[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

นั่งเล่นหลังสวน => สุขใจ ร้านน้ำชา => ข้อความที่เริ่มโดย: สุขใจ ข่าวสด ที่ 10 กันยายน 2566 00:37:12



หัวข้อ: [ข่าวมาแรง] - ชำแหละ Watchmen: ความหมายของ ‘คนดี’ และ ‘ฮีโร่’ ในฐานะตัวแทนแนวคิดเชิงจริยศาสตร์ 2
เริ่มหัวข้อโดย: สุขใจ ข่าวสด ที่ 10 กันยายน 2566 00:37:12
ชำแหละ Watchmen: ความหมายของ ‘คนดี’ และ ‘ฮีโร่’ ในฐานะตัวแทนแนวคิดเชิงจริยศาสตร์ 2
 


<span class="submitted-by">Submitted on Sat, 2023-09-09 22:29</span><div class="field field-name-field-byline field-type-text-long field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><p>ภัทรพล เป็งวัฒน์</p>
<p> </p>
</div></div></div><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p><strong>อารัมภบท</strong></p>
<p>บทความในตอน (1/2) ได้พาผู้อ่านไปสำรวจและมองเห็นอีกหนทางหนึ่งในการให้ความหมาย ‘คนดี’ ที่ภาพยนตร์ Watchmen ชวนเราทุกคนตั้งคำถาม ในบทความนี้ผู้เขียนมีความตั้งใจจะนำเสนอและชวนทำความเข้าใจแนวคิดเชิงจริยศาสตร์แบบต่างๆ ผ่านตัวละครฮีโร่แต่ละตัวในภาพยนตร์ Watchmen ด้วยคาแรคเตอร์ของฮีโร่แต่ละตัวที่โดดเด่น แตกต่าง และเป็นตัวของตัวเอง รวมความไปถึงวิธีคิดและการกระทำของพวกเขาที่ปรากฏในเนื้อหาภาพยนตร์ ทำให้เห็นถึงแนวคิดเชิงจริยศาสตร์แบบต่างๆ ได้ดี เอาเป็นว่า ฮีโร่แต่ละตัวจะเป็น ‘ตัวแทน’ ของแนวคิดเชิงจริยศาสตร์แบบใดบ้าง พวกเขารอผู้อ่านอยู่ ในบรรทัดถัดไป</p>
<p>ทีม Watchmen ในฉบับภาพยนตร์ประกอบไปด้วยตัวละครหลักทั้งหมด 6 ตัว คือ เดอะคอมเมเดี้ยน (The comedian) ดร.แมนฮัตตัน (Doctor Manhattan) ไนต์อาวล์ (Nite Owl) โอซีแมนเดียส (Ozymandias) รอร์แชค (Rorschach) และ ซิลก์สเปคเทอร์ (Silk Specter) ทว่าในบทความนี้จะทำการกล่าวถึงเพียง 4 ฮีโร่ที่เป็นตัวแทนแนวคิดทางจริยศาสตร์ 4 แบบ ได้ดี แต่ก่อนที่จะไปทำความรู้จักแนวคิดจริยศาสตร์ที่ปรากฏในภาพยนตร์ ก่อนอื่นเรามีความจำเป็นต้องทำความเข้าใจ ‘จริยศาสตร์’ เสียก่อน</p>
<p><strong>จริยศาสตร์คืออะไร?</strong></p>
<p>เมื่อกล่าวถึงคำว่า ‘จริยศาสตร์’ หลายต่อหลายคนคงรู้สึกไม่คุ้นเคย และมีความรู้สึกว่าคำคำนี้ช่างห่างไกลตัวเหลือเกิน อนึ่งอาจจะเกิดจากการที่สังคมไทยมีความสัมพันธ์กับวิชาปรัชญาในรูปแบบที่คล้ายกับว่าจะอยู่ใกล้ แต่ในความเป็นจริงกลับห่างไกลวิชาปรัชญาและกระบวนการทำปรัชญาซึ่งความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นนี้เป็นผลมาจากระบบการศึกษาและการให้ความสำคัญอันน้อยนิดกับพื้นที่ของความเห็นต่าง ความหลากหลาย ความคิดสร้างสรรค์ รวมไปถึงการตั้งคำถามซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในวิชาปรัชญา (ผู้เขียนขอเก็บประเด็นนี้ไว้ก่อน) การห่างไกลจากวิชาปรัชญา จึงทำให้ห่างไกลจากความเข้าใจ จริยศาสตร์ แล้วเราสามารถเข้าใจจริยศาสตร์ได้อย่างไร?</p>
