17 พฤษภาคม 2567 10:46:42
ยินดีต้อนรับคุณ,
บุคคลทั่วไป
กรุณา
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
1 ชั่วโมง
1 วัน
1 สัปดาห์
1 เดือน
ตลอดกาล
เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
หน้าแรก
เวบบอร์ด
ช่วยเหลือ
ห้องเกม
ปฏิทิน
Tags
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
ห้องสนทนา
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!
[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ
เรื่องแปลก - ประสบการณ์ทางจิต - เรื่องลึกลับ
กระบวนการ NEW AGE
.:::
ความทรงจำนอกมิติ : จิตคือฟิสิกส์ใหม่-ต้องรู้ก่อนจะสายเกินไป
:::.
หน้า: [
1
]
ลงล่าง
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
พิมพ์
ผู้เขียน
หัวข้อ: ความทรงจำนอกมิติ : จิตคือฟิสิกส์ใหม่-ต้องรู้ก่อนจะสายเกินไป (อ่าน 1462 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
มดเอ๊ก
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 14
คะแนนความดี: +8/-1
ออฟไลน์
Thailand
กระทู้: 5081
ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0
ความทรงจำนอกมิติ : จิตคือฟิสิกส์ใหม่-ต้องรู้ก่อนจะสายเกินไป
«
เมื่อ:
13 มิถุนายน 2553 14:29:18 »
Tweet
สำหรับผู้เขียนซึ่งได้ติดตาม คาร์ล ซี. จุง มานาน รู้ว่าแม้เขาจะเรียนวิทยาศาสตร์และเป็นคนช่างสังเกตมากๆ แต่ผู้เขียนก็ยังคิดว่าเขาเป็นจิตนิยมอยู่ดี ในที่นี้คำว่าจิตนิยมไม่ได้แปลว่าเขาเชื่อมั่นศรัทธาในพระเจ้าเท่านั้น แต่เขาพยายามจะอธิบายศาสนาให้เป็นวิทยาศาสตร์ด้วย เช่น เรื่องของ "ความสอดคล้องพ้องจองกัน" (synchronicity) หรือความบังเอิญ (ซึ่งจุงไม่เชื่อ) ที่ประสบการณ์ตรงทางจิต (เช่น ความฝัน ภาพหรือการรับรู้ต่างๆ ฯลฯ) เกิดมาพ้องจองกันกับเหตุการณ์จริงๆ ทางโลกแห่งกายอย่างมีความหมาย ทั้งๆ ที่ไม่มีสื่อใดๆ บ่งบอก - ที่ผู้เขียนเชื่อเพราะเคยเกิดขึ้นกับผู้เขียนหลายครั้ง - ซึ่งคาร์ล ซี. จุง อธิบายว่าประสบการณ์ตรงทางจิตกับเหตุการณ์จริงๆ ทางโลกกายภาพเป็นเรื่องของการติดต่อกันอย่างอีนุงตุงนัง (entanglement) - จุงไม่ได้ใช้คำนี้ แต่ผู้เขียนคิดว่าความหมายเป็นอย่างเดียวกัน - ของจิตไร้สำนึกสากลของจักรวาล แต่อดรู้สึกประหลาดใจไม่ได้ที่จะคิดว่า การค้นพบควอนตัมเม็คคานิคส์หรือฟิสิกส์ใหม่ ซึ่งค้นพบในขณะที่มนุษยชาติกำลังลำพองใจกับความก้าวหน้า (หรือการเริ่มต้นของการทำร้ายและทำลายโลกธรรมชาติของมนุษยชาติ หรืออีกนัยหนึ่งเป็นการเริ่มต้นของการต่อสู้ระหว่างธรรมชาติ vs มนุษยชาติ) ของวิทยาศาสตร์กายภาพหรือกายวัตถุ การค้นพบของวิทยาศาสตร์ที่เรียกว่าทฤษฎีควอนตัมของตะวันตก