13 พฤษภาคม 2567 16:27:26
ยินดีต้อนรับคุณ,
บุคคลทั่วไป
กรุณา
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
1 ชั่วโมง
1 วัน
1 สัปดาห์
1 เดือน
ตลอดกาล
เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
หน้าแรก
เวบบอร์ด
ช่วยเหลือ
ห้องเกม
ปฏิทิน
Tags
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
ห้องสนทนา
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!
[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
สุขใจในธรรม
จิตอาสา - พุทธศาสนาเพื่อสังคม
.:::
คัมภีร์มรณศาสตร์แห่งธิเบต : [The Tibetan Book of the Dead] ช่วงสอง
:::.
หน้า: [
1
]
ลงล่าง
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
พิมพ์
ผู้เขียน
หัวข้อ: คัมภีร์มรณศาสตร์แห่งธิเบต : [The Tibetan Book of the Dead] ช่วงสอง (อ่าน 26112 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
มดเอ๊ก
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 14
คะแนนความดี: +8/-1
ออฟไลน์
Thailand
กระทู้: 5081
ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Chrome 33.0.1750.154
คัมภีร์มรณศาสตร์แห่งธิเบต : [The Tibetan Book of the Dead] ช่วงสอง
«
เมื่อ:
05 เมษายน 2557 22:32:26 »
Tweet
การเข้าสู่มหาวิมุตติ โดยผ่านการสดับฟัง
ขอถวายสักการะแด่บรรดาเหล่าคุรุ
พระอมิตตาภพุทธ ผู้มีรัศมีอันหาที่สุดมิได้ -
ธรรมกาย
ปทุมเทพแห่งสันติ และความพิโรธโกรธา -
สัมโภคกาย
คุรุปัทมะสัมภวะ เทพอารักษ์แห่งสรรพสัตว์ -
นิรมาณกาย
คัมภีร์
" มหาวิมุตติโดยการสดับฟัง "
เล่มนี้
เป็นหนทางที่ใช้ปลดปล่อยสู่วิมุตติสุขใน
บาร์โด
สำหรับบรรดาผู้ฝึก
โยคศาสตร์
ที่มีความสามารถพอประมาณ
คัมภีร์เล่มนี้แบ่งออกเป็นสามส่วนด้วยกัน ส่วนหนึ่งได้แก่คำแนะนำสำหรับผู้ฝึกฝน ส่วนที่สองได้แก่เนื้อหาแห่งคัมภีร์ ส่วนทีสาม ได้แก่บทสรุป
ในส่วนของคำแนะนำในคัมภีร์เล่มนี้ เป็นส่วนที่ผู้ฝึกฝนต้องทำความเข้าใจให้ดีเสียก่อน อันจะเป็นหนทางนำไป
สู่การปลดปล่อยสรรพสัตว์ ที่เปี่ยมไปด้วยวิชชาชั้นสูง
แต่หากไร้ซึ่งวิชชาดังกล่าว บุคคลพึงฝึกฝน
การเคลื่อนย้ายวิญญาณ
ซึ่งจะชักนำเข้าสู่วิมุตติภาวะในทันทีหลังจาก ละทิ้งซึ่งสังขาร วิธีนี้ใช้ปลดปล่อยสรรพสัตว์ที่ทรงวิชชาพอประมาณ แต่ถ้าไม่สำเร็จในกิจดังกล่าวนี้ บุคคลจะต้องพยายามเข้าถึง
" มหาวิมุตติโดยการสดับฟัง "
ขณะอยู่ใน
ภาวะบาร์โดแห่งธรรมดา
ด้วยเหตุนี้
ผู้ฝึกฝนพึงทำการวินิจฉัยบรรดานิมิตแห่งความตายตามลำดับ
ตามคัมภีร์ว่าด้วย
" การปลดปล่อยสัญลักษณ์แห่งความตาย "
โดยฉับพลัน
หากเขากระทำการได้สัมฤทธิ์ผล เขาย่อมสามารถเคลื่อนย้ายวิญญาณได้เป็นผลสำเร็จ ซึ่งจะนำไปสู่
การปลดปล่อยโดย ฉับพลันทันทีที่คำนึงเท่านั้น
ถ้าการเคลื่อนย้ายลุล่วงไปด้วยดี การอ่านคัมภีร์เล่มนี้ก็หาจำเป็นไม
่ แต่หากเขาผู้นั้นทำการไม่สำเร็จ
ก็จำเป็นต้องทำการอ่านคัมภีร์เล่มนี้อย่างชัดถ้อยชัดคำและถูกต้อง ในระยะประชิดร่างของผู้ตาย
หากร่างกายของผู้ป่วยมิได้อยู่ที่นั่น ผู้อ่านควรนั่งลงบนเสื่อหรือฟูกนอนของเขาและอ้างอิงอำนาจแห่งสัจจะ เรียกมโนสำนึกของผู้ป่วยให้ มาหา และเริ่มต้นสร้างจินตภาพว่าเขาได้มานั่งฟังอยู่เบื้องหน้าในช่วงเวลานี้เสียงคร่ำครวญร่ำไห้เป็นสิ่งที่ไม่พึงปรารถนา ดังนั้นบรรดา ญาติสนิทจะต้องถูกกักออกไปจากบริเวณ ถ้าร่างของผู้ตายยังคงอยู่ ณ ที่นั้น ในช่วงวิกฤตที่ลมหายใจกำลังจะแผ่วสิ้นไป และชีพจร จะหยุดดับลง คุรุหรือญาติทางธรรมของเขาที่เขาเคารพรักและศรัทธาจักต้องอ่านคัมภีร์
" มหาวิมุตติโดยการสดับฟัง "
เล่มนี้ที่ข้างหูของเขา
ในการอ่าน
" คัมภีร์มหาวิมุตติโดยการสดับฟัง "
จำต้องมีการถวายเครื่องสักการะอันประณีตต่อพระรัตนตรัยถ้ามีเครื่องถวายพอเพียง แต่หากในที่แห่นั้นขาดแคลนเครื่องบูชา ควรจะสักการะถวายเฉพาะสิ่งที่จัดหามาได้ และจินตนาการเอาในส่วนที่เหลือ ผู้อ่านจะต้อง ทำการท่อง
" บทสวดดลบันดาลวอนขอต่อพุทธองค์และโพธิสัตว์ทั้งหลายเพื่อคุ้มครองชีพ "
สามครั้งหรือเจ็ดครั้ง และทำการท่อง ออกเสียง
" บทสวดดลบันดาลเพื่อการรอดพ้นจากภยันตรายในบาร์โด "
รวมทั้ง
" วลีสำคัญแห่งบาร์โดทั้งหก "
แล้วจึงทำการอ่าน
" มหาวิมุตติโดยการสดับฟัง "
สามครั้งหรือเจ็ดครั้ง
เนื้อหาหลักของคัมภีร์นั้นแยกออกเป็นสามส่วน
การปรากฏตัวของแสงสุกใสในบาร์โดช่วงเวลาก่อนหมดลมหายใจ
เป็นส่วนแรก ส่วนที่สอง นั้นได้แก่
การเตือนให้ตระหนักถึงภาพนิมิตในบาร์โดแห่งธรรมธาตุ
ส่วนที่สามได้แก่
การแนะนำให้ทำการปิดทางเข้าสู่ครรภ์อุทรในบาร์โด
ช่วงที่จะกำเนิด
เบื้องแรกเมื่อมี
การปรากฏตนของ
แสงสุกใส
ใน
บาร์โด
ช่วงขณะก่อนจบชีวิตลง
เมื่อได้ทำการอ่านคัมภีร์เล่มนี้ ผู้คนทั่วไปที่แม้จะได้รับ การฝึกฝนสมาธิภาวนาแต่ไม่อาจจำ
แสงสุกใส
ได้ แม้ว่าพวกเขาจะมีความฉลาดเฉลียวสักปานใด จะจำแสงสุกสกาวได้ และจะผ่านเลย ประสบการณ์ใน
บาร์โด
เข้าสู่
ธรรมกาย
ที่จักไม่หวนกลับมาเกิดอีก
สำหรับวิธีการอ่านนั้น จะเป็นการดีหากได้
คุรุหรืออาจารย์ใหญ่
ที่เขาได้รับการถ่ายทอดคำสอนมาประกอบพิธี หรือไม่ก็เป็น
ญาติทาง ศาสนธรรม
ที่เขาได้รับเอาแนวทางสัมมาปฏิบัติมาประพฤติ หรือไม่ก็เป็น
กัลยาณมิตรในสายสกุลเดียวกัน
หากหาบุคคลเหล่านี้ไม่ได้ ก็ควรต้องเป็น
บุคคลที่สามารถอ่านได้ชัดเจนและถูกต้อง
และ
ควรอ่านซ้ำไปซ้ำมาหลายเที่ยวด้วยกัน การกระทำดังกล่าวนี้จะเตือนเขา ให้นึกถึงคำสั่งสอนแห่งคุรุที่ได้ถ่ายทอดมาแล้วในกาลก่อน อันทำให้เขารู้ทันทีเมื่อ
แสงสุกใส
อุบัติขึ้น และได้รับการปลดปล่อยสู่วิมุตติสุข เป็นการแน่นอน
เมื่อลมหายใจใกล้จะสิ้นสุดลง ลมปราณจักซึมซาบเข้าสู่
ธูติแห่งปัญญา
และ
แสงสกาวซึ่งปลอดพ้นจากสิ่งบดบังจักเฉิดฉายอย่างกระจ่างชัด ในมโนวิญญาณ
ถ้าลมปราณเกิดการย้อนกลับและลับหายเข้าไปใน
นาภีซ้ายขวา
สภาวะแห่งบาร์โดจักบังเกิดขึ้นทันที ดังนั้น
การอ่านจะต้อง กระทำก่อนที่ลมปราณจะสูญหายเข้าไปใน
นาภีซ้ายขวา
ช่วงเวลาที่ชีพจรภายในดำรงอยู่หลังการดับสิ้นของลมหายใจจะเป็นระยะชั่วรับประทาน อาหารหนึ่งมื้อ
กระบวนวิธีในการอ่านคัมภีร์นั้นจะได้ผลดีที่สุดถ้าการเคลื่อนย้ายวิญญาณกระทำเมื่อลมหายใจใกล้จะสุดสิ้นลง
แต่หากทำไม่ได้ ผู้อ่านควร กล่าวคำเหล่านี้
" ดูกร
ทายาทแห่งอริยสกุล
( ชื่อของผู้ตาย ) บัดนี้เวลาที่ท่านจต้องเสาะหาหนทางของท่านเองได้มาถึงแล้ว ทันทีที่ลมหายใจในกายท่านสุดสิ้นลง
แสงสุกใส
อันเป็นปกติวิสัยแห่ง
บาร์โดแรก
จะปรากฏขึ้น ดังที่คุรุได้อบกเล่าแก่ท่านในกาลก่อน สิ่งที่ปรากฏนี้ได้แก่ธรรมดา
ซึ่งเปิดโล่งและ ว่างเปล่าดุจอากาศธาตุ เป็นที่ว่างอันสุกสกาว เป็นจิตอันเปล่าเปลือยที่ปราศจากหลักยึดหรือปริมณฑล
จงจำสิ่งนี้ให้ได้ และพิงพักอยู่ในสภาวะดังกล่าวนี้
และข้า ฯ จะติดต่อกับท่านในยามนั้นด้วย "
ข้อความดังกล่าวนี้จำต้องปลูกฝังลงในความคิดคำนึงของผู้ตายให้มั่นคง โดยการกล่าวทวนไปทวนมาหลาย ๆ ครั้งที่ข้างหูของเขา จนกว่าเขาจะสิ้นลมลงไป
ครั้นเมื่อเราได้สังเกตเห็นว่าลมหายใจของเขาได้สุดสิ้นลงแล้ว
ให้วางผู้ตายลงใน
ท่าสีหไสยาสน์
และ