<p>ในความเป็นจริงแล้ว จริยศาสตร์ เป็นเรื่องง่ายๆ ที่เกิดขึ้นและแทบเป็นเนื้อเดียวกับการมีชีวิต จริยศาสตร์ถือเป็นเรื่องในชีวิตประจำวัน โดยเรียบง่ายที่สุด จริยศาสตร์เป็นเรื่องที่ข้องเกี่ยวกับ ‘การกระทำ’ อันเป็น ‘ขั้นต่อ’ จากการมองมองเห็นและเข้าใจโลก หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ มนุษย์เข้าใจตนเองและโลกอย่างไร ก็จะเลือกกระทำต่อบางสิ่งบางอย่างตามความเข้าใจที่เขาเข้าใจ เลือกคิด และเลือกเชื่อ เช่นนั้น</p>
<p>จริยศาสตร์ยังเกี่ยวข้องโดยตรงกับการตัดสินใจกระทำการบางอย่างในชีวิต โดยจริยศาสตร์วางอยู่บนความเป็นไปได้ ความเป็นไปได้ที่ว่านี้ เป็นความเป็นไปได้ของการกระทำ กล่าวคือ การเลือกกระทำอะไรสักอย่างหนึ่ง แน่นอนว่า การกระทำนั้นอาจขัดแย้งกันกับธรรมชาติหรือความปกติทั่วไป การกระทำนั้นอาจมีที่มาจากมโนสำนึก ความเป็นไปได้ของจริยศาสตร์นั้นช่วยให้เกิดการขบคิด จริยศาสตร์รั้งเหนี่ยวเราจากความเรียบง่ายในการอธิบายสิ่งที่จะเกิดภายหลังที่เรากระทำบางอย่างลงไป และอนุญาตให้เราตัดสินใจว่าการกระทำใดควรหรือไม่ควรจะเกิดขึ้น จริยศาสตร์พาเราทะยานไปกับคำถามที่ว่า การกระทำใดเป็นการกระทำที่ดีที่สุด? เมื่อต้องตัดสินใจในสถานการณ์บางอย่าง บนความเป็นไปได้ทั้งหมด นอกจากนี้แล้วจริยศาสตร์ยังไถ่ถามถึงความรับผิดชอบต่อการกระทำอันเป็นผลมาจากความคิดความเชื่อและการกระทำของเรา<a href="#_ftn1" name="_ftnref1" title="" id="_ftnref1">[1][/url] การตอบคำถามทางจริยศาสตร์เหล่านี้เป็นตัวการสำคัญที่จะทำความเข้าใจหนทางของชีวิตและจะนำไปสู่คำตอบของคำถามอย่าง ชีวิตที่ดีที่สุดคืออะไร? และความหมายของชีวิตคืออะไร? อีกด้วย</p>
<p><strong>จริยศาสตร์ ไม่ใช่ ศีลธรรม</strong></p>
<p>ผู้คนส่วนมากมักเข้าใจว่า จริยศาสตร์ เป็นสิ่งเดียวกับ ศีลธรรม แต่ในความเป็นจริงแล้ว จริยศาสตร์ ไม่ใช่ ศีลธรรม แต่อาจมีเนื้อหาบางประการที่มีส่วนเกี่ยวข้องกันอยู่บ้าง จริยศาสตร์ให้ความสำคัญกับการสอบทานเกี่ยวกับเรื่องของคุณค่า หลักการ และจุดมุ่งหมาย ของการกระทำ<a href="#_ftn2" name="_ftnref2" title="" id="_ftnref2">[2][/url] จริยศาสตร์ให้ความสำคัญกับ คำถาม ‘ควร’ ทำอะไร ซึ่งการตอบคำถามนี้เป็นการสะท้อนการตัดสินใจที่ขึ้นตรงกับกระบวนการคิดหรือกรอบคิดที่ผู้ตอบคำถามยึดในคุณค่า หลักการ และจุดประสงค์ ไม่ใช่การตัดสินใจจากพฤติกรรมที่ไม่ผ่านการไตร่ตรอง ขนบสังคม หรือ ประโยชน์ส่วนตนเป็นที่ตั้ง คุณค่าที่ว่านี้คือ คุณค่าความดี หลักการที่ว่าคือ หลักการของความถูกต้อง และ จุดประสงค์ คือ จุดประสงค์หมายมุ่งสำคัญต่อการเติมเต็มความหมายของการมีชีวิตอยู่<a href="#_ftn3" name="_ftnref3" title="" id="_ftnref3">[3][/url]</p>
<p>ในทางตรงกันข้าม ศีลธรรม หมายถึง ระบบของคุณค่า กฎเกณฑ์เชิงปทัสถาน หรือแนวคิดความเชื่อบางอย่างที่มีมาตรบ่งชี้ในการตัดสินความดี ความชั่ว ความถูกต้อง ความผิด อยู่แล้ว โดยการตัดสินขึ้นอยู่กับว่าจะอ้างอิงหรือมีฐานคิดอยู่บนความเชื่อตามวัฒนธรรม ความเชื่อทางศาสนา หรือ ความเชื่อทางปรัชญาแบบใด<a href="#_ftn4" name="_ftnref4" title="" id="_ftnref4">[4][/url] ระบบศีลธรรมใดๆ ก็ตาม