[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
14 พฤษภาคม 2567 21:20:02 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เมตตาของเทวดา  (อ่าน 1910 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
sometime
บุคคลทั่วไป
« เมื่อ: 14 เมษายน 2553 17:18:49 »


<table class="maeva" cellpadding="0" cellspacing="0" border="0" style="width: 800px" id="sae1"> <tr><td style="width: 800px; height: 576px" colspan="2" id="saeva1"><script type="text/javascript"><!-- // --><![CDATA[ var oldLoad = window.onload; window.onload = function() { if (typeof(oldLoad) == "function") oldLoad(); if (typeof(aevacopy) == "function") aevacopy(); } // ]]></script><embed type="application/x-mplayer2" src="http://www.fungdham.com/download/song/allhits/22.wma" width="800px" height="576px" wmode="transparent" quality="high" allowFullScreen="true" allowScriptAccess="never" ShowControls="True" autostart="false" autoplay="false" /></td></tr> <tr><td class="aeva_t"><a href="http://www.fungdham.com/download/song/allhits/22.wma" target="_blank" class="aeva_link bbc_link new_win">http://www.fungdham.com/download/song/allhits/22.wma</a></td><td class="aeva_q" id="aqc1"></td></tr></table>

...........................โดย..............................ดร.สนอง วรอุไร


.............ถ่ายภาพและให้เสียงประกอบเนื้อหาโดยข้าพเจ้า(บางครั้ง)............



นอกจากมนุษย์แล้วเทวดาก็มีเมตตาได้ ดังจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในครั้งพุทธกาลให้ฟังว่ามีอยู่วันหนึ่งพระสารีบุตรอาพาธและโรคที่เป็นนั้นจะหายไปได้ต้องฉันข้าว มธุปายาส พระมหาโมคคัลลานะได้กล่าวกับพระสารีบุตรผู้เป็นอัครสาวกคู่กับท่านได้แนะนำพระสารีบุตรว่า
มีโยมคนหนึ่งได้เปิดโอกาสให้ท่านขอในสิ่งที่ต้องการ(ปวารณา)ได้ กระผมจะส่งคนไปบอกให้หุงข้าวมธุปายาสเตรียมไว้วันพรุ่งนี้กระผมจะไปบิณฑบาตข้าวมธุปายาสมาถวายท่าน
เมื่อพระสารีบุตรผู้เคร่งครัดในธรรมวินัยได้ยินเช่นนั้น จึงกล่าวห้ามมิให้ท่านโมคคัลลานะ ส่งคนไปบอกบ้านที่ปวารณาไว้ แต่ปรากฏว่าเทวดาประจำองค์พระสารีบุตรมีความปรารถนาจะให้พระสารีบุตรหายจากอาพาธ จึงไปดลใจให้โยมที่ปวารณาไว้ หุงข้าวมธุปายาสไว้ใส่บาตรในวันรุ่งขึ้น
ผลปรากฏว่าเหตุการณ์เป็นเช่นนั้นจริง พระมหาโมคคัลลานะไปบิณฑบาต และได้ข้าวมธุปายาสมาถวายพระสารีบุตร ท่านรับประเคนแล้วพิจารณาข้าวมธุปายาสที่รับไว้แล้วจึงได้เททิ้งด้วยรู้ว่าเทวดาประจำองค์ไปดลใจให้เขาทำเพื่อถวายท่าน
ที่บอกเล่ามาให้ฟังเพื่อจะบอกว่าเทวดาก็มีเมตตา ปรารถนาให้พระสารีบุตรหายจากอาพาธ
ยังมีอยู่อีกกรณีหนึ่ง ที่จะเล่าเรื่องความเมตตาของเทวดาคือ ในครั้งที่พระพุทธะประทับอยู่ในกุฏิบนยอดเขาคิชฌกูฏ ท้าวเวสสุวัณซึ่งเป็นหนึ่งในจตุโลกบาล ผู้เป็นใหญ่ในสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา มีมเตตาต่อภิกษุที่ไปปฏิบัติธรรมอยู่ในป่าเปลี่ยว มีอมนุษย์บางพวก ไม่ศรัทธาในคำสอนของพระพุทธะ ที่ห้ามมิให้ฆ่าสัตว์ จึงประพฤติตนหลอกหลอนให้ภิกษุหวาดกลัว ท้าวเวสสุวัณจึงมาถวายมนต์ตราที่เรียกว่า อาฏานาฏิยปริต แด่พระพุทธะเพื่อประทานให้ภิกษุนำไปสาธยายคุ้มครองตนมิให้อมนุษย์เข้ามาหลอกหลอน นี่เป็นเครื่องบ่งชี้ให้เห็นความมีเมตตาของเทวดา(ท้าวเวสสุวัณ)ที่มีต่อมนุษย์

