[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
09 พฤษภาคม 2567 11:53:55 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า:  1 2 [3] 4 5 ... 8   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ความสุขอยู่ที่ตัวเรา  (อ่าน 88303 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เรือใบ
นักโพสท์ระดับ 8
***

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 234


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Chrome 26.0.1410.64 Chrome 26.0.1410.64


ดูรายละเอียด
« ตอบ #40 เมื่อ: 13 เมษายน 2556 11:57:20 »

คนที่เกิดมามีทุกข์ยากลำบากนานัปการก็เพราะว่ามีกรรม
มีอกุศลกรรมตามมาเบียดเบียน ทำให้ต้องเจ็บ ต้องป่วย
ผ่าตัดตรงนั้นตรงนี้ ต้องประสบอุบัติเหตุบ้าง เสียทรัพย์บ้าง
ถูกโกง ถูกแกล้ง ถูกใส่ร้ายป้ายสีอะไรเหล่านี้
คือเราต้องเสวยผลของอกุศลกรรมต้องเอาตัวไปชดเชย ต้องใช้หนี้กรรม
 ยิ้ม กลอกตา ตลก ขี้มูกไหล โทดค๊าบ
บันทึกการเข้า
เรือใบ
นักโพสท์ระดับ 8
***

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 234


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Chrome 26.0.1410.64 Chrome 26.0.1410.64


ดูรายละเอียด
« ตอบ #41 เมื่อ: 16 เมษายน 2556 10:32:48 »

ธรรมชาติยังรู้จักปรับสภาพให้เกิดความสมดุล เพื่อการอยู่รอดของแมกไม้นานาพันธุ์ หากสังคมของคนเราอยู่ร่วมกันด้วยความสามัคคี มีเมตตาต่อกันบ้าง ก็คงอยู่ร่วมกันได้เหมือนแมกไม้นานาพันธุ์
 หัวเราะลั่น ยิ้ม โทดค๊าบ
บันทึกการเข้า
เรือใบ
นักโพสท์ระดับ 8
***

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 234


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Chrome 26.0.1410.64 Chrome 26.0.1410.64


ดูรายละเอียด
« ตอบ #42 เมื่อ: 14 พฤษภาคม 2556 13:11:29 »

น้ำที่กำลังใหลอยู่ต่อให้เราเอามือไปขวางทางน้ำมันก็ยังรู้จักที่จะหลบเพื่อที่จะใหลต่อไปของมัน แล้วใจเราละเมื่อมีอะไรมากระทบก็ไม่จำเป็นที่จะต้องรับไว้ ให้ปล่อยวางสิ่งที่มากระทบแล้วปรับแนวทางเดินของใจให้เหมาะสมก็พอแล้ว
 สลึมสลือ ยิ้ม ตลก
บันทึกการเข้า
เรือใบ
นักโพสท์ระดับ 8
***

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 234


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Chrome 27.0.1453.94 Chrome 27.0.1453.94


ดูรายละเอียด
« ตอบ #43 เมื่อ: 01 มิถุนายน 2556 19:53:06 »

ภายใต้แสงเงาแห่งชีวิตของทุกคน
มักจะมีสิ่งมหัศจรรย์ซ้อนอยู่เสมอ อยู่ที่ว่าใครจะค้นพบได้มากน้อยแค่ใหน
และนำมาปรับแต่ง ใช้ให้เกิดประโยชน์มากที่สุดในการดำเนินชีวิตก็จะพบกับความสุข หัวเราะลั่น
บันทึกการเข้า
เรือใบ
นักโพสท์ระดับ 8
***

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 234


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Chrome 27.0.1453.94 Chrome 27.0.1453.94


ดูรายละเอียด
« ตอบ #44 เมื่อ: 01 มิถุนายน 2556 19:58:58 »

จงทำใจยอมรับกับสิ่งที่เปลี่ยนแปลง เพราะไม่มีอะไรจะคงที่เสมอไป
จะสุขหรือทุกข์ใจเรานี้แหละสำคัญว่าจะยอมรับกับสะภาวะที่เปลี่ยนแปลงได้แค่ใหน สลึมสลือ
บันทึกการเข้า
เรือใบ
นักโพสท์ระดับ 8
***