นับว่าเป็นเครื่องมือนำทางในระดับปัจเจกบุคคล ทำหน้าที่เสมือนคู่มือเดินทางสำหรับบุคคลในการคิด ตัดสินใจ และดำเนินชีวิต ศีลธรรมเป็นสิ่งที่ยอมรับกันในสังคมหรือวัฒนธรรมที่แตกต่างกันไปตามบริบทสังคม มีความเกี่ยวข้องชี้วัดว่าสิ่งใดถูกหรือผิด และขึ้นตรงกับปัจเจกบุคคล ศีลธรรมสามารถกระทำการเป็นตัวการที่ควบคุมคุณค่าและความเชื่อ รวมถึงการกำหนดการตัดสินใจและพฤติกรรมของบุคคลให้เป็นไปตามระบบศีลธรรมที่ปัจเจกบุคคลนั้นเชื่อหรือยึดถือ<a href="#_ftn5" name="_ftnref5" title="" id="_ftnref5">[5][/url] ในเชิงประวัติศาสตร์ บางครั้งศีลธรรมเกิดขึ้นและเกี่ยวข้องอย่างแนบสนิทกับขนบคติทางศาสนา เป็นระบบศีลธรรมที่มีฐานคิดจากศาสนา ทั้งนี้โดยภาพรวมแล้ว ศีลธรรมเป็นมาตรวัดหรือระบบคิดบางอย่างที่อยู่ในฐานะเครื่องมือสำหรับยึดถือในการตัดสินความถูกผิดของผู้คนในสังคมหนึ่งๆ<a href="#_ftn6" name="_ftnref6" title="" id="_ftnref6">[6][/url] คนสองคนที่เป็นเพื่อนกันอาจมีความเชื่อในระบบศีลธรรมที่ต่างกัน หรือ สังคมของผู้คนที่มีช่วงวัยแตกต่างกันมากอาจมีระบบศีลธรรมที่ยึดเป็นปทัสถานที่ต่างกัน</p>
<p><strong>ศีลธรรม อาจบอกกับเราว่าทำสิ่งนี้แล้ว ดี หรือ ไม่ดี ถูก หรือ ผิด แต่จริยศาสตร์บอกให้เราตั้งคำถามว่า ความดี คืออะไร การกระทำอะไร คือ ความถูกต้อง และชีวิตที่ดี มีความหมายเป็นชีวิตแบบใด </strong></p>
<p><strong>‘ฮีโร่’ ในฐานะตัวแทนแนวคิดเชิงจริยศาสตร์แบบต่างๆ</strong></p>
<p><strong>รอร์แชค: Kantian Ethics</strong></p>
<p style="text-align: center;"><strong><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/3473/3372912823_4683c7a28b_o_d.png" style="width: 500px; height: 397px;" /></strong></p>
<p>มาเริ่มต้นกันที่รอร์แชค ตัวละครหลักผู้ขับเคลื่อนเรื่องราวในภาพยนตร์ ชายผู้ปิดบังใบหน้าด้วยหน้ากากสีขาวที่มีหมึกสีดำที่สามารถเปลี่ยนแปลงไปมาได้ตลอดเวลา รอร์แชคเป็นชื่อที่มีที่มาจากทฤษฎีการทดสอบทางจิตวิทยา Rorschach เป็นการทดสอบโดยให้ผู้ทดสอบดูภาพหมึกและให้อธิบายสิ่งที่พวกเขาเห็น การทดสอบเชื่อว่าจะช่วยบอกถึงบุคลิกภาพและเชื่อว่าจะเปิดเผยจิตไร้สำนึกของผู้ทดสอบ จากแนวคิดที่เขานั้นยึดถือ รอร์แชคนั้นเชื่อว่าโลกใบนี้มีความดีและความชั่วร้ายเท่านั้น การตัดสินทางจริยศาสตร์แบ่งออกเป็นสองขั้ว ไม่ขาวก็ดำ ถ้าเป็นดำก็ไม่ใช่สีขาว ตามความคิดของรอร์แชคจึงไม่มีพื้นที่สีเทาหรือพื้นที่ของความคลุมเครือของการตัดสินเชิงจริยธรรมอยู่เลย ดังที่เขากล่าวในเรื่องว่า “Because there is good and there is evil, and evil must be punished. Even in the face of Armageddon I shall not compromise in this.” (โลกนี้มีสิ่งดีและสิ่งเลวทราม ความชั่วร้ายต้องถูกลงทัณฑ์ แม้ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับวันสิ้นโลก (Armageddon ตามความเชื่อในคริสตศาสนา) ฉันไม่ควรประนีประนอมกับสิ่งนี้) การจัดแบ่งความดีและความเลวออกเป็นสองขั้ว รวมถึงการยืนหยัดต่อความถูกต้อง โดยไม่ประนีประนอมว่าหรือย่อหย่อน