[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
16 พฤษภาคม 2567 00:16:46 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ทานอย่างไร..ให้ช่วยเผาผลาญ  (อ่าน 1611 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
sati
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 7
*

คะแนนความดี: +2/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 169


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 23 กุมภาพันธ์ 2554 00:12:37 »



คุณกำลังกังวลกับน้ำหนักตัวที่เพิ่มมากขึ้นหรือไม่ รู้สึกว่าทานเท่าไหร่ก็ไม่อิ่ม ยิ่งทานยิ่งเหนื่อยล้าอ่อนแรง ง่วงนอนตลอดเวลาอาการเหล่านี้เป็นสัญญาณอันตรายว่าระบบเผาผลาญพลังงานกำลังเสื่อมสภาพ

สิ่งที่ร่างกายฟ้องว่าอัตราการเผาผลาญพลังงานเริ่มจะลดลงและหมดอายุการใช้งานได้แก่ น้ำหนักตัวที่เพิ่มมากขึ้น และเซลลูไลท์ตามหน้าท้อง แขน ขา สะโพก ซึ่งการออกกำลังกายถือเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการเร่งเผาผลาญพลังงานส่วนเกินเหล่านี้ แต่วิธีหนึ่งที่สามารถช่วยคุณได้อีกแรงก็คือการทานอาหารอย่างถูกหลักโภชนาการ



อันดับแรกควรลดแป้ง น้ำตาล ไขมันเพราะการทานอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตสูงมากๆ จะทำให้ปริมาณอินซูลินในเลือดเพิ่มขึ้นซึ่งส่งผลให้การเผาผลาญไขมันในร่างกาย ลดลง นอกจากนี้การทานไขมันมากก็ยังทำให้ระบบการเผาผลาญพลังงานเชื่องช้าลงด้วย



ดังนั้นควรเน้นทานโปรตีนและผัก เนื่องจากการย่อยอาหารประเภทโปรตีนจากเนื้อสัตว์เป็นกิจกรรมที่ร่างกายต้องใช้พลังงานอย่างมาก ดังนั้นการทานเนื้อปลา เนื้อหมูไม่ติดมัน เนื้อไก่ไม่ติดหนังก็จะช่วยเร่งอัตราการเผาผลาญพลังงานได้มากขึ้น แต่ก็ต้องไม่ลืมว่าโปรตีนที่เหลือจากการใช้งานจะกลายเป็นไขมันดังนั้นอย่าทานมากจนเกินไป นอกจากนี้ควรทานผักและผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงทุกวันเพราะวิตามินซีมีส่วนช่วยเร่งการเผาผลาญพลังงานด้วย



นอกจากเรื่องของอาหารการกินแล้วเราควรปรับพฤติกรรมการทานอาหาร คือ ทานน้อย แต่บ่อยขึ้น เพราะการทานอาหารมื้อละน้อยๆ โดยแบ่งออกเป็นมื้อย่อยๆ หลายมื้อ เช่น เช้า สายกลางวัน บ่าย เย็น เป็นการกระตุ้นให้ร่างกายมีกิจกรรมย่อยอาหารและเผาผลาญพลังงานตลอดทั้งวันอย่างต่อเนื่อง



อีกครั้งควรดื่มน้ำที่ไม่เย็นจัดอย่างน้อยวันละ 8-10 แก้วข้อนี้สำคัญที่สุดเพราะน้ำเย็นจะไปลดประสิทธิภาพการทำงานของน้ำย่อย ร่างกายต้องใช้น้ำในกิจกรรมย่อยอาหาร การดื่มน้ำน้อยอาจทำให้การทำงานของระบบต่างๆในร่างกาย รวมทั้งระบบเผาผลาญพลังงานการติดขัดได้ แต่ก็ไม่ควรดื่มน้ำไปทานอาหารไปเพราะจะยิ่งไปเจือจางน้ำย่อยในกระเพาะอาหาร ทำให้ท้องอืดท้องเฟ้อ อาหารที่ทานเข้าไปก็ไม่สามารถดูดซึมไปใช้ได้เท่าที่ควร



กว่าจะรู้ตัวว่าน้ำหนักเพิ่มก็ใช้เวลานานพอสมควรดังนั้น กว่าจะลดน้ำหนักได้ดั่งใจก็ต้องให้เวลากับการใส่ใจดูแลตัวเองบ้างความสำเร็จไม่ใช่ได้มาเพียงชั่วข้ามคืนแต่ต้องผ่านการฝึกฝนมาอย่างยาวนานสุขภาพที่ดีเป็นหน้าที่ของตัวคุณเองที่ต้องดูแลอย่างสม่ำเสมอ



 






ที่มา : หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า

โปรดงดแสดงความคิดเห็นที่ไม่สร้างสรรค์ ขาดเมตตาธรรม ส่อเสียด ดูหมิ่น สร้างความแตกแยกให้แก่สังคมหรือกระทบกระทั่งต่อสถาบันอันเป็นที่เคารพ กระทบต่อความมั่นคงของชาติ และขัดต่อกฎหมาย....และอย่าลืมว่าเราเป็นคนไทย โปรดใช้ภาษาไทยให้ถูกต้องด้วยยนะคะ....
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.268 วินาที กับ 32 คำสั่ง

Google visited last this page 24 กันยายน 2566 16:17:40