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 234


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Chrome 27.0.1453.94 Chrome 27.0.1453.94


ดูรายละเอียด
« ตอบ #45 เมื่อ: 01 มิถุนายน 2556 20:02:30 »

มองธรรมชาติให้เป็น หากเข้าใจธรรมชาติเมื่อไหร่ เราก็จะเข้าใจธรรมะ
ใจของเรา สังขารของเราก็เป็นธรรมชาตินะอย่าลืม
ถ้าเราเข้าใจธรรมชาติเมื่อไหร่ก็เข้าใจธรรมะเมื่อนั้น
 โทดค๊าบ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01 มิถุนายน 2556 20:04:52 โดย เรือใบ » บันทึกการเข้า
เรือใบ
นักโพสท์ระดับ 8
***

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 234


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Chrome 27.0.1453.110 Chrome 27.0.1453.110


ดูรายละเอียด
« ตอบ #46 เมื่อ: 11 มิถุนายน 2556 22:01:51 »

คนโง่อาจจะเป็นคนฉลาด คนฉลาดอาจจะเป็นคนโง่หากว่าเรายังไม่รู้จักรักษาความสะอาดให้กับตัวเราเองยังปล่อยให้กิเลศคือโลภะโทสะโมหะเข้ามาครอบงำจิตใจของเราทุกๆวันโดยไม่รีบหาวิธีทำความสะอาดและขจัดมันออกไป ก็ยังถือว่าเป็นคนโง่อยู่นั้นเอง ยิ้ม สลึมสลือ ขี้มูกไหล
บันทึกการเข้า
เรือใบ
นักโพสท์ระดับ 8
***

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 234


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Chrome 27.0.1453.110 Chrome 27.0.1453.110


ดูรายละเอียด
« ตอบ #47 เมื่อ: 12 มิถุนายน 2556 21:34:56 »

ในพุทธกาล เคยมีอุบาสกใส่บาตรพระปลอม โดยเข้าใจว่าเป็นพระจริง เขาใส่ด้วยศรัทธา สุคติโลกสวรรค์คือที่เขาได้ไป
อีกประการหนึ่ง พระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญการให้ทานแม้ให้แก่สัตว์เดรัชฉาน การให้ทานแก่ภิกษุแม้ทุศีลก็ยังได้บุญ ผู้ที่ห้ามผู้อื่นให้ทานเสียอีก ทรงติเตียนว่าเป็นโจรปล้นบุญ
[๗๑๓] ดูกรอานนท์ ก็ในอนาคตกาล จักมีแต่เหล่าภิกษุโคตรภู มีผ้ากาสาวะพันคอ เป็นคนทุศีล มีธรรมลามก คนทั้งหลายจักถวายทานเฉพาะสงฆ์ได้ในเหล่าภิกษุทุศีลนั้น ดูกรอานนท์ ทักษิณาที่ถึงแล้วในสงฆ์แม้ในเวลานั้นเราก็กล่าวว่า มีผลนับไม่ได้ ประมาณไม่ได้ แต่ว่าเราไม่กล่าวปาฏิปุคคลิกทานว่ามีผลมากกว่าทักษิณาที่ถึงแล้วในสงฆ์โดยปริยายไรๆ เลย ฯ

พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๔ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๖
มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์

ดูก่อนวัจฉะ ผู้ใดแลห้ามผู้อื่นซึ่งให้ทานอยู่ ผู้นั้นชื่อว่า ย่อมทำอันตรายแก่วัตถุ ๓ อย่าง เป็นโจรดักปล้นวัตถุ ๓ อย่าง วัตถุ ๓ อย่างเป็นไฉน คือ
ย่อมทำอันตรายแก่บุญของทายก ๑
ย่อมทำอันตรายแก่ลาภของปฏิคาหก ๑
ตนของบุคคลนั้นย่อมเป็นอันถูกกำจัดและถูกทำลายก่อนทีเดียวแล ๑