จับชีพจรสองเส้น ที่ก่อให้เกิดการหลับไหล กดให้แน่น จนกระทั่งมันหยุดเต้นระรัว
เมื่อนั้น
ลมปราณที่ได้เข้าสู่ธูติ จะไม่สามารถตีย้อนกลับได้ และจะผุดขึ้น ผ่านพรหมรันธะ
บัดนี้เนื้อความในคัมภีร์จะถึงกาลบอกกล่าว
ในเบื้องแรกจะปรากฏ
บาร์โดขั้นปฐม
ที่เรียกขานกันในนามของ
รัศมีสุกใสแห่งธรรมธาตุ อันเป็นจิตแน่วแน่แห่งธรรมกาย
ที่อุบัติในสรรพสัตว์ บุคคลธรรมดาจะรับรู้สภาพดังกล่าวนี้อย่างไม่รู้สึกตัวอันเนื่องมาจาก
ลมปราณได้ ดำดิ่งกลมกลืนไปกับ
อวธูติ
ในช่วงระหว่างการสิ้นสุดของลมหายใจและชีพจร ระยะเวลาที่ดำเนินอยู่นั้นไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับ
เงื่อนไขแห่งจิตใจ
และ
ขั้นของ การฝึกในธรรมะ มันอาจคงอยู่ได้เป็นเวลานานในบุคคลที่ผ่านการฝึกฝนเคี่ยวกรำมาเป็นอันมาก และแน่วแน่ในอำนาจแห่งสมาธิภาวนาที่สงบนิ่งและละเอียดอ่อน
ในการอ่านคัมภีร์บทนี้ ผู้อ่านจะต้องอ่านทวนไปทวนมาจนกว่าจะมีน้ำเหลืองไหลออกมาจากทางช่องศีรษะ
ในบุคคลที่เปี่ยมไปด้วยความชั่วร้ายและหยาบช้าระยะเวลามีเพียงชั่วดีดนิ้วมือเท่านั้น
แต่ในบางบุคคลมันอาจคงอยู่ได้ชั่วเวลารับประทาน อาหารหนึ่งมื้อ ในตำราและพระสูตรตันตระกล่าวว่าช่วงเวลาที่ไร้ความรู้สึกตัวนี้ดำรงอยู่ถึงสี่วัน ผู้อ่านจะต้องใช้เวลาประกอบพิธีในระยะเวลาดังกล่าว
ในพิธีดังกล่าว หากผู้ตายมีความสามารถจะดำเนินการด้วยตัวเองโดยอาศัยคำสอนที่ได้เรียนรู้มาแล้ว แต่หากเขาไม่สามารถจะช่วยเหลือตนเองได้ คุรุของเขาหรือศิษย์แห่งคุรุองค์นั้นหรือพี่น้องทางธรรมของผู้ตายจะต้องเขยิบเข้ามาใกล้กายของผู้ใกล้ตายและอ่านตัวบทคัมภีร์ อย่างช้า ๆ และแจ่มชัด ถึง
ลำดับของนิมิตในความตาย
" เมื่อภาพของแผ่นดินได้เลือนหายสู่ห้วงน้ำ เมื่อห้วงน้ำกลายเป็นอัคคีระอุ เมื่ออัคคีได้แปรเปลี่ยนสู่ท้องนภา และเมื่อท้องนภาได้กลายสู่มโนวิญญาณ .... เช่นนี้ ต่อไปเรื่อย ๆ "
เมื่อการพรรณาลำดับแห่งนิมิตใกล้จะ สิ้นสุดลง ผู้อ่านจะต้องทำการปลุกปลอบใจผู้ใกล้ตายให้ทำความในใจว่า
" ดูกร ทายาทแห่งอริยสกุล "
หรือในกรณีที่ผู้ตายเป็นคุรุธรรม จงขานว่า
" ดูกร ท่านผู้เป็นที่เคารพ "
" อย่าปล่อยให้ความคิดของท่านร่อนเร่พเนจรไป "
ถ้อยคำนี้ควรกระซิบเบา ๆ ที่ข้างหูของผู้ใกล้วายชนม์ ในกรณีที่ผู้นั้นเป็นญาติทางศาสนธรรมหรือบุคคลอื่น ผู้อ่านจะต้องขานชื่อของเขาและกล่าวถ้อยคำเหล่านี้
" ดูกร
ทายาทแห่งอริยสกุล
สิ่งที่เรียกกันว่ามรณะได้มาสู่ท่านแล้ว ท่านจงทำความในใจดังนี้
' ข้า ฯ ได้มาถึงซึ่งมรณกาล ณ บัดนี้ ข้า ฯ จะแน่วแน่อยู่เพียงแต่วิมมุติภาวะแห่งจิต ไมตรี มิตรภาพ กรุณาคุณ และเข้าสู่ภาวะตรัสรู้ยิ่งแล้วเพื่ออำนวยประโยชน์แด่สรรพสัตว์ที่มี มากมายเหลือคณานับดุจสากลจักรวาล ด้วยการอธิษฐานจิตเยี่ยงนี้ เพื่อประโยชน์แห่งสรรพสัตว์ ข้า ฯ จะระลึกว่าแสงสุกใสนั้นย่อมได้ แก่ธรรมกาย และในภาวะเช่นนั้น ข้า ฯ จะทำให้แจ้งซึ่งมหาสัญลักษณ์ ข้า ฯ จะมุ่งหน้าสู่หนทางแห่งประโยชน์สุขของสรรพสัตว์ หากแม้นว่าไม่อาจสัมฤทธิ์ดังใจหวัง ข้า ฯ จะระลึกได้ซึ่งภาวะบาร์โด และเข้าถึงมหาสัญลักษณ์อันมิอาจจะแบ่งแยกได้ในภาวะบาร์โด ข้า ฯ จะประกอบกรรมดีเพื่อปลดปล่อยสรรพสัตว์อันหาที่ประมาณมิได้ ในทุกอุบายวิธีที่ทำได้เพื่อผลประโยชน์แก่สัตว์ที่ร่วมเกิดแก่เจ็บตายทั้งมวล '
เพื่อมิไห้ความคิดดังกล่าวลบเลือนไป ท่านต้องทบทวนและฝึกฝนสมาธิภาวนาที่ท่านได้รับการสอนสั่งมาในอดีต "
ถ้อยคำดังกล่าวถูกกล่าวขานอย่างชัดถ้อยคำที่ข้างหูของผู้วายชนม์ เพื่อที่จะเตือนเขาให้ระลึกถึงการฝึกฝนในอดีตโดยไม่ปล่อยให้จิตออก เร่ร่อนไปแม้เพียงเสี้ยวเวลา
ครั้นแล้วเมื่อลมหายใจของเขาได้สุดสิ้นลงให้ท่านกดชีพจรเส้นที่ลึกที่สุดอันทำให้เกิดการหลับใหล
และกล่าว ย้ำในถ้อยคำเช่นนี้ว่า
" ท่านที่เคารพ บัดน
ี้แสงสุกใส
ได้อุบัติอยู่เบื้องหน้าของท่านแล้วจงทำความจดจำมันให้จงได้ และพักผ่อนในระหว่างนั้น "
คำกล่าวนี้ใช้กับคุรุธรรมหรือกัลยาณมิตรที่สูงกว่าผู้อ่าน
บันทึกการเข้า
ทิ นัง มิไฮ นัง มิจะนัง ทิกุนัง แปลว่า
ที่นั่ง มีให้นั่ง มึงจะนั่ง ที่กูนั่ง ทิ้งไว้เป็น
ปริศนาธรรม นะตะเอง
มดเอ๊ก
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 14
คะแนนความดี: +8/-1
ออฟไลน์
Thailand
กระทู้: 5081
ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Chrome 33.0.1750.154
Re: คัมภีร์มรณศาสตร์แห่งธิเบต : [The Tibetan Book of the Dead] ช่วงสอง
«
ตอบ #1 เมื่อ:
05 เมษายน 2557 22:36:18 »
ในกรณีของบุคคลอื่นให้ใช้คำกล่าวเช่นนี้ว่า
" ดูกร
ทายาทแห่งอริยสกุล
( ชื่อของผู้ตาย ) บัดนี้
แสงกระจ่างใสแห่งธรรมธาตุ
ได้ฉายฉานอยู่ เบื้องหน้าท่านแล้ว จงจดจำให้ได้ ดูกรทายาทแห่งอริยสกุล ณ เพลานี้จิตตะสภาวะแห่งท่านเป็นความว่างเปล่าล้วน ๆ โดยธรรมชาติ มันไม่มี คุณสมบัติอย่างอื่นอยู่เลย และไม่ปรากฏองค์ประกอบหรือสีสรรใด ๆ ด้วย สภาวะนี้เองที่ได้แก่ธรรมดา พุทธสตรี ในนามของ สมันตรภัทรติ ทว่าสภาวะจิตดังกล่าวนี้มิใช่เพียงความว่างเปล่า มันไม่มีสิ่งใดกีดขวาง มันเจิดจรัส ผ่องใส และสั่นไหวยิ่ง จิตนี้คือสมันตรภัทรพุทธะ คุณสมบัติสองประการต่อไปนี้ได้แก่ ความว่างเปล่าที่ปราศจากธาตุใด ๆ ความสั่นไหวโอนอ่อนและสุกสกาวอันไม่อาจแยกเป็นสองได้นี้เอง คือ
ธรรมกายแห่งพุทธองค์
จิตของท่านได้แก่ความใสสว่างและความว่างที่ไม่อาจขาดแยกออกจากกัน ได้รวมตัวอยู่ในรูปของกลุ่มแสง อันเจิดจ้า มันปราศจากการเกิดและดับสลายจึงเป็น
พุทธองค์แห่งประภารัศมีอันเป็นอมตภาวะ
การระลึกสิ่งนี้ได้นับว่าสำคัญมาก เมื่อใดที่ท่าน ได้รับรู้ธรรมชาติบริสุทธิ์ของจิตว่าคือ
พุทธะ
การมองกลับเข้าไปสู่จิตของตนก็คือ การพักพิงอยู่ใน
จิตแห่งพุทธะ
"
ถ้อยคำดังกล่าวควรกล่าวซ้ำประมาณสามหรือเจ็ดเที่ยวอย่างชัดเจนและถูกต้อง ใน
ขั้นแรก
จะทำให้เขาระลึกได้ถึงสิ่งที่คุรุได้สอนสั่งเขาใน กาลอดีต ใน
ขั้นต่อมา
เขาจะระลึกได้ว่า
จิตอันเปล่าเปลือยของเขานั้นประภัสสรแต่เดิมมา
ใน
ขั้นสาม
เขาจะระลึกได้ว่าตนเองเป็นผู้ใดแน่
เขาจะเข้าร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมกายภาวะและเข้าสู่วิมุตติสุข
ครั้นระลึกได้ถึง
แสงสุกใส
นับแต่แรกเห็น ผู้ตายย่อมไปสู่ความรำงับเสียได้ แต่หากการณ์ไม่เป็นไปเช่นนั้น
แสงสุกสกาวลำดับที่สองจัก ปรากฏตัวขึ้น
ช่วงเวลาดังว่านี้สั้นกว่าหนึ่งมื้ออาหารเสียอีกหลังจากการสิ้นสุดของลมหายใจ
ไม่ว่าผู้ตายจะประกอบกรรมดีหรือกรรมชั่วไว้ในอดีตก็ตามลมปราณจะไหลเข้าสู่
นาภีขวาหรือซ้าย
และ
ผ่านออกทางกลางกระหม่อม
มโนสำนึกจะกระจ่างชัดในบัดดล
ระยะเวลาในยามนี้จะยาวนานเกินกว่าหนึ่งมื้ออาหารหรือไม่ ย่อมขึ้นอยู่กับความอ่อนไหวละเอียดอ่อนของผู้ตาย และ
การฝึกฝนปฏิบัติครั้งยังมีชีวิตอย
ู่
เมื่อวิญญาณได้หลุดออกจากร่าง เขาย่อมไม่แน่ใจว่าได้ตายลงแน่นอนแล้วหรือไม่ เขาจะได้แลเห็นญาติมิตรและเพื่อนพ้องชุมนุมอยู่รอบ ๆ ร่างดังก่อนสิ้นชีพ และได้ยินซึ่งเสียงร่ำไห้ที่ระงมไปทั่ว
ในช่วงเวลาที่ผลกรรมยังไม่ปรากฏ และยมราชผู้ทรงไว้ด้วยความน่าสะพรึงกลัวยังเสด็จมาไม่ถึง คำแนะนำสู่สุคติภพควรจะได้รับการ กล่าวขานอีกครั้ง มีข้อที่ควรจำว่ามีความแตกต่างระหว่าง
