รมว.แรงงาน หารือสภาอุตสาหกรรมฯ ขึ้นค่าแรง 400 บ.ต่อวัน คาดได้ผลสรุป พ.ย. 66
<span class="submitted-by">Submitted on Sat, 2023-09-16 00:29</span><div class="field field-name-field-byline field-type-text-long field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><p>ภาพปก: พิพัฒน์ รัชกิจประการ (ที่มา: เฟซบุ๊ก "
พิพัฒน์ รัชกิจประการ Phiphat Ratchakitprakarn")</p>
</div></div></div><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>'พิพัฒน์' รมว.แรงงาน เผยผลหารือสภาอุตสาหกรรมฯ ขึ้นค่าแรง 400 บาท/วัน ต้องไม่ต่ำกว่าค่าเงินเฟ้อ ทุกฝ่ายต้องพอใจ คาดได้ผลสรุป พ.ย.นี้ เป็นของขวัญปีใหม่คนทำงาน ด้าน ส.อ.ท.หวั่นกระทบ SME</p>
<p> </p>
<p>15 ก.ย. 2566 เว็บไซต์
The Standard รายงานวันนี้ (15 ก.ย.) พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการแรงงาน กล่าวหลังหารือร่วมกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ประเด็นด้านแรงงานและการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ซึ่งในวันแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาไม่ได้กำหนดอย่างชัดเจนว่าจะปรับขึ้น</p>
<div style="text-align: center;"><img alt="" src="
https://live.staticflickr.com/65535/53188691652_207f2c3c8e_b.jpg" /></div>
<p style="text-align: center;"><span style="color:#d35400;">พิพัฒน์ รัชกิจประการ (ที่มา: เฟซบุ๊ก
พิพัฒน์ รัชกิจประการ)</span></p>
<p>อย่างไรตาม ที่ได้มีการหาเสียงในฐานะกระทรวงที่ดูแลเรื่องดังกล่าว จึงเร่งหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 3 ฝ่าย ทั้งลูกจ้าง นายจ้าง และภาครัฐ เพื่อหาแนวทางให้ชัดเจนขึ้น และเพื่อให้ทุกฝ่ายต้องยอมรับได้ ทั้งนี้ คาดว่าภายในเดือน พ.ย. 2566 จะมีข้อสรุป </p>
<h2><span style="color:#2980b9;">ค่าแรงต้องไม่ต่ำกว่าเงินเฟ้อ</span></h2>
<p>The Standard รายงานว่า พิพัฒน์ ระบุต่อว่า หากต้องขึ้นค่าแรง ต้องติดตามตัวเลขเงินเฟ้อของไทย และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ด้วยว่า ณ ขณะนั้นตัวเลขเงินเฟ้อจะอยู่ที่กี่เปอร์เซ็นต์ โดยค่าแรงขั้นต่ำจะต้องปรับขึ้นให้สูงกว่าเงินเฟ้อ เมื่อพิจารณาตามความเหมาะสมแล้ว จะประกาศเป็นของขวัญปีใหม่ปี 2567 ให้กลุ่มผู้ใช้แรงงานช่วงใกล้สิ้นปีนี้ </p>
<p>“นโยบายค่าแรง 400 บาทต่อวัน ยืนยันว่าจะไม่ปรับฐานเป็นค่าแรงขั้นต่ำ เพราะจะกระทบนายจ้าง และภาค SMEs ลดลง แต่จะพิจารณาตามทักษะความสามารถ (Pay by Skill) ให้กลุ่มแรงงานที่พัฒนาทักษะสูงด้วย โดยจะหารือ 3 ฝ่ายอีกครั้ง เพื่อลงรายละเอียดว่าจะเป็นแรงงานในภาคส่วนใด อย่างไร” พิพัฒน์ กล่าว</p>
<p>นอกจากประเด็นการปรับขึ้นค่าแรง ยังได้หารือถึงการผลิตบุคลากรให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน การแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงานจากการเข้าสู่สังคมสูงวัย และการขาดแคลนแรงงานข้ามชาติ และการผลิตและพัฒนากำลังคน รวมถึงเตรียมผลักดันกระทรวงแรงงานให้เป็นหนึ่งในกระทรวงเศรษฐกิจ เพื่อให้เกิดการบูรณาการระหว่างภาครัฐ-เอกชน ในการขับเคลื่อนนโยบายด้านแรงงานให้เห็นผลเป็นรูปธรรมมากขึ้น </p>
<h2><span style="color:#2980b9;">กังวลกระทบ SME</span></h2>