ดูก่อนวัจฉะ ก็เราพูดเช่นนี้ว่า ผู้ใดสาดน้ำล้างภาชนะหรือน้ำล้างขันไปแม้ที่สัตว์ซึ่งอาศัยอยู่ที่บ่อน้ำคลำ หรือที่บ่อโสโครกข้างประตูบ้าน ด้วยตั้งใจว่า สัตว์ที่อาศัยอยู่ในที่นั้นจงยังอัตตภาพให้เป็นไปด้วยสิ่งนั้นเถิดดังนี้ ดูก่อนวัจฉะ เรากล่าวกรรมซึ่งมีการราดล้างน้ำภาชนะนั้นเป็นเหตุว่า เป็นที่มาแห่งบุญ จะป่วยการกล่าวไปไย ถึงในสัตว์มนุษย์เล่า
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๐ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๒
อังคุตตรนิกาย เอก-ทุก-ติกนิบาต
 สลึมสลือ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12 มิถุนายน 2556 21:45:54 โดย เรือใบ » บันทึกการเข้า
ใบบุญ
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 12
*

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 2329


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 9.0 MS Internet Explorer 9.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #48 เมื่อ: 13 มิถุนายน 2556 07:21:14 »




                ส๊า.า..า..า ธุ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24 มิถุนายน 2556 09:26:16 โดย 自由人 » บันทึกการเข้า
เรือใบ
นักโพสท์ระดับ 8
***

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 234


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Chrome 27.0.1453.110 Chrome 27.0.1453.110


ดูรายละเอียด
« ตอบ #49 เมื่อ: 13 มิถุนายน 2556 22:32:09 »

แสดงถึงการเคารบในธรรม
พระพุทธเจ้าประทับยืนฟังการสอนอันยาวของพระนันทกจนปวดพระปรษฏางค์ และกล่าวชมว่าพระนันทกแสดงธรรมได้แจ่มแจ้งดี พร้อมทั้งประทานสาธุการ
อ่านแล้วนึกถึงตัวเอง คงพูดมาก พูดยาว คนฟังคงเมื่อยหู แต่ถ้าสิ่งที่เราพูดเป็นเรื่องดีๆ เป็นการชักชวนให้ผู้อื่นมีทาน ศีล ภาวนา โดยอรรถาธิบายคุณของเรื่องต่างๆเหล่านี้
“.....ครั้งนั้นเป็นเวลาเย็น พระผู้มีพระภาคเสด็จออกจากที่หลีกเร้นเสด็จเข้าไปยังอุปัฏฐานศาลา (ซึ่งพระนันทกะกำลังแสดงธรรมอยู่) ประทับยืนรอจนจบการแสดง ณ ซุ้มประตุด้านอก ครั้นทรงทราบว่าการแสดงจบแล้วทรงกระแอมไอและทรงเคาะที่ลิ่มประตู ภิกษุเหล่านั้นเปิดประตูให้พระผู้มีพระภาคลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเสด็จเข้าไปยังอุปัฏฐานศาลา ประทับนั่งบนอาสนะที่ปูไว้ ครั้นแล้วตรัสกะพระนันทกะว่า ดูก่อนนัทกะ ธรรมบรรยายของเธอที่ยาวมาก แจ่มแจ้งแก่ภิกษุ เรายืนฟังจนจบ การแสดงที่ซุ้มประตูด้านนอก หลังของเราย่อมเมื่อย ....”
นันทกสูตร น. อํ. (๒๐๘) สลึมสลือ

บันทึกการเข้า
เรือใบ
นักโพสท์ระดับ 8
***

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 234


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Chrome 27.0.1453.110 Chrome 27.0.1453.110


ดูรายละเอียด
« ตอบ #50 เมื่อ: 13 มิถุนายน 2556 22:43:35 »

