ตะวันออกกลางแห่สอนภาษาจีนกันมากขึ้น หรือเรื่องนี้สะท้อนอิทธิพล 'Soft Power' จีน
<span class="submitted-by">Submitted on Mon, 2023-09-25 21:23</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>แม้ว่าในโลกตะวันตกจะมีความสนใจเรื่องการเรียนภาษาจีนกลางลดลงจากเดิม แต่กลายเป็นว่าตะวันออกกลางมีการจัดหลักสูตรภาคบังคับให้นักเรียนต้องเข้าชั้นเรียนเพื่อเรียนภาษาจีนเพิ่มมากขึ้น รวมไปถึงกรณีหลักสูตรสอนภาษาจีนในโรงเรียนมัธยมซาอุดิอาระเบีย ฯลฯ ซึ่งอาจสะท้อนการเปลี่ยนแปลงด้านภูมิศาสตร์การเมืองในภูมิภาคตะวันออกกลาง ที่ก่อนหน้านี้เคยถูกมองว่าพื้นที่อิทธิพลของสหรัฐฯ แต่ในปัจจุบันกลายเป็นพื้นที่อิทธิพล 'ซอฟต์พาวเวอร์' ของจีน</p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="
https://live.staticflickr.com/65535/53213129590_45f8e6cc56_k.jpg" /></p>
<p style="text-align: center;"><span style="color:#e67e22;">ที่มาของภาพประกอบ: </span>
<span style="color:#e67e22;">Wikipedia</span><span style="color:#e67e22;"> และ บุปผาราตรี 3.2</span></p>
<p>ประเทศซาอุดีอาระเบียซึ่งเป็นประเทศอาหรับที่ใหญ่ที่สุดในตะวันออกกลาง จัดให้มีการเรียนการสอนภาษาจีนกลางหรือ "จีนแมนดาริน" เป็นวิชาบังคับในโรงเรียนมัธยมศึกษา ทั้งโรงเรียนรัฐและโรงเรียนเอกชน โดยที่ชั้นเรียนจะมีการจัดหาผู้คอยอำนวยความสะดวกที่มีหน้าที่คอยช่วยเหลือหรือชี้แนะแนวทางการเรียนรู้ด้วยตัวเองแก่กลุ่มนักเรียน</p>
<p>หม่าหยงเหลียงผู้ที่เปิดสถาบันภาษาจีนในซาอุดีอาระเบีย 2 แห่งในปีนี้กล่าวว่าการที่คนพูดภาษาจีนกลางได้มากขึ้นนั้นแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงด้านภูมิศาสตร์การเมือง หม่าหยงเหลียงบอกว่าจีนเป็น "ประเทศที่กำลังกลายเป็นมหาอำนาจ" ที่จะมีบทบาทสำคัญในการ "พัฒนาโลกและการสร้างระเบียบโลกใหม่" ทำให้คนต้องหันมาฝึกพูดภาษาจีนให้คล่องขึ้นถ้าหากพวกเขาต้องการ "ประสานความร่วมมือหรือปฏิสัมพันธ์กับจีน"</p>
<p>สิ่งที่เป็นแรงบันดาลใจให้เขาเปิดสถาบันภาษาจีนวิสดอมเฮาส์ในซาอุดีอาระเบียคือความเชื่อที่ว่าการฝึกฝนจนชำนาญใน "ภาษาที่มีคนพูดมากที่สุดในโลก และเป็นภาษาแม่ของคน 1,300 ล้านคน" นั้นนับเป็นการ "พิชิตโลกได้"</p>
<p>ณ สถาบันภาษาวิสคอมเฮาส์ในกรุงริยาร์ด มีนักเรียนสมัครเรียนประมาณ 50 คน มีครูผู้สอนมาจากประเทศจีน ส่วนสถาบันภาษาวิสดอมเฮาส์อีกสาขาหนึ่งที่เมืองเจดดาห์ก็มีนักเรียนสมัครเรียนประมาณ 20 คน</p>
<p>การขยายการศึกษาภาษาจีนเข้าไปในโรงเรียนมัธยมฯ ของซาอุฯ เกิดขึ้นหลังจากที่ในปี 2562 เจ้าฟ้าชาย โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ได้ทำข้อตกลงในเรื่องนี้ไว้ตอนไปเยือนจีน ว่าจะให้มีการเรียนการสอนภาษาจีนในหลักสูตรการศึกษาทุกระดับชั้น รวมถึงในมหาวิทยาลัยด้วย</p>