<p>The Standard รายงานต่อว่า เกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ขอชื่นชมรัฐบาลที่เมื่อเข้ามาทำงานแล้วมีนโยบายเร่งด่วน ช่วยเหลือปากท้องประชาชนได้ทันทีทั้งค่าไฟฟ้าและค่าน้ำมัน ส่วนการหารือกับพิพัฒน์ในวันนี้ ส.อ.ท. มีข้อเสนอหลายเรื่อง โดยเน้นอุตสาหกรรมที่ต้องการเพิ่มทักษะให้มีประสิทธิภาพ และหาทักษะใหม่เพื่อหารองรับอุตสาหกรรมที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ส่วนประเด็นค่าแรงขั้นต่ำนั้น รัฐบาลต้องมองถึงอัตราเงินเฟ้อ แต่สำหรับค่าแรงงานที่พัฒนาทักษะแล้ว ปัจจุบัน ส่วนใหญ่ได้รับค่าจ้างอยู่ที่ 600-800 บาทต่อวัน ตรงนี้ภาคเอกชนเห็นด้วย </p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="
https://live.staticflickr.com/65535/53188691662_27606ddb8e_b.jpg" /><span style="color:#d35400;">บรรยากาศการหารือ ระหว่าง กระทรวงแรงงาน และ ส.อ.ท. (ที่มา: เฟซบุ๊ก
พิพัฒน์ รัชกิจประการ)</span></p>
<p>"ค่าแรงขั้นต่ำในปัจจุบันอยู่ที่อัตราเริ่มต้น 328 บาท สูงสุด 354 บาท หากมีการปรับขึ้นค่าแรงเป็น 400 บาท จากฐานต่ำสุด ภาคเอกชนมองว่าจะเป็นการปรับขึ้นค่าแรงสูงถึง 19-20% ซึ่งถือว่าเป็นอัตราที่สูงมาก ทำให้ต้นทุนกลุ่มอุตสาหกรรมแรงงานเข้มข้นถูกกระชากอย่างรุนแรง กระทบธุรกิจ SMEs ให้มีต้นทุนเพิ่มขึ้น และอาจถึงขั้นปิดกิจการได้ จึงไม่ควรปรับค่าแรงขั้นต่ำเป็น 400 บาทต่อวัน และยังไม่ใช่ทางแก้ปัญหาที่ถูกต้อง" เกรียงไกร ระบุ</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">อุตสาหกรรมไทยเจอคู่แข่งรอบด้าน</span></h2>
<p>นอกจากนี้ เกรียงไกรยังได้นำเสนอยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเดิม (First Industries) ในการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน และอุตสาหกรรมใหม่หรืออุตสาหกรรมแห่งอนาคต (Next-GEN Industries) เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้อุตสาหกรรมไทย เพื่อประเทศไทยที่เข้มแข็งกว่าเดิม</p>
<p>"อุตสาหกรรมไทยกำลังได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า ภูมิรัฐศาสตร์ และต้องปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงไปสู่ยุคดิจิทัล เราพบว่าการจะทำให้อุตสาหกรรมอยู่รอดอย่างที่เราทราบกัน ประสิทธิภาพแรงงานไทยในกลุ่มอาเซียนยังไม่สามารถเทียบเท่าเวียดนามและอินโดนีเซียได้ เราต้องเร่งเพิ่มประสิทธิภาพแรงงานไทยให้ได้ก่อน เพื่อให้สามารถแข่งขันกับประเทศต่างๆ ได้ เราต้องทำงานเป็นปาท่องโก๋กัน เพราะอุตสาหกรรมจะเติบโตได้ต้องมีกระทรวงแรงงานคอยสนับสนุน" เกรียงไกร ย้ำ</p>
<p>ทั้งนี้ การยกเครื่องภาคอุตสาหกรรมที่สำคัญที่สุดขณะนี้ ดังนี้</p>
<ul>
<li>เปลี่ยนจาก Original Equipment Manufacturer – OEM (ผู้รับจ้างผลิต) เป็น Original Design Manufacturer – ODM (ผู้รับจ้างที่ออกแบบและผลิตสินค้าให้กับบริษัท) </li>
<li>Original Brand Manufacturer – OBM (ผู้ผลิตภายใต้รูปแบบและตราสินค้าของตนเอง) เปลี่ยนจากใช้แรงงานเป็นใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เครื่องจักร และระบบ Automation </li>
<li>เปลี่ยนจากผลิตเพื่อกำไรเป็นการผลิตควบคู่กับการดูแลสิ่งแวดล้อม </li>
<li>เปลี่ยนจากแรงงานไม่มีฝีมือ (Unskilled Labor) เป็นแรงงานที่มีฝีมือขั้นสูง (High-skilled Labor) ผ่านการเสริมสร้างทักษะ
</li>
</ul>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">
https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์
https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
https://prachatai.com/journal/2023/09/105919