[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
03 พฤษภาคม 2567 12:01:49 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: พระจุณฑิมหาโพธิสัตว์  (อ่าน 5580 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
sometime
บุคคลทั่วไป
« เมื่อ: 16 พฤษภาคม 2553 07:44:19 »




Medicine Buddha Mantra by Khenpo Pema Chopel Rinpoche



พระจุณฑิมหาโพธิสัตว์ เป็นพระโพธิสัตว์ที่สำคัญมากที่สุด องค์หนึ่งในพุทธศาสนาอุตตรนิกาย และยังถือเป็นพระโพธิสัตว์ที่มีคนรู้จัก
มากที่สุดองค์หนึ่งด้วย หลายคนไม่เข้าใจ เมื่อเห็นภาพของพระจุณฑิมหาโพธิสัตว์ สำคัญผิดคิดว่าเป็นพระอวโลกิเตศวรมหาโพธิสัตว์ การที่บางแห่งกล่าวว่าพระจุณฑิมหาโพธิสัตว์ทรงเป็นนิรมาณกายหนึ่งของพระโพธิ สัตว์อวโลกิเตศวร ทั้งนี้เพราะนี่เป็นความเชื่อพระพุทธศาสนามหายานนิกายฌาน นิกายเซน
ขณะที่นิกายอื่นถือว่าพระจุณฑิมหาโพธิสัตว์ และพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ไม่ใช่องค์เดียวกัน
พระจุณฑิมหาโพธิสัตว์ ทรงมีพระนามเต็มว่า จุณฑิสัปตโกฏิพุทธภควตี ทรงเป็นพุทธมารดาแห่งพระพุทธเจ้าในตรีกาล กาลทั้ง ๓ คือ  อดีต ปัจจุบัน และอนาคต พระองค์ทรงมีบุญมีบารมีพ้นประมาณ อิทธิฤทธิ์สูงส่ง สามารถยังให้สรรพชีวิตสมปรารถนาได้ ไม่ว่าจะเป็นด้านโลกียะหรือโลกุตตระ
ในการสร้างรูปเคารพของพระจุณฑิมหาโพธิสัตว์นั้น มีตั้งแต่ปางที่มี ๒ - ๔ จนกระทั่งถึง ๘๔ พระกรรวมทั้งสิ้น ๙ ปาง แต่โดยทั่วไปแล้วจะพบปางที่มี ๓
พระเนตร ๑๘ พระกรมากที่สุด ในคัมภีร์ สัปตโกฏิจุณฑิมหาประภาธารณีสูตร ได้พรรณนาวิธีการวาดภาพ พระจุณฑิมหาโพธิสัตว์ปาง ๑๘ กรไว้ ความว่า ก่อนจะทำการวาด ให้ชำระร่างกายให้สะอาด จากนั้นสมาทานอุโบสถศีล และยังได้อธิบายลักษณะของพระกรทั้ง ๑๘ ไว้ดังนี้................
ทรงมีพระฉวีมีสีขาวเหลือง มี ๓ พระเนตร ฉลองพระองค์ภูษาสีขาวลายกงล้อพระธรรมจักร รอบพระวรกายเปล่งประกายพระรัศมีทรงมี ๑๘ พระกรโดยที่ ๒ พระหัตถ์ตรงกลางกระทำจุณฑิมุทรา โดยที่พระหัตถ์ขวาที่เหลือทั้ง ๘ กระทำประทานพรมุทรา ทรงพระขรรค์ ประคำ ผลไม้ ขวาน คชกุศ วัชระ และมงกุฏ ส่วนพระหัตถ์ด้านซ้ายทรงฉัตร ดอกบัว คนโท ปาศะ(บ่วงบาศ) ธรรมจักร สังข์ แจกัน และคัมภีร์มหาปรัชญาปารมิตาหฤทัยสูตร
ทรงประทับอยู่เหนือปัทมอาสน์ ท่ามกลางมหาสมุทร โดยมีพญามังกร รองรับปัทมอาสน์นั้นอยู่ หน้าพระพักตร์ประดิษฐานกระถางสุคันธบูชา
คัมภีร์ เศวตมณีพจนบท ได้ให้อรรถาธิบายลักษณะของพระจุณฑิมหาโพธิสัตว์ไว้ความว่า....................................................

