หลวงปู่ผาง จิตฺตคุตโต วัดอุดมคงคาคีรีเขต ( ดูน ) จ. ขอนแก่น...หลังจากพักอยู่ข้างน้ำดูนได้ 7 วันแล้ว ท่านจึงได้ย้ายไปพักที่แห่งใหม่ ได้ที่
เหมาะใต้พุ่มไม้หนามีพลาญหินอยู่ใต้ต้นไม้นั้น ( ปัจจุบันอยู่หน้าอุโบสถวัดดูน )
ปักกลดปฏิบัติภาวนาที่นี่ คืนแรกก็ปกติ เงียบไม่มีอะไร ตกคืนที่สองตอนเย็น
ขณะเดินจงกรมอยู่ สังเกตเห็นว่ามันช่างเงียบผิดปกติเสียจริงๆ
ท่านตั้งท่าระวัง ขณะต่อมาท่านก็ต้องขนลุกไปทั้งตัว เมื่อได้ยินเสียงดังฮอกๆ
ท่านว่าเห็นงูใหญ่ตัวเท่าต้นขา กำลุงเลื้อยเข้าไปในรูหิน ซึ่งอยู่ใกล้ๆกับที่ท่าน
พักนั่นเอง เจอเจ้าถิ่นเข้าให้แล้วไหมล่ะ หรือว่าเราปักกลดขวางทางนี่น่ะ
ถูกที่ดีแล้ว ตัดสินใจดั้นด้นมาถึงนี่แล้ว ต้องลองกันสักตั้งให้รู้ดำรู้แดงไปเลย
ท่านก็ยิ่งเร่งตั้งใจภาวนา
พอตกคืนที่สาม กำลังเดินจงกรมอยู่ ก็ได้ยินเสียงผิดปกติอีก ต้องเป็นเสียงงู
ตัวเมื่อวานนี้แน่ๆ เสียงใบไม้กับพลาญหินเสียดสีกันดังวี๊ดๆ วื๊ดๆๆ ฮอกๆๆๆ
ใกล้เข้ามาๆ เหมือนกับรู้ตัวว่าอะไรจะเกิดขึ้น จึงได้นั่งลงข้างกลด นั่งนิ่งระงับ
ความตื่นเต้นไว้ได้ กำหนดถามใจตัวเองดูว่า " กลัวงูใหญ่ตัวนี้หรือไม่ ? "
ใจตอบตัวเองว่า " ไม่กลัว " จึงได้กำหนดจิตแผ่เมตตาให้มัน จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด
ขณะงูใหญ่เลื้อยมาอยู่ตรงหน้าท่าน อัาปากกว้าง แลบลิ้นแผล็บๆๆ ทำท่า
เหมือนจะกินท่านเป็นอาหารอยู่นั้น ท่านจึงพูดกับมันว่า " ถ้าจะกินเราต้องกิน
ให้หมดทั้งบริขาร กลด บาตร จีวร ต้องกินเข้าไปให้หมด อย่าให้เหลือ เรา
ยอมตายแล้ว สละหมดแล้วทุกอย่างแม้ชีวิต " ขณะนั้นจิตของท่านตั้งมั่นแน่น
เหมือนหิน มีสติอยู่กับตัวตลอดเวลา แนบมือเข้ากับลำตัว ชิดเท้าเข้ากัน นอน
เหยียดยาวเพื่อให้งูกิน
งูตัวนั้นมันคงหิวจัดกระมัง อดอาหารมานานหลายวัน คงหาสัตว์อื่นกินเป็น
อาหารไม่ได้แล้ว มันจึงมาหากินคน ท่านว่ามันเริ่มขยอกกลืนกินท่านเข้าไปใน
ปากของมันเรื่อยๆๆ มันกลืนกินตัวเราเข้าไปถึงไหน เย้นเย็น เย็นยะเยือกไป
ถึงนั่น ขณะที่หลวงปู่อยู่ในปากของงูใหญ่นั้น ท่านก็กำหนดภาวนาวางความ
ตาย ตายๆๆๆๆ จนหมดความกลัวตาย เมื่อจิตใจทอดอาลัยเสียดายในชีวิต
ได้แล้ว จิตก็รวมวูบเข้าเป็นสมาธิ ผู้รู้ก็เป็นอันหนึ่งต่างหาก กายเวทนาก็เป็น
อันหนึ่งต่างหาก สติตามดูรู้หมด เป็นอย่างนั้นอยู่นาน เมื่อจิตถอนออกมาแล้ว
ไม่มีความโกรธหรือผูกอาฆาตพยาบาทมันเลย มีแต่ความองอาจ กล้าหาญ
ไม่สะทกสะท้าน กำหนดจิตแผ่เมตตาให้ และภาวนากำหนดดูมันอยู่อย่างนั้น
มันขยอกตัวท่านเข้าไปในท้อง เข้าไปช้าๆๆ จนกระทั่งถึงลำคอหลวงปู่ แล้ว
มันก็หยุดอยู่แค่นั้น ไม่กินต่อ
ท่านก็เลยพูดกับมันว่า " หยังจังบ่กินให้หมดทั้งโตล่ะ ถ้ากินบ่หมด เฮาสิเอา
ศอกถองพุงเอาเด๊ะ " ( ทำไมไม่กินให้หมดทั้งตัวล่ะ ถ้ากินไม่หมด เราจะเอา
ศอกกระทุ้งเอาน่ะ ) ว่าแล้วท่านก็เอาศอกกระทุ้งมันเบาๆ จากนั้นมันก็เริ่มคาย
ขยอกลำตัวท่านออกมาจากปากของมัน แล้วมันก็เลื้อยถอยออกห่างไปนิดหนึ่ง
แล้วก็ชูคอยกหัวขึ้นลงๆ อยู่สามครั้ง เหมือนว่ากราบขอขมาลาโทษ ขออโหสิ
กรรมที่ได้ล่วงเกินท่าน แล้วมันก็เลื้อยเข้ารูไป นับจากนั้นมา ท่านว่าไม่เคย
เห็นงูตัวนั้นปรากฎตัวให้เห็นอีกเลย ท่านว่ามันเริ่มกินท่านตั้งแต่ 3 ทุ่ม จนกระ
ทั่งถึงตี 5 จึงได้คายท่านออกจากปาก สบงจีวรที่ท่านนุ่งห่มอยู่นั้นเปียกปอน
หมดเลย ( ปัจจุบันที่ตรงนี้ ลูกศิษย์ ได้ปั้นรูปงูใหญ่ไว้เป็นอนุสรณ์ )..
( จากหนังสือ " ชีวประวัติ ปฏิปทาและคติธรรม ของหลวงปู่ผาง จิตฺตคุตโต " )