17 พฤษภาคม 2567 21:53:34
ยินดีต้อนรับคุณ,
บุคคลทั่วไป
กรุณา
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
1 ชั่วโมง
1 วัน
1 สัปดาห์
1 เดือน
ตลอดกาล
เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
หน้าแรก
เวบบอร์ด
ช่วยเหลือ
ห้องเกม
ปฏิทิน
Tags
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
ห้องสนทนา
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!
[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ
เรื่องแปลก - ประสบการณ์ทางจิต - เรื่องลึกลับ
กระบวนการ NEW AGE
.:::
ความทรงจำนอกมิติ : ความลับที่อยู่หลังความลับของธรรมชาติ
:::.
หน้า: [
1
]
ลงล่าง
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
พิมพ์
ผู้เขียน
หัวข้อ: ความทรงจำนอกมิติ : ความลับที่อยู่หลังความลับของธรรมชาติ (อ่าน 1413 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
มดเอ๊ก
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 14
คะแนนความดี: +8/-1
ออฟไลน์
Thailand
กระทู้: 5081
ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0
ความทรงจำนอกมิติ : ความลับที่อยู่หลังความลับของธรรมชาติ
«
เมื่อ:
13 มิถุนายน 2553 15:45:52 »
Tweet
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นพื้นฐานของจักรวาล ไล่มาตั้งแต่บริบทที่รวมรูปแบบและกฎ หรือกลไกที่ควบคุมจักรวาลในฐานะธรรมชาติ หรือพูดง่ายๆ คือโครงสร้างของธรรมชาติ (structure of nature) นั้น มีอยู่สองระดับทั้งนั้น ซึ่งนักจิตวิทยาจิตวิญญาณ (spiritual psychology) ทุกคนโดยไม่มียกเว้น แยกจากกันด้วยเป็นสอง คือมองเห็นกับมองไม่เห็น มองเห็นก็คือหยาบ-ไล่ไปจากหยาบน้อย หยาบมาก จนถึงหยาบที่สุด-ซึ่งได้แก่รูปกายและวัตถุที่ตั้งอยู่ข้างนอก คือเล็กอย่างยิ่ง ได้แก่ คลื่นอนุภาค อะตอม โมเลกุล และเซลล์ต่างๆ จนหยาบใหญ่ไล่ขึ้นไปเป็นโลก ดาวต่างๆ เป็นกาแล็กซี และตัวจักรวาลเอง (ความเป็นสองที่เรียกว่า cosmos กับ Kosmos) ส่วนที่มองไม่เห็นคือจิตที่ละเอียดอย่างยิ่ง ไล่ลงไปตั้งแต่ละเอียดอย่างยิ่งน้อย ละเอียดอย่างยิ่งมาก จนละเอียดอย่างยิ่งมากที่สุด ซึ่งก็คือจิตหนึ่งที่กระจ่างใสหรือจิตของพระเจ้า จิตวิญญาณหรือจิตเหนือสำนึก จิตไร้สำนึกกับจิตใต้สำนึก และจิตสำนึกหรือจิตรู้ พูดอีกอย่างหนึ่ง ที่สรรพธรรมชาติหรือสรรพสิ่งทั้งหลายทั้งปวงที่อยู่ในจักรวาล รวมทั้งตัวจักรวาลหรือตัวธรรมชาติเองที่แยกออกจากกันเป็นสอง (nature กับ Nature) ก็คือความเป็นสองหรือทวิตา (dualism) ซึ่งก็คือความจริงทางโลกหรือทางสังคม-อันไม่ใช่ความจริงแท้เลย หรือที่ทางศาสนาพุทธเรียกว่ามายา-กับความจริงที่แท้จริงที่มีหนึ่งเดียว ซึ่งแต่ก่อนนี้ทางวิทยาศาสตร์เก่าหรือวิทยาศาสตร์กายภาพคิดว่า ความจริงทางโลกหรือทางสังคมที่เราเห็นหรือรับรู้ (perception) ก็คือความจริงที่แท้จริงทั้งหมด แต่ทุกวันนี้ควอนตัมเมคานิกส์ได้พิสูจน์จนสิ้นข้อสงสัยแล้วว่า วิทยาศาสตร์กายภาพเก่าๆ นั้นไม่ถูกต้องเลยอย่างไร สักครู่ผู้เขียนจะเล่าให้ฟัง
ผู้เขียนเป็นคนหนึ่งที่ร่วมกันเขียนหนังสือ ซึ่งมีคุณหมอประเวศ วะสี เป็นบรรณาธิการรวบรวมและจัดพิมพ์ เรื่องธรรมชาติของสรรพสิ่ง แถมยังจัดการประโคมโหมโรงในการแนะนำหนังสืออย่างเอิกเกริก คือหวังว่าหนังสือที่ว่าจะเป็นคู่มือสำคัญของการเรียนรู้ สำหรับคนไทยผู้ใฝ่ใจใคร่รู้เรื่องของความจริงที่แท้จริงของธรรมชาติของโลกและจักรวาลเล่มหนึ่ง นั่นเป็นเรื่องนานร่วมสิบปีมาแล้ว แต่หนังสือที่ว่านั้น-ในสายตาของผู้เขียน-ไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าที่ใจของผู้เขียนหวังเอาไว้เท่าไรนัก ซึ่งอาจจะเป็นเพราะผู้เขียนตั้งความหวังไว้สูงเกินไปก็ได้ หรือว่าธรรมชาติที่หนังสือเล่มนั้นอธิบาย ประชาชนเขารู้ว่าไม่ได้เป็นความจริงที่แท้จริงก็ได้ คนเรานั้น เช่น ธรรมชาติหลากหลายของโลก จำต้องมีการไหลเลื่อนเคลื่อนที่และเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลาทั้งภายนอกและภายใน สู่ความซับซ้อนกว่ากับเป็นองค์รวมที่ละเอียดและลึกล้ำกว่าตลอดเวลา โดยเฉพาะที่ภายใน เพราะว่าเป็นการคลี่ขยายของจิตไร้สำนึก (สากลร่วมของจักรวาล) ซึ่งส่วนใหญ่เข้ามาอยู่ในสมอง แล้วถูกบริหารโดยสมองให้เป็นจิตสำนึกใหม่ตลอดเวลา เช่นเดียวกันกาลเวลาที่ผ่านไปแต่ละวันเวลา ทุกนาที วินาที และแต่ละกฤษณะนั้น มนุษย์เราจะเป็นคนใหม่ ในทางกายภาพนั้นจะมีเซลล์ใหม่ มีโมเลกุลใหม่ มีอะตอมใหม่ ฯลฯ และสำหรับในทางจิตภาพมนุษย์ เราก็จะมีจิตสำนึกใหม่ คือเหมือนคนใหม่ ซึ่งไม่ใช่เป็นการ "เกิดใหม่"-ตามที่ศาสนาที่มาจากลัทธิพระเวทของอินเดียโบราณบอก รวมทั้งพุทธศาสนาบอก-มาแทนที่เซลล์เก่าของเก่าที่ตายไป ซึ่งไม่ใช่เป็นเพียงปรัชญาที่นักคิดคิดเอาแต่เป็นข้อเท็จจริงที่มองเห็นได้ ส่วนการเกิดใหม่เป็นเรื่องของจิตไร้สำนึกร่วมของจักรวาล เรื่องของจิตอันเป็นความจริงที่แท้จริงซึ่งมองไม่เห็น และก่อนหน้านี้เป็นแต่เพียงอภิปรัชญาของศาสนาที่มีแต่คนที่เชื่อศรัทธา ของผู้ที่เชื่อมั่นในศาสนาเท่านั้นที่เชื่อ-แต่ในปัจจุบันนี้ อย่างน้อยก็สามารถพิสูจน์ในทางคณิตศาสตร์ที่เรียกว่า "ทฤษฎีซูเปอร์สตริง" (superstring theory) ได้อย่างเบ็ดเสร็จ เพียงรอเวลาที่จะพิสูจน์และทำซ้ำได้ในห้องทดลองวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ที่นักฟิสิกส์แห่งยุคใหม่หลายต่อหลายคนพูดว่า สำคัญกว่าการทำซ้ำในห้องทดลองวิทยาศาสตร์เป็นไหนๆ ซูเปอร์สตริง คือความก้าวหน้าในทางควอนตัมเมคานิกส์ของสิ่งที่ละเอียดที่สุด เช่น สนามแห่งจิตที่ละเอียดเป็นเศษส่วนนับล้านๆๆๆ เท่าของอนุภาคและอะตอมของธาตุหนักๆ ที่เอามาทำระเบิดปรมาณูทุกชนิด เช่น ยูเรเนียม เป็นต้น
ต่อไปนี้เป็นเรื่องเล่าที่ผู้เขียนติดค้างผู้อ่านที่กล่าวมาแล้วข้างบน และผู้เขียนเองแม้ว่าจะได้ศึกษาฟิลิกส์แห่ยุคใหม่มาบ้าง ก็เป็นในทางของทฤษฎีเพราะไม่เคยเรียนคณิตศาสตร์ใหม่ๆ ที่สมัยที่ผู้เขียนเรียนอยู่ที่โรงเรียนเตรียมฯ-ยังไม่มี ยิ่งเรื่องของทฤษฎีซูเปอร์สตริงก็ยิ่งไม่รู้เรื่อง ดังนั้น จึงขอนำให้ศาสตราจารย์จอห์น แฮกลิน นักควอนตัมฟิสิกส์อธิบายแทน ผู้เขียนเพียงแปลโดยถอดใจความแค่นั้น ในเรื่องที่ชื่อ ความลับที่อยู่ข้างหลัง "ความลับ" (The Secret behinds The Secret, November 2007) ซึ่งเป็นบทความที่เสนอในที่ประชุมใหญ่ด้านการจัดการบริหารความงามพร้อม ของมหาวิทยาลัยมหาริชี ที่ลอสแองเจลิส
นอกจากบทความของจอห์น แฮกลิน แล้ว ผู้เขียนยังเอามาจากบางส่วนในหนังสือของ บี. แอลเลน วอลเลซ นักฟิสิกส์และนักปรัชญาระดับโลก ที่นับถือพุทธและศึกษาปรัชญาและพุทธศาสตร์มาอย่างลึกซึ้งยิ่ง โดยเฉพาะวัชรญาณพุทธ ศาสนาของทิเบต (B. Alan Wallace: Hidden Dimensions, 2007) เกี่ยวกับพุทธศาสนากับความคล้ายคลึงกันกับควอนตัมฟิสิกส์และจักรวาลวิทยา
หัวใจแห่งบทความของจอห์น แฮกลิน มีอยู่สามประเด็น คือหนึ่ง-การค้นพบทางฟิสิกส์วิทยาศาสตร์ หรือควอนตัมเมคานิกส์ ถึงสนามร่วมที่รวมกฎธรรมชาติทุกๆ กฎไว้ด้วยกันเป็นหนึ่งเดียว (unified field of nature กับ Nature) สอง-สนามร่วมธรรมชาติทางควอนตัมฟิสิกส์วิทยาศาสตร์ที่ว่านั้นก็คือ สนามร่วมแห่งจิต (unified field of consciousness) ที่ทางศาสนาซึ่งอุบัติทางตะวันออกของโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งศาสนาพุทธของเรา สาม-การทำสมาธิ คือการเข้าถึงธรรมชาติที่เร้นลับและอยู่ลึกเข้าไปข้างในอย่างที่สุดตามลำดับ
ทั้งสามข้อนั้น เป็นความจริงที่แท้จริงของการมีชีวิตของมนุษย์อย่างแท้จริง (the existence of the being) ที่เรา-มนุษยชาติส่วนใหญ่มากๆ-ไม่รู้ และเราทุกๆ คนที่เกิดมาในโลกแห่งนี้ต้องเดินทางเพื่อแสวงหาความจริงที่แท้จริงนั้นให้พบ การเดินทางที่นักปรัชญาและกวีเอกของโลก-แทบว่าจะทุกคนเลย-กล่าวถึงและรู้ดี แต่น้อยคนที่จะพูดถูกจุด ได้แต่ขี่ม้าเลียบค่ายไปมาอยู่นั่นแล้ว เช่นว่าเดินทางเพื่อหาแผ่นดินใหม่ หานิวเยรูซาเลม หาแชมบาลา เดินทางเพื่อเรียนรู้หรือเดินทางเพื่อแสวงหาความสุข หรือเพื่อหาจิตวิญญาณ คือหากไม่ใช่กายวัตถุก็เป็นจิต ผู้เขียนคิดว่าน่าจะเป็นทั้งกายกับจิตที่ต้องไปด้วยกัน ดังนั้นจึงเห็นด้วยกับเคน วิลเบอร์ ที่บอกว่าทั้งจักรวาลใหญ่หรือแมคโครคอสมอส และมนุษย์ที่เป็นไมโครคอสมอส ต่างก็มีเป้าหมายเช่นเดียวกันและมีหนึ่งเดียวเท่านั้น นั่นคือ วิวัฒนาการ (that's that หรือ suchness) และวิวัฒนาการจะต้องไปสู่สิ่งที่สูงกว่า และก้าวหน้าหรือซับซ้อนกว่าเสมอไป พูดอีกนัยหนึ่งได้ว่า ในระดับที่ลึกที่สุดจะมีความละเอียดอย่างที่สุดระดับนี้-เช่นนิพพาน หรือพระจิตของพระเจ้า-จะง่ายๆ ที่สุด (simple) บริสุทธิ์ที่สุด และจะไม่มีความซับซ้อนเลย แต่ทว่าจะมีพลังหรือพลังงานทั้งปริมาณและคุณภาพสูงที่สุด ไดนามิก (dynamic) ที่สุด และแข็งแรงที่สุด นั่นคือระดับที่เริ่มต้นของวิวัฒนาการ วิวัฒนาการที่มีจิตกับกาย ทั้งหมดในทุกระดับจะเริ่มต้นกระบวนการวิวัฒนาการโดยการขับเคลื่อนด้วยจิต (consciousness) ทั้งสิ้น ซึ่งวิทยาศาสตร์เพิ่งจะค้นพบเมื่อสองสามทศวรรษมานี้เอง แต่มีอธิบายไว้ในวัฒนธรรมพระเวทมาตั้งแต่สามพันปีมาแล้ว นั่นคือการเริ่มต้นของ "การจัดองค์กรตนเอง" (self-organizing system หรือ science of non-linear dynamicity) วัฏจักรที่ทฤษฎีไร้ระเบียบ (chaos theory) เป็นตัวกลไกของการขับเคลื่อน
ประเด็นที่สองบอกว่า สนามร่วมของพลังงานที่ว่าคือสนามแห่งจิต (field of consciousness) ซึ่งทางพุทธศาสนาได้ขยายคำอธิบายของลัทธิพระเวท ถึงการเริ่มต้นของการกำเนิดของจักรวาลว่ามาจากสนามร่วม (unified field) ที่แยกออกจากกันไม่ได้ของสามพื้นฐานจักรวาลอันประกอบด้วย จิตพื้นฐาน (primordial consciousness or jahna) พลังงานพื้นฐาน (primordial energy or jahnaprana) และที่ว่างอันสมบูรณ์พื้นฐาน (primordial space or absolute space or dharmadhatu)-อันหลังนี้คือรูปกาย (วัตถุกับที่ว่าง-เวลา ทั้งหมดมีความลึกอยู่ห้าระดับ ไล่มาตั้งแต่ระดับที่ตื้นที่สุด จนระดับที่ลึกที่สุดซึ่งเรียกว่าจิตหนึ่ง (ขามาอันเป็นสิ่งเดียวกับนิพพานซึ่งเป็นขากลับ) คือที่ว่าง เวลา วัตถุ พลังงาน จิต-ซึ่งจิตในลัทธิพระเวทมีอยู่สามระดับ คือ วิขันริ มัธยม ปะสานติ และจิตหนึ่งที่อยู่ลึกที่สุดหรือปะสานตินี้เอง คือสนามร่วมที่กระจ่างใส (unified field)