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16 พฤษภาคม 2553 11:50:50 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #1 เมื่อ: 16 พฤษภาคม 2553 07:50:20 »




๓ พระเนตร หมายถึง พุทธจักษุ ธรรมจักษุ และปัญญาจักษุ ทั้งยังหมายถึง พระวินัย พระสูตร และพระอภิธรรม
พระฉวีขาวเหลือง สีเหลืองคือแผ่นดิน อันหมายถึงสมาธิอันมั่นคงไม่หวั่นไหวดุจพื้นปฐพี สีขาวหมายถึงท้องน้ำ อันหมายถึงพระปัญญาคุณที่ไร้ประมาณดุจมหาสมุทร
ฉลองพระองค์ภูษาสีขาวลายกงล้อพระธรรมจักร สีขาวหมายถึง ความบริสุทธิ์ ลายกงล้อพระธรรมจักรหมายถึง การหมุนไปแห่งกงล้อพระธรรมจักร
เพื่อแปรเปลี่ยนกิเลสให้เป็นพระโพธิญาณ
พระวรกายทอแสงพระรัศมีส่องสว่างไปทุกทิศ หมายถึง การยังแสงแห่งปัญญาให้ส่องสว่างไปยังทศทิศ กำจัดเสียซึ่งความมืดมิดแห่งอวิชชา
พระหัตถ์ทรงถือหอยสังข์สีขาว สีขาวหมายถึงความบริสุทธิ์แห่งพระมหากรุณาธิคุณ เสียงจาก(การเป่า)หอยสังข์ หมายถึงเสียงแห่งการประกาศธรรมอันยิ่งใหญ่ เพื่อประโยชน์แห่งสรรพชีวิต
ในคัมภีร์ ปรัชญาปารมิตาศาสตรา ซึ่งนิพนธ์โดย พระนาคารชุนมหาโพธิสัตว์ อธิบายความหมายองค์ธรรม ๑๘ ประการแห่ง พระกรทั้ง ๑๘ ของ
พระจุณฑิมหาโพธิสัตว์ไว้ดังนี้
๑. การไร้แล้วซึ่งอกุศลกรรมทางกาย
๒. การไร้แล้วซึ่งอกุศลกรรมทางวาจา
๓. การไร้แล้วซึ่งอกุศลกรรมทางใจ
๔. การไร้แล้วซึ่งมานะ
๕. การไร้แล้วซึ่งความไม่สงบแห่งจิต
๖. การเป็นอนาคาริก(ผู้ไม่ครองเรือน)
๗. ความเป็นผู้มีฉันทะมิรู้สิ้น
๘. ความเป็นผู้มีวิริยะมิรู้สิ้น
๙. ความเป็นผู้มีการภาวนามิรู้สิ้น
๑๐. ความเป็นผู้มีปัญญามิรู้สิ้น
๑๑. ความเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยความหลุดพ้น(วิมุตติ) มิรู้สิ้น
๑๒. ความเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิมุตติญาณทัศนะมิรู้สิ้น
๑๓. ความเป็นผู้มีกายกรรมทั้งปวงอันเกิดแต่ปัญญา
๑๔. ความเป็นผู้มีวจีกรรมทั้งปวงอันเกิดแต่ปัญญา
๑๕. ความเป็นผู้มีมโนกรรมทั้งปวงอันเกิดแต่ปัญญา
๑๖. ความเป็นผู้มีปัญญาอันไร้เครื่องกีดขวางในอดีตชาติ
๑๗. ความเป็นผู้มีปัญญาอันไร้เครื่องกีดขวางในอนาคตชาติ
๑๘. ความเป็นผู้มีปัญญาอันไร้เครื่องกีดขวางในปัจจุบันชาติ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16 พฤษภาคม 2553 11:43:59 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #2 เมื่อ: 16 พฤษภาคม 2553 08:01:43 »