รอร์แชคจึงเป็นตัวแทนแนวคิดจริยศาสตร์แบบค้านท์ (Kantian Ethics) อิมเมนูเอล ค้านท์ (Immanuel Kant, 1724 - 1804) นักปรัชญาชาวเยอรมัน ผู้เห็นว่ากฎเกณฑ์ทางศีลธรรมที่แท้จริงจะต้องสามารถนำไปใช้ได้กับมนุษย์ทุกคน ไม่ว่าจะอยู่ในบริบทหรือสถานการณ์ใดก็ตาม ค้านท์เสนอแนวคิดความจำเป็นเด็ดขาด (Categorical Imperatives) เป็นแนวคิดที่ให้ความสำคัญการทำตามหน้าที่หรือกฎสากลที่ใช้ได้กับทุกคน ทุกสถานการณ์ โดยไม่คำนึงถึงผลของการกระทำ<a href="#_ftn7" name="_ftnref7" title="" id="_ftnref7">[7][/url] การให้น้ำหนักเชิงคุณค่าตามแนวคิดนี้เน้นไปที่การทำตามหน้าที่โดยปราศจากอารมณ์ ความรู้สึก และการคำนึงถึงผลของการกระทำมาเป็นเงื่อนไขในการกระทำการใดๆ การกระทำที่มีคุณค่าสำหรับค้านท์จึงเป็นการกระทำที่เกิดมาจากการสำนึกในหน้าที่เท่านั้น และ ความแน่นอนตายตัวของคุณค่าทางจริยธรรมเป็นไปตามกฎเกณฑ์สากลที่สามารถใช้ตัดสินได้ทุกที่ ทุกเวลา</p>
<p> </p>
<p><strong>โอซีแมนเดียส: Utilitarian Ethics</strong></p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53174515707_bec49e35bf_o_d.jpg" style="width: 500px; height: 724px;" /></p>
<p>“A world united in peace… there had to be sacrifice.” (โลกาจะสันติรวมเป็นหนึ่ง … เสียสละจึงต้องเกิด) คำกล่าวแสดงความหวังและความตั้งใจของโอซีแมนเดียส ฮีโร่ผู้ต้องการเห็นมวลมนุษยชาติอยู่ร่วมกันด้วยความผาสุก เขาคือฮีโร่ผู้ผันตัวมาเป็นนักลงทุนด้านอุตสาหกรรมและประธานกรรมการบริหารเครืออุตสาหกรรม ในภาพยนตร์เขาเป็นผู้วางแผนที่จะรวมชาวโลกให้เป็นหนึ่งเดียว เขามีแผนการที่หวังจะป้องกันไม่ให้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 โดยการฆ่าผู้คนหลายล้านคน เขาเชื่อว่าการนำมาซึ่งความสงบสุขของมวลมนุษย์มีความจำเป็นต้องมีผู้เสียสละ ล้มตาย หรือเจ็บปวดเสมอ ด้วยความเชื่อเช่นนี้ โอซีแมนเดียสจึงเป็นตัวแทนที่ดีของแนวคิดจริยศาสตร์แบบประโยชน์นิยม หรือ หลักมหสุข (Utilitarian Ethics) แนวคิดนี้ให้ความสำคัญกับความสุขมวลรวม กล่าวคือ การกระทำใดที่ก่อให้เกิดความสุขในเชิงปริมาณมากที่สุดและความสุขนั้นเกิดแก่ผู้คนจำนวนมากมากที่สุด การกระทำนั้นเป็นการกระทำที่ดีและถูกต้อง แนวคิดประโยชน์นิยมจะมองเพียงผลของการกระทำเป็นที่ตั้ง ไม่สนใจวิธีการที่นำไปสู่ผลนั้น ขอเพียงให้เกิดสุขมวลรวมมากที่สุดก็นับว่าเป็นการกระทำที่ดี แนวคิดดังกล่าวนี้มีนักปรัชญาคนสำคัญที่มักถูกกล่าวถึงเสมอเมื่อกล่าวถึงประโยชน์นิยม นั่นคือ เจเรมี เบนธัม (Jeremy Bentham, 1784 - 1832) เบนธัมเริ่มต้นจากการมองว่ามนุษย์นั้นเกิดมาเพื่อแสวงหาความสุข และการแสวงหาความสุขที่มนุษย์ต้องการในตนเอง ขณะเดียวกันมันคือการกีดกันตัวเองให้ห่างไกลจากความทุกข์ยาก มนุษย์จึงมีแรงขับเคลื่อนภายในและแสดงออกมาเป็นการกระทำ<a href="#_ftn8" name="_ftnref8" title="" id="_ftnref8">[8][/url]</p>
<p>จากแนวคิดของโอซีแมนเดียส นำไปสู่คำถามที่ว่า ความสุขแบบมวลรวม จำเป็นหรือไม่ที่จะต้องแลกมาด้วยชีวิตมนุษย์บางคน เพื่อให้ มนุษย์บางคนมีชีวิตอยู่ได้ การสนใจเพียงแต่คำตอบ หรือ ผล แล้วละเลยวิธีการ เป็นทางออกของปัญหาที่ดีที่สุดจริงหรือ?</p>
