[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน => ข้อความที่เริ่มโดย: ไร้ลักษณะ ที่ 17 กันยายน 2556 21:41:43



หัวข้อ: ล้างมลทิน
เริ่มหัวข้อโดย: ไร้ลักษณะ ที่ 17 กันยายน 2556 21:41:43
ล้างมลทิน

วิญญาณ สิ่งเนื่อง, สิ่งเชื่อมต่อ ระหว่างปรมาณู
เกิดมาเพื่อ กำจัดวิญญาณ
   ต้องรู้ให้ได้ก่อนว่า วิญญาณ คืออะไร ตั้งอยู่ที่ไหน
   ถ้ารู้ว่าเขาคืออะไร  ตั้งอยู่ตรงไหนแล้ว ก็กำจัดเขาได้ไม่ยาก
   คำตอบเรื่อง วิญญาณ,  วิญญาณมีกี่ลักษณะ
วิญญาณ คือ สิ่งที่เป็น(๑) 
ตั้งอยู่ที่ ความรู้สึก (๒) และที่กระดุกกระดิกได้ทั้งหมด ตลอดถึงลักษณะอาการการแสดงออก กิริยาท่าทางต่าง ๆ
ผลงานของวิญญาณ คือ (๓) สิ่งที่เห็น เป็นรูปธรรมต่าง ๆ ที่ถูกสร้างมาจากวิญญาณ(ความรู้สึก) เช่น บ้าน รถ เฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ ฯลฯ 
   มีกี่ลักษณะ ตอบ ๓ ลักษณะ คือ ๑. สิ่งที่เป็น(รูปตน)  ๒. สิ่งที่เห็น(รูปลักษณะนอกตน) ๓. สิ่งที่ รู้สึก รู้นึก รู้ปรุงแต่ง ที่กระดุกกระดิกได้ทั้งหมด
เมื่อรู้ชัดเรื่องของวิญญาณอย่างนี้แล้ว ควรหรือที่จะยินดีหรือยินร้าย พอใจ ไม่พอใจ กับ สิ่งที่เป็น(รูปตนเอง), สิ่งที่เห็น(รูปนอกตน), ความรู้สึกต่าง ๆ กิริยาท่าทาง การแสดงออกต่าง ๆ เพราะทั้งหมดนี้คือ “วิญญาณ”
สรุปแล้ว
   โลกธาตุนี้ เป็นโลกของวิญญาณ
   ถ้าไม่มีการเชื่อมต่อของวิญญาณแล้ว ก็เป็นเพียงแต่สภาพไร้ลักษณะ ไม่สักว่าเป็นอะไรเลย ไม่ใช่ตัว ไม่ใช่ตน ไม่ใช่สัตว์ บุคคล เรา เขา ที่ไหน. ก็จบเหตุโลกวิญญาณ.
   เมื่อแจ้งชัดเรื่อง วิญญาณ จนเต็มรอบในหัวจิตหัวใจแล้ว... สุดท้ายก็ อไทวตธรรม
   คือ      หมดคำพูด (หมดตัว)
         หมดความรู้สึก (หมดใจ)
สมดั่งคำพูดของข้าพเจ้าที่เริ่มเปิดการสอนสัตว์โลก เมื่อประมาณปี ๒๕๕๓ ว่า มาที่นี่ (มาให้ข้าพเจ้าสอน) ถ้าไม่แน่จริงอย่ามา เพราะมาที่นี่ คุณ...จะต้องหมดทั้งตัว ไม่เหลือแม้แต่ใจ.