ในคัมภีร์ จุณฑิธารณีสูตร แสดงไว้ว่า พระพุทธองค์ทรงรำลึกอนาคตกาลว่า สืบไปภาคหน้าสรรพชีวิตจักหนาแน่นไปด้วยอกุศล อันจะนำ
มาซึ่งภัยและความทุกข์ยากเป็นอันมาก ด้วยพระมหากรุณาธิคุณต่อมวลสรรพชีวิต จึงทรงเข้าสมาธิอันมีนามว่า จุณฑิสมาธิ จากนั้นจึงทรงแสดง คาถาที่
พระพุทธองค์ในอดีตอันมีจำนวนถึง ๗ โกฏิได้เคยแสดงไว้ นั่นก็คือคาถาอันมีนามว่า จุณฑิธารณี ซึ่งเป็นภาษาสันสกฤตดังนี้...............




นะมะฮ์ สัปตะนัม สัมมาสัมพุทธายะ โกฏินัม ตะทะยะธา อม จเล จุเล จุณเฑ สวาหา



โดยปัจจุบันมักจะออกเสียงตามสำเนียงจีนกลางว่า....................................................



นำมอ สะตอนัน ซำเมียวซำพุทธอ จฺวีจือนัน เตยยาทา อม เจอลี จุลี จุณที ซอพอเฮอ



การออกเสียงบางแห่งอาจต่างไปจากนี้ไม่ใช่สาระสำคัญ เพราะสาระสำคัญไม่ใช่การออกเสียง หากแต่อยู่ที่ใจของผู้ที่สวดเป็นสำคัญ



คาถา จุณฑิธารณี นี้ แบ่งออกเป็น ๒ ส่วนคือ...............................



ท่อนแรกคือบทนมัสการ พระพุทธเจ้าทั้ง ๗ โกฏิ คือ นะมะฮ์ สัปตะนัม สัมมาสัมพุทธายะ โกฏินัม
(นำมอ สะตอนัน ซำเมียวซำพุทธอ จฺวีจือนัน)และท่อนหลังคือ ตัวคาถา หรือที่เรียกว่า หฤทัยคาถา คือ  ตะทะยะธา อม จเล จุเล จุณเฑ สวาหา
(เตย ยาทา อม เจอลี เจอลี จุณที ซอพอเฮอ) หรือ อม จเล จุเล จุณเฑ สวาหา(อม เจอลี เจอลี จุณที ซอพอเฮอ)
คาถา จุณฑิธารณี นี้ ต่างจากคาถาอื่น ๆ กล่าวคือผู้สวดไม่ต้องเตรียมตัว หรือเตรียมการใด ๆก่อนสวด สวดได้ทุกที่ทุกสถานการณ์ ผู้ใดหมั่นสวดสาธยาย สติปัญญาเพิ่มพูน ทรัพย์สินบริบูรณ์ พ้นจากภยันตรายทั้งปวง อายุยืนนานร่างกายแข็งแรง เป็นที่เคารพยำเกรงต่อมนุษย์ อมนุษย์
เทพยดาทั้งหลาย ตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้ มนุษย์ อมนุษย์ ภูตผี เทพ อาวุธ ยาพิษ โจร สัตว์ร้าย ขุนนาง ฯลฯ ไม่อาจทำอันตรายสวดครบ ๔ แสน ๖ หมื่นจบ จักได้พบพระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์ในความฝัน สวดครบ ๑ ล้านจบ เมื่อสิ้นอายุขัย จักสามารถท่องเที่ยวไปยังพุทธเกษตรทั้งทศทิศ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16 พฤษภาคม 2553 11:44:32 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #3 เมื่อ: 16 พฤษภาคม 2553 08:13:36 »