<p> </p>
<p><strong>เดอะคอมเมเดี้ยน: Nihilism</strong></p>
<p style="text-align: center;"><strong><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/2210/3535103723_2870cb5d62_o_d.png" style="width: 500px; height: 678px;" /></strong></p>
<p>เดอะคอมเมเดี้ยน ถือเป็นตัวแทนของแนวคิดสูญนิยม (Nihilism) (สำหรับวีรกรรมของตัวละครนี้ ผู้เขียนได้กล่าวไปแล้วในตอนที่ 1/2 จึงจะไม่ขอกล่าวซ้ำ) การมีบุคลิกแบบเสเพลย์บอยที่ปรากฏอยู่ในภาพยนตร์ของตัวละครนี้ ทำให้สอดคล้องโยงใยไปกับการมองโลกแบบสูญนิยม สูญนิยมปฏิเสธคุณค่าของทุกสิ่ง ปฏิเสธการสร้างคุณค่าและการให้คุณค่าของทุกสิ่ง  สูญนิยมเชื่อว่าทุกสิ่งอย่างนั้นล้วนไร้ความหมาย สูญนิยมมีการแตกแขงแนวคิดแยกย่อยออกไปในหลายรูปแบบ อย่างไรก็ตามแนวคิดนี้มีหลักการอันเป็นพื้นฐานสำคัญร่วมกันอยู่ นั่นคือ เชื่อว่าการดำรงอยู่เป็นสิ่งไร้คุณค่า ไม่มีความจริงแท้ และ ทุกสิ่งไม่มีความหมายทั้งสิ้น เมื่อมองโลกเช่นนี้ นักคิดสูญนิยมจึงไม่มีเหตุผลอันใดที่จะยึดถือหลักการหรือคุณค่าใดๆ ไว้ ทั้งเรื่องของความจริง คุณความดี ทั้งเพื่อตนเองและเพื่อผู้อื่น และการมองโลกบนฐานการมองที่เชื่อว่าโลกใบนี้ปราศจากความหมายและคุณค่าที่แท้ การกระทำที่มนุษย์กระทำไปมันจึงไร้ความหมายไปด้วย ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตามแต่ทุกสิ่งทั้งการกระทำและผลของการกระทำล้วนไร้ความหมายทั้งสิ้น รวมความไปถึง ความหมายของการมีชีวิตอยู่ก็นับว่าไร้คุณค่าและความหมายเช่นกัน<a href="#_ftn9" name="_ftnref9" title="" id="_ftnref9">[9][/url] ดังที่ชายหนุ่มผู้ใช้ชีวิตอย่างโลดโผนเดอะคอมเมเดี้ยนได้กระทำลงไป ล้วนส่อถึงการใช้ชีวิตที่ไม่เชื่อว่ามีความดี ความชั่ว ดำรงอยู่ ทุกสิ่งอย่างในชีวิตล้วนเป็นเรื่องตลกขบขัน ทุกอย่างที่เกิดขึ้นคือเรื่องราวของความสนุกสนานเฮฮา เดอะคอมเมเดี้ยน ชายผู้พกพาเข็มกลัดอิโมจิรูปยิ้มสีเหลืองไปกับเขาทุกแห่งหน แม้ในวาระสุดท้ายของชีวิตรอยยิ้มสีเหลืองเปื้อนเลือดคือพยานเพียงหนึ่งเดียวของการจากไปของเขา ก่อนสิ้นลมหายใจเสียงหัวเราะให้กับความตายของเขาดังขึ้นพร้อมๆ กันกับเสียงเพรียกแห่งความเริงร่า ร้องดังว่า </p>
<p>"Once you realize what a joke everything is, being the Comedian's is the only thing that makes sense." (เมื่อคุณตระหนักรู้ถึงความหรรษาที่เป็นอยู่ในทุกสรรพสิ่ง การเป็นเดอะคอมเมเดี้ยนเป็นสิ่งเดียวที่สมเหตุสมผล) (เดอะคอมเมเดี้ยน สื่อถึงการเป็นตัวตลก นักแสดงตลก)</p>
<p> </p>
<p><strong>Manhattan: Existentialism</strong></p>
<p style="text-align: center;"><strong><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/3360/3252470127_294913d3a6_o_d.jpg" style="width: 500px; height: 452px;" /></strong></p>
