"พระมหานายก" "พระจุลนายก" : ที่มา พระราชาคณะประดับพระอิสริยยศสมเด็จพระสังฆราช สถิต ณ วัดบวรนิเวศวิหาร
.
ในพิธีสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชแต่ละครั้ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมักทรงพระกรุณาโปรดให้ สมเด็จพระสังฆราชที่ได้รับการสถาปนาขึ้นใหม่ ทรงมีพระราชาคณะ พระฐานานุกรม ประดับพระอิสริยยศ ๑๕ รูป หากแต่มักมีการออกนามแตกต่างกันออกไปในแต่ละวัด
.
ในส่วนของวัดบวรนิเวศวิหารนั้น นับแต่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จเถลิงถวัลย์ราชสมบัติเป็นรัชกาลที่ ๔ ทรงสถาปนาพระปัญญาอัคคภิกขุ (พระภิกษุพระองค์เจ้าฤกษ์) ขึ้นเป็นพระองค์เจ้าต่างกรม ทรงกรมที่ "กรมหมื่นบวรรังษีสุริยพันธุ์" ทรงสมณศักดิ์เสมอด้วยเจ้าคณะใหญ่ ในการนั้นโปรดให้มีพระครูฐานานุกรม ๑๑ รูป แต่มีตำแหน่งพิเศษประดับพระเกียรติยศ ได้แก่
๑) พระครูปลัดมหานุนายก ปลัดขวา
๒) พระครูปลัดจุลานายก ปลัดซ้าย มีตำแหน่งเป็นปลัดใหญ่
๓) พระครูปริตรโกศล
๔) พระครูพุทธมนต์ปรีชา ปลัดรอง
๕) พระครูวินัยธร
๖) พระครูวินัยธรรม
๗) พระครูอโนมสาวัน
๘) พระครูอนันตประกาศ
๙) พระครูสังฆบริบาล
๑๐) พระครูสมุห์
๑๑) พระครูใบฎีกา
.
ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ก็เจริญด้วยสมณศักดิ์ จนเมื่อทรงตั้งการพระราชพิธีมหาสมุตมาภิเษก (คือพระราชพิธีสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชที่เป็นพระราชวงศ์) แด่พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ โดยในครั้งนั้นโปรดให้มีพระครูฐานานุกรมประดับพระอิสริยยศ ๑๕ รูป ได้แก่
๑) พระครูปลัดมหานุนายก ปลัดขวา
๒) พระครูปลัดจุลานายก ปลัดซ้าย
๓) พระครูสังฆกรรมานุโยค
๔) พระครูวราโภคสังฆกิจ พระครูผู้ช่วยชั้นที่ ๑
๕) พระครูปริตรโกศล
๖) พระครูพุทธมนต์ปรีชา (ตำแหน่งเดิมคือ ตำแหน่งพระครูปริตร ประจำวัด)
๗) พระครูคหาปณานุกิจ
๘) พระครูพิพิธภัณฑวิภัชน์ พระครูผู้ช่วยชั้นที่ ๒
๙) พระครูวินัยธร
๑๐) พระครูวินัยธรรม
๑๑) พระครูอเนกสาวัน
๑๒) พระครูอนันตนินนาท
๑๓) พระครูสังฆบริบาล
๑๔) พระครูสมุห์
๑๕) พระครูใบฎีกา
ภายหลังเมื่อพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์สิ้นพระชนม์ และถวายพระเพลิงเรียบร้อยแล้วนั้น ในพระราชพิธีถวายผ้าพระกฐินในปีถัดมา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เชิญพระโกศพระอัฐิสมเด็จพระมหาสมณะพระองค์นั้นลงยังพระอุโบสถ ทรงสดับปกรณ์ แล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เลื่อนพระครูปลัด ทั้ง ๒ รูปเป็นพระราชาคณะ แล้วให้ยกเลิกตำแหน่งพระครูปลัดทั้ง ๒ นั้นเสีย
