หัวข้อ: ทำอย่างไรจะได้ดีทุกชาติ ? เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2553 15:06:09 (http://img35.imageshack.us/img35/3540/0390863.jpg) http://www.kanlayanatam.com/audio/chayasaro/chayasaro08.wma ถาม...อยากเป็นผู้ปลอดภัยในการเดินทางไกล ทำอะไรในชาตินี้แล้วจะเป็นหลักประกันให้ใฝ่ดีได้ทุกชาติ ? ตอบ....พวกเรามาเกิดในโลกมนุษย์ก็ด้วยบุญเก่า แต่ก็น่าเศร้าครับที่โลกนี้เหมือนกระดานลื่นที่ลาด ลงต่ำง่ายๆ มากกว่าจะเป็นกระไดให้กัดฟันไต่ขึ้นสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคเรา ขอให้พิจารณาว่ามนุษย์ 6 พันล้านคนก่อกรรมอย่างไรโดยมาก สภาพแวดล้อมและสถานการณ์ทั้งหลายก็แปรปรวนไปให้สอดคล้องตามนั้นเมื่อจับพลัดจับผลูได้มาเป็นหนึ่งในชนกลุ่มน้อยที่เชื่อเรื่องบุญเรื่องกรรม ตระหนักในโทษภัยของกิเลสและการเวียนว่ายตายเกิด ผู้มีปัญญาส่วนใหญ่จะเห็นความไม่แน่นอน เห็นตามจริงว่าแรง ดึงดูดของกิเลสนั้นต้านทานได้ยาก แม้แต่อยู่เฉย ๆ ก็เท่ากับกำลังถอยหลังเข้าคลองไปเรื่อย ๆ ไม่เชื่อลองดูเถอะครับ เอาแต่พักผ่อน กินกับนอนอย่างเดียวโดยไม่ต้องมีความรับผิดชอบใด ๆ จะ............................. เห็นชัดเลยว่าจะเกิดจิตคิดฟุ้งซ่านหรือหดหู่เศร้าหมองปานใด แล้วใครจะเอาจิตฟุ้งซ่านและจิตหดหู่ไปใช้เป็นบันไดบุญสู่สุคติได้ไหวเล่า? พุทธศาสนิกชนผู้เห็นตามจริงว่าตนตกอยู่ท่ามกลางภยันตราย จึงมักจะปรารถนาหลักประกันในการเดินทางไกล เกิดชาติหน้าฉันใดขออย่าได้ไถล พลาดฟาดหัวลงต่ำ เพราะแค่เห็น ๆในชาตินี้ซึ่งมีพุทธศาสนาเป็นที่พึ่งก็สะดุดคะมำล้มลุกคลุกคลานกันนับไม่ถ้วนแล้ว หัวข้อ: Re: ทำอย่างไรจะได้ดีทุกชาติ ? เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2553 15:09:15 (http://img35.imageshack.us/img35/3540/0390863.jpg) แค่ตั้งคำถามชนิดที่ปรารถนาคำตอบว่าทำอย่างไรเป็นคุณ ทำอย่างไรเป็นโทษ ทำกรรม อย่างไรจะเป็นที่พึ่งให้ตนเองได้ เท่านี้ก็จัดเป็นกรรมชนิดหนึ่ง พระพุทธเจ้าท่านตรัสอานิสงส์ว่าจะทำให้เป็นผู้มีปัญญามาก อันนี้ขอให้ตรองดูก็จะพบความสมเหตุสมผลยิ่ง เพราะใจคุณรู้จักตั้งคำถามที่ควรทราบคำตอบเป็นที่สุด จึงได้ชื่อว่าทำกรรมอันเป็นไปเพื่อความฉลาดสูงสุดโดยปริยายฉะนั้นใครสงสัยใคร่รู้ขึ้นมาจริง ๆ จัง ๆ ว่ากรรมใดเป็นไปเพื่อประโยชน์สูงสุด รวมทั้งได้คำตอบจากครูผู้รู้แจ้งเช่นพระพุทธเจ้าแล้ว รวมทั้งนำไปประพฤติปฏิบัติด้วยความ มีใจศรัทธา ก็ขอแสดงความยินดีด้วยครับ เกิดใหม่คุณเป็นผู้มีความเฉลียวฉลาด ปราดเปรื่องแน่นอน ทั้งนี้เพราะความแหลมคมแห่งปฏิภาณก็ดี ความลุ่มลึกแห่งความคิด อ่านก็ดี ล้วนแล้วแต่ยืนพื้นอยู่บนความสว่างแห่งจิตที่รู้ถูกรู้ชอบตามจริง มิใช่ยืนพื้นอยู่บน