<p>ข้อตกลงดังกล่าวกลายสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงก้าวสำคัญของจีนในการผลักดันวัฒนธรรมตัวเองสู่โลก ซึ่งก่อนหน้านี้เคยถดถอยลงหลังจากที่จีนถูกตรวจสอบอย่างละเอียดในทุกด้านทั้งจากด้านเทคโนโลยีละด้านอุดมการณ์ ซึ่งเป็นผลมาจากความบาดหมางกันระหว่างจีนกับสหรัฐฯ</p>
<p>ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมามีกรณีการสั่งปิดสถาบันขงจื๊อมากกว่า 100 แห่ง ในมหาวิทยาลัยที่ สหรัฐฯ, ออสเตรเลีย และทวีปยุโรป โดยที่สถาบันขงจื๊อนับเป็นสื่อกลางในการส่งเสริมภาษาและวัฒนธรรมจีน มีการสั่งปิดสถาบันเหล่านี้โดยข้ออ้างเรื่องความกังวลต่อการแผ่อิทธิพลของจีน นอกจากนี้ภาพลักษณ์ของจีนที่แย่ลงจากเรื่องนโยบายต่อซินเจียง, ฮ่องกง และประเด็นข้อพิพาททะเลจีนใต้ ก็มีส่วนทำให้มหาวิทยาลัยตะวันตกหลายแห่งลดจำนวนสถาบันขงจื๊อลงในพื้นที่มหาวิทยาลัยตัวเอง</p>
<p>แต่ทว่า ดูเหมือนจีนจะได้พื้นที่ใหม่ในการแผ่ขยายอิทธิพลด้วย "อำนาจอ่อน" หรือ "ซอฟท์พาวเวอร์" ของพวกเขา นั่นคือภูมิภาตตะวันออกกลาง</p>
<h3><span style="color:#2980b9;">"อำนาจอ่อน" ทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมของจีนในตะวันออกกลาง</span></h3>
<p>เจฟฟรีย์ กิล อาจารย์อาวุโสที่มหาวิทยาลัยฟลินเดอร์สแห่งแอดิเลด ผู้เขียนหนังสือเกี่ยวกับการที่ภาษาจีนแพร่หลายไปทั่วโลก กล่าวว่า ความสนใจเรียนภาษาต่างชาติภาษาใดภาษาหนึ่งมักจะเป็นไปตามกระแสของภูมิศาสตร์การเมืองในตอนนั้นด้วย</p>
<p>กิล บอกว่าการที่ในตะวันตกมีความสนใจต่อภาษาจีนน้อยลงเป็นเพราะอิทธิพลของเรื่องที่ความสัมพันธ์จีนกับชาติตะวันตกแย่ลงผ่านความขัดแย้งทางเศรษฐกิจและการเมือง ทำให้คนรู้สึกอยากเรียนภาษาจีนน้อยลงไปด้วย ในขณะที่ประเทศภูมิภาคอื่นๆ ที่มีความสัมพันธ์กับจีนดีกว่าและมีความต้องการเรียนรู้ภาษาจีนมากกว่า รัฐบาลจีนก็จะพยายามส่งเสริมการเรียนและสอนภาษาจีนในสถานที่เหล่านั้น จนทำให้ภาษาจีนยังคงเป็นภาษาที่มีพลังและมีคนต้องการเรียนเพิ่มขึ้นในพื้นที่เหล่านี้</p>
<p>ฟานหงต้า ศาสตราจารย์สถาบันตะวันออกกลางศึกษาจากมหาวิทยาลัยนานาชาติเซียงไฮ้ กล่าวว่า การที่มีคนสนใจเรียนจีนกลางมากขึ้น สะท้อนให้เห็นถึงการที่จีนในภูมิภาคตะวันออกกลางมีความสัมพันธ์ทางการทูตที่ดีมาก จากเดินที่ตะวันออกกลางเคยเป็นพื้นที่อิทธิพลของสหรัฐฯ และไม่ว่าจะโดยตั้งใจหรือไม่ก็ตาม การเรียนรู้ภาษาต่างชาติเป็นกุญแจสำคัญสำหรับใช้เป็นอำนาจอ่อนในการสร้างชุดคำอธิบายและภาพลักษณ์ทางบวกให้กับประเทศ</p>
<p>ฟานหงต้า บอกอีกว่าการที่รัฐบาลซาอุฯ, อิหร่าน และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ส่งเสริมการเรียนรู้ภาษาจีนมากขึ้น เป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นว่าความสัมพันธืระหว่างจีนกับตะวันออกกลางนั้นเป็นไปในทางบวกต่อกันมากขึ้น</p>