คาถา จุณฑิธารณี นี้ มีอุปเทห์มากมาย พรรณนาได้มิรู้สิ้น บัดนี้จักสาธกเล็กน้อยพอเป็นแนวทาง มาตรว่าเพาะปลูกได้ผลผลิตไม่ดี
ใช้คาถานี้เสกน้ำรด พืชพรรณงอกงาม แม้ต้นไม้ที่ยืนต้นตายก็สามารถฟื้นคืน มาตรว่ามีคนป่วย หรือรู้สึกว่ามีวิญญาณร้ายคอยรบกวน ให้รำลึกถึงพระ
มหากรุณาธิคุณแห่งพระจุณฑิมหาโพธิสัตว์ แล้วนำเมล็ดมัสตาร์ดขาวมามาเล็กน้อย เสกด้วยคาถานี้แล้วจุดไฟ จากนั้นนำไปวางไว้ไกล้คนป่วย
หรือที่ ๆ คิดว่ามี
ผีอยู่ จักช่วยสลายโรคร้าย ขับไล่สิ่งอวมงคล มาตรว่าเกิดภัยธรรมชาติหรือโรคระบาด ให้นำข้าวสารมาเสกด้วยคาถานี้ แล้วสาดไปรอบๆบริเวณมาตรว่า
ปวดท้องให้นำน้ำสุกอุ่นผสมเกลือเล็กน้อยเสกด้วยคาถานี้ ๒๑ จบ แล้วนำมาดื่มมาตรว่าพบสัตว์กำลังถูกฆ่าหรือทำร้าย ถ้าไม่มีทางช่วยให้ภาวนาคาถานี้
จักช่วยให้สัตว์เหล่านั้นเจ็บปวดลดน้อยลงได้ แม้ว่าสัตว์นั้นต้องตายลง ก็จะไปบังเกิดในสุคติภูมิ มาตรว่าเห็นคนกำลังจะทำบาปภาวนาคาถานี้จะ
ช่วยให้เขาเหล่านั้นกระทำการไม่สำเร็จ
คาถาและธารณีทั้งปวงในพุทธศาสนาเป็นสิ่งที่มีจริงและสัมผัสได้จริง แต่ต้องอาศัยองค์ประกอบคือศรัทธา มหากรุณา และปัญญา กล่าวคือเชื่อมั่นว่า
ได้ผลจริง มหากรุณาคือ ความปรารถนาเพื่อให้สรรพชีวิตพ้นจากความทุกข์ กล่าวคือพ้นจากอบาย ความอดอยาก ทุกข์ยากโรคภัย ฯลฯ ว่าถ้าสวดด้วย
ความ
เห็นแก่ตัวความโลภ เพื่อให้ตนครอบครัวของตนหรือพวกพ้องของตน ร่ำรวย อายุยืน ก็จะได้ผลช้าและได้ผลน้อยในด้านของการเจริญภาวนาการสวด
คาถาธารณีถือเป็นการเจริญภาวนาอย่างหนึ่งโดยเมื่อจะเจริญภาวนาควรจะอยู่ในที่สงัด จินตภาพถึงพระจุณฑิมหาโพธิสัตว์ในลักษณะดังที่กล่าวมาข้าง
ต้น กระทำจุณฑิมุทรา แล้วทำการสาธยายคาถา จุณฑิธารณีเมื่อนานวันเข้ามีความชำนาญภาพจะแจ่มชัดขึ้นจากพระโพธิสัตว์ที่เป็นเพียงภาพวาดหรือ
รูปเคารพ เราจะสามารถสัมผัสพระโพธิสัตว์ได้จริง ๆ โดยไม่ใช่แค่การจินตนาการหรือมโนภาพในความฝัน
อนึ่ง จุณฑิธารณี ได้ชื่อว่า ราชันย์แห่งมนตรา ด้วยพระมหาปณิธานแห่งพระจุณฑิมหาโพธิสัตว์ จุณฑิธารณี นี้จักครอบคลุมสรรพมนตร์ทั้งปวง บรรดามนตร์ที่มีในสรรพโลกธาตุ จุณฑิธารณี นี้เป็นเอกไม่มีมนตร์อื่นใดยิ่งกว่า มาตรว่าชนใดจักสาธยายมนตร์ใดๆก็ตามหากไม่สามารถจดจำได้หมดหรือไม่
อาจสาธยายด้วยเหตุผลใด ๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16 พฤษภาคม 2553 11:45:01 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #4 เมื่อ: 16 พฤษภาคม 2553 08:23:15 »