ความมืดแห่งจิตที่ถูกปกคลุมด้วยม่านบาปอันบิดเบี้ยวเลอะเทอะ................................. เกี่ยวกับความปลอดภัยในสังสารวัฏ พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ในครั้งหนึ่งว่าถ้าคิดจะ ท่องเที่ยวเกิดตายไปเรื่อย ๆ แล้ว ที่จะหนีนรกพ้นนั้นมิใช่วิสัย เมื่อเห็นท่านตรัสเช่นนี้ สิ่งที่เราควรตระหนักคือ ไม่มีอะไรประกันได้แบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ว่าเราจะอยู่ฝ่ายดีและมีสุขไปจนชั่วนิจนิรันดร์ เว้นแต่คุณจะหาทางออกจากวังวนแห่งการเกิดตายเสียได้นั่นแหละ คุณต้องมองให้ออกว่ากำลังอยู่ในเกมแบบไหน กติกาคร่าว ๆ ของเกมที่พวกเรากำลังเล่นกันอย่างไม่รู้อีโหน่ - อีเหน่ คือ......................... หัวข้อ: Re: ทำอย่างไรจะได้ดีทุกชาติ ? เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2553 15:14:16 (http://img35.imageshack.us/img35/3540/0390863.jpg) 1.การตายแล้วเกิดใหม่คือการล้างไพ่ ทุนรอนที่คุณจะใช้ในเกมใหม่คือกรรมเก่าที่สั่งสมมา 2.การตายแล้วเกิดใหม่คือการลืม คุณจะไม่รู้เห็นอะไรมากไปกว่าสภาพแวดล้อมใหม่ที่ กรรมเก่าส่งคุณไปอยู่ 3.เกิดใหม่ในสวรรค์คือการตกรางวัล เกิดใหม่ในนรกคือการลงโทษ เกิดใหม่ในมนุษย์คือโอกาส ทั้งในแง่ของการต่อบุญ และในแง่ของการแก้ตัว เมื่อทำความเข้าใจกับกติกาหลัก ๆ ทั้ง 3 ข้อนี้แล้ว ก็จะได้ตั้งโจทย์เพื่อเตรียมเสบียงให้ ตัวเองอย่างถูกต้องต่อไป คือ..................................... 1.ทำอย่างไรจึงจะไปเกิดกับพ่อแม่ที่ดี? คำตอบคือทำแต่กรรมที่ดีๆ เพราะพระพุทธเจ้า ตรัสว่าพวกเรามีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นแดนเกิด ฉะนั้นอย่าน้อยใจและอย่าชะล่าใจกับกรรม เก่าที่ส่งเรามาอยู่กับพ่อแม่ดีหรือไม่ดีในชาติปัจจุบัน อยากมีพ่อแม่แบบไหนในครั้งหน้า ก็ขอให้ ประพฤติตัวแบบนั้นมาก ๆ ไปจนชั่วชีวิตก็แล้วกัน กรรมที่คุณทำเป็นอาจิณนั่นแหละ ตัวเลือกแดนเกิด ตัวเลือกเผ่าพันธุ์ใหม่ให้ 2.ทำอย่างไรจึงจะพบผู้ชี้นำทางถูกทางตรง ? คำตอบคือยอมรับผู้สอนการไม่ เบียดเบียนเป็นสรณะ ใครสอนให้เบียดเบียนก็หลีกเลี่ยงเขาเสีย โดยถือหลักการพิจารณาว่า การ เบียดเบียนกันคือการก่อทุกข์ให้ผู้อื่นก่อน แล้วตอนหลังเรานั่นเองที่จะต้องเสวยทุกข์นั้นด้วย นอกจากนี้ก็ต้องตั้งคำถามอย่างไม่งมงายอีกข้อหนึ่งว่าอะไรคือประโยชน์สูงสุด จากนั้น กำหนดใจเป็นแม่นมั่นว่าผู้ใดสอนเรื่องประโยชน์ขั้นสูงสุด เราจะคล้อยตามท่านผู้นั้น สำหรับชาว พุทธคงฟังเรื่องประโยชน์สูงสุดที่พิสูจน์ได้ในปัจจุบันชาติกันมามาก นั่นคือการเข้าถึงความดับทุกข์ ดับร้อนอย่างสนิท ไม่กลับกำเริบอีก หากเราศึกษาแก่นสารของพุทธศาสนาได้อย่างถ่องแท้ ศรัทธา................................ หัวข้อ: Re: ทำอย่างไรจะได้ดีทุกชาติ ? เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2553 15:16:39 (http://img35.imageshack.us/img35/3540/0390863.jpg) ในพระพุทธเจ้าก็จะตั้งมั่น และจะส่งผลให้ได้ไปพบพระพุทธเจ้าองค์ต่อ ๆ ไปอีก หรืออย่างน้อยถ้าถือ กำเนิดในกาลที่ว่างจากพุทธศาสนา ก็เป็นต้องได้พบศาสดาผู้สอนการไม่เบียดเบียน ยอมคล้อยตาม ท่าน และประพฤติปฏิบัติตนตามท่าน เป็นพื้นฐานให้มั่นคงแน่นหนายิ่ง ๆ ขึ้นไป 3.ทำอย่างไรจึงจะสำนึกผิดได้ง่าย? คำตอบคือให้ไต่สวนโทษของตนเองบ่อย ๆ อย่า หมั่นเพ่งโทษผู้อื่นจนติดเป็นนิสัย หรือเมื่อใดจำเป็นต้องเพ่งโทษผู้อื่น ก็ควรน้อมมาพิจารณาว่า เขาช่วยเป็นกระจกเงาส่องให้เราเห็นตนเองหรือไม่ ถ้าเห็นว่าน่าเกลียดน่าชังอย่างไรก็อย่าทำ อย่างนั้น หรือทำอย่างนั้นอยู่ก็เลิกเสีย แน่นอนว่าการกระทำผิดคือเรื่องปกติของมนุษย์ทุกคน แต่ การสำนึกผิดคือเรื่องไม่ธรรมดาของมนุษย์บางคนที่จะได้ยกระดับขึ้นเรื่อย ๆ เท่านั้น เฉพาะข้อสุดท้ายนี้ต้องขยายความกันอีกเล็กน้อย ว่าเหตุใดจึงเป็นเสบียงสำคัญกับ เขาด้วย ขอให้พิจารณาว่าทุกครั้งที่สำนึกผิดอย่างแท้จริง คุณจะค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นคนดีมาก ขึ้นเรื่อย ๆ แม้จะทีละนิดทีละหน่อยแบบหยอดเหรียญลงกระปุก ในที่สุดก็กลายเป็นความดีกองใหญ่ขึ้นมาได้ และกลไกธรรมชาติอันใดทำให้เราดีขึ้นได้ กลไกธรรมชาตินั้นย่อมน่าได้รับการยกย่องให้มีคุณค่าสูงสุดมิใช่หรือ ? หัวข้อ: Re: ทำอย่างไรจะได้ดีทุกชาติ ? เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2553 15:18:56 (http://img35.imageshack.us/img35/3540/0390863.jpg) อย่างไรก็ตาม แม้การสำนึกผิดจะเป็นของดี แต่ความรู้สึกผิดนาน ๆ นั้นไม่ดี โดยเฉพาะที่ รู้สึกผิดซ้ำซากชนิดแกะความทรมานใจไม่ออกนั้น แย่เลยครับ ขอเพียงมีความสำนึกผิดที่แท้จริงวูบ เดียว แล้วตั้งใจแน่วแน่ว่าจะไม่ทำผิดเช่นนั้นอีก ก็เป็นการเพียงพอแล้ว นอกจากนี้ก็ควรหมั่นก่อแต่เรื่องดี แม้ความคิดอันดีงามเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ไม่ควรดูเบา ควรสั่งสมเพิ่มพูนให้มาก และแม้ความคิดชั่วเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ไม่ควรชะล่า ควรตัดรอนลดละ ให้น้อยลง ผมนับดูแล้วไม่มีอะไรเป็นเรื่องเล็กสักอย่าง ถ้าคุณไม่รู้ตัวว่าคิด พูด ทำอะไร เหลวแหลกเล็ก ๆ น้อย ๆ อยู่บ้าง ก็เท่ากับคุณกำลังเสี่ยงเท้ายื่นลงไปในปากเหวนรกแล้ว เพราะคุณจะไม่มีวันทราบเลยว่าความเหลวแหลกเล็กๆ น้อย ๆ นั้น มันจะแปลงร่างจากมด เล็กเป็นยักษ์ใหญ่ขึ้นมาเมื่อใด กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็จมลงในหนองน้ำแห่งบาปมิดหัวกันเสียแล้วครับ จากหนังสือ เตียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว ของ ดังตฤน (ตอนที่ 2) |