ซึ่งสอดคล้องต้องกันหรือสนับสนุนซึ่งกันและกันกับศาสนาที่อุบัติขึ้นทางตะวันออก เช่น ศาสนาพุทธ ศาสนาเต๋า และศาสนาฮินดู ทำให้ผู้เขียนอดไม่ได้ที่จะคิดถึงความน่าเป็นไปได้ของการติดต่อกันอย่างอีนุงตุงนังของจิตไร้สำนึกสากลของจักรวาล (universal unconscious continuum) อย่าลิมว่าจิตไร้สำนึกที่ว่านี้ ก่อประกอบเป็นทุกๆ สรรพสิ่งและสรรพปรากฏการณ์ที่อยู่ในจักรวาล รวมทั้งสถานที่และเวลา ในมหายานและวัชรญาณพุทธศาสนาและศาสนาฮินดูถึงได้บอกเหมือนๆ กันว่า อวกาศ (สถานที่ + เวลา หรือ absolute space) คือธาตุที่ 5 ที่ผู้เขียนเข้าใจว่าเป็นที่มาของอวกาศ (spac) และวิญญาณ (unconsciousness as consciousness) ผู้เขียนเข้าใจเอาเองว่า เถรวาทพุทธศาสนาจะ
เรียกอากาศว่าที่ว่างในร่างกาย และเรียกวิญญาณว่าความรู้แจ้งทางอารมณ์
ปัจจุบันสังคมสมัยนี้อยู่กันด้วยตรรกะหรือเหตุผล ไม่ว่าสถานที่ใดหรือองค์กรสถาบันไหน วันๆ มีการตั้งกรรมการอนุกรรมการมาประชุมสัมมนากันเพื่อตัดสินปัญหา-หามติกัน โดยยกเหตุผลมาแสดงจนแทบโกรธกันจนตาย ยิ่งถ้าหากเกิดมีผลประโยชน์หรือเงินเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยแล้ว อาจจะเป็นความเป็นความตายของผู้มีเหตุผลดี หรือตรงไปตรงมาจึงต้องตาย ที่เราๆ ท่านๆ ต่างล้วนได้ยินได้ฟังมาแทบทุกคนก็ว่าได้ โดยเฉพาะในสังคมที่ด้อยพัฒนาที่ยิ่งด้อยพัฒนาแค่ไหน และยิ่งต้องการทำตามประเทศที่พัฒนามากและนานเป็นร้อยปีแล้วแค่ไหนก็ยิ่งมีการตายการแตกแยกขัดแย้งทะเลาะกันมากขึ้นเท่านั้น นั่นคือ ยิ่งทำผิดธรรมชาติ ผิดธรรมะมากขึ้นและมากขึ้นเรื่อยๆ จนเป็นวิกฤติมหาวิกฤติ ที่ทุกวันนี้พูดตามตรง หมดทางแก้ไขไดๆ ทั้งสิ้น รอเพียงอย่างเดียวคือ เรารอสังคมประเทศชาติหรือโลกทั้งโลกฉิบหายสลายไปด้วยกัน เพราะตรรกะและเหตุผลของมนุษยชาติที่เรียกว่าทันสมัยนั่นแหละ
ที่พูดมานั้นย่อมมีเหตุผลอันเป็นสากลโดยไม่ใช่ของมนุษยชาติแต่เพียงชีวิตเดียว หรือเฉพาะคนไทยพุทธเถรวาทที่ยังหนุ่มแน่นโดยเฉพาะผู้ชาย ผู้เขียนไม่ได้มีปมเขื่องหรือปมด้อย ทั้งไม่ใช่เป็นคนต่อต้านสังคมที่มองโลกในด้านร้าย และก็ไม่ใช่คนที่แช่งให้โลกฉิบหายไวๆ แต่เป็นตรงกันข้ามกับที่เพิ่งพูดมาในพารากราฟนี้ทั้งหมด ผู้เขียนมีความคิดเห็นโดยอยากดูและปรารถนาที่จะเห็นมนุษยชาติซึ่งพิเศษสุดพิเศษ คือประเสริฐกว่ามวลชีวิตทั้งหลาย คือต้องการเห็นมนุษย์ "ประเสริฐ" และอิสระจริงๆ กันทุกคน ไม่ต้องมีวัตถุ คุกตะราง หรือกระดาษ เช่น รัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หรือมีพี่เบิ้ม เช่น อเมริกาที่ผิดธรรมชาติ - ทั้งสองระดับ - มาตลอดตั้งแต่ตั้งสังคมประเทศชาติมาคอยควบคุมให้ปฏิบัติตาม ผู้เขียนคิดและเชื่อมั่นว่ามนุษยชาติจะต้องมีวิวัฒนาการ - ทางกายและทางจิตโดยมีพลังงานเป็นเครื่องมือกลไก - ไม่ใช่สัตว์ป่าที่โหดเหี้ยมชั่วร้ายอีกต่อไป และจะวิวัฒนาการทางจิตสู่เทวดาดังที่โพลตินัสกล่าวไว้เมื่อ 2,000 ปีที่แล้ว ซึ่งจิตจะต้องมีวิวัฒนาการต่อไปตามสเปกตรัมสู่โลกทัศน์ใหม่กระบวนทัศน์ใหม่ ผ่านรู้ทั้ง 3 รู้ คือ รู้รอด รู้เพื่อรู้ และรู้แจ้ง ซึ่งเราลองผิดลองถูกมานานจนสังคมโลกวิกฤติ (ส่วนใหญ่มากๆ จะเป็นการลองผิดและวิกฤติเกิดจากการลองผิดนั้นๆ) ขณะนี้มนุษยชาติทั้งเผ่าพันธุ์ไม่มีเวลาเหลือที่จะลองและผิดอีกแล้ว นอกจากความหวังต่อไปนี้อย่างเดียวคือ ต้องปฏิบัติเพื่อเป็นเทวดาที่โพลตินัสว่าให้ได้ การเกิดเป็นมนุษย์นั้นสุดวิเศษ เพราะเป็น "สุขคติ" และไปนิพพานได้ ความหวังของผู้เขียนนั้นคือ การปฏิบัติจิตปฏิบัติธรรมจะนำจิตสู่ธรรมชาติระบบบน (spirituality) ได้ ซึ่งจะทำให้มนุษย์เป็นอิสระ เกิดปัญญา สามารถจะมองเห็นโลกกับเห็นจักรวาลคือ "บ้านของเรา" ได้ เราและมวลชีวิตทั้งหลายจึงจะอยู่ได้รอดปลอดภัยเท่านานแสนนาน จึงขอตั้งความหวังที่แท้จริงว่ามนุษย์ทั้งหลายจงอย่าประมาท เราไม่มีเวลาเหลืออีกแล้วจริงๆ แม้แต่ 3-4 ปีข้างหน้านี้ก็จงอย่ารอเลย เพราะจะสายเกินไป
การปฏิบัติจิตปฏิบัติธรรมหรือปฏิบัติสมาธิสู่จิตวิญญาณนั้นในระดับบนนี้ ไม่ว่าศาสนาใดก็ไม่มีความแตกต่างกันโดยหลักการแม้แต่น้อย ที่ต่างกันเป็นเรื่องของระดับล่าง ไม่ใช่ที่ระดับบนหรือระดับจิตวิญญาณ (spirituality) ที่แตกต่างกัน ระดับล่างที่แตกต่างกันนั้น แตกต่างกันที่ "ตัวกูของกู" ที่จะต้องดีกว่าถูกต้องกว่า "ตัวมึงของมึง" เพราะตาและใจที่ลำเอียงหรือมองเห็นแต่ข้างเดียว เช่น ขนบธรรมเนียมประเพณีหรือภาษาวัฒนธรรม ซึ่งผู้เขียนคิดว่าเป็นลักษณะของกระบวนทัศน์เก่าที่ต้องวิวัฒนาการต่อๆ ไป แต่เราส่วนใหญ่ไม่เชื่อจึงไม่คิด ไม่รู้ และไม่เปลี่ยนแปลง
ศาสนาทุกศาสนาจะพูดถึงความไม่รู้หรืออวิชชาของมนุษย์โดยใช้ภาษาของตัวเองที่ผิดแผกแตกต่างกันไป เช่น เพราะไปเชื่องู ไม่เชื่อพระเจ้า ทำให้มนุษย์ตกลงมาจากสวนอีเด็นในคริสต์ศาสนา ที่ว่าความไม่รู้นั้นก็คือว่า เราไม่รู้ความจริงที่แท้จริงของโลกของจักรวาล ซึ่งถูกซ่อนไว้ข้างหลังสิ่งที่รับรู้ด้วยประสาทสัมผัส เช่น ตาหรือหูของเรา สิ่งที่เราเรียกว่าความเป็น 2 (dualism) ที่จำเป็นที่สุดของการอยู่รอดของชีวิต รวมทั้งมนุษย์ ให้เชื่อแต่เฉพาะแต่ตาหู และประสาทสัมผัสภายนอกของตัวเองเท่านั้นว่าเป็นความจริงแท้ ย้ำที่คำว่าตัวเองเท่านั้น ทั้งนี้ ก็เพื่อความอยู่รอดของชีวิตของตัวเอง นั่นคือ ความอยู่รอด (existence ของปรัชญา existentialism ของปอล ซาร์ต (Paul Satre) - ที่ชาวตะวันตกเชื่ออย่างผิดๆ เพราะไม่ได้คิดว่าคือเป้าหมายของพุทธศาสนา - แต่ผู้เขียนเชื่อว่าการรู้ของสัตว์โลก รวมทั้งมนุษย์ทั้ง 3 รู้ (รู้รอด รู้เพื่อรู้ รู้แจ้ง) นั้นเป็นประวัติศาสตร์ขององค์ความรู้ - ตามความเห็นของเดวิด โบห์ม คือ ข้อมูลที่คลี่ขยายจากการซ่อนตัวเองอยู่ในจักรวาล องค์กรที่ไม่เคยหยุดนิ่งอยู่กับที่ หากแต่จะไหลเลื่อนเคลื่อนที่และเปลี่ยนแปลงโดยเชื่อมโยงกับทั้งหมด ซึ่งก็คือธรรมชาติหรือธรรมะ - ซึ่งรวมธรรมชาติปกติธรรมดาอย่างหนึ่ง และรวมธรรมชาติที่สุดของธรรมชาติตามที่ท่านพุทธทาสกล่าวไว้อีกอย่างหนึ่งด้วย - ทั้ง 2 ระดับอันเป็นอภิปรัชญาทางศาสนา ตอนนี้ผู้เขียนคิดว่า เรา - ในปัจจุบัน มีองค์ความรู้อีกองค์ความรู้หนึ่ง หรือควอนตัมเม็คคานิกส์ที่พิสูจน์สิ่งที่มองไม่เห็นด้วยตาหรือได้ยินด้วยหู นั่นคือ สิ่งที่องค์ทะไล ลามะ บอกว่าได้มาจากบิกแบ็ง "ที่มีบิกแบ็งๆ ของจักรวาลอันไม่มีที่สิ้นสุด" หรือการโผล่ปรากฏของจิตปฐมภูมิ (ญาณะ = primordial consciousness) รูปกายปฐมภูมิ (ธรรมธาตุ) และพลังงานปฐมภูมิ (ปราณะ) 3 ปฐมภูมิ (ปถนมามัง อุปถัมภันโน) ที่แยกออกจากกันไม่ได้ องค์กรที่เดวิด โบห์ม เรียกว่าองค์กรซ่อนเร้นตัวเอง (implicate order) องค์กรที่ซ่อนตัวเองอยู่ข้างหลังความจริงที่ตามองเห็นหูได้ยิน (David Bohm : Wholeness and Implicate Order, 1981) นั่นเป็นทฤษฎีทางฟิสิกส์ใหม่ที่นักวิทยาศาสตร์หลายคนเชื่อกัน นั่นคือความจริงใหม่ที่ค่อนไปทางจิต หรือผู้เขียนเชื่อว่า ควอนตัมฟิสิกส์เท่าที่ผู้เขียนรู้ ทำงานคล้ายกับจิต แต่จิตนั้นละเอียดยิ่งกว่ามาก นักฟิสิกส์ใหญ่ๆ ที่ค้นพบฟิสิกส์ใหม่ควอนตัมเม็คคานิกส์ เช่น แมกซ์ แพลงก์ นีลส์ บอร์ ไฮเซนเบิร์ก ชโรดิงเกอร์ ฯลฯ รวมทั้งไอน์สไตน์เองได้ค้นพบทฤษฎีนี้ และชุมชนวิทยาศาสตร์ได้รับรองวินัยใหม่นี้ในปี 1927 ซึ่งแทบจะอธิบายหลักธรรมชาติของความจริงได้ทั้งหมด - ทั้งที่คลาสิคัลฟิสิกส์อธิบายได้กับอธิบายไม่ได้เลยแม้แต่น้อย แถมยังแม่นยำกว่านิวโตเนียนฟิสิกส์ด้วย - ดังนี้
1.ทฤษฎีควอนตัมอธิบายว่าหนึ่งคือทั้งหมด ทั้งหมดคือหนึ่ง
2.ในระดับละเอียดจริงๆ (ระดับอะตอมลงมา) ไม่พบสสารวัตถุใดๆ เลย
3.ในระดับเช่นนั้นมีแต่ความ "น่าเป็นไปได้" ของสภาวะอนุภาคหรือสภาวะคลื่นอย่างใดอย่างหนี่ง หรือในสภาวะอื่นๆ
4.สุดท้ายความเป็นไปได้นั้นจะต้องมีจิตของผู้สังเกต
5.ในธรรมชาตินั้นความจริงแท้ไม่รู้ว่าตั้งอยู่ที่ไหน แต่จะติดต่อกันได้เองในทันทีทันใด
6. "จง" อย่าหาเหตุผลเพื่ออธิบายควอนตัมเด็ดขาด เพราะมันไม่มี
