[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ => เครื่องราง ของขลัง พุทธคุณ => ข้อความที่เริ่มโดย: sithiphong ที่ 06 มิถุนายน 2553 07:23:24



หัวข้อ: แก้วขนเหล็ก
เริ่มหัวข้อโดย: sithiphong ที่ 06 มิถุนายน 2553 07:23:24
แก้วขนเหล็ก

คอลัมน์ พันธุ์แท้พระเครื่อง

โดย ราม วัชรประดิษฐ์


 

สมัยเด็กๆ มีหนังผีเรื่องหนึ่งทำเอาผู้ชมขนหัวลุกกันเป็นแถวๆ แล้วต่อมามีการสร้างใหม่ แต่ดูไม่ค่อยน่ากลัวเหมือนเดิม ชื่อเรื่อง "แก้วขนเหล็ก"ดังนั้น ชื่อของแก้วชนิดนี้จึงมักพัวๆ พันๆ อยู่กับเรื่องผีสาง ซึ่งโดยทั่วไปไม่ค่อยจะรู้ด้วยซ้ำว่า แก้วขนเหล็ก คืออะไร

จริงๆ แล้ว ในบ้านเรามีแก้วมณีที่เกิดจากธรรมชาติมากมาย โดยเชื่อว่าแก้วแต่ละชนิดจะมีคุณสมบัติพิเศษและมี เทวาอารักษ์คอยคุ้มครอง ถึงขนาดมีการรจนาบรรดา แก้วมณีต่างๆ ขึ้นเป็น "นวรัตน์" หรือ "นพรัตน์" คือ แก้ววิเศษ 9 ประการ ได้แก่ "เพชรดี มณีแดง เขียวใสแสงมรกต เหลืองใสสดบุศราคัม แดงแก่ก่ำโกเมนเอก สีหมอกเมฆนิลกาฬ มุกดาหารหมอกมัว แดงสลัวเพทาย สังวาลย์สายไพฑูรย์" นอกจากนี้ ทางภาคเหนือยังมีแก้วมณีมีค่าอีกหลายชนิด มักนิยมนำมาทำพระพุทธรูป พระเครื่อง หรือเครื่องประดับ เช่น บุษย์น้ำทอง (สีเหลืองใส) เพชรน้ำต้น (จุ้ยเจียสีขาวใส) บุษย์น้ำแดง (สีเขียวอ่อน) เป็นต้น

ส่วน "แก้วขนเหล็ก" จัดเป็นรัตนมณีประเภทหนึ่ง มีลักษณะคล้ายโป่งข่าม เกิดขึ้นจากธรรมชาติ "โป่งข่าม" เป็นหินแก้วที่มีความใสอยู่ในตัว มีสภาพเหมือน Rock Crystal ซึ่ง Crystal เป็นภาษากรีกโบราณ แปลว่า ก้อนน้ำแข็งที่ถูกประดิษฐ์โดยเทพเจ้า ภายในจะมีสายแร่ประกอบเป็นรูปลักษณ์ต่างๆ พบมากทางภาคเหนือ มีหลายชนิด ที่ขึ้นชื่อก็มี แก้วพิรุณแสนห่า เป็นสีขาวใส ภายในมีสายแร่เหมือนสายฝนตก แก้วนางขวัญหรือแก้วจอมขวัญ มีสีม่วงดอกตะแบก ค่อนข้างใสมองเห็นเส้นสายเป็นริ้วภายใน คนโบราณนิยมถวายเป็นพุทธบูชา แก้วหมอกมุงเมือง มีสีขาว ภายในมีลักษณะเหมือนหมอกหรือเป็นสายใสๆ แผ่กระจายคล้ายเส้นในก้อนน้ำแข็ง นอกจากนี้ยังมี แก้วกาบ ที่ใสมองเห็นกาบสีขาวอยู่ภายใน

"แก้วขนเหล็ก" นั้น เป็นหินแก้วประเภทหนึ่ง ที่คัมภีร์โบราณเรียกรวมอยู่ในกลุ่มแก้วสหชาติ บ้างเรียกแก้วสามกษัตริย์ หรือแก้วสุวรรณสาม เนื่องจากภายในมีสายแร่หลากสีประกอบรวมกัน ซึ่งจะมีลักษณะพิเศษเฉพาะ คือ เมื่อมองลงไปในเนื้อที่ขาวใส จะเห็นเส้นสายเล็กๆ คล้ายกับเข็มหรือเส้นผม พุ่งสวนกันไปมา และเป็นที่น่าแปลกใจว่าเส้นที่ปรากฏภายในของแต่ละเม็ดจะมีสีสันแตกต่างกันไป