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14 เมษายน 2553 17:56:59 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #1 เมื่อ: 14 เมษายน 2553 17:30:27 »



และจากประสบการณ์ของผู้บรรยายที่เกี่ยวกับเรื่องเมตตาของเทวดาจะบอกเล่าให้ฟังว่ามีเพื่อนของผู้บรรยายไดซื้อที่ดินผืนหนึ่งไว้ใกล้กับมหาวิทยาลัยที่ตัวเองไป รับราชการอยู่ที่นั่น บนที่ดินแปลงนั้นมีบ่อน้ำที่ขุดโดยชาวบ้าน อยู่ในบริเวณด้านหน้าของที่ดิน เพื่อนของผู้บรรยายเล่าให้ฟังว่า เขาอยากถมดินกลบทับบ่อน้ำเพื่อให้ดูสวยงาม และจะปลูกบ้านอยู่บนที่ดินแปลงนั้น ความคิดที่จะถมดินทับบ่อน้ำได้รับการท้วงติงจากชาวบ้านอยู่เสมอ
เมื่อถึงเวลาที่มีการปลูกบ้านลงบนที่ดินผืนนั้น เพื่อนคนนี้ได้แวะเวียนไปดูความก้าวหน้าของการสร้างบ้านอยู่เสมอในห้วงเวลา หลังเลิกงานแล้ว
จนกระทั่งวันหนึ่งขณะที่เขาแวะไปดูบ้านที่กำลังอยู่ในระหว่างก่อสร้าง ปรากฏว่าหัวหน้าผู้รับเหมาสร้างบ้านได้บอกกับเขาว่า
เมื่อกี้มีผู้ชายผมขาว แต่งกายในชุดสีขาว มาบอกกับเขาว่า ถ้าจะถมบ่อน้ำให้ใช้ท่อหย่อนปลายข้างหนึ่งให้จมอยู่ใต้ผิวน้ำ และให้ปลายท่ออีกข้างหนึ่งโผล่ขึ้นเหนือผิวดิน แล้วก่อซีเมนต์ปิดทับบ่อน้ำได้
เมื่อเพื่อนได้ยินคำบอกเล่าจากหัวหน้าผู้รับเหมาฯจึงรีบตามหาผู้ชายที่อยู่ ในชุดแต่งกายสีขาว หาอย่างไรก็หาไม่พบ เพราะเขามิใช่มนุษย์ แต่เป็นภุมมเทวดา เนรมิตกายหยาบมาเป็นมนุษย์เพื่อช่วยเหลือเจ้าของบ้าน หลังจากปลูกบ้านแล้วเสร็จ เจ้าของบ้านและบริวารจึงได้เข้าอยู่อาศัยในบ้านหลังที่ปลูกขึ้นนั้นมีอยู่วันหนึ่ง แม่บ้านและคนทำอาหาร ได้เห็นชายสูงวัยคนหนึ่งในชุดสีขาว นั่งอยู่โคนต้นมะมื่นใหญ่ที่ขึ้นอยู่หน้าบ้าน เจ้าของบ้านจึงได้รู้ ชายที่มาบอกวิธีแก้ปัญหาเรื่องบ่อน้ำก็คือเทวดา(เจ้าที่)นั่นเอง
