได้ไปเกิดเป็นปรทัตตูปชีวีเปรต ผลแห่งทานนั้นก็ย่อมจะกลับมาถึงท่านผู้ให้ มีอุปไมยฉันนั้นแลขอถวายพระพร”

สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ภูมินทราธิบดี จึงมีพระราชโองการตรัสว่า “ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า โยมนี้ไม่สงสัย เข้าใจแล้วว่าผลทานทายกให้ญาติที่เป็นเปรต ถ้าว่าไม่ได้ผลทานกลับได้แก่ทายกเจ้าของทานผู้อุทิศให้ สมฺปฏิจฺฉามิ โยมจะรับถ้อยคำของผู้เป็นเจ้าไว้ในกาลบัดนี้”



มิลินทปัญหา
พระไตรปิฏกฉบับธรรมทาน