ก็ตามพึงรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณแห่งพระจุณฑิมหาโพธิสัตว์ แล้วสาธยาย จุณฑิธารณี นี้ ด้วยพระมหาปณิธานจะยังให้ จุณฑิธารณี
แปรเปลี่ยนเป็นมนตร์ต่าง ๆ ดังประสงค์และมีพลานิสงส์ดังปรารถนาทุกประการ จุณฑิธารณี นี้ได้นามว่า มโนรสมนตรา ด้วยเหตุที่ว่าจะสามารถยังให้สรรพชีวิตทั้งปวงสมปรารถนาทั้งทางโลกและทางธรรมโดยไร้แล้วซึ่งเครื่องกีดขวางทั้งปวง
พระรัศมีของพระจุณฑิมหาโพธิสัตว์ เป็นรัศมีมีสีดั่งท้องฟ้า เมื่อเสกคาถาไปที่น้ำ ข้าวสาร หรือเมล็ดมัสตาร์ดขาว ให้จินตภาพว่ารัศมีแห่งพระจุณฑิมหาโพธิสัตว์ ได้แทรกซึมลงไปในวัตถุดังกล่าว และพัฒนาไปเป็นลำดับจนกระทั่งจินตภาพว่าพระรัศมีอันเรืองโรจน์แผ่ไพศาลไป ทั่วทั้งอนันตมหาจักรวาล
ยังให้สรรพชีวิตทุกภพภูมิหลุดพ้นจากวัฏฏะสงสาร
เพื่อผู้อื่นหรือเพื่อสรรพชีวิตนี่คือหัวใจแห่งพระพุทธศาสนาและพระมหากรุณาธิคุณแห่งพระบรมศาสดา พระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์ทั้งหลายคุณทำได้
ทุกคนทำได้ ไม่มีเหตุที่จะทำไม่ได้ เว้นแต่จะไม่ทำ คนมีความสามารถและคนทำกุศลในโลกนี้มีไม่น้อย แต่ที่จะทำเพื่อคนอื่น เพื่อสรรพชีวิต
นับวันยิ่งจะเหลือน้อยลงทุกที
อย่างไรก็ตามหากท่านใดสนใจในเรื่องเกี่ยวกับการภาวนาคาถาธารณี สามารถอ่านรายละเอียดได้ที่บทความเรื่อง มหากรุณาธารณีสูตร ฉบับภาษาสันสกฤต

ก้มกราบสุสิทธิเป็นสรณะ

น้อมเศียรบังคมสัปตโกฏิ

บัดนี้ข้า ฯ สรรเสริญมหาจุณฑิ

พระปณิธานเมตตาคอยคุ้มครอง





...................................พระนาคารชุนมหาโพธิสัตว์.................................




๑ พฤษภาคม ๒๕๕๒



จาก............................http://www.q1133.com

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16 พฤษภาคม 2553 11:45:30 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #5 เมื่อ: 16 พฤษภาคม 2553 09:55:24 »




 ยิ้ม   ยิ้ม   ยิ้ม
บันทึกการเข้า
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.308 วินาที กับ 31 คำสั่ง

Google visited last this page 17 ชั่วโมงที่แล้ว