ศีลและกดหมาย
ผิดศีลคือผิดกฏหมาย อาญาคือความเดือดร้อนในโลกนี้ ทุคติ วินิบาต นรก คือความเดือดร้อนในโลกหน้า
การกระทำที่ถูกกฏหมายอาจจะเป็นการกระทำที่ผิดศีล ส่วนการกระทำที่ผิดศีลแล้วจะไม่ผิดกฏหมายบ้านเมืองนั้นไม่มีเลย ในอกุศลกรรมบถ วจีกรรมมีองค์กรรมบถที่ล่วงง่ายที่สุด ในทางกฏหมายความผิดฐานดูหมิ่นผู้อื่น มีองค์ประกอบความผิดที่ผิดง่ายที่สุดเช่นกัน และคดีความที่เกี่ยวกับวจีทุจริตมีการฟ้องร้องกันในศาลมากที่สุด เพราะล่วงละเมิดต่อกฏหมายได้ง่ายที่สุดนั่นเอง
ในสมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าจะกล่าวถึงการลงโทษผู้กระทำความผิดในฝ่ายอาณาจักร ทัณฑกรรมที่เกิดขึ้นแก่ผู้กระทำความผิดคือวิบากกรรมที่ให้ผลเป็นความเดือดร้อนในโลกนี้ ส่วนทุคติ วินิบาต นรก เป็นความเดือดร้อนในโลกหน้า การที่เขาต้องรับโทษในฝ่ายอาณาจักรล้วนมาจากกรรมชั่วที่เขาทำเองทั้งสิ้น
อิธ ตปฺปติ เปจฺจ ตปฺปติ ปาปการี อุภยตฺถ ตปฺปต
ปาปํ เม กตนฺติ ตปฺปติ ภิยฺโย ตปฺปติ ทุคฺคตึ คโต
ผู้มีปกติทำบาป ย่อมเดือดร้อนในโลกนี้ ละไปแล้ว ย่อมเดือดร้อน เขาย่อมเดือดร้อนในโลกทั้งสอง,
เขาย่อมเดือดร้อนว่า ‘กรรมชั่วเราทำแล้ว’, ไปสู่ทุคติ ย่อมเดือดร้อนยิ่งขึ้น
การด่ากันคือ ผรุสวาจา มีองค์กรรมบถน้อย ย่อมละเมิดง่าย ในทางกฏหมาย ความผิดฐานดูหมิ่น ก็มีองค์ประกอบความผิดน้อย จึงละเมิดต่อกฏหมายได้มากเช่นกัน
ผรุสวาจาที่จะสำเร็จเป็นกรรมบถได้นั้น ต้องประกอบด้วยองค์ ๓ คือ
๑. คนอื่นที่พึงถูกด่า
๒. จิตคิดจะพูดคำหยาบ
๓. พูดคำหยาบออกไป
ผรุสวาจามีโทษมาก เพราะเหตุ ๓ ประการ คือ
๑. ผรุสวาจานั้น ถึงความเป็นกรรมบถ
๒. คนที่ถูกด่าเป็นคนมีคุณธรรมมาก
๓. ผู้พูดมีกิเลส (โทสะ พยาบาท) แรงกล้า
ในทางกฏหมายก็เช่นกัน ความผิดฐานดูหมิ่นจะมีโทษมากหรือโทษน้อย ขึ้นอยู่กับสถานภาพของผู้ถูกดูหมิ่น การดูหมิ่นบุคคลธรรมดา การดูหมิ่นเจ้าพนักงาน การดูหมิ่นศาล ก็มีโทษต่างกันไป
คดีความในศาล เป็นไปด้วยความผิดเกี่ยวกับมิจฉาวาจา หรือวจีทุจริตทั้งสี่ นี้มากกว่าคดีฆ่า ชิง ทรัพย์ ข่มขืน ฯลฯ เสียอีก แม้แต่ความผิดฐานฉ้อโกง ก็มีมุสาวาจาอยู่ด้วย