คนที่อยู่ทางภาคเหนือ มีความเชื่อว่า การถมบ่อน้ำที่เคยดื่ม เคยใช้จะนำความวิบัติมาสู่ชีวิตได้ เรื่องเช่นนี้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ไม่อาจพิสูจน์ได้ จึงเป็นเรื่องทีน่าคิด ดังที่ผู้บรรยายจะบอกเล่าให้ฟังว่า
มีอยู่วันหนึ่งผู้บรรยายได้รับเชิญไปบรรยายธรรมที่วัดแห่งหนึ่ง ในอำเภอบ้านโฮ่ง จังหวัดลำพูน เป็นงานพระราชทานเพลิงศพของพระผู้ใหญ่แห่งอำเภอบ้านโฮ่ง ก่อนการบรรยายจะมาถึง มีผู้นำพาผู้บรรยายไปดูสถานที่ตั้งของวัดก่อนล่วงหน้าหนึ่งวัน ขณะที่ผู้นำไปดูวัดได้จอดรถอยู่หน้าบ้านหลังใหญ่แห่งหนึ่ง ได้ชี้ให้ดูบ้านนั้นพร้อมพูดว่า
อาจารย์เห็นบ้านหลังนี้แล้วคิดอะไรผู้บรรยายพูดว่า เป็นบ้านร้างเขาได้อธิบายต่อไปว่าเจ้าของบ้านนั่งตายอยู่ในบ้านภรรยาเจ้าของบ้านเป็นอัมพาตจึงไม่มีผู้ใดเข้าอยู่อาศัยเป็นบ้านร้างอย่างที่อาจารย์เข้าใจ
เมื่อได้พูดคุยกันจึงได้รู้ถึงสาเหตุแห่งความวิบัติของคู่สามีภรรยาว่า เขาทั้งสองเป็นคนไม่เชื่อเรื่องอาถรรพ์ เขาได้ปลูกบ้านคร่อมลำเหมืองที่มีน้ำไหลซึ่งใช้เป็นทางสัญจรของอมนุษย์(พญานาค)
ส่วนภรรยาเอาสังกะสีมาทำคล้ายฝาชีปิดบ่อน้ำที่ชาวบ้านใช้ดื่มใช้อาบ ซึ่งเป็นช่องทางหายใจของเมืองบาดาล เหตุผลลึกๆเช่นนี้ วิทยาศาสต์ไม่สามารถรู้เห็นเข้าใจว่ามีอยู่จริง เขาทั้งสองจึงต้องพบกับความวิบัติของชีวิต
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14 เมษายน 2553 17:54:03 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #2 เมื่อ: 14 เมษายน 2553 17:33:48 »