แต่มักจะมีสีใครสีมันไม่มีการสลับสี เช่น บางเม็ดอาจเป็นสีดำ คนโบราณเรียก "แก้วขนเหล็ก" เนื่องจากเหมือนมีเส้นของเหล็กที่เล็กเรียวคล้ายเส้นผมหรือเส้นขน บางเม็ดมีเส้นสีทอง จะเรียกว่า "เส้นไหมทอง" เพราะดูเหมือนเส้นไหมวิ่งภายในเนื้อแก้ว มีความงดงามมาก สีเงิน เรียก "ไหมเงิน" สีฟ้า เรียก "ไหมฟ้า" ถ้าเป็นสีแดงหรือสีน้ำตาลก็จะเรียกว่า "ไหมนาค" หรืออาจจะพบสีอื่นๆ อีก เข้าใจว่าเป็นสายแร่ที่วิ่งอยู่ภายในเนื้อหินแก้ว สายแร่ที่ปรากฏมีลักษณะคล้ายใยนำแสง ที่คนโบราณเชื่อว่าสามารถสื่อนำความศักดิ์สิทธิ์ให้แพร่กระจายไปรอบๆ ได้ มีผู้วิเคราะห์ว่าอาจเป็น สายแร่รูไทล์ (Rutile) หรือ สายแร่ธาตุไททาเนียม (Titanium) ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่มีค่ามาก

นอกจากจะมีสีขาวใสแล้ว แก้วขนเหล็กบางชนิดยังมีสีขาวขุ่นคล้ายๆ มีหมอกหรือน้ำนมผสมอยู่ภายในเนื้อ แต่ก็ยังสามารถเห็นสายแร่วิ่งเป็นริ้วๆ หรือแผ่กระจายอยู่ภายใน แก้วชนิดนี้โบราณาจารย์เรียกว่า "แก้วขนเหล็กตัน"

คนสมัยโบราณมีความเชื่อว่า แก้วขนเหล็กเป็นวัตถุธาตุที่หายาก ประกอบด้วยคุณวิเศษและเทวาอารักษ์ประจำแก้ว ดังนั้น จึงนิยมนำมาทำเครื่องรางของขลัง ประกอบทำอัญมณีเครื่องประดับพกติดตัว หรือถึงขนาดฝังเข้าไปในร่างกาย เนื่องจากแก้วดังกล่าวมีความงดงามในความขาวใสและขาวขุ่น นอกเหนือจากสายแร่ที่มีสีสันต่างๆ วิ่งอยู่ภายใน

ในตำราโบราณกล่าวว่า แก้วขนเหล็กใสเป็นแก้วตัวผู้ ส่วนแก้วขนเหล็กตันที่มีสีขาวขุ่นเป็นแก้วตัวเมีย เมื่อนำมารวมกันจะส่งประสิทธิภาพ เกื้อหนุนจุนเจือเกิดเป็นพลังอันศักดิ์สิทธิ์ของธรรมชาติ ทำให้ผู้พกพาติดตัวเกิดความเจริญ รอดพ้นภัยพิบัติ อีกทั้งป้องกันคุณไสย ภูตผีปีศาจต่างๆ อย่างดีเยี่ยม ในปัจจุบันนิยมเสาะแสวงหามาคุ้มครองป้องกันตัวอย่างมากครับผม

ที่มา ข่าวสดออนไลน์


หัวข้อ: Re: แก้วขนเหล็ก
เริ่มหัวข้อโดย: Pee ที่ 22 ธันวาคม 2553 13:24:04
ขอบคุณในความรู้


หัวข้อ: Re: แก้วขนเหล็ก
เริ่มหัวข้อโดย: wondermay ที่ 22 ธันวาคม 2553 13:55:16
 (an!) (an!) ขอบคุณค่ะ


หัวข้อ: Re: แก้วขนเหล็ก
เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 23 ธันวาคม 2553 17:56:29
สำหรับใครที่ไม่เคยเห็นก็ดูกันได้ครับ

(http://photos2.hi5.com/0072/425/773/.eU2lh425773-02.jpg)

หน้าตาเป็นแบบในภาพ แก้วขนเหล็กแต่ละที่

ก็จะมีลักษณะแตกต่างกันไปครับ