กรรมใดทำแล้วต้องเดือดร้อนในภายหลัง กรรมนั้นไม่ดีไม่ควรทำ
คำสอนของพระศาสดา ให้คิดดี พูดดี ทำดี ทำจิตให้มั่นคง ผ่องใส ถ้าทำได้เช่นนี้ เวรภัยจะไม่มี ถ้าละเมิดเมื่อไหร่ ต่อให้มีอภิญญาปาฏิหาริย์ มีวิชาเหิรฟ้า ดำดิน ก็หนีเงื้อมมือของกฏหมายไปไม่ได้ หนีอบายไปไม่พ้น หนีความเดือดร้อนทั้งโลกนี้และโลกหน้าไปไม่ได้เลย  โทดค๊าบ
บันทึกการเข้า
เรือใบ
นักโพสท์ระดับ 8
***

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 234


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Chrome 27.0.1453.110 Chrome 27.0.1453.110


ดูรายละเอียด
« ตอบ #51 เมื่อ: 13 มิถุนายน 2556 23:05:56 »

สร้างบุญบารมีของตน ก่อนจะขอยืมบุญบารมีของใคร
“ลูกเอ๋ย ก่อนจะเที่ยวไปขอบารมีหลวงพ่อองค์ใด เจ้าจะต้องมีทุนบารมีของตนลงทุนไปก่อน เมื่อบารมีของเจ้าไม่พอจึงค่อยขอยืมบารมีคนอื่นมาช่วย มิฉะนั้นเจ้าจะเอาตัวไม่รอด เพราะหนี้สิน ในบุญบารมีที่เที่ยวไปขอยืมจนพ้นตัว… เมื่อทำบุญทำกุศลจนได้บุญบารมีมา ก็ต้องเอาไปผ่อนใช้หนี้เขาจนหมด ไม่มีอะไรเหลือติดตัว… แล้วเจ้าจะมีอะไรไว้ในภพหน้า หมั่นสร้างบารมีไว้… แล้วฟ้าดินจะช่วยเอง…!” “จงจำไว้นะ…เมื่อยังไม่ถึงเวลา เทพเจ้าองค์ใดจะคิดช่วยเจ้าไม่ได้… ครั้นถึงเวลา… ทั่วฟ้าจบดิน...
ธรรมโอวาท หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ หัวเราะลั่น
บันทึกการเข้า
เรือใบ
นักโพสท์ระดับ 8
***

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 234


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Chrome 27.0.1453.110 Chrome 27.0.1453.110


ดูรายละเอียด
« ตอบ #52 เมื่อ: 14 มิถุนายน 2556 17:22:20 »

ในท่ามกลางความขุ่น ก็มีความใส...
ในท่ามกลางความวุ่น ก็มีความสว่าง...
ในท่ามกลางความร้อน ก็มีความเย็น...
ในท่ามกลางความชุลมุนวุ่นวาย ก็มีความสงบ...
แม้นที่สุดในวัฏสงสาร ก็มีพระนิพพาน...
คำสอน....ท่านหลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ
 โทดค๊าบ
บันทึกการเข้า
เรือใบ
นักโพสท์ระดับ 8
***

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 234


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Chrome 27.0.1453.110 Chrome 27.0.1453.110


ดูรายละเอียด
« ตอบ #53 เมื่อ: 15 มิถุนายน 2556 23:09:57 »

มนุษย์เราเกิดมาพร้อมกับตัณหา เคยชินกับตัณหา คุ้นเคยกับตัณหา
จนเห็นตัณหาเป็นเพื่อนสนิทไว้วางใจ กินด้วยกัน อยู่ด้วยกัน
ถ้าขาดตัณหาแล้ว ก็กลัวว่าจะขาดรสชาติของชีวิตที่เคยได้ เคยอยู่ เคยเป็น
แต่ความเป็นจริงแล้ว ตัณหานั้นเป็นเพียงเพื่อนเทียมไม่แท้ที่คอยหลอกล่อนำทุกข์มาให้เรา พอเราเกิดทุกข์ ตัณหาก็ยืนหัวเราะชอบใจอิอิ เราโดนตัณหาหลอกแล้ว
มนุษย์เราต้องการหาความสุข แต่เราไปสร้างเหตุแห่งความทุกข์ขึ้นมา... เราจึงหาความสุขไม่ได้... เราไม่รู้ว่าอะไรเป็นเหตุแห่งความทุกข์ ตัณหาความดิ้นรนความต้องการเป็นเหตุแห่งความทุกข์ เราก็ไม่รู้.. เราก็เลยไปสร้างมันขึ้นมา และไปดิ้นรนตามกระแสมันขึ้นมา เราก็เลยไม่มีความสุขซักกะที...
 หัวเราะลั่น แบร่ รู้สึกแย่
บันทึกการเข้า
เรือใบ
นักโพสท์ระดับ 8
***