ธรรมเนียมนี้สืบมาถึงในคราวพระราชพิธีมหาสมณุตมาภิเษกสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส นั้นยังมีคงมีพระมหานายก และพระจุลนายกเป็นพระราชาคณะปลัดขวาและซ้ายเช่นเดิม
จนในคราวประกาศสถาปนาสมเด็จพระวชิรญาณวงศ์ ขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราช เมื่อวันที่ ๓๑ มกราคม พ.ศ.๒๔๘๘ นั้นมิได้ระบุถึงพระฐานานุกรมประดับพระอิสริยยศแต่ประการใด แต่ในภายหลังจึงแจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องส่งสัญญาบัตรสมณศักดิ์ไปพระราชทาน ลงวันที่ ๕ เมษายน พ.ศ.๒๔๘๘ ความว่า
“ด้วยทรงพระกรุณาโปรดให้ส่งสัญญาบัตรสมณศักดิ์ไปพระราชทานสมเด็จพระสังฆราชตั้งพระครูปลัด คือ
พระครูมหานายก พุทธปาพจนดิลก โลกยปสาทาภิบาล สกลสังฆประธาน มหาเถรกิจการี คณาธิบดีศรีรัตนคมกาจารย์ พระครูปลัดขวา
พระจุลนายก ธรรมนิติสาธก มหาเถราธิการ คณกิจบรรหารธุรการี สมุหบดี ศรีธรรมภาณกาจารย์ พระครูปลัดซ้าย”
ต่อมาเมื่อพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติบรมราชาภิเษก เมื่อวันที่ ๕ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๙๓ จึงทรงพระกรุณาโปรดให้ประกาศสถาปนาเฉลิมพระนามสมเด็จพระสังฆราช และจารึกพระนามในพระสุพรรณบัฏ เมื่อวันที่ ๙ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๙๓ โดยทรงมีพระราชาคณะ ฐานานุกรมประดับพระอิสริยยศ ๑๕ รูป คือ
๑) พระมหานายก พุทธปาพจนดิลก โลกยปสาทาภิบาล สกลสังฆประธานมหาเถรกิจการี คณาธิบดีศรีรัตนคมกาจารย์ พระราชาคณะปลัดขวา
๒) พระจุลนายก ธรรมนีติสาธกมหาเถราธิการ คณะกิจบรรหารธุรการี สมุหบดีศรีธรรมภาณกาจารย์ พระราชาคณะปลัดซ้าย
๓) พระครูวิสุทธิธรรมภาณ
๔) พระครูพิศาลวินยวาท
๕) พระครูประสาทพุทธปริตร พระครูปริตร
๖) พระครูประสิทธิพุทธมนต์ พระครูปริตร
๗) พระครูวินัยธร
๘) พระครูวินัยธรรม
๙) พระครูสรภัญญประกาศ พระครูคู่สวด
๑๐) พระครูสรสาทวิเศษ พระครูคู่สวด
๑๑) พระครูนิเทศธรรมจักร
๑๒) พระครูพิทักษ์ธุรกิจ
๑๓) พระครูสังฆสิทธิกร
๑๔) พระครูสมุห์
๑๕) พระครูใบฎีกา
นับแต่นั้นเป็นต้นมา เมื่อมีการประกาศสมเด็จพระญาณสังวร ขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราชก็ทรงพระกรุณาโปรดให้มีพระราชาคณะ ฐานานุกรมประดับพระอิสริยยศ ๑๕ รูปเช่นเดิม
นับแต่นั้น พระมหานายก และพระจุลนายก จึงเป็นสมณศักดิ์พระราชาคณะปลัดขวา และพระราชาคณะปลัดขวาของสมเด็จพระสังฆราชที่สถิต ณ วัดบวรนิเวศวิหาร มาจนถึงทุกวันนี้
(เรื่อง ศรัณย์ มะกรูดอินทร์)
ขอขอบคุณ เพจ เล่าเรื่อง..วัดบวรฯ
ค้นคว้า 23.01.2567