<p>ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) มีประชากรอยู่ 8.3 ล้านคนและเป็นแหล่งน้ำมันสำรองที่ใหญ่ที่สุดอันดับที่ 7 ของโลก พวกเขาเป็นประเทศแรกในประเทศแถบอ่าวอาหรับที่มีการระบุให้ภาษาจีนกลางอยู่ในหลักสูตรการศึกษาภาคบังคับของประเทศ สถานทูตจีนในกรุงอาบู ดาบี UAE ระบุว่าจีนข่วยให้ UAE ริเริ่มโครงการภาษาจีนในโรงเรียน 100 แห่ง เมื่อปี 2562 และมีการขยายไปสู่โรงเรียนรัฐ 158 แห่ง</p>
<p>ปะเทศอียิปต์ก็เคยลงนามในบันทึกความเข้าใจร่วมกันกับจีนเมื่อปี 2563 ในเรื่องที่จะบรรจุภาษาจีนกลางลงในหลักสูตรการศึกษาเป็นวิชาเลือกสำหรับภาษาที่สองในโรงเรียนประถมและมัธยมฯ</p>
<p>ในเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา ประธานาธิบดี เอบราฮิม ไรซี ของอิหร่านได้เสนอร่างกฎหมายให้มีการบรรจุภาษาจีนกลางไว้เป็นหนึ่งในภาษาต่างชาติที่สามารถสอนในโรงเรียนมัธยมฯ ได้ทั่วประเทศ หลังจากที่ไรซีได้เดินทางไปเยือนจีนเมื่อเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา</p>
<p>เห็นได้ชัดว่า จีนส่งอิทธิพลต่อตะวันออกกลางอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นเมื่อตอนเดือน ธ.ค. 2565 ที่สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน เดินทางไปเยือนการประชุมซัมมิทระดับภูมิภาคกับเหล่าผู้นำจากกลุ่มประเทศอ่าวอาหรับที่ร่ำรวยแหล่งน้ำมัน ในอีก 3 เดือนถัดจากนั้นทางการจีนก็ทำให้โลกประหลาดใจด้วยการเป็นตัวกลางในการเจรจาสันติภาพระหว่างซาอุฯ และอิหร่าน เรื่องนี้เกิดขึ้นหลังจากที่หลายประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลางที่เคยมีความขัดแย้งต่อกันกลับมาคืนดีกัน ไม่ว่าจะเป็น อิหร่านกับโมรอคโคและอียิปต์, UAE กับกาตาร์ รวมถึง ตุรกีกับอียิปต์</p>
<p>กิลระบุว่า เมื่อจีนเล็งเห็นว่ายังคงไม่มีสัญญาณความตึงเครียดใดๆ เกิดขึ้นกับตะวันตกในช่วงนี้ จีนก็มีแนวโน้มที่จะเพ่งเป้าหมายไปที่ทวีปแอฟริกา, ภูมิภาคตะวันออกกลาง และ ลาตินอเมริกา ให้เป็นพื้นที่ที่พวกเขาจะแผ่ขยาย "อำนาจอ่อน" ผ่านทางการเรียนภาษาจีน</p>
<p>แต่ก็ต้องเป็นเรื่องที่ยังคงต้องดูกันต่อไปว่าภาษาจีนจะฝังรากในตะวันออกกลางได้หรือไม่</p>
<h3><span style="color:#2980b9;">แต่การเรียนภาษาจีนในตะวันออกกลาง ก็ยังมีอุปสรรค</span></h3>
<p>ซาอุฯ เป็นประเทศที่มีประชากร 37 ล้านคน และมีคลังน้ำมันสำรองขนาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 2 ของโลก ซาอุฯ เป็นประเทศพันธมิตรกับสหรัฐฯ มาเป็นเวลายาวนาน และในตอนนี้ก็กำลังพยายามส่งเสริมความสัมพันธ์กับจีนในเรื่องอื่นๆ นอกเหนือไปจากเรื่องการค้าน้ำมัน คือรวมไปถึงเรื่องเทคโนโลยี, โครงสร้างพื้นฐาน หรือแม้กระทั่งเรื่องอาวุธด้วย ซึ่งการทำเช่นนี้ เป็นแผนการกระจายความเสี่ยงทางเศรษฐกิจของเจ้าฟ้าชาย บิน ซัลมาน</p>