ผู้ที่ได้รับการฝึกฝนอย่างสมบูรณ์พร้อม กับผู้ที่ฝึกฝนแบบบริกรรมนิมิต
ถ้าเขา ได
้ผ่านการฝึกฝนในแบบสมบูรณ์ครบถ้วน ผู้อ่านจะต้องเรียกชื่อผู้ตายสามครั้งและทำการทบทวนบทสวดข้างต้นอีกครั้งเพื่อเตือนให้ ระลึกถึง
แสงสุกใส
แต่หากเขาเป็น
ผู้ผ่านการฝึกฝนแบบบริกรรมนิมิต ผู้อ่านควรอ่านสาธนาคัมภีร์ให้ดังก้อง และอธิบายพรรณาให้เห็นถึง
ยิดัม
ประจำตัวของผู้ตาย และเตือนเขาด้วยถ้อยคำดังกล่าวนี้
" ดูกร ทายาทแห่งอริยสกุล จงแน่วแน่ในสมาธิอยู่ที่
ยิดัม
ของท่าน อย่าแส่ส่าย จงเพ่งเล็งอยู่ที่ยิดัมอย่างมั่นคง
จงมองนิมิตนี้ว่าเป็นเพียงปรากฏการณ์ปราศจากแก่นสารแน่นอนที่เปรียบประดุจดังจันทราในสายน้ำ อย่าได้คิดว่าเป็นรูปทรงที่มีตัวตน
"
แต่ถ้าผู้ตายที่ไม่ได้ผ่านการฝึกฝนใด ๆ จงกล่าวกับเขาดังนี้ว่า
" จงแน่วแน่อยู่ในพระพุทธองค์ที่เปี่ยมด้วยกรุณา ( พระอวโลกิเตศวร ) "
แม้แต่ผู้ที่ไม่รู้จัก
ภาวะ
บาร์โด
ก็จะเข้าใจภาวะนี้ได้หากได้รับการชี้แนะข้างต้น ทว่าสำหรับผู้คนที่ไม่เคยผ่านการฝึกฝนสมาธิภาวนามาก่อน แม้พวกเขาจะได้รับการชี้แนะโดยเหล่าคุรุวิปัสสนาจารย์ในยามมีชีวิตอยู่ พวกเขาก็ไม่สามารถจดจำบาร์โดสภาวะด้วยตนเองได้ ดังนั้น
เหล่าคุรุหรือกัลยาณมิตรจำต้องทำการช่วยเหลือพวกเขา เป็นเรื่องสำคัญมากที่เราจำต้องช่วยชี้แนะผู้ตายที่ไม่สามารถจดจำคำสอนระหว่างอยู่ใน
ภาวะบาร์โดช่วงขณะก่อนตาย
ได้
นั่นเป็นเพราะว่าพวกเขาสับสนจากอาการเจ็บไข้อย่างหนักและเวทนากล้า แม้ว่าเขาจะได้รับ การฝึกฝนสมาธิภาวนามาบ้างก็ตาม แต่หากสัมมาปฏิบัติของเขาได้เสื่อมทรามลง เขาย่อมมีสิทธิ์ร่วงหล่นลงสู่ภูมิอันต่ำช้า
เป็นการดีมากหากพวกเขาสามารถทำความเข้าใจได้นับแต่
บาร์โดแรก
ถึงแม้ว่าเขาทำการไม่สัมฤทธิ์ผล
แต่ถ้าวิปัสสนาญาณของเขามีคนเตือน ให้ตื่นขึ้นในบาร์โดที่สองเขาย่อมหลุดพ้นจากสังสารวัฏได้
ภายใน
บาร์โดที่สอง
วิญญาณของเขาที่ยังไม่แน่แก่ใจว่าเขาได้ตายลงแล้วหรือไม่ จะกระจ่างชัดขึ้น มีนามเรียกขานกันทั่วไปว่าเป็น
กายมายาอันบริสุทธิ์
ถ้าหากเขาทำความเข้าใจคำสอนในตอนนี้ได้
มารดาและบุตรแห่งธรรมธาตุจะประสบพบกัน
เขาจะไม่ถูกครอบงำโดยวิบากกรรมอีกต่อไป เปรียบดังแสงสุริยะฉายฉานเหนือความมืดมัว อำนาจแห่งวิบาก กรรมถูกขจัดโดยแสงกระจ่างใส อาการหลุดพ้นจึงเป็นไปได้
บาร์โดที่สอง
นั้น
จะปรากฏขึ้นเบื้องหน้ากายทิพย์ วิญญาณจักสามารถสดับเสียง ได้ดังยามมีชีวิตอยู่ ถ้าคำสอนสั่งเป็นที่เข้าใจอย่างถ่องแท้ในเวลานี้ก็เท่ากับสำเร็จประโยชน์แล้วและเนื่องจากภาพมายาอันสับสนแห่งผลกรรม มิได้บังเกิดขึ้น เขาย่อมบังคับตนให้ไปได้ทุกแห่งหน
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่สามารถจดจำ
แสงกระจ่างในบาร์โดแรก
ได้ เขาย่อมถูกปลดปล่อยหากสามารถจดจำ
แสงกระจ่างในบาร์โดที่สอง
ได้ แต่หากเขายังไม่ได้รับการปลดปล่อยแม้ในบัดนี้
บาร์โดที่สาม
อันได้แก่
บาร์โดแห่งธรรมธาตุ
จักปรากฏขึ้น
ภาพมายาแห่งวิบากกรรม จะอุบัติขึ้นด้วย การอ่านคำสอนเกี่ยวกับ
บาร์โดแห่งธรรมดา
ในเวลานี้จึงเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะมันทรงอำนาจและมีคุณูปการสูง
ในเวลาเหล่านี้ ญาติมิตรของเขาจะพากันร่ำไห้และโศกศัลย์ เขาจะไม่ได้รับอาหารเลี้ยงดูอีกต่อไป เสื้อผ้าจะถูกเปลี่ยน ที่นอนจะถูกแบ่งแยกออก
ผู้ตายจะแลเห็นผู้อื่นแต่ผู้อื่นไม่อาจแลเห็นผู้ตายได้ เขาย่อมอาจแลเห็นมวลมิตรได้ แต่มวลมิตรไม่อาจแลเห็นเขาได้ เขาย่อมได้ยินถ้อยคำ สนทนาของผู้อื่น แต่ผู้อื่นไม่อาจได้ยินเสียงเรียกขานของเขา
ดังนั้นเขาจึงจากไปด้วยความเศร้าโศกเหลือประมาณ ปรากฏการณ์ทั้งสาม อย่างจะอุบัติขึ้นในเวลานี้ อันได้แก่ เสียง สี และประภารัศมี เขาจะสลบไปด้วยความหวาดกลัว ไหวหวั่นและพรั่นพรึง ดังนั้นในเวลานี้ การอ่านถ้อยคำเกี่ยวกับบาร์โดแห่งธรรมธาตุควรเริ่มขึ้นตอนนี้ จงเรียกชื่อของผู้ตาย แล้วกล่าวถ้อยความต่อไปนี้อย่างแจ่มชัด
" ดูกร
ทายาทแห่งอริยะสกุล
จงฟังคำข้า ฯ อย่าแชเชือน ท่านจะประสบกับบาร์โดหกสภาวะด้วยกัน อันได้แก่
บาร์โดแห่งการเกิด บาร์โดแห่งความฝัน บาร์โดแห่งสมาธิภาวนา บาร์โดแห่งชั่วขณะก่อนตาย บาร์โดแห่งธรรมดา
และ
บาร์โดแห่งการแปรเปลี่ยน
ดูกร
ทายาทแห่งอริยะสกุล
ท่านจะได้ประสบกับ
บาร์โดสามสภาวะ
นี้ในภายภาคหน้า อันได้แก่
บาร์โดแห่งชั่วขณะก่อนตาย บาร์โดแห่งธรรมดา
และ
บาร์โดแห่งการแปรเปลี่ยน
ในบาร์โดทั้งสามนี้
แสงกระจ่าง
จากธรรมดาจักฉายฉานจนถึงเมื่อวานนี้ แต่ท่านกลับไม่อาจจดจำ มันได้ ท่านจึงพเนจรมายังบัดนี้ นับแต่นี้ท่านจะได้ประสบกับ
บาร์โดแห่งธรรมดา
และ
บาร์โดแห่งการแปรเปลี่ยน
ดังนั้นจงจดจำในสิ่งที่ข้า ฯ จะชี้แนะแก่ท่าน อย่าแชเชือนเป็นอันขาด
" ดูกร
ทายาทแห่งอริยสกุล
บัดนี้สิ่งที่เรียกขานกันว่า
ความตาย
ได้มาสู่แล้ว ไม่ใช่เพียงท่านผู้เดียวหรอกที่ต้องจากโลกนี้ไป ความตายบังเกิด กับทุกคน ดังนั้นจงอย่ารู้สึกผูกพันและหลงใหลในชีวิตนี้ แม้ท่านจะเกิดความปรารถนาแรงกล้าหรือดื้อดึงสักเพียงใด ท่านก็ไม่อาจจะรั้งอยู่ บนโลกต่อไปได้ ท่านทำได้เพียงแต่ร่อนเร่อยู่ในสังสารวัฏ อย่าหลงใหล อย่าละโมบ จงยึดมั่นในไตรสรณาคมณ์ ดูกร
ทายาทแห่งอริยสกุล
ไม่ว่านิมิตมายาอันน่าสะพรึงกลัวใด จะปรากฏขึ้นในบาร์โดแห่งธรรมดา จงอย่าลืมถ้อยความเหล่านี้ แต่จงทบทวนความหมายของมัน จุดสำคัญอยู่ที่การจดจำมันให้ได้
บัดนี้เมื่อ
บาร์โดแห่งธรรมดา
ได้อรุณขึ้นเบื้องหน้าข้า ฯ
ข้า ฯ จะละทิ้งความคิดเกี่ยวกับความกลัวและความไหวหวั่นเสีย
ข้า ฯ จะระลึกเสมอว่า
สิ่งที่ปรากฏเป็นเพียงภาพสะท้อนจากใจข้า ฯ
และรับรู้ว่ามันคือ
นิมิตแห่งบาร์โด
บัดนี้ข้า ฯ ได้มาถึงจุดวิกฤติเป็นตายแล้ว
ข้า ฯ จะไม่พรั่นพรึงต่อภาพสันติอันงดงามหรือพิโรธกราดเกรี้ยวประการใด
อันเป็นภาพสะท้อนจากใจข้า ฯ เอง
" จงสาธยายคัมภีร์ต่อไป กล่าวถ้อยคำเหล่านี้อย่างชัดและถูกต้อง และระลึกถึงความหมายของมัน อย่าหลงลืมเป็นอันขาด เพราะประเด็น สำคัญได้แก่การจดจำอย่างแม่นยำ
ไม่ว่าสิ่งใดจะปรากฏขึ้นว่าล้วนเป็นนิมิตจากใจท่านเอง
" ดูกร
ทายาทแห่งอริยสกุล
เมื่อกายและจิตของท่านแยกขาดออกจากกัน ธรรมธาตุภาวะจะปรากฏขึ้น บริสุทธิ์ และใสกระจ่าง จนยากจะ จ้องดู ช่างใสสว่างและเจิดจ้า ใสสว่างจนน่ากลัว เปล่งแสงดุจดังภาพลวงตาบนผืนแผ่นดินในฤดูใบไม้ผลิ อย่าหวาดกลัวมัน อย่าไหวหวั่น
มันเป็นประภารัศมีโดยธรรมชาติของธรรมธาตุแห่งตัวท่าน
ดังนั้นจงจดจำมันให้ได้
" เสียงคำรามแห่งสายฟ้าฟาดจะอุบัติจากภายในแสงสว่างเป็นแสงโดยธรรมชาติแห่งธรรมดาภาวะ กึกก้องราวกับเสียงสายฟ้านับพันอุบัติ โดยพลัน เนื่องด้วยมันเป็นเสียงตามธรรมชาติของธรรมดาแห่งตัวท่าน ดังนั้นจงอย่ากลัวอย่าไหวหวั่น ท่านได้ครอบครองในสิ่งที่มีนามว่า กายทิพย์แห่งความคิดฝ่ายต่ำ ท่านไร้ซึ่งกายเนื้อที่มีมังสาและโลหิต ดังนั้นไม่ว่าเสียง สีสรร หรือรัศมีเช่นใดจักปรากฏขึ้น มันย่อมมิอาจ ทำร้ายท่านได้และท่านก็ไม่อาจจะตายลงได้ เป็นการง่ายดายยิ่งนักที่จะ
ระลึกเสมอว่ามันคือนิมิตจากตัวท่าน
รับรู้ว่าท่านกำลังตกอยู่ในบาร์โดสภาวะ
" ดูกร
ทายาทแห่งอริยสกุล