ประเด็นที่สาม คือการทำสมาธินั้น ดร.จอห์น แฮกกลิน แนะนำให้เราทุกๆ คนเลยทำสมาธิเป็นประจำ และถ้าเป็นไปได้ให้ทำร่วมกันหลายๆ คน (collectively) การทำสมาธิโดยหลักการคือ การเจริญสติหรือการนำสติหรือความตั้งใจ (จิตเป็นหนึ่งเดียว) เข้าไปสู่ภายในที่ต้นตอของจิตหรือความคิดหรือปัญญาของเรา (ไม่ใช่สติปัญญาที่เป็นสัมพันธภาพกับผู้อื่น) นั่นคือการนำสติเข้าไปถึงสนามร่วมของแรงทั้งห้าแรงของธรรมชาติ ซึ่งมีกฎที่ควบคุมรูปกายวัตถุอยู่สี่แรงสี่กฎ และมีกฎที่ควบคุมจิตอีกหนึ่งกฎที่อยู่ลึกที่สุด ง่ายๆ แต่มีอานุภาพมากที่สุด นั่นคือสนามร่วม (unified field) ที่รวมกฎทางธรรมชาติทุกๆ กฎไว้ด้วยกัน ซึ่งก็คือสนามแห่งจิตสากลจักรวาลนั่นเอง
ไม่ต้องการให้ผู้ที่ทำสมาธิเสียกำลังใจ เพียงจะถ่ายทอดความเห็นของผู้ที่ทำสมาธิมายาวนานชั่วชีวิตก็ว่าได้ของ บี. เอสเสน วอลเลซ ที่บอกว่าการทำสมาธินั้นจะว่าง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยาก ง่ายตรงวิธีทำคืออะไรก็ได้ มีตั้งร้อยตั้งพันวิธี แต่ยากที่ต้องมีความเพียร มีวิริยะ ต้องรักที่จะทำ (intention) ต้องตั้งใจทำ (attention) ต้องทำซ้ำๆ (repetition) และต้องทำ-รวมกันแล้ว-ต้องได้ 15,000 ชั่วโมง มากกว่า 30 ปี หากทำวันละหนึ่งชั่วโมง
ผู้เขียนเชื่อว่าทุกๆ ศาสนาในโลก รวมทั้งลัทธิความเชื่อของวัฒนธรรมทุกๆ วัฒนธรรมก็เน้นที่การปฏิบัติ นั่นคือการทำสมาธิและการสวดมนต์ ศาสนาทุกๆ ศาสนาจึงเหมือนกัน และการเหมือนกันนั้นไม่ใช่ทุกศาสนาสอนให้คนทำความดี-แค่นั้นพอ เราทุกคนต้องรู้ว่าจักรวาลมีเป้าหมายอย่างเดียวคือวิวัฒนาการ แต่เนื่องจากจักรวาลประกอบด้วยสองสิ่ง รูปกับนาม หรือกายวัตถุภายนอกกับจิตที่อยู่ภายใน วิวัฒนาการของจักรวาลจึงต้องมีทั้งสองอย่าง เพราะกายอยู่ตื้นกว่าและมาที่หลังกว่า วิวัฒนาการของกายหรือมนุษย์กับสังคมมนุษย์จึงมีก่อนและเสร็จก่อน ศาสนาทุกศาสนามีเพื่อให้จิตสามารถมีวิวัฒนาการสู่จิตวิญญาณ (spirituality) ผู้เขียนจึงเชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์ นั่นคือเป้าหมายสุดท้ายที่ศาสนาทุกศาสนามีและประสงค์ ซึ่งศาสดาผู้ประกาศศาสนานั้นๆ ต่างก็รู้ดี จึงไม่ต้องแย่งกันหรือชักชวนให้ใครมาเข้าศาสนาของตน เพราะศาสนาไหนๆ ก็มีเป้าหมายที่จิตวิญญาณเหมือนๆ กัน ดังที่องค์ทะไล ลามะ บอกไว้เช่นนั้น.