นั่นตรงกันข้ามกับหลักการคลาสิคัลฟิสิกส์ทุกอย่างเลย ทฤษฎีควอนตัมมีแต่ความไม่แน่นอนที่ทำนายล่วงหน้าไม่ได้ (indeterminism) ทั้งไม่ได้เป็นสิ่งที่ "ตั้งอยู่ข้างนอกนั่น" (non-local) แถมยังเกี่ยวกับจิตผู้สังเกตด้วย ส่วนทฤษฎีที่ 3 ทฤษฎีที่มาของจิตสำนึกนั้นอธิบายด้วยพลวัตที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจิตไร้สำนึกของจักรวาลเป็นจิตสำนึกที่สมอง คือความสัมพันธ์ระหว่างจิต-สมอง (mind-brain interaction) ของวอน นิวแมน-วิกเนอร์-แสตปป์ (อ้างแล้ว) ที่มองว่าจิตไร้สำนึกคือข้อมูลพื้นฐานจักรวาล (information) หรือจิตที่แปลข้อมูลเป็นความหมายที่ส่งมาด้วยพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้า หรือเป็นความถี่คลื่น ให้สมองเปลี่ยนเป็นจิตสำนึกเป็นบิตของข้อมูลผ่าน 2 กรรมวิธี : จิต-สมอง (ที่เป็นไปด้วยกลไกทางควอนตัมกับกลไกของสมองที่เป็นไปด้วยกระแสไฟฟ้าและสารเคมีตามปกติ (process I-II of Von Neuman-Wigner-Stapps)
http://www.thaipost.net/sunday/011109/12854
บันทึกการเข้า
ทิ นัง มิไฮ นัง มิจะนัง ทิกุนัง แปลว่า
ที่นั่ง มีให้นั่ง มึงจะนั่ง ที่กูนั่ง ทิ้งไว้เป็น
ปริศนาธรรม นะตะเอง
คำค้น:
หน้า: [
1
]
ขึ้นบน
พิมพ์
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
กระโดดไป:
เลือกหัวข้อ:
-----------------------------
จากใจถึงใจ
-----------------------------
=> หน้าบ้าน สุขใจ
===> สุขใจ ป่าวประกาศ (ข้อความจากทีมงาน)
===> สุขใจ เสนอแนะ (ข้อความจากสมาชิก)
===> สุขใจ ให้ละเลง (มุมทดสอบบอร์ด)
-----------------------------
สุขใจในธรรม
-----------------------------
=> พุทธประวัติ - ประวัติพระสาวก
===> พุทธประวัติ แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
===> ประวิติพระอรหันต์ พระสาวก ในสมัยพุทธกาล
===> ประวัติพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ในยุคปัจจุบัน
===> นิทาน - ชาดก
=====> ชาดก พระเจ้า 500 ชาติ
=> ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน
===> ธรรมะจากพระอาจารย์
===> เกร็ดครูบาอาจารย์
=> ห้องวิปัสสนา - มหาสติปัฏฐาน 4
=> สมถภาวนา - อภิญญาจิต
=> จิตอาสา - พุทธศาสนาเพื่อสังคม
=> เสียงธรรมเทศนา - เอกสารธรรม - วีดีโอ
===> เอกสารธรรม
===> เสียงธรรมเทศนา
=====> ธรรมะจาก สมเด็จโต
=====> ธรรมะจาก หลวงปู่มั่น
=====> เสียงบทสวดมนต์
=====> เพลงสวดมนต์
=====> เพลงเพื่อจิตสำนึก แด่บุพการี
=====> ธรรมะ มิวสิค (เพลงธรรมทั่วไป)
===> ห้อง วีดีโอ
=> เกร็ดศาสนา
=> กฏแห่งกรรม - ท่องไตรภูมิ
=> ไขปัญหาโลก ธรรม และความรัก
=> บทสวด - คัมภีร์ คาถา - วิชา อาคม
=> พุทธวัจนะ - ภาษิตธรรม
===> พุทธวัจนะ ในธรรมบท
===> พุทธศาสนสุภาษิต
===> คำทำนายภัยพิบัติที่จะเกิด
===> รวมข่าวภัยพิบัติ ทั้งในอดีต และปัจจุบัน