หากท่านไม่อาจจดจำสิ่งเหล่านี้ได้ว่าเป็นนิมิตจากใจท่านเอง ไม่ว่าท่านจะฝึกฝนสมาธิภาวนาเพียงใดขณะที่ท่าน มีชีวิต หากท่านไม่เข้าใจคำสอนนี้แล้ว แสงประกายสีจะข่มขวัญท่าน เสียงคำรามจะข่มขู่ท่าน และประภารัศมีจะทำให้ท่านพรั่นพรึง หาก ท่านไม่เข้าใจประเด็นหลักแห่งคำสอน ท่านย่อมไม่อาจจดจำ เสียง แสง และรัศมีต่าง ๆ ได้ ดังนั้น ท่านย่อมจะวนเวียนอยู่ในสังสารวัฏ อีกต่อไป
" ดูกร
ทายาทแห่งอริยสกุล
หลังจากหลับใหลมาเป็นเวลาสี่วันครึ่ง ท่านจะเริ่มเคลื่อนไหว และตื่นจากการสลบไสล ท่านจะประหลาดใจ ว่ามีสิ่งใดบังเกิดกับท่าน จงระลึกว่าบัดนี้ท่านได้อยู่ในภาวะบาร์โดแล้ว ขณะที่สังสารวัฏเริ่มจะย้อนกลับ และทุกสิ่งที่ท่านเห็นจะปรากฏตน ดังแสงและจินตภาพ
บันทึกการเข้า
ทิ นัง มิไฮ นัง มิจะนัง ทิกุนัง แปลว่า
ที่นั่ง มีให้นั่ง มึงจะนั่ง ที่กูนั่ง ทิ้งไว้เป็น
ปริศนาธรรม นะตะเอง
มดเอ๊ก
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 14
คะแนนความดี: +8/-1
ออฟไลน์
Thailand
กระทู้: 5081
ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Chrome 33.0.1750.154
Re: คัมภีร์มรณศาสตร์แห่งธิเบต : [The Tibetan Book of the Dead] ช่วงสอง
«
ตอบ #2 เมื่อ:
05 เมษายน 2557 22:37:07 »
" พื้นที่ทั้งหมดของ
อากาศธาตุจะฉายฉานด้วยแสงสีคราม
และ
พระไวโรจนพุทธ
จะปรากฏตนเบื้องหน้าท่านจากมัชฌิมภูมิ ภูมิแห่งวงแหวนอันไร้จุดเริ่มต้น
กายสีขาวนวล นั่งบนบัลลังก์สิงห์ ถือวงล้อแปดซี่ในมือ สวมกอดศักติแห่งวัชระอากาศธาตุ แสงสีคราม แห่งวิญญาณขันธ์อย่างหมดจดบริสุทธิ์
เป็น
ภูมิปัญญาแห่งธรรมธาตุอันสว่างไสว กระจ่างใส แหลมคมและเจิดจ้า
จะพุ่งเข้าหาท่านจาก หว่างกลางหทัยขององค์ไวโรจนพุทธและองค์ศักติ ทะลวงผ่านท่านจนมิอาจมองได้ด้วยตาเปล่า ในเวลาเดียวกันนั้น แสงสีขาวมัวจาก ภูมิแห่งเทพเทวาจะพุ่งเข้าสู่ท่านด้วยด้วยและทะลุผ่านท่านไป ในเวลานั้นเอง โดยอิทธิพลของผลกรรม ท่านจะรู้สึกหวาดกลัวและ หลบหนีจาก
ภูมิปัญญาแห่งธรรมธาตุและแสงสีครามนวล
แต่กลับหลงใหลพึงใจกับแสงสีขาวมัวของเทพเทวา จำไว้ว่า
อย่าหวาดหวั่น ต่อ
แสงสีครามแห่งปัญญาอันเลิศ ซึ่งสว่างไสว เจิดจ้า คมชัดและใสกระจ่าง
เป็นอันขาด เพราะว่ามันคือ
ประภารัศมีแห่งพุทธสกุลเป็น ปัญญาญาณแห่งธรรมธาตุภาวะ
จงมุ่งหน้าเข้าหามันอย่างช้า ๆ ด้วยศรัทธาและการอุทิศตนและการยินยอมพร้อมใจ
คิดอยู่เสมอว่า
" มัน คือ
แสงอันเบาบางแห่งกรุณาคุณของพระไวโรจนพุทธอันศักดิ์สิทธิ์
ข้า ฯ ขอถือเอาท่านเป็นสรณะ จงตระหนักว่าพระไวโรจน์ อันศักดิ์สิทธิ์ได้มาเชื้อเชิญท่านถึงในบาร์โดอันเปี่ยมด้วยภยันตราย ในรูปของ
ลำแสงสีขาวของกรุณาคุณแห่งพระไวโรจนเจ้า
"
จงอย่าพึงใจในแสงสีขาวแห่งทวยเทพ
อย่าหลงใหลหรือสมัครใจในมัน หากท่านยินดีในมันท่านจะร่อนเร่ในภูมิแห่งทวยเทพและวนเวียน อยู่ในภูมิทั้งหก มันเป็นอุปสรรคขัดขวางเส้นทางสู่วิมุตติสุข อย่าจ้องดูมัน
แต่จงพึงใจใน
แสงสีครามนวล
และท่องบทสวดอันก่อแรง บันดาลใจด้วยความรู้สึกแน่วแน่ต่อ
องค์ไวโรจนพุทธ
เมื่อเร่ร่อนผ่านอวิชชาอันแรงกล้า ข้า ฯ ท่องอยู่ในสังสารวัฏ
โดยหนทางอัน
กระจ่างสุกใสแห่งภูมิปัญญาของธรรมธาตุ
ขอให้องค์ไวโรจนพุทธผู้ศักดิ์สิทธ
ิ์ปรากฏอยู่เบื้องหน้าข้า ฯ
ศักติของพระองค์รานีแห่งวัชรอากาศธาตุอยู่เบื้องหลัง
นำข้า ฯ ผ่านหนทางอันตรายในบาร์โด
และนำเข้าสู่
ภาวะสมบูรณ์แห่งพุทธ
"
โดยการท่องกล่าวบทสวดเพื่อขอแรงบันดาลใจนี้ด้วยศรัทธาแรงกล้า
เขาผู้นั้นย่อมถูกกลืนหายเข้าไปใน
ลำแสงสีรุ้งของพระไวโรจนพุทธ ผู้ศักดิ์สิทธิ์
และเหล่าศักติของพระองค์ และกลายเป็น
สัมโภคกายพุทธ
ประจำมัชฌิมภูมิ เป็นประภารัศมีอันแน่นหนา
บันทึกการเข้า
ทิ นัง มิไฮ นัง มิจะนัง ทิกุนัง แปลว่า
ที่นั่ง มีให้นั่ง มึงจะนั่ง ที่กูนั่ง ทิ้งไว้เป็น
ปริศนาธรรม นะตะเอง
มดเอ๊ก
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 14
คะแนนความดี: +8/-1
ออฟไลน์
Thailand
กระทู้: 5081
ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Chrome 33.0.1750.154
Re: คัมภีร์มรณศาสตร์แห่งธิเบต : [The Tibetan Book of the Dead] ช่วงสอง
«
ตอบ #3 เมื่อ:
05 เมษายน 2557 22:37:48 »
ถึงแม้จะได้รับการชี้แนะดังนี้ก็ตาม เขาก็ยังหวาดกลัวในลำแสงและประภารัศมีอันเนื่องจากความก้าวร้าวและอาการวิกลจริตแห่งจิต และหลบหนีไป และหาดเขายังสับสนแม้ภายหลังจากท่องบทสวด ในวันที่สอง
วงล้อแห่งทวยเทพของวัชรสัตวพุทธะ
มาเชื้อเชิญเขา พร้อมกับอกุศลที่จะนำเขาเข้าสู่นรก ดังนั้น เพื่อชี้แนะเขา ผู้อ่านควรเรียกชื่อผู้ตายและกล่าวถ้อยคำต่อไปนี้
" ดูกร
ทายาทแห่งอริยสกุล
จงฟังคำข้า ฯ อย่าแชเชือน ในวันที่สอง
แสงสีขาวและคุณสมบัติอันบริสุทธิ์แห่งธาตุน้ำจะฉายฉาน
และ ในเวลาเดียวกันนั้น
พระวัชรสัตวะ-อักโษภยะผู้ศักดิ์สิทธิ์
จะปรากฏกายขึ้นเบื้องหน้าท่านจาก
ภูุมิตะวันออกครามครึ้มแห่งแดนสุขาวดี
กายของท่านสีครามเข้ม ถือวัชระห้าแฉกไว้ในมือและนั่งบนบัลลังก์กุญชร สวมกอดศักตินามพุทธ-โลจนา ร่วมทางด้วยโพธิสัตว์ สององค์
กษิติครรภ์
และ
เมตไตรย
และสองโพธิสัตว์สตรีลาสยาและบุษบา พุทธะทั้งหกจึงปรากฏขึ้น
"
แสงสีขาวจากรูปขันธ์ที่บริสุทธิ์หมดจด เป็น
ภูมิปัญญาที่กระจ่างใสดุจกระจกเงา
ใสสว่างและกระจ่างชัดจะพวยพุ่งเข้าหาท่านจากกลางหว่างหทัยขององค์พระวัชรสัตว์และองค์ศักติ และทิ่มแทงผ่านร่างของท่านจนไม่อาจจ้องมองด้วยนัยน์ตาเปล่า
ในเวลาเดียวกัน
หมอกควันจากนรกภูมิจะปรากฏขึ้นด้วย พวกพุ่งเข้าหาท่าน ทิ่มแทงผ่านท่านไปโดยอิทธิพลของความก้าวร้าวชิงชัง
ท่านจะรู้สึกหวาดกลัว และหลบหนีจากแสงสุกใสอันกระจ่างชัด แต่กลับรู้สึกหลงใหลในหมอกควันจากนรกภูมิ ในช่วงเวลานั้น
จงอย่าหวาดกลัวแสงสีขาว อันกระจ่างใสแจ่มชัด และคมกริบ ทว่าจงจดจำไว้ว่ามันคือตัวแทนแห่งภูมิปัญญา จงมุ่งหน้าเข้าหามันด้วยศรัทธาและความหวัง อุทิศตน ให้แก่มัน
และคิดว่า "
มันเป็นแสงสีขาวแห่งกรุณาคุณของ
พระวัชรสัตว์
ข้า ฯ ขอหวังเป็นที่พึ่งที่ระลึก
" จงตระหนักว่า
พระวัชรสัตว์ ผู้ศักดิ์สิทธิ์
ได้มาเชิญเชื้อท่านถึงในบาร์โดอันเปี่ยมด้วยภยันตราย ในรูปของ
แสงสีขาวแห่งกรุณาคุณของพระวัชรสัตว์
ดังนั้นจงมุ่งปรารถนาในมัน
อย่างพึงใจใน
หมอกมัวแห่งนรกภูมิ
อันเป็นหนทางเชิญเชื้อจากความพิกลพิการทางจิตของท่านเอง ซึ่งสั่งสมจากความก้าวร้าว หากท่านเกิด ความผูกพันกับมัน ท่านจะพลัดหล่นสู่นรกภูมิ และดิ่งลงไปในโคลมตมแห่งความทรมาณอันสุดจะทานทน อันไม่มีผู้ใดหลบหนีไปได้ มันเป็นอุปสรรคขัดขวางหนทางสู่วิมุตติ อย่ามองดูมันเป็นอันขาด ทว่าจงยุติความก้าวร้าว อย่าข้องแวะกับมันเป็นอันขาด อย่าโอนอ่อน ตามมัน
แต่จงมุ่งหวังใน
แสงสีขาวอันสุกใสกระจ่างจ้า
และท่องบ่นบทสวดเพื่อสร้างแรงบันดาลใจด้วยสมาธิอันแรงกล้าต่อองค์
พระวัชรสัตว์อันศักดิ์สิทธิ์
เมื่อร่อนเร่ผ่านอวิชชาอันแรงกล้า ข้า ฯ ท่องอยู่ในสังสารวัฏ
โดยหนทางอัน
กระจ่างสุกใสแห่งภูมิปัญญาที่ใสสว่างดุจกระจกเงา
ขอองค์พระวัชรสัตว์ผู้ศักดิ์สิทธิ์
จงปรากฏอยู่เบื้องหน้าข้า ฯ
ศักติของพระองค์นามพุทธะ - โลจนาอยู่เบื้องหลับ
นำข้า ฯ ผ่านหนทางอันตรายในบาร์โด