<p>Ma เปิดเผยว่าในซาอุฯ เพิ่งจะมีการเปิดตัวสถาบันขงจื๊อแห่งใหม่เมื่อเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา นอกจากนี้ในเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา ซาอุฯ ยังได้รับเชิญร่วมกับอิหร่านและ UAW ให้ไปเข้าร่วมประชุมกลุ่มประเทศเศรษฐกิจ BRICS ที่มีบราซิล, รัสเซีย, อินเดีย, จีน และแอฟริกาใต้ เป็นสมาชิกด้วย กลายเป็นการแผ่ขยายกลุ่ม BRICS ให้ใหญ่ขึ้น</p>
<p>ทั้งนี้ ยังมีนักวิเคราะห์บอกว่า การที่ประเทศตะวันออกกลางเหล่านี้จัดให้มีการเรียนการสอนภาษาจีนในประเทศของพวกเขา ยังนับเป็น "การแสดงออกแบบต่างตอบแทน" ให้กับอำนาจอ่อนของจีน จากที่ตะวันออกกลางต้องการกระขับสัมพันธ์กับจีนผ่านทางโครงการริเริ่มหนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง</p>
<p>อย่างไรก็ตามการพยายามจะจัดให้มีการเรียนการสอนในประเทศโลกอาหรับก็ยังคงมีปัญหาต่างๆ เช่นการที่นักเรียนอาหรับมองว่าภาษาจีนกลางไม่ได้น่าดึงดูดให้เรียนมากเท่าภาษาจากยุโรป เนื่องจาก "มุมมองเรื่องประวัติศาสตร์" และการขาดแคลนครูผู้สอนที่เป็นชาวจีน</p>
<p>นอกจากนี้แล้วถึงแม้ว่าจีนจะมีอิทธิพลทางเศรษฐกิจมากขึ้นในภูมิภาคตะวันออกกลาง แต่ในวงการธุรกิจก็ยังไม่ได้มีการใช้ภาษาจีนกันอย่างแพร่หลาย ถึงแม้ว่าจะมีธุรกิจบางแห่งใน UAE ที่มีฐานปฏิบัติการในจีนจะส่งพนักงานของตัวเองไปยังสถาบันขงจื๊อเพื่อเรียนภาษาจีน แต่ โมฮัมหมัด อับดุล รอห์มัน มาฮารูน อธิบดีแห่งศูนย์วิจัยสาธารณะดูไบก็บอกว่า จำนวนคนที่ถูกส่งไปเรียนก็ยังมีไม่มากนักเพราะชาวอาหรับกับชาวจีนยังคงใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักในการสนทนาตั้งแต่ก่อนหน้านี้มาจนถึงปัจจุบัน</p>
<p>โดยที่ใน UAE ที่เป็นหนึ่งในแหล่งธุรกิจและศูนย์กลางการขนส่งรายใหญ่ในตะวันออกกลาง มีบริษัทที่ชาวจีนเป็นเจ้าของอยู่มากกว่า 6,000 บริษัท บาฮารูนบอกว่าถึงแม้ว่าการที่กลุ่มประเทศอ่าวอาหรับจะมีการเปิดการค้ากับจีนและมีปฏิสัมพันธ์กับชาวจีนมากขึ้นทำให้เกิดความต้องการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมกับจีน แต่ภาษาจีนกลางก็ยังไม่ใช่ภาษาที่ใช้กันแพร่หลายเมื่อเทียบกับภาษาอื่นๆ ที่ชาวต่างชาติใช้กันใน UAE อย่างภาษาฮินดี หรือ ภาษาอูรดู ซึ่งใข้กันในอินเดียและปากีสถานมากกว่า</p>
<p>นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องที่ประเทศตะวันออกกลางขาดครูที่เป็นเจ้าของภาษาจีนจริงๆ และปัญหาจากประสิทธิด้านการศึกษาของประเทศอาหรับเอง</p>
<p>อาห์เหม็ด อะบูดูห์ ผู้ช่วยนักวิจัยจากโครงการตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือของ องค์กรคลังสมองอังกฤษ แชททัมเฮาส์ กล่าวว่า ถึงแม้ประเทศอย่างซาอุฯ และ UAE จะมีนโยบายสนับสนุนภาษาจีน แต่ก็มีปัญหาความไร้ประสิทธิภาพในระบบการศึกษาของพวกเขาเอง จนทำให้ไม่สามารถสร้างคนที่มีทักษะด้านภาษาต่างประเทศได้มากพอ เช่นในซาอุฯ มีการเรียนการสอนภาษาจีนแบบปีเดียว โดยเน้นการเรียนแบบท่องจำ</p>