===> รู้ เพื่อ รอด (การเตรียมการ)
=> ห้องประชาสัมพันธ์ ทั้งทางโลก และทางธรรม
===> ฐานข้อมูล มูลนิธิต่าง ๆ ในประเทศไทย (Donation Exchange Center)
-----------------------------
วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ
-----------------------------
=> วิทยาศาสตร์ - จักรวาล - การค้นพบ
===> เรื่องราว จากนอกโลก
=====> ประสบการณ์เกี่ยวกับ UFO
=====> หลักฐาน และ การพิสูจน์ยูเอฟโอ
=====> คลิปวีดีโอ ยูเอฟโอ
=> ไขตำนาน - ประวัติศาสตร์ - การค้นพบ อารยธรรม
=> เรื่องแปลก - ประสบการณ์ทางจิต - เรื่องลึกลับ
===> ร้อยภูติ พันวิญญาณ
=====> ประสบการณ์ ผี ๆ
=======> เรื่องเล่าในรั้วมหาลัย
=====> ประวัติ ต้นกำเนิด ตำนานผี
===> ดูดวง ทำนายทายทัก
===> ไดอะล็อก คือ ดอกอะไร - พลังไดอะล็อก (Dialogue)
===> กระบวนการ NEW AGE
=> เครื่องราง ของขลัง พุทธคุณ
-----------------------------
นั่งเล่นหลังสวน
-----------------------------
=> สุขใจ จิบกาแฟ
=> สุขใจ ร้านน้ำชา
=> สุขใจ ห้องสมุด
===> สุขใจ หนังสือแนะนำ
===> สุขใจ คลังความรู้ลวงโลก
===> สยาม ในอดีต
=> สุขใจ ใต้เงาไม้
=> สุขใจ ตลาดสด
=> สุขใจ อนามัย
=> สุขใจ ไปเที่ยว
=> สุขใจ ในครัว
===> เกร็ดความรู้ งานบ้าน งานครัว
=> สุขใจ ไปรษณีย์
=> สุขใจ สวนสนุก
===> ลานกว้าง (มุมดูคลิป)
===> เวที จำอวด (จำอวดหน้าม่าน)
===> หนังกลางแปลง (ดูหนัง รีวิวหนัง)
===> หน้าเวที (มุมฟังเพลง)
=====> เพลงไทยเดิม
===> แผงลอยริมทาง (รวมคลิปโฆษณาโดน ๆ)
คุณ
ไม่สามารถ
ตั้งกระทู้ได้
คุณ
ไม่สามารถ
ตอบกระทู้ได้
คุณ
ไม่สามารถ
แนบไฟล์ได้
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความได้
BBCode
เปิดใช้งาน
Smilies
เปิดใช้งาน
[img]
เปิดใช้งาน
HTML
เปิดใช้งาน
หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
หัวข้อ
เริ่มโดย
ตอบ
อ่าน
กระทู้ล่าสุด
ความทรงจำนอกมิติ : รูป นาม วิญญาณกับจักรวาลวิทยา
กระบวนการ NEW AGE
มดเอ๊ก
0
2489
21 กุมภาพันธ์ 2553 14:00:45
โดย
มดเอ๊ก
ความทรงจำนอกมิติ : วิวัฒนาการสุดท้ายของสังคมมนุษย์
กระบวนการ NEW AGE
มดเอ๊ก
0
2768
08 มีนาคม 2553 08:52:02
โดย
มดเอ๊ก
ความทรงจำนอกมิติ : ประวัติศาสตร์คือบันทึกความสัมพันธ์ของดินกับฟ้า
กระบวนการ NEW AGE
มดเอ๊ก
0
2083
05 เมษายน 2553 08:47:42
โดย
มดเอ๊ก
ความทรงจำนอกมิติ : ทฤษฎีรวมแรงทั้งหมดกับพุทธศาสนา
กระบวนการ NEW AGE
มดเอ๊ก
0
2029
18 เมษายน 2553 17:16:25
โดย
มดเอ๊ก
ความทรงจำนอกมิติ : มนุษย์กับโลกไม่ได้อยู่โดดเดี่ยวเดียวดาย
กระบวนการ NEW AGE
มดเอ๊ก
0
2077
03 พฤษภาคม 2553 08:42:23
โดย
มดเอ๊ก
กำลังโหลด...