และนำข้า ฯ เข้าสู่
ภาวะสุขสมบูรณ์แห่งพุทธะ
"
โดยการท่องกล่าวบทสวดเพื่อขอแรงบันดาลใจด้วยศรัทธาอย่างแรงกล้า
ผู้ตายย่อมเลือนหายสู่
ลำแสงสีรุ้งในหว่างหทัยของ พระวัชรสัตวพุทธ
และกลายเป็น
สัมโภคกายพุทธ
ประจำทิศบูรพาแห่งแดนสุขาวดี
บันทึกการเข้า
ทิ นัง มิไฮ นัง มิจะนัง ทิกุนัง แปลว่า
ที่นั่ง มีให้นั่ง มึงจะนั่ง ที่กูนั่ง ทิ้งไว้เป็น
ปริศนาธรรม นะตะเอง
มดเอ๊ก
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 14
คะแนนความดี: +8/-1
ออฟไลน์
Thailand
กระทู้: 5081
ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Chrome 33.0.1750.154
Re: คัมภีร์มรณศาสตร์แห่งธิเบต : [The Tibetan Book of the Dead] ช่วงสอง
«
ตอบ #4 เมื่อ:
05 เมษายน 2557 22:39:28 »
ถึงแม้จะได้รับการชี้แนะดังกล่าวนี้ บุคคลบางจำพวกอาจยังหวาดกลัวต่อ
รัศมีของกรุณาคุณ
โดยเหตุมาจากมานะและม่านมายาอันวิกล จริตประจำตน บุคคลเหล่านี้จะหลบลี้ไปด้วยเหตุนี้ในวันที่สาม
วงแหวนแห่งทวยเทพจากรัตนะสกุล
จะปรากฏเพื่อเชื้อเชิญพวกเขา พร้อม ๆ กับเส้นทางเรืองแสงชักจูงสู่มนุษ์ภูมิ เพื่อประสงค์จะช่วยเขาให้รอดพ้นอีกครา ผู้สาธยายคัมภีร์ควรเรียกชื่อผู้ตายและกล่าวถ้อยความต่อไปนี้
" ดูกร
ทายาทแห่งอริยสกุล
จงฟังคำข้าอย่าแชเชือน ในวันที่สาม
ลำแสงสีเหลืองคุณสมบัติอันประภัสสรแห่งแผ่นดินจะฉายฉาน
และในยามนั้น
พระรัตนสัมภวพุทธ
อันศักดิ์สิทธิ์จักปรากฏตนเบื้องหน้าท่านจากทักษิณภูมิแฝงไว้ซึ่ง
สีเหลืองลออตาเร้าปีติอย่างยิ่ง
ร่างของท่านจะนวลจรัสถือคฑาเอกอุในมือ ประทับนั่งบนบัลลังก์แห่งอาชา สวมกอดนางมามากิ ชายาประจำตน ร่วมขบวนด้วยโพธิสัตว์ สองท่านคือ อากาศครรภ์และ
สมันตภัทร
และโพธิสัตว์สตรีสองนางได้แก่ มาลา และ ธูปะ ครั้นแล้วเหล่าพุทธะทั้งหกจักปรากฏตน จากอากาศธาตุแห่งแสงสีรุ้ง
"
แสงสีเหลืองนวลแห่งเวทนาขันธ์อันหมดจดบริสุทธิ์นั้น เป็นภูมิปัญญาแห่งความทัดเทียม
ประดับประดาด้วยแสงนานา อันกระจ่างและ สุกใส ดวงตาของท่านจักไม่อาจรู้แสงได้ ลำแสงจะพุ่งเข้าหาท่านจากหว่างกลางหทัยของรัตนสัมภวพุทธและเหล่าศักติชายาทะลุผ่าน ไปในดวงใจของท่าน
เวลาเดียวกันนั้นเอง
แสงสีครามจากมนุษย์ภาวะจะทิ่มแทงหัวใจของท่านด้วย และโดยอิทธิพลแห่งมานะกล้า
ท่านจะหวาดกลัวและหลบหนีจากแสงสีเหลืองอันคมกริบและแจ่มจ้า แต่กลับหลงใหลพึงพอใจกับแสงนวลครามแห่งภูมิมนุษย์ จำไว้ว่า
อย่าหวาดหวั่นต่อ
แสงสีเหลืองนวล อันชัดคมและสว่างไสว
แต่จงจดจำว่ามันคือ
สัญลักษณ์แห่งโลกุตรปัญญา ปลดปล่อยจิตของท่าน ให้พิงพักอยู่ในนั้น
อย่ากระทำสิ่งใด ๆ เข้าหามันด้วยใจปรารถนา หากท่านจดจำได้ว่ามันคือ
ประภารัศมีตามธรรมชาติแห่งจิต
แล้วไซร้ แม้ท่านจักไม่เคยอุทิศตน ไม่เคยท่องบทสวดเพื่อปลุกเร้ากำลังใจมาก่อนเลย ทั้งจินตภาพและลำแสงรวมทั้งรัศมีที่ปรากฏจะเข้าร่วมเป็น เอกภาพกับท่าน ท่านจะเข้าสู่ภาวะวิมุตติสุข
แต่หากท่านไม่อาจทำความระลึกได้ว่า
มันเป็นรัศมีตามธรรมชาติแห่งจิตใจในตัวท่านเอง
จงสวดอ้อนวอนอย่างหนัก เพ่งความคิดว่า
" สิ่งนี้คือแสงรัศมีแห่งพระรัตนสัมภวะผู้เปี่ยมไปด้วยกรุณาคุณ ข้าขอถือเอาท่านเป็นสรณะ "
ด้วยเหตุที่มันคือ
รัศมีใสสกาวที่ก่อกำเนิดจากอำนาจแห่งความกรุณาของพระรัตนสัมภวพุทธผู้ศักดิ์สิทธิ์
ท่านจึงควรปรารถนาถึงมัน
"
จงอย่าพึงใจในแสงสีครามนวลแห่งมนุษย์ภูมิ อันเป็นลำแสงเชื้อเชิญจากอำนาจใฝ่ต่ำ อันสั่งสมจากอวิชชาภายในตัวท่าน ถ้าท่านรักใคร่ ยินดีในมัน ท่านจะพลัดตกสู่มนุษย์ภูมิและต้องประสบภัย ชาติ ชรา มรณะ และทุกข์นานาประการอีกและย่อมไม่อาจหนีจากสังสารวัฏได้
สิ่งนี้นับเป็นเครื่องกีดขวางหนทางสู่วิมุตติสุข ดังนั้นจงอย่างเพ่งมองมัน ทว่าจงละทิ้งความโง่งม ละทิ้งความคิดใฝ่ต่ำ อย่าทำความสนใจ อย่าลุ่มหลง เพ่งสมาธิไปที่
แสงนวลกระจ่างอันเจิดจรัส
และท่องบทสวดอันก่อแรงบันดาลใจ ด้วยจิตแน่วแน่เป็นหนึ่งเดียว ต่อ
องค์รัตนสัมภาวพุทธ
เมื่อเร่ร่อนผ่านอวิชชาอันแรงกล้า ข้าท่องอยู่ในสังสารวัฏ
โดยหนทางอัน
กระจ่างสุกใสแห่งองค์ของความเท่าเทียม
ขอให้
องค์รัตนสัมภวพุทธผู้ศักดิ์สิทธิ์
ปรากฏอยู่เบื้องหน้าข้า ฯ
ศักติของพระองค์นามมามากิ เบื้องหลัง
นำข้า ฯ ผ่านเส้นทางอันตรายในบาร์โด
และนำเข้าสู่
ภาวะสุขสมบูรณ์แห่งพุทธะ
"
โดยการท่องมนต์เพื่อขอแรงบันดาลใจนี้ด้วยศรัทธาแรงกล้า
เขาผู้นั้นย่อมถูกกลืนหายเข้าไปใน
ลำแสงสีรุ้งจากหทัยของพระรัตนสัมภวะผู้ศักดิ์สิทธิ์
และเหล่าศักติของพระองค์ และกลายร่างเป็น
สัมโภคกายพุทธ
ประจำทักษิณภูมิ
บันทึกการเข้า
ทิ นัง มิไฮ นัง มิจะนัง ทิกุนัง แปลว่า
ที่นั่ง มีให้นั่ง มึงจะนั่ง ที่กูนั่ง ทิ้งไว้เป็น
ปริศนาธรรม นะตะเอง
มดเอ๊ก
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 14
คะแนนความดี: +8/-1
ออฟไลน์
Thailand
กระทู้: 5081
ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Chrome 33.0.1750.154
Re: คัมภีร์มรณศาสตร์แห่งธิเบต : [The Tibetan Book of the Dead] ช่วงสอง
«
ตอบ #5 เมื่อ:
05 เมษายน 2557 22:40:37 »
อาศัยการชี้แนะดังกล่าวนี้ การบรรลุแจ้งย่อมเป็นไปได้แน่นอน ไม่ว่าบุคคลนั้นจะอ่อนแอสักเพียงใดก็ตามที ภายหลังการแนะนำดังกล่าวนี้ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า บุคคลที่ไม่อาจรอดพ้นได้ ย่อมเป็นบุคคลที่ได้ประกอบอกุศลกรรมอย่างหนักหรือปล่อยปละละเลยการปฏิบัติธรรม เขาจะ ถูกรบกวนจากความโลภและอาการวิกลจริตแห่งจิต พวกเขาจะหวาดกลัวในสรรพเสียง และแสงสว่างทั้งปวงจึงทำการหลบหนีไป ดังนั้น ในวันที่สี่
วงแหวนแห่งพระอมิตาภพุทธผู้ศักดิ์สิทธิ์
จะมาเชื้อเชิญพวกเขาต่อไป พร้อมกับประกายแสงจากเปรตภูมิ ที่บังเกิดจากความ ปรารถนาและความเสื่อมทราม เพื่อช่วยเหลือเขาอีกครั้ง ท่านควรขานชื่อของผู้ตายและกล่าวถ่อยคำต่อไปนี้
" ดูกร
ทายาทแห่งอริยสกุล
จงฟังคำข้าอย่าแชเชือน ในวันที่สี่
แสงสีแดงซึ่งแฝงคุณสมบัติแห่งธาตุไฟ จะฉายฉาน
เวลาเดียวกันนั้น
องค์พระอมิตาภะผู้ศักดิ์สิทธิ์
จักปรากฏขึ้นเบื้องหน้าท่านจากภูมิแห่งทิศตะวันตกภูมิแห่งความปีติเริงรื่น กายของพระองค์จะแดงฉาน ทรงถือดอกบัวไว้ในมือประทับนั่งบนบัลลังก์มยุรา สวมกอดองค์ศักตินาม ปัณฑรวาสินี ร่วมทางด้วยคือ
พระอวโลกิเตศวร
และ
พระมัญชุศรีเจ้า
และโพธิสัตว์สตรีสององค์นาม คีตาและอโลคา องค์พุทธะทั้งหกนี้จะปรากฏออกจากอากาศธาตุแห่งแสงสีรุ้ง
"
แสงสีแดงแห่งสัญญาขันธ์อันบริสุทธิ์หมดจด
เป็นภูมิปัญญาแห่งการไม่แบ่งแยก ประดับประดาห้อมล้อมด้วย
วงแหวนแห่งแสงสีอันเจิดจรัสและสุกใส คมกริบและโล่งว่าง
อันอุบัติจากกลางหว่างดวงหทัยขององค์อมิตาภพุทธและศักติ มันจะเสียดลึกไปในใจของท่านจนไม่ อาจเพ่งดูได้ อย่าไหวหวั่นต่อมันเป็นอันขาด
เวลานั้นเอง
แสงสีเหลืองนวลจากฝูงเปรตจะปรากฏขึ้นด้วย อย่าแยแสมันเป็นอันขาด ละทิ้ง ความปรารถนาและความต้องการทั้งปวงเสีย
" ในเวลานั้น ภายใต้อิทธิพลแห่งความปรารถนาอันแรงกล้า ท่านจะรู้สึกไหวหวั่นและหลบหนีออกจาก
แสงสีแดงจ้าอันเฉียบคม
แต่กลับ รู้สึกยินดีใน
แสงสีเหลืองนวลของเหล่าเปรต
จงระลึกว่าอย่าไหวหวั่นต่อ
แสงสีแดง อันคมชัด สว่างไสว เจิดจรัสและแจ่มจ้า
จงจำไว้ว่า มันคือตัวแทนแห่งโลกุตตรปัญญา ผ่อนคลายจิตของท่านให้พักพิงอยู่เบื้องใน ผ่อนคลายในภาวะอกรรม เข้าหามันด้วยแรงศรัทธาและ ความปรารถนา หากท่านจดจำได้ว่ามันคือ
รัศมีแห่งจิตเบื้องในของท่าน
แม้ว่าท่านจะไม่เคยอุทิศตน ไม่เคยสาธยายมนต์เพื่อปลุกเร้าแรง บันดาลใจเลยก็ตาม
ทั้งรูปและแสงสีอันทรงประภารัศมีจะเข้าร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับท่าน และท่านจะเข้าสู่ภาวะตรัสรู้ยิ่ง
แต่หากท่านไม่ อาจจดจำมันได้ จงอ้อนวอนมันด้วยความรู้สึกศรัทธายิ่งว่า
" สิ่งนี้คือ
แสงสว่างแห่งพระกรุณาคุณขององค์อมิตาภพุทธผู้ศักดิ์สิทธิ์
ข้า ฯ ขอถือเป็นสรณะ " ด้วยเหตุที่มันคือ
รัศมีเกี่ยวกระหวัดแห่งกรุณาคุณแห่งองค์พระอมิตาภพุทธ
จงอุทิศตนต่อมัน อย่าหลีกหนี เป็นอันขาด
" อย่าหวาดกลัว อย่าผูกพันข้องแวะใน
แสงสีเหลืองนวลแห่งเหล่าเปรต
เป็นอันขาด นั้นเป็นแสงแห่งจิตใจฝ่ายต่ำที่สั่งสมจากอวิชชาอัน แรงกล้าของท่าน ถ้าท่านเกิดความพึงพอใจในมัน ท่านจะเกิดในภูมิแห่งเปรตและประสบความระทมทุกข์อันประมาณมิได้ จากความ โหยหาและหิวกระหาย อันเป็นอุปสรรคขัดขวางหนทางสู่วิมุตติสุข ดังนั้นจงอย่าเกี่ยวข้องกับมัน
จงเพ่งสมาธิไปที่
แสงสีแดงจ้า อันเจิดจรัส
และกล่าวท่องบทสวดเพื่อสร้างแรงบันดาลใจด้วยความรู้สึกแน่วแน่เป็นหนึ่ง ต่อ
องค์พระอมิตาภพุทธอันศักดิ์สิทธิ์
รวมทั้งองค์ศักติของท่าน
อาศัยความปรารถนาทำให้ข้า ฯ วนเวียนอยู่ในสังสารวัฏ
ณ แสงเจิดจรัสแห่งภูมิปัญญาอันไม่แบ่งแยก
ขอให้
องค์พระอมิตาภพุทธ
ได้ปรากฏกายอยู่เบื้องหน้าข้า ฯ
ศักติของพระองค์ ปัณฑรวาสินีปรากฏอยู่เบื้องหลัง
ช่วยนำข้า ฯ ผ่านหนทางเปี่ยมอันตรายในบาร์โด
และนำข้า ฯ เข้าสู่
ภาวะอันสุขล้นแห่งพุทธะ
"
โดยการท่องบทสวดดังกล่าวนี้ด้วยความรู้สึกศรัทธาอันแรงกล้า
เขาย่อมเลือนหายไปใน
แสงสีรุ้ง ณ ใจกลางหทัยขององค์พระอมิตาภพุทธ
และองค์ศักติ
กลับกลายเป็น
สัมโภคกายพุทธ
ประจำภูมิตะวันตกอันเปี่ยมสันติสุข
บันทึกการเข้า
ทิ นัง มิไฮ นัง มิจะนัง ทิกุนัง แปลว่า
ที่นั่ง มีให้นั่ง มึงจะนั่ง ที่กูนั่ง ทิ้งไว้เป็น
ปริศนาธรรม นะตะเอง
มดเอ๊ก
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 14
คะแนนความดี: +8/-1
ออฟไลน์
Thailand
กระทู้: 5081
ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Chrome 33.0.1750.154
Re: คัมภีร์มรณศาสตร์แห่งธิเบต : [The Tibetan Book of the Dead] ช่วงสอง
«
ตอบ #6 เมื่อ:
05 เมษายน 2557 22:41:26 »
ยากนักที่บุคคลจะไม่เข้าถึงวิมุตติด้วยวิธีนี้ แต่แม้กระนั้นสัตว์บางประเภทกลับไม่สามารถละทิ้งอำนาจใฝ่ต่ำอันเกิดจากความเคยชินอัน ยาวนานและภายใต้อิทธิพลจากความอิจฉาริษยาและวิบากกรรม พวกเขาย่อมหวาดกลัวในสุรเสียงและรัศมีนานา ทำให้หลุดรอดจาก
การ เกี่ยวกระหวัดของกรุณาธรรม
และพลัดตกลงไปต่ำลงถึงวันที่ห้าในบาร์โดสภาวะ
หมู่วงล้อแห่งพระอโฆสิทธิพุทธพร้อมด้วยวงแหวน รัศมีแห่งกรุณา
จะมาเชิญเชื้อพวกเขา เส้นทางอันสว่างโพลงของเหล่าอสูรซึ่งเกิดจากอารมณ์แห่งความเกลียดชัง ก็เชื้อเชิญเขาด้วย เพื่อทำการช่วยเขาอีก ท่านควรขานชื่อผู้ตายและกล่าวถ้อยคำต่อไปนี้
" ดูกร
ทายาทแห่งอริยสกุล
จงฟังคำข้าอย่าแชเชือน ในวันที่ห้า
แสงสีเขียวมรกต คุณลักษณ์อันบริสุทธิ์แห่งอากาศธาตุจะฉายฉาน
และขณะนั้นเอง
พระอโฆสิทธิพุทธผู้ศักดิ์สิทธิ์
จ้าวพิภพแห่งวงแหวน จะปรากฏจากภูมิแห่งทิศเหนืออันเขียวขจี ภูมิแห่งการกระทำอันสั่งสม กายของพระองค์เขียงครึ้ม ทรงวัชระไว้ในมือ นั่งบนบัลลังก์นก ชาง - ชาง กระพืออยู่ในท้องฟ้า สวมกอดองค์ศักตินาม สัมมา - ธารา ร่วมทางด้วยโพธิสัตว์สตรีสองนางนาม คันธะและนัยเวทยา พุทธะทั้งหกองค์จักปรากฏจากแสงสีรุ้งอันเวิ้งว้าง
"
แสงสีเขียวแห่งสังขารขันธ์บริสุทธิ์หมดจด เป็นภูมิปัญญาแห่งการกระทำอันสมบูรณ์พร้อม
เขียวขจี คมใสและจิดจ้าล้อมด้วยรัศมีมากมาย อันอุบัติจากกลางหว่างดวงใจของ
องค์อโฆสิทธิพุทธ
และองค์ศักติ เสียดแทงไปในหัวใจของท่าน จนดวงตาของท่านไม่อาจเบิกจ้องอยู่ได้ อย่าหวาดกลัวมันเป็นอันขาด มันเป็นการละเล่นโดยพลันแห่งใจ อันมีที่พำนักอยู่ในสถานะขั้นสูงอันปลอดจากกิจกรรมและความกังวลทั้งปวง ห่างไกลจากความรักหรือความเกลียดชัง
ขณะเดียวกันนั้น
แสงสีแดงละมุนจากพวกอสูรที่ก่อกำเนิดจากความเกลียดชังจะฉายส่อง ต้องตัวท่าน จงกำหนดสมาธิแน่วแน่จนปราศจากความแตกต่างระหว่างความรักและความชัง เรื่องทุกประการเกิดจากความอ่อนแอของ ปัญญาญาณ อย่าพึงใจในอารมณ์ใด ๆ ทั้งสิ้น
" ในยามนั้น
ภายใต้อิทธิพลจากความริษยาอันแรงกล้า ท่านจะไหวหวั่นและผละหนีจาก
แสงสีเขียวมรกตอันคมกริบและเจิดจรัส
แต่กลับพึงใจและรักใคร่ใน
แสงสีแดงละมุนของเหล่าอสูร
จงระลึกว่าแสงสีเขียวนั้นเป็นตัวแทนแห่งโลกุตรปัญญา ผ่อนคลายจิตให้แอบอิงกับมัน อยู่ในภาวะอกรรม
อ้อนวอนมันด้วยศรัทธาอันเปี่ยมล้นจากความคิดที่ว่า
" นี้คือรัศมีแห่งกรุณาคุณขององค์อโฆสิทธิพุทธ ข้า ฯ ขอถือเวลาเป็นสรณะ "
ด้วยเหตุที่มันคือ
รัศมีเกี่ยวกระหวัดแห่งพระกรุณาธรรมจากองค์อโฆสิทธิเจ้า เป็นโลกุตตรปัญญาแห่งการกระทำอันหมดจด
จงเพ่งความปรารถนาไปที่มันและอย่าผละหนี แม้ว่าท่านจะหลบลี้ มันก็จะตามท่านไปไม่ห่าง
" อย่าหวาดกลัว อย่าไหวหวั่น อย่าไยดีต่อ
แสงสีแดงละมุนของพวกอสูร
มันเป็นเส้นทางอันอุบัติจากความริษยา หวาดระแวงที่สั่งสมไว้ใน กาลก่อนของท่าน ถ้าท่านข้องแวะกับมัน ท่านจะพลัดตกไปในอสุรภูมิ และประสบกับหายนภัยอันสุดทนทานจากการแย่งชิงต่อสู้อัน เป็นอุปสรรคขัดขวางท่านสู่วิมุตติสุข ดังนั้นอย่าแยแสมัน ละทิ้งอำนาจใฝ่ต่ำเสีย
เพ่งจิตไปที่
แสงสีเขียวอันกระจ่างใสและเจิดจรัส
ท่องบทสวดเพื่อสร้างกำลังใจด้วยจิตอันแน่วแน่เป็นหนึ่งเดียวต่อ
องค์พระอโฆสิทธิพุทธ
และองค์ศักติ
จากอารมณ์ริษยาทำให้ข้าเร่ร่อนอยู่ในสังสารวัฏ
โดยอาศัยหนทางแห่ง
ภูมิปัญญาและการกระทำอันหมดจด
ขอให้องค์
พระอโฆสิทธิพุทธอันศักดิ์สิทธิ์
จงปรากฏเบื้องหน้าข้า ฯ
ศักติของพระองค์ สัมมา - ธารา ปรากฏอยู่เบื้องหลัง
นำข้า ฯ ผ่านพ้นหนทางอันตรายในบาร์โด
และนำข้า ฯ เข้าสู่
สภาวะพุทธะอันสมบูรณ์
"
โดยการกล่าวบทสวดเพื่อขอแรงบันดาลใจด้วยศรัทธาอันแรงกล้า
เขาย่อมเลือนหายส
ู่แสงสุกใสกลางดวงใจของพระอโฆสิทธิพุทธ
และ องค์ศักติ กลับกลายเป็น
สัมโภคกายพุทธ
ในภูมิทางทิศเหนืออันหมดจด
บันทึกการเข้า
ทิ นัง มิไฮ นัง มิจะนัง ทิกุนัง แปลว่า
ที่นั่ง มีให้นั่ง มึงจะนั่ง ที่กูนั่ง ทิ้งไว้เป็น
ปริศนาธรรม นะตะเอง
มดเอ๊ก
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 14
คะแนนความดี: +8/-1
ออฟไลน์
Thailand
กระทู้: 5081
ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Chrome 33.0.1750.154
Re: คัมภีร์มรณศาสตร์แห่งธิเบต : [The Tibetan Book of the Dead] ช่วงสอง
«
ตอบ #7 เมื่อ:
05 เมษายน 2557 22:42:45 »
ไม่ว่ากุศลกรรมของเขาจะเบาบางสักเพียงใด โดยได้ยินการชี้แนะหลายครั้งหลายคราถ้าเขาไม่อาจระลึกได้ในคราก่อน เขาย่อมระลึกได้ใน คราต่อไป ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่เข้าถึงภาวะวิมุตติ แต่แม้ว่าเขาจะได้รับการชี้แนะหลายครั้งครา บุคคลที่หมกมุ่นกับความคิดใฝ่ต่ำมา เป็นเวลานาน และไม่คุ้นเคยกับ