<p>อะบูดูห์ ยังชี้ให้เห็นว่า เจตจำนงทางการเมืองของในการส่งเสริมภาษาจีนในกลุุ่มประเทศตะวันออกกลางไม่ไปด้วยกันกับเรื่องการให้งบประมาณ ทำให้เกิดปัญหาขาดครูเจ้าของภาษาจากจีน เพราะมันแพงมากที่จะจัดหาครูผู้สอนจากจีนมาที่ประเทศอาหรับเมื่อเทียบกับการฝึกอบรมครูจากประเทศอาหรับเหล่านั้นเอง</p>
<p>การที่ครูน้อย ทำให้ครูที่มีอยู่ทำงานหนักขึ้นด้วย หลายคนต้องทำงานสอนในชั้นเรียน 26-28 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ มีครูบางคนบอกว่าพวกเขาไปสอนภาษาจีนที่ UAE ผ่านโครงการที่สนับสนุนโดยสถาบันขงจื๊อ และครูที่จะไปสอนได้ก็ต้องผ่านเงื่อนไขสูงมาก นอกจากการต้องจบปริญญาโทขึ้นไปแล้ว ยังต้องมีประสบการณ์สอนภาษาจีนในต่างประเทศอย่างน้อย 3 ปี ซึ่งจะได้แต้มต่อถ้าหากเคยทำการสอนในประเทศตะวันตกมาก่อน อีกทั้งยังต้องมีใบรับรองการสอบวัดระดับภาษาจีนกลางและภาษาอังกฤษด้วย</p>
<p>อย่างไรก็ตามในประเทศจีนมีโรงเรียนรัฐอยู่หลายแห่งที่บรรจุการเรียนการสอนภาษาอาหรับไว้ในหลักสูตรวิชาบังคับ และในตอนนี้ก็มีการเรียนการสอนภาษาอาหรับในมหาวิทยาลัยและสถาบันการศึกษารวม 37 แห่งในจีน ซึ่ง บาฮารูน มองว่าในจีนอาจจะมีคนพูดอาหรับได้มากกว่าจะมีชาวอาหรับที่พูดภาษาจีนได้เสียอีก เพราะในจีนมีชาวจีนเชื้อสายมุสลิมอยู่จำนวนหนึ่ง นอกจากนี้ชาวจีนยังมีการลงทุนด้านประโยชน์กับประเทศอาหรับทำให้เป็นแรงจูงใจในการทำความเข้าใจวัฒนธรรมอาหรับมากขึ้นจนมีคนจีนสนใจเรียนรู้ภาษาอาหรับมากขึ้นด้วย</p>
<p>อะบูดูห์กล่าวว่า ชาวจีนหลายคนมองว่าการเรียนภาษาอาหรับเป็นทางเลือกที่น่าดึงดูดสำหรับการเรียนภาษาต่างประเทศเพราะว่าภาษาอาหรับจะ "เป็นประโยชน์มากถ้าหากคุณปฏิสัมพันธ์ทางการเงิน, การค้าขาย, การลงทุนในต่างประเทศ หรือแม้กระทั่งกับความสนใจที่จะกระจายทางเลือกของตัวเอง"</p>
<p><span style="color:#2980b9;">เรียบเรียงจาก</span></p>
<p><span style="color:#2980b9;">Mandarin learning boom as China extends its soft power in Middle East, </span>
<span style="color:#2980b9;">South China Morning Post</span><span style="color:#2980b9;">, 15-09-2023</span></p>
<p><span style="color:#2980b9;">Middle East’s Mandarin push sets the tone for ‘convergence’ with China on trade, </span>
<span style="color:#2980b9;">South China Morning Post</span><span style="color:#2980b9;">, 22-09-2023</span></p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ข
https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์
https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
https://prachatai.com/journal/2023/09/106068