<p>อีกหนึ่งตัวละครที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย ด๊อกเตอร์แมนฮัตตัน แน่นอนว่าชื่อของเขามาจากโครงการแมนฮัตตันที่เกิดขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เขาคือนักฟิสิกส์นิวเคลียร์ที่ถูกจับเข้าไปทดลองกับอนุภาคกัมมัตรังสีจนทำให้เขาเปลี่ยนรูปแบบของการดำรงอยู่จากมนุษย์ไปอยู่ในภาวะคล้ายพระเจ้า ดังที่ภาพยนตร์แสดงให้เห็น แมนฮัตตันเป็นฮีโร่ที่คล้ายว่ามีอยู่เป็นหนึ่งเดียวกับอนุภาคนิวเคลียร์ จะขอกล่าวถึงความเป็นของแมนฮัตตันโดยคร่าว แมนฮัตตันมีความสามารถที่ ‘เข้าใกล้การมีอำนาจ’ ‘เข้าใกล้ความทรงภูมิ’ และ ‘เข้าใกล้การปรากฏทุกหนแห่ง’ (Nigh-Omnipotence, Nigh-Omniscience and Nigh-Omnipresence) ในภาพรวมคือการเข้าใกล้ภาวะพระเจ้า (God-like being) ตามขนบแนวคิดคริสต์ศาสนา หรือ อาจกล่าวได้ว่า แมนฮัตตัน ‘ก้าวพ้น’ ภาวะการเป็นอยู่แบบมนุษย์ หรือ Post-human being การนำเสนอตัวละครแมนฮัตตันนี้ในทางหนึ่งคือ การยกชูวิทยาศาสตร์ว่าวิทยาศาสตร์เป็นความรู้ที่มีอำนาจอยู่เหนือความรู้แบบอื่นๆ ทั้งหมด การทดลองทางวิทยาศาสตร์ฟิสิกส์นิวเคลียร์ในภาพยนตร์สามารถนำไปสู่การถือกำเนิดภาวะบางอย่างที่ประกอบกันขึ้นมาวัตถุ อะตอม ที่เป็นพื้นฐานและเป็น ‘ความจริง’ ตามองค์ความรู้แบบวิทยาศาสตร์ซึ่งครั้งหนึ่งในอดีตคือ ปรัชญาธรรมชาติ (Natural Philosophy) และ จักรวาลวิทยา (Cosmology)</p>
<p>แมนฮัตตัน ผู้อยู่ในภาวะเหนือมนุษย์ หรือ ‘สูงไปกว่า’ มนุษย์ นี้ สะท้อนแนวคิดจริยศาสตร์ของการดำรงอยู่ หรือ การพิจารณาความเป็นอยู่ตามแนวคิดอัตถิภาวนิยม ก่อนอื่นหากเราย้อนกลับไปดูตัวละครที่เป็นมนุษย์ในภาพยนตร์เรื่องนี้ เราจะเห็นว่า มนุษย์ ในภาพยนตร์เรื่องนี้ ล้วนแล้วแต่มีชีวิตอยู่เพื่ออะไรบางอย่าง ความหมายของการมีชีวิตของมนุษย์ในภาพยนตร์เรื่องนี้มีการคาดการณ์หรือคาดหวังต่อการดำรงอยู่ของตนเอง ซึ่งต่างจากแมนฮัตตันที่ถือครองความเหนือมนุษย์ รวมถึงการอยู่เหนือความตาย หากเราลองมองมะลุลงไปถึงการมีอยู่ที่ไม่จำกัด หรือ การไม่ตาย คำถามที่เกิดขึ้นในบันไดขั้นต่อมาคือ ชีวิตเราจะมีความหมายหรือไม่ การตายหรือการสิ้นสุดของภาวะการดำรงอยู่ เป็นเสียงเรียกให้เราทำอะไรบางอย่างที่มีความหมายกับชีวิตก่อนตายใช่หรือไม่?</p>
<p>มาร์ติน ไฮเดกเกอร์ (Martin Heidegger, 1889 - 1976) นักปรัชญาชาวเยอรมัน เคยกล่าวไว้เกี่ยวกับเรื่องทำนองนี้ (ผมขอกล่าวอย่างย่นย่อ) ไฮเดกเกอร์พิจารณาถึงความตายในแง่ที่ว่า ความตายต่างจากการเกิดตรงที่ การเกิดมาบนโลกเป็นความแน่นอน แต่ความตายเป็นภาวะที่ ยังมาไม่ถึง ความตายสัมพันธ์กับการดำรงอยู่หรือการมีชีวิตอยู่ตรงที่ว่า การตายเป็นจุดจำกัดหรือจุดสิ้นสุดการมีชีวิต สำหรับไฮเดกเกอร์แล้ว การตายคือภาวะของการสิ้นสุด (finite) ความเป็นไปได้ของการดำรงอยู่ ไฮเดกเกอร์จึงเสนอภาวะ Being-toward-death ภาวะที่การดำรงอยู่ของมนุษย์เผชิญกับภาวะที่ตระหนักรู้ถึงความตายในฐานะจุดสิ้นสุดของการดำรงอยู่ ภาวะดังกล่าวจะเกิดเสียงมโนสำนึกภายในที่บอกกับการดำรงอยู่ของตนเองได้ว่า ‘อะไรคือความหมายที่แท้จริงของตัวมันเองที่มนุษย์ต้องทำก่อนเผชิญความตาย’<a href="#_ftn10" name="_ftnref10" title="" id="_ftnref10">[10][/url] (ขอเน้นย้ำว่านี่เป็นเพียงการกล่าวถึงการอธิบายมนุษย์ในเชิงภววิทยาของไฮเดกเกอร์แบบย่นย่อ เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น และมิใช่ทั้งหมด หากจะกล่าวถึงอย่างจริงจังถึงโครงสร้างที่ไฮเดกเกอร์เสนอไว้ จำเป็นที่จะต้องอธิบายให้ละเอียดและลงลึกกว่านี้)</p>