http://www.thaipost.net/sunday/310110/17205
บันทึกการเข้า
ทิ นัง มิไฮ นัง มิจะนัง ทิกุนัง แปลว่า
ที่นั่ง มีให้นั่ง มึงจะนั่ง ที่กูนั่ง ทิ้งไว้เป็น
ปริศนาธรรม นะตะเอง
คำค้น:
หน้า: [
1
]
ขึ้นบน
พิมพ์
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
กระโดดไป:
เลือกหัวข้อ:
-----------------------------
จากใจถึงใจ
-----------------------------
=> หน้าบ้าน สุขใจ
===> สุขใจ ป่าวประกาศ (ข้อความจากทีมงาน)
===> สุขใจ เสนอแนะ (ข้อความจากสมาชิก)
===> สุขใจ ให้ละเลง (มุมทดสอบบอร์ด)
-----------------------------
สุขใจในธรรม
-----------------------------
=> พุทธประวัติ - ประวัติพระสาวก
===> พุทธประวัติ แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
===> ประวิติพระอรหันต์ พระสาวก ในสมัยพุทธกาล
===> ประวัติพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ในยุคปัจจุบัน
===> นิทาน - ชาดก
=====> ชาดก พระเจ้า 500 ชาติ
=> ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน
===> ธรรมะจากพระอาจารย์
===> เกร็ดครูบาอาจารย์
=> ห้องวิปัสสนา - มหาสติปัฏฐาน 4
=> สมถภาวนา - อภิญญาจิต
=> จิตอาสา - พุทธศาสนาเพื่อสังคม
=> เสียงธรรมเทศนา - เอกสารธรรม - วีดีโอ
===> เอกสารธรรม
===> เสียงธรรมเทศนา
=====> ธรรมะจาก สมเด็จโต
=====> ธรรมะจาก หลวงปู่มั่น
=====> เสียงบทสวดมนต์
=====> เพลงสวดมนต์
=====> เพลงเพื่อจิตสำนึก แด่บุพการี
=====> ธรรมะ มิวสิค (เพลงธรรมทั่วไป)
===> ห้อง วีดีโอ
=> เกร็ดศาสนา
=> กฏแห่งกรรม - ท่องไตรภูมิ
=> ไขปัญหาโลก ธรรม และความรัก
=> บทสวด - คัมภีร์ คาถา - วิชา อาคม
=> พุทธวัจนะ - ภาษิตธรรม
===> พุทธวัจนะ ในธรรมบท
===> พุทธศาสนสุภาษิต
===> คำทำนายภัยพิบัติที่จะเกิด
===> รวมข่าวภัยพิบัติ ทั้งในอดีต และปัจจุบัน
===> รู้ เพื่อ รอด (การเตรียมการ)
=> ห้องประชาสัมพันธ์ ทั้งทางโลก และทางธรรม
===> ฐานข้อมูล มูลนิธิต่าง ๆ ในประเทศไทย (Donation Exchange Center)
-----------------------------
วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ
-----------------------------
=> วิทยาศาสตร์ - จักรวาล - การค้นพบ
===> เรื่องราว จากนอกโลก
=====> ประสบการณ์เกี่ยวกับ UFO