......................................เมตตาเป็นคุณธรรมที่ยิ่งใหญ่.................................


จากประสบการณ์ตรงเกี่ยวกับเมตตาที่บอกเล่ามาเป็นสัจจะ และมิได้คิดว่าตัวเองเป็นผู้วิเศษแต่อย่างใด หากทุกท่านให้อภัยต่อสิ่งที่เป็นเหตุขัดใจในทุกเรื่องได้ เมตตาบารมีย่อมเกิดขึ้นแน่นอน แล้วทำให้มีอารมณ์สงบเย็น
อานิสงส์ของการมีเมตตา อาทิ หลับเป็นสุข ตื่นเป็นสุข นอนไม่ฝันร้าย เป็นที่รักของมนุษย์และ อมนุษย์ มีเทวดาคุ้มรักษา ไฟ ยาพิษ ศัตราไม่แผ้วพาน
มีจิตตั้งมั่น สีหน้าผ่องใส ฯลฯ ย่อมเป็นผลให้ผู้มีเมตตาได้รับสรรพสัตว์ที่เวียนตายเวียนเกิดอยู่ในภพต่างๆ ของวัฏสงสาร โดยเฉพาะสัตว์มนุษย์และเทวดา สามารถพัฒนาเมตตาบารมีให้เกิดขึ้นได้
ส่วนสัตว์ที่เป็นพรหม มีพรหมวิหารธรรม (เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา) เป็นคุณสมบัติประจำตนอยู่แล้ว ซึ่งเป็นผลที่ได้มาในครั้งที่เกิดเป็นมนุษย์
เมตตาเป็นหนึ่งในคุณธรรมที่นำสู่ความตั้งมั่นเป็นสมาธิของจิต มนุษย์ที่พัฒนาจิต(สมถภาวนา)จนเข้าถึงความเป็นสมาธิแน่วแน่(อัปปนาสมาธิ )หรือเรียกว่า สมาธิระดับฌานหากทิ้งขันธ์ลาโลกในขณะที่จิตทรงอยู่ในฌาน ย่อมไปอุบัติเป็นสัตว์ในพรหมโลกชั้นต่าง ๆ ตามกำลังของฌานที่พัฒนาได้
ตรงกันข้ามกับมนุษย์ที่ไม่มีเมตตา เมื่อถึงวาระสิ้นอายุขัยและต้องทิ้งขันธ์ลาโลกไป จิตวิญญาณย่อมโคจรไปเกิดเป็นสัตว์อยู่ในภพต่ำ นับแต่ภพเดรัจฉานไปจนภพนรกดังนั้นมนุษย์ผู้มีเมตตา เป็นคุณธรรมประจำใจ จึงมีแต่คิดช่วยเหลือผู้อื่นให้ได้ประโยชน์โดยไม่มีประมาณ
ซึ่งจะเห็นได้จากตัวอย่างของพระพุทธะ ขณะกำลังจะเสด็จดับขันธปรินิพพาน ได้ยินเสียงสนทนาระหว่างพระอานนท์พุทธอุปัฎฐาก ที่ไม่ยินยอมให้สุภัททปริพาชกชาวเมืองกุสินารา เข้าถามปัญหาธรรมกับพระพุทธเจ้าถึงสามหน ด้วยเหตุที่พระอานนท์เกรงว่าพระพุทธเจ้าจะทรงเหน็ดเหนื่อย
พระพุทธะผู้เปี่ยมด้วยเมตตาได้ตรัสกับพุทธอุปัฎฐากว่า....................................
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14 เมษายน 2553 17:54:48 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #3 เมื่อ: 14 เมษายน 2553 17:38:18 »



อานนท์ ให้สุภัททะเข้ามาหาเราเถิดพระองค์ได้ตรัสสอนสุภัททะว่า.........................
ธรรมวินัยใด ประกอบไปด้วยมรรคมีองค์แปด ผู้ใดประพฤติถูกตรงตามธรรมแล้ว โลกย่อมไม่ว่างจากพระอรหันต์
สุภัททะเกิดศรัทธาต่อพุทธวจนะที่กล่าว จึงขอบวชเป็นภิกษุในพุทธศาสนา หลังจากบวชแล้วจึงเร่งปฏิบัติธรรมจนบรรลุอรหัตตผล
อภิญญา 6 พร้อมกับมีปฏิสัมภิทา 4 ในคืนเดียวกันนั้น ก่อนพุทธปรินิพพาน ปัจฉิมสาวกในพุทธศาสนาจึงได้เกิดขึ้น ด้วยเหตุแห่งเมตตาของ
พระพุทธะนั่นเอง............................


...............พิมพ์คัดลอกมาจากหนังสือ สัจจบารมีเมตตาบารมีของ ดร.สนอง วรอุไร............

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14 เมษายน 2553 17:55:36 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.376 วินาที กับ 30 คำสั่ง

Google visited last this page 03 ตุลาคม 2566 03:23:29