Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์
เพศ:
Thailand
กระทู้: 5483
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น
ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Mozilla รองรับ
|
|
« ตอบ #8 เมื่อ: 02 กันยายน 2557 18:47:27 » |
|
.
อนุสนธิ จากกระทู้ "ไม้เรียว"
...ปลายรัชกาลที่ ๕ มีการเฆี่ยนทหารครั้งใหญ่ เรื่องเกิดขึ้นเมื่อพวกทหารตีกับทหารมหาดเล็กของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ ที่หน้าประตูวังรัชทายาท (วังสราญรมย์)
สมเด็จพระบรมฯ ขอให้ทรงลงพระอาญาเฆี่ยนทหารเหล่านั้นตามจารีตนครบาล กรมหลวงราชบุรีฯ กราบทูลคัดค้านว่า ไทยใช้ประมวลกฎหมายอาญา เยี่ยงอารยประเทศแล้ว จึงไม่ควรนำจารีตนครบาลมาใช้
สมเด็จพระบรมฯ ยืนยันจะให้โบย มิฉะนั้นจะทรงเอาออกจากรัชทายาท รัชกาลที่ ๕ จึงต้องทรงยอม
การเฆี่ยนครั้งนั้น กรมหลวงนครไชยศรีสุรเดชทรงสั่งให้โบยต่อหน้าแถวทหารในกระทรวงกลาโหม ทูลเชิญสมเด็จพระบรมฯ มาทอดพระเนตร มีผู้บันทึกไว้ว่า
"เมื่อถึงเวลาราชมัลลงแส้ ซึ่งตามหลักการลงแส้นั้น ครั้งแรกต้องได้เลือด ครั้งที่สองเนื้อต้องปริ ปรากฏว่าผู้ต้องหา ๖ คนลบคาหยั่ง สร้างความหดหู่ให้แก่นายทหารท่านอื่น เชื่อกันว่าเป็นที่มาของกบฏ (ร.ศ. ๑๓๐)" ... ฯลฯ
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชนิพนธ์ โดยทรงใช้พระนามแฝงว่า ราม วชิราวุธ เล่าถึงประวัติและเหตุการณ์ ตามที่เก็บข้อความจากสมุดจดหมายเหตุรายวัน, และประกอบคำอธิบายและข้อความตามที่ทรงจำได้ แต่มิได้มีจดไว้ในจดหมายเหตุรายวัน
ต้นฉบับตัวพิมพ์ดีดอยู่ในความครอบครองของ พระมหาเทพกษัตรสมุห หรือ ขุนตำรวจเอก พระมหาเทพกษัตรสมุห (เนื่อง สาคริก)
สำนักพิมพ์มติชน รวบรวมจัดพิมพ์ (พิมพ์ครั้งที่ ๕ : กันยายน ๒๕๕๕) ชื่อปกหนังสือ "ประวัติต้นรัชกาลที่ ๖"
ผู้โพสท์เห็นว่ามีสาระเกี่ยวข้องกับแผนการปฏิวัติ ร.ศ. ๑๓๐ (พ.ศ.๒๔๕๕ หรือ ค.ศ.๑๙๑๒) ปรากฎความตาม หน้า ๒๔๗ ดังนี้
ฯลฯ เมื่อรับบัตรสนเท่ห์นี้แล้ว ก็เดากันยุ่ง เพราะต้องเข้าใจว่าในเวลานั้นยังมิได้รู้ระแคะระคายเลยถึงเรื่องพวกทหารคิดก่อกำเริบ. ข้อความสำคัญในหนังสือนั้นก็มีอยู่เปน ๒ ข้อ, คือ (๑) เรื่องนายทหารถูกเฆี่ยนเพราะวิวาทกับมหาดเล็กของฉัน, (๒) เรื่องไม่ปล่อยนักโทษตามแบบ เรื่องที่ ๑ นั้น เปนเหตุการณ์อันได้เกิดขึ้นในเดือนมิถุนายน, ๒๔๕๒, ในเวลานั้นพวกกรมรถม้าของฉันอยู่ที่วังจันทร์, และกรมทหารราบที่ ๒ อยู่ที่โรงเชิงสพานมัฆวานรังสรรค์, ฉนั้นจึ่งเปนอันมีชายหนุ่มๆ สองพวกอยู่ในที่ใกล้เคียงกัน, ก็เปนธรรมดาอยู่เองที่จะต้องเกิดเหตุระหองระแหงกันบ้าง, เนื่องด้วยการแย่งผู้หญิงกันเปนต้น. การทุ่งเถียงและพูดแดกดันกันนั้นคงจะได้มีแก่กันอยู่นาน, ในที่สุดคืนหนึ่งจึ่งได้ถึงแก่ตีกันขึ้น, และหม่อมราชวงศ์เหรียญ, พนักงานรถม้าของฉันคน ๑ ได้ถูกนายทหารราบที่ ๒ ตีหัวแตก. เมื่อเกิดชำระกันขึ้นได้ความว่าตัวการมีนายร้อยเอกสม. นายร้อยตรีจัน, กับนายดาบบาง, ได้พาพลทหารออกจากโรงไปตีเขา, กรมนครชัยศรีเอาตัวพวกทหารขึ้นศาลทหารชำระได้ความจริงว่าได้ออกจากโรงทหารผิดเวลาและยกพวกไปตีเขาเช่นนั้น, เห็นว่าเปนโทษหนัก, จำเปนต้องลงอาญาให้เปนเยี่ยงอย่าง, กรมนครชัยศรีจึ่งได้กราบบังคมทูลพระเจ้าหลวง (รัชกาลที่ ๕ - ผู้โพสท์) ขอให้ลงพระราชอาญา เฆี่ยนหลังคนละ ๓๐ ทีและถอดจากยศ, การลงอาญาครั้งนั้นไม่ใช่โดยความขอร้องของฉันเลย, ตรงกันข้ามฉันเปนผู้ท้วงว่าแรงเกินไป, แต่กรมนครชัยศรีว่าจะต้องลงโทษให้เปนเยี่ยงอย่าง. หาไม่จะกำราบปราบปรามทหารที่เกะกะไม่ได้, และนายทหารจะถือตนเปนคนมีพวกมาก เที่ยวรังแกข่มเหงเขาร่ำไปให้เสียชื่อทหาร.... ฯลฯ
|