นิมิตอันแจ่มใสของพุทธะทั้งห้า
จะถูกฉุดรั้งไปข้างหน้าด้วยความรู้สึกใฝ่ต่ำ พวกเขาจะไม่ถูก
เกี่ยวกระหวัด โดยรัศมีแห่งกรุราธรรม
แต่กลับพรั่นพรึงและหวาดหวั่นในแสงและสีสรร เลื่อนไหลลงสู่ภูมิอันต่ำช้า ดังนั้นในวันที่หก
พุทธะทั้งห้าสกุล พร้อมด้วยองค์ศักติและเทพติดตามจะปรากฏตัวพร้อม ๆ กัน และภายในเวลาเดียวกันนั้นเอง ลำแสงจากภูมิทั้งหกจะฉายฉานพร้อมกันด้วย
เพื่อจะทำการชี้แนะสั่งสอนเขา ท่านควรเรียกชื่อผู้ตาย และกล่าวถ้อยคำต่อไปนี้
" ดูกร
ทายาทแห่งอริยสกุล
จงฟังคำข้า ฯ อย่าแชเชือนแม้ว่าท่านจะได้รับการสอนสั่งเมื่อ
แสงแห่งปัญจสกุล
ปรากฏขึ้นจนถึงเมื่อวานนี้ ภายใต้อิทธิพลของความคิดใฝ่ต่ำ ท่านจึงหวาดกลัวและจึงอยู่ที่นี่จนบัดนี้ ถ้าหากท่านระลึกได้ว่า
รัศมีตามธรรมชาติของภูมิปัญญาแห่ง ปัญจสกุลเป็นนิมิตอันกำเนิดจากตัวท่านเอ
ง ท่านย่อมมลายหายไปสู่แสงสีรุ้งแห่งร่างของเทพหนึ่งในปัญจสกุล และกลายเป็น
สัมโภคกายพุทธ
แต่การณ์กลับเป็นว่าท่านกลับหลงลืมหลักสำคัญไป ท่านจึงได้เร่ร่อนอยู่จนบัดนี้ ดังนั้นจงเฝ้าดูอย่าแส่ส่าย
" บัดนี้ หมู่ปัญจสกุลจะปรากฏตัวพร้อม ๆ กัน และสิ่งที่เรียกว่า
ภูมิปัญญาทั้งสี่
จะมาเชื้อเชิญท่าน จงจดจำพวกเขาให้ได้ ดูกร
ทายาทแห่งอริยสกุล
แสงแห่งองค์สี่ของธาตุอันพิสุทธิ์ทั้งสี่จะฉายฉาน
และในเวลาเดียวกัน
องค์พุทธไวโรจนะ
และชายาจักปรากฏตนขึ้น จากภูมิตรงกลางดังคราก่อน ซึ่งเป็นภูมิที่ไม่อาจรุกล้ำทำลายได้ ส่วน
พุทธวัชรสัตว์
และชายา รวมทั้งเทพบริวาร จะปรากฏจากภูมิประจำ ทิศตะวันออก อันได้แก่ภูมิแห่งความรื่นเริงสุขเปี่ยมล้น
พุทธรัตนสัมภวะ
และองค์ชายาและเทพบริวารจะปรากฏจากภูมิประจำแดนใต้ ภูมิแห่งความศักดิ์สิทธิ์ ส่วน
องค์อมิตาภพุทธ
พร้อมด้วยองค์ชายาและเทพบริวารจะปรากฏจากภูมิปีติสุขทิศตะวันตกของดอกอุบลชาติ ส่วนองค์
พุทธอโฆสิทธิพุทธ
พร้อมด้วยชายาและบริวารจะปรากฏจากภูมิประจำทิศเหนืออันได้แก่ภูมิแห่งการกระทำอันหมดจด เหล่าทวยเทพจะปรากฏจากอากาศธาตุแห่งแสงสี
" ดูกร
ทายาทแห่งอริยสกุล
นอกเหนือจากเหล่า
พุทธองค์ในปัญจสกุล
เทพปกปักพิโรธแห่งทวารบาล
ทั้งปวงจะปรากฏตนขึ้น เทพวิชัย- ชัยชนะอันยิ่งใหญ่ เทพยามันตกะ-ผู้พิฆาตความตาย เทพหยะครีวะ-ผู้มีศีรษะเป็นม้า เทพอมฤตกุณฑลินี-มาลาแห่งน้ำทิพย์ และเทพธิดาปกปิดทวารบาลทั้งปวง นับแต่ เทวีอังคุศ-ตะของ้าว เทวีบาศก์-ห่วงคล้อง เทวีศฤงกาล-โซ่ตรวน เทวีคันธะ-ระฆัง องค์เทพผู้ศักดิ์สิทธิ์และพระอาทิพุทธผู้ศักดิ์สิทธิ์จักปรากฏตนขึ้นนับแต่ท้าวอินทรา-ผู้เสียสละตนอย่างไม่ว่างเว้น ต้นตระกูลของหมู่เทวดา ท้าววิมลจิตร-อาภรณ์อันล้ำค่า ต้นตระกูลของเหล่าอสูร ท้าวศักยะ-ราชสีห์ ต้นตระกูลของสัตว์มนุษย์ ทุรสิงห์-ราชสีห์ผู้เด็ดเดี่ยว ต้นตระกูลแห่งสัตว์เดรัจฉาน ชวาลามุข-เปลวไฟที่พวยพุ่งออกจากปาก ต้นตระกูลแห่งพวกเปรต ธรรมะราชา-ราชาแห่งธรรม ต้นตระกูลแห่งสัตว์นรก สมันตภัทร และสมันตภัทรี พุทธะบิดาและพุทธะมารดาแห่งเหล่าพุทธะทั้งหลาย จะปรากฏตนขึ้น
เทพสี่สิบสององค์นี้แห่ง
สัมโภคกาย
จะอุบัติจากภายในร่างกายเขาและปรากฏกายอยู่เบื้องหน้า
พวกเขาเป็นรูปทรงอันพิสุทธิจากนิมิตแห่งใจ ดังนั้นจงจดจำพวกเขาให้ได้
" ดูกร
ทายาทแห่งอริยสกุล
ภูมิเหล่านี้มิได้มีตำแหน่งแห่งหนที่แท้จริง แต่กลับดำรงอยู่ในทิศทั้งสี่แห่งหทัยของท่าน โดยมีศูนย์กลาง อยู่ตรงที่ดวงหทัยที่ห้า บัดนี้พวกเขายังได้อุบัติขึ้นจากภายในหทัยท่านแล้ว กำเนิดของพวกเขามิได้มาจากที่ใดเลย
หากเป็นการละเล่นอย่าง เป็นไปเองของจิตใจท่าน
ดังนั้นจงจดจำให้ดี
ทายาทแห่งอริยสกุล
จินตภาพเหล่านี้ไม่ใหญ่และเล็ก แต่ได้สัดส่วนเหมาะสม พวกเขา ล้วนมีเครื่องประดับ ภูษาอาภรร์ สีสรร ท่าทางบัลลังก์และสัญลักษณ์เป็นของตนเอง พวกเขากระจายออกเป็นห้าคู่ แต่ละคู่ถูกล้อม รอบด้วยปัญจรัศมีเป็นมณฑลรวม เทพและเทพีแห่งสกุลทั้งห้าจะปรากฏตนอย่างพร้อมเพรียงในเวลาเดียวกัน
จงจดจำพวกเขาให้ได้ เพราะพวกเขาคือเหล่า
ยิดัม
ของตัวท่านเอง
" ดูกร
ทายาทแห่งอริยสกุล
จากหทัยของเหล่าพุทธองค์ในปัญจสกุลและองค์ศักติ
ประภารัศมีแห่งภูมิปัญญาทั้งสี่จะฉายฉานอยู่บนดวงหทัยของท่าน ทั้งแจ่มชัดและสดใสเปรียบดังลำแสงอาทิตย์ที่กระจายจ้า
" ในเบื้องแรก
ภูมิปัญญาแห่งธรรมธาตุ
แทนด้วย
อาภรณ์สีขาวนวล ใสสว่างจนน่าสะพรึงกลัว จะฉายฉานอยู่ที่กลางดวงใจของท่านโดย
มีแหล่งกำเนิดจากฤดีของ
พระไวโรจนพุทธ
ณ
วงแหวนนั้นรัศมีสีขาวทอประกายจะปรากฏขึ้น ใสกระจ่างและแจ่มชัดเหมือนดังกระจกเงา
ที่ถูกจับคว่ำลง ประดับด้วยรัศมีทรงกลดห้าวงที่คล้ายคลึงกันมีทั้งเล็กและใหญ่
ดังนั้นมันจึงปราศจากจุดศูนย์กลางหรือเส้นรอบวง
" จากดวงใจของ
พระวัชรสัตวพุทธ
บนผืนผ้าสีครามเฉิดฉายแห่ง
ภูมิปัญญาที่ใสสว่าง ประดุจกระจก
จะปรากฏ
วงกลมสีครามดังชาม สีขี้นกการเวกทั่วหน้า
ประดับประดาด้วยทรงกลดใหญ่และเล็ก
" จากดวงใจของ
พระรัตนสัมภวพุทธ
บนผืนผ้าสีเหลืองเฉิดฉายแห่ง
ภูมิปัญญาของความเสมอภาค
จะปรากฏวงกลมสีเหลือง ดังจานทองคว่ำหน้า
ประดับประดาด้วยวงกลมใหญ่และเล็ก
" จากดวงใจของ
พระอมิตาภพุทธ
บนผืนผ้าสีแดงเจิดจรัสแห่ง
ภูมิปัญญาของความเชื่อมั่น แข็งกล้า
จะปรากฏวงกลมสีแดงดุจชาม ประการังคว่ำหน้า ฉายฉานด้วยแสงลึกล้ำแห่งปัญญา แจ่มใส และสุกสว่าง
ประดับประดาด้วยวงกลมทั้ง ๕ ลักษณะคล้ายคลึงกัน ทั้งใหญ่เล็ก จนไร้ศูนย์กลางและเส้นรอบวง
" รัศมีเหล่านี้จะฉายฉานจับจ้องอยู่ที่ดวงใจของท่าน
" ดูกร
ทายาทแห่งอริยสกุล
สิ่งเหล่านี้อุบัติจากการละเล่นอย่างเป็นไปเองของใจ
พวกมันมิได้ปรากฏจากแห่งหนอื่น ดังนั้นจงอย่าข้องแวะ กับมันเป็นอันขาด อย่าหวาดกลัว อย่าไหวหวั่น
แต่จงผ่อนพักในภาวะที่ปราศจากความคิดปรุงแต่ง ในภาวะดังกล่าวจินตภาพทั้งหลาย และลำแสงเบาบางจะเข้าร่วมกับท่านและท่านจะผ่านเข้าสู่
วิมุตติสุข
" ดูกร
ทายาทแห่งอริยสกุล
แสงสีเขียวของภูมิปัญญาอันสำเร็จหมดจดมิได้บังเกิดขึ้น นั่นเป็นเพราะว่าพลังงานของท่านยังไม่สมบูรณ์เต็มที่
" ดูกร
ทายาทแห่งอริยสกุล
นี้เรียกว่า
ประสบการณ์แห่งภูมิปัญญาทั้งสี่ที่รวมกัน
อันเป็นทางผ่านแห่งองค์วัชรสัตวพุทธ ใ นยามนี้ จงจดจำคำสอนขององค์คุรุที่ได้รับการชี้แนะมาก่อนหน้านี้ ถ้าท่านเข้าใจความหมายของคำสอน ท่านจะมีศรัทธาในประสบการณ์ แห่งการอดีต และดังนั้นท่านจะจดจำได้ซึ่งประสบการณ์ดังกล่าว เปรียบประดุจดัง
การพบกันของมารดาและบุตรหรือการได้พบกันของ มิตรสหายเก่าอีกครั้ง เมื่อตัดวิจิกิจฉาทั้งปวงลงเสีย ท่านจะจำนิมิตของตัวท่านได้และมุ่งเข้าสู่หนทางบริสุทธิ์และไม่แปรผัน แห่ง
ธรรมธาตุสภาวะ
และโดยอาศัยดังกล่าวนี้ สมาธิอันต่อเนื่องจะอุบัติขึ้น และ
ท่านจะละลายหายเข้าไปสู่รูปแบบการดำรงตนอันยิ่งใหญ่ ของภูมิปัญญา และกลายเป็น
สัมโภคกายพุทธ
ที่ไม่มีวันเสื่อม
" ดูกร
ทายาทแห่งอริยสกุล
ในเวลาเดียวกันกับที่แสงแห่งภูมิปัญญาบังเกิด
