ภาพ : พระจันทโคจรคุณ (ยิ้ม จนฺทรํสี)
มรณภาพ เล่าเรื่องพระอริยกวี (ทิง อิสิทตฺโต) พระมหาเถระนับแต่เมื่อครั้งตั้งวงศ์ธรรมยุตอีกรูปหนึ่ง ตอนที่ ๕
วันเมื่อกลับจากวัดพระศรีรัตนศาสดารามนั้นให้มีอาการหนาวแลร้อนคล้ายกับเป็นไข้ ด้วยพิษโรคที่เสียภายในนั้นให้เป็นไป แต่ท่านใจแข็งยังทนไปลงอุโบสถแลประชุมเข้าพรรษา นำให้พระเณรอัจ์จโยได้ ภายหลังไข้ก็ทรุดลงทุกที ไม่มีอาการฟื้น ถึงแก่ลุกนั่งไม่ได้ อุบาสิกาทรัพย์เป็นผู้รักษา ชลอมาจนถึงเดือน ๑ หรือเดือน ๒ หรือเดือน ๓ ดิถีวาระขึ้นแรมจำไม่ได้ เพราะเกล้ากระหม่อมยังเป็นเณร ความคิดยังน้อยไม่รอบคอบ จึงมิได้จดไว้
ภายหลังเมื่อพระอริยกวีกลับจากการพระราชทานพุ่มเทียน ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เมื่อวันที่ ๓ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๑๔ เมื่อกลับถึงวัดโสมนัสวิหารแล้ว มีอาการหนาวร้อนคล้ายกับเป็นไข้ แต่ท่านก็ยังใจแข็งลงพระอุโบสถร่วมประชุมอธิษฐานจำพรรษา ครั้นแล้วอาการก็ทรุดหนักมาโดยลำดับ โดยมีอุบาสิกาทรัพย์เป็นผู้รักษา มาจนถึงช่วงเดือนอ้ายถึงเดือน ๓ ของปีเดียวกันนั้น ท่านก็ถึงมรณภาพ
ดังความในเอกสาร ซึ่งสันนิษฐานว่ามีที่มาจากความทรงจำของ สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (ยัง เขมาภิรโต) ที่ว่า
“...จำได้แต่ว่าท่าน [พระอริยกวี (ทิง อิสิทตฺโต)] ถึงมรณภาพเวลา ๒ ทุ่ม เพราะว่ามันเมื่อท่านจะถึงมรณภาพนั้น ท่านมีสติสัมปัชญญะอดกลั้นทุกขเวทนา ไม่อาดูรกระสับกระส่าย แลกำหนดเวลาได้ด้วย ท่านได้สั่งให้เตรียมดอกไม้ธูปเทียนใส่พานไว้ สำหรับที่จะลาเจ้าคุณภาพ : ภาพถ่ายเก่าพระเถรานุเถระวัดโสมนัสวิหาร พ.ศ.๒๔๓๓
ตู้หนังสือวัดโสมนัสล้มแล้วเล่าเรื่องพระอริยกวี (ทิง อิสิทตฺโต) พระมหาเถระนับแต่เมื่อครั้งตั้งวงศ์ธรรมยุตอีกรูปหนึ่ง ตอนที่ ๖