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 234


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Chrome 27.0.1453.110 Chrome 27.0.1453.110


ดูรายละเอียด
« ตอบ #54 เมื่อ: 17 มิถุนายน 2556 20:21:44 »

พระพุทธเจ้า ต้นแบบแห่งกระบวนการยุติธรรมในระบบไต่สวน
ถ้าเราศึกษาในพระไตรปิฎกและนิทานธรรมบท เราจะเห็นว่า ไม่ว่าจะมีใครไปทูลฟ้องพระพุทธเจ้า พระองค์จะทรงสั่งไต่สวนทุกครั้ง แม้แต่การกล่าวหาว่าพระอรหันต์กระทำความผิด ซึ่งพระองค์ก็รู้อยู่แก่พระทัยดีว่า พระอรหันต์ไม่มีวันข่มขืนใคร หรือประทุษร้ายใคร แต่พระองค์ก็ทรงดำรงในความยุติธรรม ไต่สวนทวนความทำความจริงให้ปรากฏในทุกครั้งๆ เช่น
กรณีพระทัพพมัลลบุตรเถระ เอตทัคคะในการจัดเสนาสนะ ถูกกล่าวหาว่าข่มขืนภิกษุณี
พระทัพพมัลลบุตรเถระนี้ ท่านบรรลุธรรมตั้งแต่เจ็ดขวบ ในขณะที่โกนผมเพื่อบรรพชาเป็นสามเณร ต่อมาพระพุทธองค์ทรงพิจารณาเห็นว่าท่านมีอายุยังน้อยนัก แต่มารับภาระอันหนักซึ่งควรจะเป็นหน้าที่ของพระภิกษุมากกว่า ในการจัดเสนาสนะ โดยจัดให้ภิกษุที่มีอุปนิสัยคล้ายกันได้อยู่ร่วมกันเพื่อความไม่ขัดแย้งกัน เป็นต้น
ดังนั้น เพื่อให้ท่านปฏิบัติหน้าที่นี้ได้อย่างสะดวกพระพุทธองค์จึงทรงบวชให้ด้วยการยกท่านจากการเป็นสามเณรขึ้นเป็นพระภิกษุในวันนั้น ด้วยพระดำรัสว่า “อชฺชโต ปฏฺฐาย ภิกฺขุ โหหิ” ซึ่งแปลว่า เธอจงเป็นภิกษุตั้งแต่วันนี้ไป การบวช
ด้วยวิธีนี้เรียกว่า “ทายัชชอุปสัมปทา” แปลว่า การรับเข้าหมู่โดยความเป็นทายาท
สมัยหนึ่ง มีพระบวชใหม่สองรูป ชื่อ “พระเมตติยะ กับพระภุมมชกะ” เป็นผู้มีบุญ
วาสนาน้อย เมื่อได้อาหารหรือเสนาสนะก็มักจะได้แต่ของชั้นเลวเสมอ วันหนึ่ง พระทัพพมัลล
บุตร จัดให้ท่านไปฉันที่บ้านคหบดีผู้มีปกติถวายแต่ของชั้นดีแก่ภิกษุทั้งหลาย แต่วันนั้นคหบดี
ทราบว่าท่านทั้งสองมา จึงสั่งให้สาวใช้จัดอาหารชั้นเลวถวายท่าน คือทำอาหารด้วยปลายข้าว
และน้ำผักดอง เสานาสนะก็จัดให้นั่งที่ซุ้มประตู มิให้เข้ามาในบ้าน ทำให้ท่านทั้งสองขัดเคืองใจ
แล้วคิดว่า ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะพระทัพพมัลลบุตร กลั่นแกล้ง
วันหนึ่งมีนางภิกษุณีชื่อเมตติยามาหาท่าน จึงเล่าเรื่องความทุกข์ให้ฟังแล้วขอร้องให้นางกล่าวหาพระทัพพมัลลบุตร ว่าข่มขืนนาง เมื่อตกลงกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วนำความกราบทูลพระผู้มีพระภาค ขอให้ลงโทษพระเถระด้วยการให้ลาสิกขาออกไป
พระผู้มีพระภาค รับสั่งให้ประชุมสงฆ์แล้วตรัสถามพระเถระว่า
“ดูก่อนทัพพะ เธอจำได้ไหมว่าได้ทำตามที่ภิกษุณีนี่กล่าวหา ?”
“ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ตั้งแต่ข้าพระพุทธเจ้าเกิดมายังไม่รู้จักการเสพเมถุน แม้แต่ใน
ความฝันเลย จึงไม่จำต้องกล่าวถึงตอนตื่นอยู่ พระเจ้าข้า”