แสงแห่งความมัวหมองจากภูมิทั้งหกที่เป็นมายาจะฉายฉานขึ้น แสงสีขาวละออตาของทวยเทพ แสงสีแดงเพลิงแห่งอสุรภูมิ แสงสีครามนวลแห่งมนุษย์ภูมิ แสงสีเขียวมรกตแห่งเดรัจฉานภูมิ แสงสีเหลืองละมุนแห่งเปรตภูมิ และหมอกควันจากนรกภูมิ แสงทั้งหกจะอุบัติพร้อมกับ
แสงใสกระจ่างแห่งภูมิปัญญา
ในเวลาดังกล่าว
อย่ายึดติดหรือข้องแวะกับมันเป็นอันขาด แต่จงผ่อนพักอย่างอิสระในสภาวะที่ปราศจากความคิดปรุงแต่ง
ถ้าท่านหวาดกลัว แสงแห่งภูมิปัญญาเหล่านี้ และข้องแวะอยู่แต่แสงหมองมัวของภูมิทั้งหก ท่านจะกำเนิดเป็นหนึ่งในสัตว์แห่งภูมิทั้งหกและ ท่านจะรู้สึกเหนื่อยหนัก เพราะไม่อาจหลบหนีออกจากมหาสมุทรแห่งสังสารวัฏได้
" ดูกร
ทายาทแห่งอริยสกุล
ถ้าท่านไม่ได้รับ
การชี้แนะโดยถ้อยคำแห่งบรรดาวิปัสสนาจารย์
ท่านจะหวาดกลัวในจินตภาพเหล่านั้น รวมทั้งไหวหวั่นใน
แสงแห่งปัญญาอันบริสุทธิ์
แต่กลับไปข้องแวะอยู่กับ
แสงหมอกมัวแห่งสังสารวัฏ
จงอย่าทำเช่นนั้นเป็นอันขาด
แต่จงอุทิศตนให้กับ
แสงแห่งโลกุตตรปัญญาอันบริสุทธิ์ คมชัดและสว่างไสว
จงเพ่งความคิดอย่างแรงกล้าว่า โดยอำนาจ แห่งรังสีอันเบาบางของปัญญาและกรุณาคุณของพระผู้มีพระภาคเจ้าทั้งหลาย เหล่าพุทธะแห่งปัญจสกุล ได้โปรดเสด็จมารับข้า ฯ ไปด้วยความกรุณา ข้า ฯ ขอถือท่านเป็นสรณะ
จงอย่างพึงใจในรัศมีจากภูมิทั้งหกอันเป็นมายา
อย่าติดยึดอยู่กับมันแต่จงท่องอ่านบทสวด เหล่านี้
ด้วยจิตสมาธิอันแรงกล้าในพุทธะห้าสกุลและองค์ชายา
ผ่านโอสถพิษทั้งห้า ข้า ฯ จึงเร่ร่อนออยู่ในสังสารวัฏจวบจนบัดนี้
โดยอาศัย
มรรควิธีอันใสกระจ่างแห่งภูมิปัญญาทั้งสี่ที่รวมกัน
ขอให้พระชินสีห์และองค์พุทธะแห่งปัญจสกุลเสด็จอยู่เบื้องหน้าข้า ฯ
เหล่าชายาแห่งปัญจสกุลเสด็จอยู่เบื้องหลังข้า ฯ
นำข้า ฯ ผ่านหนทางลวงล่อแห่งภูมิทั้งหกอันเปี่ยมด้วยอวิชชา
และนำข้า ฯ ผ่านหนทางอันตรายในบาร์โด
และนำข้า ฯ เข้าสู่ดินแดนแห่ง
พุทธะอันบริสุทธิ์
โดยกล่าวท่องบทสวดดังกล่าวนี้
อริยชนย่อมจดจำนิมิตจากใจตน และเข้าร่วมในสภาวะที่ปราศจากความขัดแย้งและกลายเป็นองค์พุทธะ
ปุถุชนทั่วไปจะจดจำตนเองได้โดยอาศัยการอุทิศตนอันแรงกล้าและได้มาซึ่งวิมุตติสุข
แม้แต่บุคคลต่ำช้าก็ยังสามารถป้องกันการไปเกิดยังภูมิอันต่ำช้าได้
โดยอาศัยอำนาจอันบริสุทธิ์จากบทสวดและมุ่งทำความเข้าใจในความหมายของภูมิปัญญาทั้งสี่ที่ร่วมกัน และเข้าสู่ภาวะ ตรัสรู้ธรรมผ่านเส้นทางแห่งพระวัชรสัตวพุทธ
โดยได้รับการชี้แนะอย่างแจ่มชัดและเที่ยงตรงสรรพสัตว์ย่อมจดจำข้อความได้และได้รับ
การปลดปล่อยสู่วิมุตติสุข
บันทึกการเข้า
ทิ นัง มิไฮ นัง มิจะนัง ทิกุนัง แปลว่า
ที่นั่ง มีให้นั่ง มึงจะนั่ง ที่กูนั่ง ทิ้งไว้เป็น
ปริศนาธรรม นะตะเอง
คำค้น:
หน้า: [
1
]
ขึ้นบน
พิมพ์
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
กระโดดไป:
เลือกหัวข้อ:
-----------------------------
จากใจถึงใจ
-----------------------------
=> หน้าบ้าน สุขใจ
===> สุขใจ ป่าวประกาศ (ข้อความจากทีมงาน)
===> สุขใจ เสนอแนะ (ข้อความจากสมาชิก)
===> สุขใจ ให้ละเลง (มุมทดสอบบอร์ด)
-----------------------------
สุขใจในธรรม
-----------------------------
=> พุทธประวัติ - ประวัติพระสาวก
===> พุทธประวัติ แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
===> ประวิติพระอรหันต์ พระสาวก ในสมัยพุทธกาล
===> ประวัติพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ในยุคปัจจุบัน
===> นิทาน - ชาดก
=====> ชาดก พระเจ้า 500 ชาติ
=> ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน
===> ธรรมะจากพระอาจารย์
===> เกร็ดครูบาอาจารย์
=> ห้องวิปัสสนา - มหาสติปัฏฐาน 4
=> สมถภาวนา - อภิญญาจิต
=> จิตอาสา - พุทธศาสนาเพื่อสังคม
=> เสียงธรรมเทศนา - เอกสารธรรม - วีดีโอ
===> เอกสารธรรม
===> เสียงธรรมเทศนา
=====> ธรรมะจาก สมเด็จโต
=====> ธรรมะจาก หลวงปู่มั่น
=====> เสียงบทสวดมนต์
=====> เพลงสวดมนต์
=====> เพลงเพื่อจิตสำนึก แด่บุพการี
=====> ธรรมะ มิวสิค (เพลงธรรมทั่วไป)
===> ห้อง วีดีโอ
=> เกร็ดศาสนา
=> กฏแห่งกรรม - ท่องไตรภูมิ
=> ไขปัญหาโลก ธรรม และความรัก
=> บทสวด - คัมภีร์ คาถา - วิชา อาคม
=> พุทธวัจนะ - ภาษิตธรรม
===> พุทธวัจนะ ในธรรมบท
===> พุทธศาสนสุภาษิต
===> คำทำนายภัยพิบัติที่จะเกิด
===> รวมข่าวภัยพิบัติ ทั้งในอดีต และปัจจุบัน
===> รู้ เพื่อ รอด (การเตรียมการ)
=> ห้องประชาสัมพันธ์ ทั้งทางโลก และทางธรรม
===> ฐานข้อมูล มูลนิธิต่าง ๆ ในประเทศไทย (Donation Exchange Center)
-----------------------------
วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ
-----------------------------
=> วิทยาศาสตร์ - จักรวาล - การค้นพบ
===> เรื่องราว จากนอกโลก
=====> ประสบการณ์เกี่ยวกับ UFO
=====> หลักฐาน และ การพิสูจน์ยูเอฟโอ
=====> คลิปวีดีโอ ยูเอฟโอ
=> ไขตำนาน - ประวัติศาสตร์ - การค้นพบ อารยธรรม
=> เรื่องแปลก - ประสบการณ์ทางจิต - เรื่องลึกลับ
===> ร้อยภูติ พันวิญญาณ
=====> ประสบการณ์ ผี ๆ
=======> เรื่องเล่าในรั้วมหาลัย
=====> ประวัติ ต้นกำเนิด ตำนานผี
===> ดูดวง ทำนายทายทัก
===> ไดอะล็อก คือ ดอกอะไร - พลังไดอะล็อก (Dialogue)
===> กระบวนการ NEW AGE
=> เครื่องราง ของขลัง พุทธคุณ
-----------------------------
นั่งเล่นหลังสวน
-----------------------------
=> สุขใจ จิบกาแฟ
=> สุขใจ ร้านน้ำชา
=> สุขใจ ห้องสมุด
===> สุขใจ หนังสือแนะนำ
===> สุขใจ คลังความรู้ลวงโลก
===> สยาม ในอดีต
=> สุขใจ ใต้เงาไม้
=> สุขใจ ตลาดสด
=> สุขใจ อนามัย
=> สุขใจ ไปเที่ยว
=> สุขใจ ในครัว
===> เกร็ดความรู้ งานบ้าน งานครัว
=> สุขใจ ไปรษณีย์
=> สุขใจ สวนสนุก
===> ลานกว้าง (มุมดูคลิป)
===> เวที จำอวด (จำอวดหน้าม่าน)
===> หนังกลางแปลง (ดูหนัง รีวิวหนัง)
===> หน้าเวที (มุมฟังเพลง)
=====> เพลงไทยเดิม
===> แผงลอยริมทาง (รวมคลิปโฆษณาโดน ๆ)
คุณ
ไม่สามารถ
ตั้งกระทู้ได้
คุณ
ไม่สามารถ
ตอบกระทู้ได้
คุณ
ไม่สามารถ
แนบไฟล์ได้
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความได้
BBCode
เปิดใช้งาน
Smilies
เปิดใช้งาน
[img]
เปิดใช้งาน
HTML
เปิดใช้งาน
หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
หัวข้อ
เริ่มโดย
ตอบ
อ่าน
กระทู้ล่าสุด
คัมภีร์มรณศาสตร์แห่งธิเบต : [The Tibetan Book of the Dead]
«
1
2
3
»
เอกสารธรรม
มดเอ๊ก
46
44748
17 มิถุนายน 2553 22:51:06
โดย
เงาฝัน
mantra of avalokiteshvara Tibetan
ธรรมะ มิวสิค (เพลงธรรมทั่วไป)
เงาฝัน
1
2427
28 กันยายน 2555 02:13:50
โดย
That's way
คัมภีร์มรณศาสตร์แห่งธิเบต : [The Tibetan Book of the Dead] ช่วงแรก
จิตอาสา - พุทธศาสนาเพื่อสังคม
มดเอ๊ก
18
14543
05 เมษายน 2557 22:16:18
โดย
มดเอ๊ก
คัมภีร์มรณศาสตร์แห่งธิเบต : [The Tibetan Book of the Dead] ช่วงสาม
จิตอาสา - พุทธศาสนาเพื่อสังคม
มดเอ๊ก
3
4670
24 เมษายน 2557 13:18:14
โดย
มดเอ๊ก
คัมภีร์มรณศาสตร์แห่งธิเบต : [The Tibetan Book of the Dead] ช่วงสุดท้าย
จิตอาสา - พุทธศาสนาเพื่อสังคม
มดเอ๊ก
12
34778
24 เมษายน 2557 13:42:31
โดย
มดเอ๊ก
กำลังโหลด...