                           ไร้ลักษณะ

   วิธีการสอนของฉัน คือ จี้ลงไปที่ความรู้สึก ใจของเขาติดอะไรอยู่ ฉันก็จี้ ก็งัด ก็กระทุ้งเข้าไปตรงจุดนั้น ตัวตนที่แท้จริงของเขาจึงออกมา  ซึ่งพวกเขาไม่มีวันรู้ด้วยตนเอง หรอกว่า สิ่งที่เขาติดอยู่นั้นเรียกว่า ความรู้สึก หรือ วิญญาณ และวิญญาณนั่นแหละจะพาเขาไปเกิดใหม่ แล้วก็ทุกข์ใหม่ แล้ว ๆ เล่า ๆ  ดั่งเช่นสมเด็จพ่อ ท่านตรัสไว้ว่า วิญญาณตั้งอยู่ที่ใด การเกิดภพชาติย่อมเจริญงอกงาม ณ ที่นั้น  การเกิดทุกครา เป็นทุกข์ร่ำไป.
   ข้าพเจ้าบอกตนเองอยู่เสมอว่า “ถ้าฉันไม่แน่จริง ฉันไม่มาโลกธาตุนี้หรอก ฉันนี่แหละ นักล่าวิญญาณ ฉันนี่แหละคือผู้ดับวิญญาณตาเป็น ๆ ถ้าไม่แน่จริงฉันไม่มาหรอก เพราะฉันรู้ว่า โลกธาตุนี้คือ โลกของวิญญาณ ฉันจึงมา มาเพื่อดับวิญญาณตาเป็น ๆ มาเพื่อช่วยสัตว์โลก เขาไม่ต้องติดอยู่ในโลกวิญญาณอีกต่อไป คือ ดับการเกิด เมื่อไม่เกิด ก็ไม่ทุกข์”
   ด้วยเหตุนี้ ฉันจึงทำกับพวกคุณอย่างเจ็บปวด แทบกระอักกันไปทุกคน เพราะฉันเจตนา ช่วย ทุกคนด้วยการจี้ลงไปที่วิญญาณ(ความรู้สึก)   ถ้าทุกคน...เอะใจ ดูสักนิด คุณจะ ตื่น แต่ถ้าคุณไม่ เอะใจ คุณก็จะกล่าวโทษฉันสารพัด  แต่ก็เป็นเรื่องธรรมดามากสำหรับฉัน ที่พวกคุณจะกล่าวโทษ เพราะคุณยังไม่เห็นแจ้งเรื่องวิญญาณ ก็ยังถูกวิญญาณครอบงำอยู่  แต่ฉันก็บอกไปแล้วด้วยเช่นกันว่า ถ้าไม่แน่จริงฉันไม่มาหรอก ฉันเจตนามาเพื่อช่วย ช่วยดับวิญญาณ นำเรื่องวิญญาณมาตีแผ่ให้สัตว์โลก ตื่น  ดังนั้น ฉันจึงทำกับพวกคุณอย่างเข้มข้นที่สุด  ฉันมั่นใจว่า พวกคุณต้องไม่เคยเจอการสอนเช่นนี้ที่ไหนแน่ ๆ  เพราะ ผู้สอนต้องเตรียมรับคำชม (ประณาม) จากผู้มาเรียนแน่ ๆ เพราะไปจี้ตัวแม่(ความรู้สึก/วิญญาณ) ของเขาเข้าเต็ม ๆ  มัน(วิญญาณ) มันเจ็บ มันไม่ชอบให้ใครรู้จักมัน เพราะเดี๋ยวสมาชิกการเกิดจะหายไป  วิญญาณ(ความรู้สึก) มันชอบ เพราะ ๆ หวาน ๆ บวก ๆ  แต่ถ้ามันมาเจอกับฉัน มันเจ็บแน่ ๆ เพราะ ฉันมาเพื่อกำจัดมัน(วิญญาณ)โดยเฉพาะ ย้ำ! ไม่อย่างนั้นฉันไม่มาหรอก  เพราะฉะนั้น ถ้าใครไม่แน่จริง อย่ามาเจอฉัน ไม่อย่างนั้น คุณ...จะต้องหมดตัว(ตน) ไม่เหลือแม้แต่ใจ(ของของตน) เพราะฉันจะขนาบ จะบีบ จะเค้น จะจี้แทง จนมัน(วิญญาณ)ดับจนมันไม่เหลือซาก บีบ แล้ว ๆ เล่า ๆ จนกว่าคุณจะตื่นจากมัน.

ปกิณกะ ๑
      ...ที่ไหน ?  ทำอย่างสมเด็จพ่อบ้าง
•   เราไม่พยายามทำกะพวกเธอ  อย่างทะนุถนอม
   เหมือนพวกช่างปั้นหม้อ  ทำแก่หม้อ  ที่ยังเปียก  ยังดิบอยู่
•   เราจักขนาบแล้ว  ขนาบอีก  ไม่มีหยุด

•   เราจักชี้โทษแล้ว  ชี้โทษอีก  ไม่มีหยุด
   ผู้ใดมีมรรคผลเป็นแก่นสาร  ผู้นั้นจักทนอยู่ได้
(มหาสุญญตสุตต อุปริ. ม. ๑๔/๒๔๕/๓๕๖)

ปกิณกะ ๒
   จะตื่นกันตอนไหน ?  พระอาทิตย์ใกล้จะตกดินแล้ว  เดี๋ยวก็ทุกข์อีก  เสียดายเกิดมาเป็นมนุษย์ พบพระพุทธศาสนา แต่ ! ไม่พบ ไม่เห็น ไม่รู้จัก พระพุทธเจ้า ผู้เป็นศาสดาของพระพุทธศาสนา ขอ...

ปกิณกะ ๓
   
   ...ขอให้ตื่นเถิด อย่ามัวหลับใหล ลุ่มหลง  เวลาใกล้จะหมดแล้ว อย่าได้เป็นผู้ที่ต้องร้อนใจในภายหลังเลย. (เสียดาย......จัง หลับ ลึก ไปหน่อย) ขออย่าได้ยินคำหลังนี้เลย สาธุ     

•   คนเรา ควรมองผู้มีปัญญาใด ๆ ที่คอยชี้โทษ  คอยกล่าวคำขนาบอยู่เสมอไป  ว่าคนนั้นแหละ  คือผู้ชี้ขุมทรัพย์ละ, ควรคบบัณฑิตที่เป็นเช่นนั้น,  เมื่อคบหากับบัณฑิตชนิดนั้นอยู่  ย่อมมีแต่ดีท่าเดียว  ไม่เลวเลย
(ปณ ฑิตวคค ธ. ขุ. ๒๕/๒๕/๑๖)