เรื่องย่อในพระธรรมบท บทที่ 23 : นาควรรค
เรื่องย่อในพระธรรมบท บทที่ 23 : นาควรรค
01.เรื่องของพระองค์พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในกรุงโกสัมพี ทรงปรารภพะระองค์ ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า
อหํ นาโคว เป็นต้น
ในกาลครั้งหนึ่ง พราหมณ์บิดาของนางมาคันทิยา มีความประทับใจในบุคลิกภาพของพระศาสดา และได้เสนอนางมาคันทิยาบุตรสาวผู้มีงดงามมากนี้เป็นบาทบริจาริกาของพระศาสดา แต่พระศาสดาทรงปฏิเสธและตรัสว่าพระองค์ไม่มีความประสงค์
จะสัมผัสสิ่งซึ่งเต็มไปด้วยอุจจาระและปัสสาวะแม้ด้วยเท้าของพระองค์ เมื่อฟังพระดำรัสนี้แล้ว บิดาและมารดาของนางมาคันทิยาก็ได้
บรรลุอนาคามิผล แต่นางมาคันทิยาถือว่าพระศาสดาเป็นศัตรูฉกาจฉกรรจ์ของนาง และนางหาทางที่จะแก้แค้นพระศาสดาให้ได้
ในกาลต่อมา นางมาคันทิยาได้รับการสถาปนาเป็นหนึ่งใน 3 มเหสีเอกของพระเจ้าอุเทน เมื่อพระนางมาคันทิยาทรงทราบว่าพระศาสดาเสด็จมายังกรุงโกสัมพี พระนางก็ได้ว่าจ้างคนให้มาตะโกนด่าว่าพระศาสดา ขณะที่พระองค์เสด็จออกบิณฑบาตในเมือง พวกคนที่ถูกจ้างวานมาเหล่านั้นก็ได้ตะโกนด่าพระศาสดาว่า “เจ้าเป็นโจร เจ้าเป็นคนพาล เจ้าเป็นคนหลง เจ้าเป็นอูฐ เจ้าเป็นโค เจ้าเป็นลา เจ้าเป็นสัตว์นรก เจ้าเป็นสัตว์ดิรัจฉาน สุคติไม่มีสำหรับเจ้า ทุคติเท่านั้นอันเจ้าพึงหวัง”
พระอานนท์สดับคำด่าเหล่านั้นแล้ว ได้กราบทูลพระศาสดา ให้เสด็จออกจากเมืองโกสัมพีไปยังที่อื่นเสีย แต่พระศาสดาตรัสว่า เมื่อไปอยู่ที่เมืองอื่น ก็อาจจะถูกด่าแบบนี้อีก
ซึ่งก็จะต้องย้ายหนีไปอยู่ที่เมืองอื่นต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เมื่อมีเรื่องเกิดขึ้น ณ ที่ใด ก็ควรจะให้เรื่องนั้นสงบระงับเสียก่อน จึงค่อยไป ณ ที่แห่งอื่น และพระศาสดาได้ตรัสกับพระอานนท์ด้วยว่า “
อานนท์ เราเป็นเช่นกับช้างที่เข้าสู่สงคราม การอดทนต่อลูกศรที่แล่นมาจาก 4 ทิศ เป็นภาระของช้างที่เข้าสู่สงคราม ฉันใด ชื่อว่าการอดทนถ้อยคำที่ชนทุศีลแม้มากกล่าวแล้ว เป็นภาระของเราฉันนั้นเหมือนกัน”
จากนั้น พระศาสดาได้ตรัส
พระธรรมบท สามพระคาถานี้ว่า
อหํ นาโคว สงฺคาเม
จาปาโต ปติตํ สรํ
อติวากฺยํ ติติกฺขิสฺสํ
ทุสฺสีโล หิ พหุชฺชโน ฯ
ทนฺตํ นยนฺติ สมิตึ
ทนฺตํ ราชาภิรูหติ
ทนฺดต เสฏฺโฐ มนุสฺเสสุ
โยติวากฺยํ ติติกฺขติ ฯ
วรมสฺสตรา ทนฺตา
อาชานียา จ สินฺธวา
กุญฺชรา จ มหานาคา
อตฺตทนฺโต ตโต วรํ ฯเราจักอดกลั้นคำล่วงเกิน
เหมือนช้างอดทนลูกศรที่ตกจากแล่งในสงครามฉะนั้น
เพราะชนเป็นอันมากเป็นผู้ทุศีล
ชนทั้งหลาย ย่อมนำสัตว์พาหนะที่ฝึกแล้วไปสู่ที่ประชุม
พระราชาย่อมทรงสัตว์พาหนะที่ฝึกแล้ว.
บุคคลผู้อดกลั้นคำล่วงเกินได้ ฝึกตนแล้ว
เป็นผู้ประเสริฐ ในมนุษย์ทั้งหลาย
ม้าอัสดร1 ม้าสินธพผู้อาชาไนย1
ช้างชนิดกุญชร1 ที่ฝึกแล้ว
ย่อมเป็นสัตว์ประเสริฐ
แต่บุคคลที่มีตนฝึกแล้ว
ย่อมประเสริฐกว่า(สัตว์พิเศษนั้น)”เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง มหาชนแม้ทั้งหมดนั้น ผู้รับสินจ้างแล้วยืนด่าอยู่ในที่ทั้งหลาย มีถนนและทางแยกเป็นต้น บรรลุโสดาปัตติผล.