พระพุทธองค์สดับแล้ว จึงรับสั่งให้ภิกษุทั้งหลายสึกนางภิกษุณีเมตติยา นั้น แต่
พระเมตติยะกับพระภุมมชกะกราบทูลและสารภาพว่าทั้งหมดเป็นแผนการของตนทั้ง ๒ รูปพระผู้มีพระภาค ทรงปรารภเหตุนั้นจึงทรงบัญญัติสิกขาบทว่า “ภิกษุโกรธเคืองภิกษุอื่นแล้วแกล้งโจทก์ด้วยอาบัติปาราชิกไม่มีมูล ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
จากความทั้งหมดนี้ จะเห็นได้ว่า พระพุทธองค์ทรงเป็นต้นแบบแห่งกระบวนการไต่สวนตามระบบไต่สวนในปัจจุบัน ซึ่งมีความสอดคล้องกับระบบกฏหมายแบบ Civil law คือ ถือบทบัญญัติกฏหมายเป็นหลัก เหมือนพระวินัยที่ถือบทบัญญัติเป็นหลักเช่นกัน
 โทดค๊าบ
บันทึกการเข้า
เรือใบ
นักโพสท์ระดับ 8
***

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 234


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Chrome 27.0.1453.110 Chrome 27.0.1453.110


ดูรายละเอียด
« ตอบ #55 เมื่อ: 20 มิถุนายน 2556 18:09:49 »

..ดูกร...
พระนางมัลลิกา มาตุคามบางคนในโลกนี้ ไม่เป็นผู้มักโกรธไม่มากไปด้วยความ
คับแค้นใจ ถูกว่าแม้มากก็ไม่ขัดเคือง ไม่ฉุนเฉียว ไม่กระฟัดกระเฟียด ไม่กระด้างกระเดื่อง ไม่แสดงความโกรธความขัดเคืองและความไม่พอใจให้ปรากฏ
* เป็นผู้ให้ทาน คือ ข้าว น้ำ ผ้า ยวดยาน
ระเบียบ ของหอมเครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่อยู่อาศัย และประทีปโคมไฟ
แก่สมณะหรือพราหมณ์..
และถ้ามาตุคามนั้นจุติจากอัตภาพนั้นแล้ว มาสู่ความเป็นอย่างนี้
กลับมาเกิดในชาติใดๆ ย่อมเป็น..
* ผู้มีรูปงาม น่าดู น่าชม ประกอบด้วยความเป็นผู้มีผิวพรรณงามยิ่งนัก
ทั้งเป็นผู้มั่งคั่ง มีทรัพย์มาก มีโภคสมบัติมากและสูงศักดิ์ ฯ
 ตลก
บันทึกการเข้า
เรือใบ
นักโพสท์ระดับ 8
***

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 234


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Chrome 27.0.1453.110 Chrome 27.0.1453.110


ดูรายละเอียด
« ตอบ #56 เมื่อ: 20 มิถุนายน 2556 18:45:06 »