=====> หลักฐาน และ การพิสูจน์ยูเอฟโอ
=====> คลิปวีดีโอ ยูเอฟโอ
=> ไขตำนาน - ประวัติศาสตร์ - การค้นพบ อารยธรรม
=> เรื่องแปลก - ประสบการณ์ทางจิต - เรื่องลึกลับ
===> ร้อยภูติ พันวิญญาณ
=====> ประสบการณ์ ผี ๆ
=======> เรื่องเล่าในรั้วมหาลัย
=====> ประวัติ ต้นกำเนิด ตำนานผี
===> ดูดวง ทำนายทายทัก
===> ไดอะล็อก คือ ดอกอะไร - พลังไดอะล็อก (Dialogue)
===> กระบวนการ NEW AGE
=> เครื่องราง ของขลัง พุทธคุณ
-----------------------------
นั่งเล่นหลังสวน
-----------------------------
=> สุขใจ จิบกาแฟ
=> สุขใจ ร้านน้ำชา
=> สุขใจ ห้องสมุด
===> สุขใจ หนังสือแนะนำ
===> สุขใจ คลังความรู้ลวงโลก
===> สยาม ในอดีต
=> สุขใจ ใต้เงาไม้
=> สุขใจ ตลาดสด
=> สุขใจ อนามัย
=> สุขใจ ไปเที่ยว
=> สุขใจ ในครัว
===> เกร็ดความรู้ งานบ้าน งานครัว
=> สุขใจ ไปรษณีย์
=> สุขใจ สวนสนุก
===> ลานกว้าง (มุมดูคลิป)
===> เวที จำอวด (จำอวดหน้าม่าน)
===> หนังกลางแปลง (ดูหนัง รีวิวหนัง)
===> หน้าเวที (มุมฟังเพลง)
=====> เพลงไทยเดิม
===> แผงลอยริมทาง (รวมคลิปโฆษณาโดน ๆ)
คุณ
ไม่สามารถ
ตั้งกระทู้ได้
คุณ
ไม่สามารถ
ตอบกระทู้ได้
คุณ
ไม่สามารถ
แนบไฟล์ได้
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความได้
BBCode
เปิดใช้งาน
Smilies
เปิดใช้งาน
[img]
เปิดใช้งาน
HTML
เปิดใช้งาน
หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
หัวข้อ
เริ่มโดย
ตอบ
อ่าน
กระทู้ล่าสุด
ความทรงจำนอกมิติ : รูป นาม วิญญาณกับจักรวาลวิทยา
กระบวนการ NEW AGE
มดเอ๊ก
0
2492
21 กุมภาพันธ์ 2553 14:00:45
โดย
มดเอ๊ก
ความทรงจำนอกมิติ : วิวัฒนาการสุดท้ายของสังคมมนุษย์
กระบวนการ NEW AGE
มดเอ๊ก
0
2770
08 มีนาคม 2553 08:52:02
โดย
มดเอ๊ก
ความทรงจำนอกมิติ : ประวัติศาสตร์คือบันทึกความสัมพันธ์ของดินกับฟ้า
กระบวนการ NEW AGE
มดเอ๊ก
0
2084
05 เมษายน 2553 08:47:42
โดย
มดเอ๊ก
ความทรงจำนอกมิติ : ทฤษฎีรวมแรงทั้งหมดกับพุทธศาสนา
กระบวนการ NEW AGE
มดเอ๊ก
0
2031
18 เมษายน 2553 17:16:25
โดย
มดเอ๊ก
ความทรงจำนอกมิติ : มนุษย์กับโลกไม่ได้อยู่โดดเดี่ยวเดียวดาย
กระบวนการ NEW AGE
มดเอ๊ก
0
2081
03 พฤษภาคม 2553 08:42:23
โดย
มดเอ๊ก
กำลังโหลด...