...ท่านผู้นี้ [พระอริยกวี ทิง อิสิทตฺโต] เป็นศิษย์ชั้นผู้ใหญ่ในสมเด็จพระวันรัต [ทับ พุทฺธสิริ] ได้เรียนมูลแตกฉาน ชำนาญในมคธภาษา ปรากฏว่าเป็นผู้รู้มูลดีแลฉลาดในวิธีแปลหนังสือดีกว่าศิษย์ทั้งปวงในยุคนั้น แลชำนาญในฉันทพฤติ์ด้วย (วิชานี้ท่านได้แต่พี่ชายใหญ่ของท่าน เพราะว่าพี่ชายของท่านเป็นจินตกวี ชำนาญในจินดามณี แลวุตโตทัย แลตำราแต่งโคลงฉันท์กาพย์กลอนทุกอย่าง ท่านได้รับมรดกไว้) แลเป็นผู้ฉลาดในการสอนศิษย์ ได้คิดแต่บทมาลามูลเนติปกรณ์ขึ้นไว้ เพื่อสอนศิษย์ให้รู้มคธภาษาง่ายด้วย บรรดาศิษย์สมเด็จต่อมา ผู้ใดที่จะไม่ได้เรียนหนังสือในสำนักของท่านไม่ใคร่จะมี จนถึงเจ้าคุณสังกิจ์จคุณมุนี [หลิน สงฺกิจฺโจ วัดบรมนิวาส] เป็นชั้นใหญ่ ก็ได้ความรู้แต่ท่าน
เมื่อเวลาท่านถึงมรณภาพแล้วนั้น เจ้าคุณฯ ท่านได้นั่งประกาศคุณว่า “ตู้หนังสือวัดโสมนัสล้มแล้ว ข้าเจ้าเหมือนกับคนมีแขนอันขาดเหลือแต่ตัว เพราะเขาเป็นคนมีความรู้มากหาตัวเปรียบเขายาก แลเป็นผู้เพาะศิษย์ดีด้วย ในวัดนี้ที่เป็นมหาบาเรียน ล้วนเป็นศิษย์ของเขาท้องนั้น ข้าเจ้าเป็นคนชุบมือเปิบ เขาฝึกกันไว้แล้ว ข้าก็ตะครุบเอาเท่านั้น” แลพรรณนาคุณอื่นๆ แสดงความอาลัยมาก จนเกล้ากระหม่อมกลั้นน้ำตาไม่ได้ อุบาสิกาทรัพย์ก็ร้องไห้โฮในเวลานั้น เมื่อเวลาท่านกลับกุฎี ก็เดินบ่นไปว่า “ตู้หนังสือแตกเสียแล้วๆ” ดังนี้การเรียนวิชาแปลภาษาชั้นต้น จะเอามาลบล้างการไหว้พระสวดมนต์ท่องบ่นภาวนาเสียไม่ได้ เล่าเรื่องพระอริยกวี (ทิง อิสิทตฺโต) พระมหาเถระนับแต่เมื่อครั้งตั้งวงศ์ธรรมยุตอีกรูปหนึ่ง ตอนที่ ๗
...อนึ่งท่านผู้นี้ [พระอริยกวี ทิง อิสิทตฺโต] ไม่เป็นแต่ผู้รู้เปล่า เป็นผู้ปฏิบัติจริงด้วย รักษาอินทรีย์สงบแบบเดียวกันกับเจ้าคุณจันทโคจรคุณ ไม่เห็นท่านมีนิสัยนักเลงเลย มีแต่ฝึกศิษย์ให้สวดมนต์ไหว้พระ แลเรียนพระปริยัติธรรมเป็นนิตย์ สอนศิษย์ว่าการเรียนหนังสือนั้น เป็นการเรียนวิชาแปลภาษาชั้นต้น จะเอามาลบล้างการไหว้พระสวดมนต์ท่องบ่นภาวนาเสียไม่ได้ การไหว้พระสวดมนต์เจริญภาวนานี้เป็นกิจธุระของตนเป็นบุญกุศลแท้ อย่าให้ขาดเสียได้ สอนอยู่เช่นนี้เนืองๆ ส่วนท่านก็หมั่นไหว้พระเจริญภาวนาไม่ขาดเหมือนกัน ท่านชอบนั่งในกุฏิองค์เดียวมืดๆ ไม่จุดไฟเป็นปรกติ จุดแต่เวลาไหว้พระแลมีกิจธุระจะต้องใช้ไฟเท่านั้น [/size]
ที่มา : เพจ เล่าเรื่อง วัดบวรฯ