<p>เมื่อแมนฮัตตันจะไม่ตาย ผู้อ่านคิดว่า อะไรคือความหมายของการมีชีวิตอยู่ของแมนฮัตตัน? …</p>
<p><strong>ก่อนจากกัน นี่เป็นเพียง ข้อเขียนที่ชักชวนให้ผู้อ่านตั้งคำถาม และ สนุก ไปกับปรัชญาผ่านภาพยนตร์ ด้วยวาดหวังว่า ปรัชญา จะงามงอก ในประเทศที่ประชาชนโชคไม่ค่อยจะดีนัก … </strong></p>
<p style="text-align:justify; margin:0in 0in 8pt"> </p>
<p style="text-align:justify; margin:0in 0in 8pt"> </p>
<p style="text-align:justify; margin:0in 0in 8pt"><strong>อ้างอิง</strong></p>
<p><a href="#_ftnref1" name="_ftn1" title="" id="_ftn1">[1][/url] https://ethics.org.au/about/what-is-ethics/ (https://ethics.org.au/about/what-is-ethics/)</p>
<div>
<div id="ftn2">
<p><a href="#_ftnref2" name="_ftn2" title="" id="_ftn2">[2][/url] ibid</p>
</div>
<div id="ftn3">
<p><a href="#_ftnref3" name="_ftn3" title="" id="_ftn3">[3][/url] https://ethics.org.au/ethics-explainer-ethics-morality-law/ (https://ethics.org.au/ethics-explainer-ethics-morality-law/)</p>
</div>
<div id="ftn4">
<p><a href="#_ftnref4" name="_ftn4" title="" id="_ftn4">[4][/url]https://www.oxfordreference.com/display/10.1093/oi/authority.20110803100208797;jsessionid=0D432938D1085722F3F33BEBA3D6C88B (https://www.oxfordreference.com/display/10.1093/oi/authority.20110803100208797;jsessionid=0D432938D1085722F3F33BEBA3D6C88B)</p>
</div>
<div id="ftn5">
<p><a href="#_ftnref5" name="_ftn5" title="" id="_ftn5">[5][/url] https://www.geeksforgeeks.org/what-is-morality/ (https://www.geeksforgeeks.org/what-is-morality/)</p>
</div>
<div id="ftn6">
<p><a href="#_ftnref6" name="_ftn6" title="" id="_ftn6">[6][/url] https://ethicsunwrapped.utexas.edu/glossary/morals (https://ethicsunwrapped.utexas.edu/glossary/morals)</p>
</div>
<div id="ftn7">
<p><a href="#_ftnref7" name="_ftn7" title="" id="_ftn7">[7][/url] https://corporatefinanceinstitute.com/resources/esg/kantian-ethics/ (https://corporatefinanceinstitute.com/resources/esg/kantian-ethics/)</p>
</div>
<div id="ftn8">
<p><a href="#_ftnref8" name="_ftn8" title="" id="_ftn8">[8][/url] ธูปทอง กว้างสวาสดิ์. 2531. การศึกษาเชิงวิจารณ์หลักมหสุขของ จอห์น สจ๊วต มิลล์ / ธูปทอง กว้างสวาสดิ์. บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่:เชียงใหม่</p>
</div>
<div id="ftn9">