การทำกรรมฐานนี้ ก็คือ มาฝึกจิตของเรานั่นเอง เพื่อให้รู้จักจิตใจของเรา เพราะจิตของเราเกิดขึ้นมาไม่เคยได้ฝึก ปล่อยตามใจของมัน เมื่อมันโมโหก็ปล่อยตามใจของมัน เมื่อมันโกรธใคร ก็ปล่อยตามเรื่องของมัน เราเป็นเด็กๆ เกิดมาเป็นลูกของพ่อแม่ พ่อแม่ก็ยิ่งปล่อยตามใจ ไม่เคยรู้จิต ไม่เคยฝึกจิต เราจึงมาทำกรรมฐาน มาฝึกจิต รู้จักที่จะอบรมจิตของเรา เรียกว่ามาปฏิบัติธรรม”
 รู้สึกแย่
บันทึกการเข้า
joojee
นักโพสท์ระดับ 5
*****

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 33


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Chrome 27.0.1453.110 Chrome 27.0.1453.110


ดูรายละเอียด
« ตอบ #57 เมื่อ: 20 มิถุนายน 2556 19:25:34 »

ธรรมะสอนใจดีค่ะ
บันทึกการเข้า
เรือใบ
นักโพสท์ระดับ 8
***

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 234


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Chrome 27.0.1453.116 Chrome 27.0.1453.116


ดูรายละเอียด
« ตอบ #58 เมื่อ: 21 มิถุนายน 2556 14:15:32 »

ท่านพุทธทาส...
ความทุกข์มันเป็นปัญหา
เป็นสิ่งที่เราไม่ปรารถนา
หากเรายังได้ตามที่เราประสงค์ ตามต้องการอะไรอยู่
ปัญหาก็ยังไม่มี ความทุกข์ก็ยังไม่เกิด
....แท้ที่จริง
ความทุกข์ทั้งหมดมันก็รวมอยู่ตรงที่
เราตั้งใจหรือวางใจไว้ไม่ถูก
คือปล่อยให้ไปหลงยึดมั่นถือมั่น
ในสิ่งใดว่าเป็นตัวเรา หรือของเรา
พอมีความยึดมั่น หรือสำคัญผิดเช่นนี้
ความทุกข์ก็มีทันที แล้วก็มีทุกข์อยู่ตลอดเวลา
ที่ประพฤติ หรือกระทำอะไรอยู่
เพราะฉะนั้น....
เคล็ดลับสำคัญของพระพุทธศาสนาก็อยู่ตรงที่
....สอนอย่าให้ทำอะไรด้วยความยึดมั่นถือมั่น....
....แต่ให้ทำด้วยสติปัญญาที่บริสุทธิ์....
....ไม่ตกอยู่ใต้อำนาจของกิเลสตัณหา....
สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทนา...
 โทดค๊าบ
บันทึกการเข้า
เรือใบ
นักโพสท์ระดับ 8
***

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 234


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Chrome 27.0.1453.116 Chrome 27.0.1453.116


ดูรายละเอียด
« ตอบ #59 เมื่อ: 22 มิถุนายน 2556 15:42:29 »

คุณทำประกัน การเกิดเป็นมนุษย์" แล้วหรือยัง
ประกันชีวิตและสุขภาพ.......... ด้วยศีลข้อ 1
ประกันรายได้และทรัพย์สิน..... ด้วยศีลข้อ 2
ประกันครอบครัวแสนอบอุ่น..... ด้วยศีลข้อ 3
ประกันสังคม มีเครดิตดี.......... ด้วยศีลข้อ 4
ประกันสติปัญญา ไม่ประมาท... ด้วยศีลข้อ 5
ศีลทั้ง 5 ข้อนี้ ถ้าคุณมีและรักษาอย่างมั่นคง คุณจะได้รับการประกัน "การเกิดเป็นมนุษย์" ไปถึงชาติหน้าเลย..นะครับ..
 ตลก
บันทึกการเข้า
คำค้น:
หน้า:  1 2 [3] 4 5 ... 8   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.155 วินาที กับ 32 คำสั่ง

Google visited last this page 16 มิถุนายน 2566 13:46:34