ทำบุญ-ทำบาป เป็นสัมมาทิฏฐิในระดับโลก แต่เป็นมิจฉาทิฏฐิในระดับโลกุตตระ เพราะในระดับนั้น มีแต่รู้อริยสัจ 4 จึงจะเป็นสัมมาทิฏฐิ มิจฉาทิฏฐิ คือ ความเห็นผิด หรือเป็นทิฏฐิปาทาน คือความยึดมั่นด้วยทิฏฐิ ถ้าพิจารณาแบบโลกุตระ ทั้งบุญ-บาป ล้วนเป็นความยึดมั่นด้วยทิฏฐิ หรือ ทิฏฐิปาทาน หรืออุปทานทั้งนั้น
อย่างไรก็ตาม
ในทางโลกหรือโลกียะ การเห็นชั่วว่าเป็นดี เห็นดีว่าเป็นชั่ว เห็นบาปว่าเป็นบุญ เห็นบุญว่าเป็นบาป เรียกว่า
"สมาทานมิจฉาทิฏฐิ" อันนี้ไปทุคติแน่นอน เพราะเป็นความเห็นผิดที่วิปริต ผิดจากทำนองคลองธรรม ผิดมโนธรรมที่อยู่ในจิต
แต่ถ้าเป็นทิฏฐิปาทาน คือความยึดมั่นด้วยทิฏฐิ ที่ถูกทำนองคลองธรรม แล้วมีเจตนาทำตามมโนธรรม ที่เรียกว่า "กุศล หรือบุญ" ความยึดมั่นตามมโนธรรมที่ถูกทำนองคลองธรรม และทำกุศลกรรมต่างๆ ก็จะนำไปสู่สุคติภูมิหรือสวรรค์
พระยามารที่เป็น"สมาทานมิจฉาทิฏฐิ" ฝรั่งเขาเรียกว่า ซาตาน ที่อยู่ คือ นรก
พระยามารที่เป็น"มิจฉาทิฏฐิ" ทางด้านโลกุตตระ แต่เป็นสัมมาทิฏฐิทางด้านโลกียะ คือ ทำถูกต้องทำนองคลองธรรม ทำแต่บุญไม่ทำบาป เรียกว่า "พญามาราธิราช หรือ วสวัตตีมาร " ที่อยู่ คือ สวรรค์ชั้น 6 หรือสวรรค์ชั้น ปรนิมมิตวสวัสตี
สรุปในระดับโลกหรือโลกียะ การทำบุญถือเป็นสัมมาทิฏฐิ การทำบาปถือว่าเป็นมิจฉาทิฏฐิ
ในระดับโลกุตตระ บุญและบาป ล้วนเป็นมิจฉาทิฏฐิทั้งสิ้น สิ่งที่เป็นสัมมาทิฏฐิมีเพียงได้ปัญญา ทำให้ละทั้งบุญ ทั้งบาป ทีเป็นความยึดมั่นถือมั่น หรือเป็นอุปทาน
พญามารไม่ว่าจะเป็นฝ่ายดีฝ่ายชั่ว ก็ล้วนเป็นผู้ทำให้มนุษย์หลงทางอยู่ในสังสารวัฏฐ์ออกมาไม่ได้ จึงเป็นพวกที่มีมิจฉาทิฏฐิ ส่วนความเห็นชอบ หรือสัมมาทิฏฐิ ที่พระพุทธองค์ตรัสถึง คือ ผู้ที่ทำจิตหลุดพ้นจากอุปาทาน
ภิกษุ ท.! ความเห็นชอบ (สัมมาทิฏฐิ) เป็นอย่างไร?
ภิกษุ ท.!
๑) ความรู้ในทุกข์
๒) ความรู้ในเหตุให้เกิดทุกข์
๓) ความรู้ในความดับไม่เหลือแห่งทุกข์
๔) ความรู้ในหนทางเป็นเครื่องให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ อันใดนี้
เราเรียกว่า ความเห็นชอบ (สัมมาทิฏฐิ)