<p><a href="#_ftnref9" name="_ftn9" title="" id="_ftn9">[9][/url] https://www.masterclass.com/articles/what-is-nihilism (https://www.masterclass.com/articles/what-is-nihilism)</p>
</div>
<div id="ftn10">
<p><a href="#_ftnref10" name="_ftn10" title="" id="_ftn10">[10][/url] https://philosophynow.org/issues/27/Death_Faith_and_Existentialism (https://philosophynow.org/issues/27/Death_Faith_and_Existentialism)</p>
<p> </p>
<p><strong>ที่มาภาพปก:</strong> Rohan https://www.flickr.com/ (https://www.flickr.com/photos/rohanlikhite/3409529677/in/photolist-6chJor-66hyCQ-69UKMF-5CpZJH-5LBjC5-2mdf97L-676CJu-LwBfab-6fcAPV-77sQ9i-8nnPze-QSaHvp-66jHJG-614ezr-65JYke-r3mHqU-d6EfBW-5YLZ6k-4Rnfpc-2nJNAWU-68GUEs-2hZSuih-6c1v67-fmvgUN-5Kgdtk-55SySJ-qC9E7q-6rEPaa-2gfFWxC-2nKiwzV-5Kks9h-625oEQ-8ANiHX-snyWfY-55Wi6m-7p3YVt-4KWKRE-5Kks2A-2hqHEZy-2iSPNYG-62dyim-2kH6zA6-6r2Akq-bX1Ddn-74RcT4-5istx6-KipEV8-5KxqAZ-5AyTNN-65sXuD)</p>
</div>
</div>
<p><strong>เรื่องที่เกี่ยวข้อง:</strong> ชำแหละ Watchmen: ความหมายของ ‘คนดี’ และ ‘ฮีโร่’ ในฐานะตัวแทนแนวคิดเชิงจริยศาสตร์ 1  (https://prachatai.com/journal/2023/07/105134)</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">บทความ[/url]</div></div></div><div class="field field-name-field-category field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">การเมือง[/url]</div><div class="field-item odd"><a href="/category/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%92%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">วัฒนธรรม[/url]</div></div></div><div class="field field-name-field-tags field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B9%81%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%84%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A2%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B9%8C" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">แนวคิดเชิงจริยศาสตร์[/url]</div><div class="field-item odd"><a href="/category/watchmen" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">Watchmen[/url]</div><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%A0%E0%B8%B1%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%A5-%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%87%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%92%E0%B8%99%E0%B9%8C" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ภัทรพล เป็งวัฒน์[/url]</div></div></div><div class="field field-name-field-promote-end field-type-text field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even">ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่เฟซบุ๊ก https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/09/105843