[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
15 พฤษภาคม 2567 22:07:57 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก เวบบอร์ด ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

  แสดงกระทู้
หน้า:  1 ... 252 253 [254] 255 256 ... 1128
5061  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - นายกฯ มอบนโยบายเพื่อจัดทำงบฯ 67 ลั่นตั้งเป้า GDP โตเฉลี่ย 5% ตลอด 4 ปี เมื่อ: 02 ตุลาคม 2566 15:14:14
นายกฯ มอบนโยบายเพื่อจัดทำงบฯ 67 ลั่นตั้งเป้า GDP โตเฉลี่ย 5% ตลอด 4 ปี
 


<span class="submitted-by">Submitted on Mon, 2023-10-02 14:00</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>นายกรัฐมนตรีมอบนโยบายเพื่อจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ระบุ เป้าหมายทางเศรษฐกิจ คือการทำให้ GDP ของประเทศโตเฉลี่ย 5% ตลอด 4 ปีนี้ และทำให้รายได้ขั้นต่ำให้ถึง 600 บาทในปี 2570</p>
<p>2 ต.ค.2566 สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล รายงานว่า ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า วันนี้ (2 ต.ค. 66) เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานพิธีเปิดโครงการประชุมสัมมนาการมอบนโยบายและแนวทางการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ณ ห้องรอยัล จูบิลี่ บอลรูม อาคารชาเลนเจอร์ ชั้น 1 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี โดยนายกรัฐมนตรีได้กล่าวมอบนโยบายและแนวทางการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ดังนี้
 
ขอบคุณท่านรองนายกรัฐมนตรี ท่านรัฐมนตรี ท่านหัวหน้าส่วนราชการ  รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐ ที่มาร่วมประชุมในวันนี้ รวมทั้งท่านผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และทุกท่านที่อยู่บนระบบ Video Conference ทุกคน
 
จุดประสงค์ของการประชุมวันนี้ ผมขอมอบนโยบายและกรอบแนวทางการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ให้กับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อย่างที่ทุกท่านทราบดี รัฐบาลปัจจุบันเข้ามาบริหารราชการแผ่นดินในช่วงที่ประเทศไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายทั้งเชิงเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ซึ่งได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ภายในและภายนอกประเทศไม่ว่าจะเป็นผลจากโควิด 19 ที่ทำให้ประเทศไทยฟื้นตัวช้ากว่าเพื่อนบ้าน และฟื้นอย่างไม่เท่าเทียมเป็น K-shape recovery ก่อให้เกิดความเหลื่อมล้ำของประชาชนไทยในหลายระดับ ประเทศไทยเองก็ได้ให้คำมั่นสัญญาไว้ในเวทีสหประชาชาติ (UN) เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน ว่าเราจะเดินหน้าพัฒนาแก้ไขเรื่องนี้ให้ดีที่สุด ร่วมกับนานาประเทศ เศรษฐกิจโลกที่ถูกกระทบโดยสถานการณ์การเมืองระหว่างประเทศ ปัญหา supply chain ที่กระทบมาถึงประเทศไทย โครงสร้างอุตสาหกรรม ภาคการผลิต ที่กระจุกตัวอยู่ในไม่กี่หมวดสินค้า ถูกจำกัดด้วยจำนวนตลาดที่ไทยสามารถแข่งขันส่งออกได้ อีกไม่นาน เราก็จะเจอกับเอลนีโน่ (El Nino) ที่จะทำให้เกิดภัยแล้งยาว กระทบกับพี่น้องเกษตรกรกว่า 20 ล้านครัวเรือน หนี้สินในภาคครัวเรือน การเกษตร ก็เรื้อรัง มีการพักหนี้มา 13 ครั้ง แต่เราจะต้องแก้ที่โครงสร้างอื่น ๆ เช่น ความสามารถในการผลิตด้านการเกษตรของเรา การต่อยอด Value chain ให้เป็น High value agriculture economy วิธีทำการเกษตรของเรา ก็เป็นส่วนหนึ่งของปัญหาฝุ่นควันที่เกิดขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่ปัญหาสาธารณสุขอื่น ๆ อีก ปัญหาทั้งหมดที่กล่าวไปทั้งหมด ล้วนมีส่วนทำให้เศรษฐกิจของเรามีปัญหาอยู่ในปัจจุบันนี้ และยังมีส่วนทำให้เกิดปัญหาภาคสังคมอื่น ๆ ด้วย
 
ในภาคสังคมที่เราเห็นเอง ก็มีความท้าทายหลายประการที่กำลังเผชิญอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง Aged Society จะทำให้ workforce ของเราลดลง ส่งผลต่อสัดส่วนแรงงานต่อประชากร และรัฐจะต้องใช้เงินมากขึ้นในการทำสวัสดิการเพื่อดูแลประชากรทุกคน ความเปราะบางที่เกิดจากหนี้สิน หนี้ครัวเรือน ค่าแรงขั้นต่ำที่ไม่เป็นธรรม ยาเสพติด หลาย ๆ ปัญหา ผมก็ได้ไปรับฟังมาด้วยตนเองจากการลงพื้นที่ กำลังก่อให้เกิดภาระทางการคลังของรัฐบาล ทั้งแง่การลงทุน แก้ปัญหา สวัสดิการ สาธารณสุข และอีกหลาย ๆ มิติ
 
จากความท้าทายที่ผมกล่าวไปทั้งหมด รัฐบาลนี้เราจะ Take on actions อย่างจริงจัง ดำเนินนโยบายร่วมกับทั้งราชการทุกภาคส่วน และผลักดันเอกชนทุกระดับ เพื่อรับมือกับความท้าทายนี้ในระยะสั้น รัฐบาลให้ความสำคัญ 3 ประการเร่งด่วนด้วยกัน คือการฟื้นฟูรายได้ ดูแลค่าใช้จ่ายของประชาชน และเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีท่านรองนายกฯ ภูมิธรรมเป็นประธานคณะกรรมการ ขอเริ่มที่การฟื้นฟูรายได้ ซึ่งจะเริ่มต้นด้วยการกระตุ้นเศรษฐกิจ
 
ในต้นปี 2567 จะมีเงินอัดฉีดเข้าไปในเศรษฐกิจ ด้วยกรอบประมาณ 560,000 ล้านบาท นโยบายนี้จะแตกต่างจากการกระตุ้นเศรษฐกิจต่าง ๆ ที่เคยเกิดขึ้น ซึ่งที่ผ่านมา การกระตุ้นเศรษฐกิจเข้าไม่ถึงทุกพื้นที่ ไม่ถึงทุกชุมชน กล่าวคือเป็นการกระตุ้นฝั่ง Demand หรือกระตุ้นอุปสงค์ ความต้องการเป็นหลัก แต่การกระตุ้นฝั่ง Demand อย่างเดียว จะทำให้เกิดการเจริญเติบโตที่ไม่เท่าเทียม เพราะ Demand ที่มากขึ้น ก็จะวิ่งเข้าหาศูนย์กลางทางเศรษฐกิจเป็นหลัก ไม่ได้กระจายไปยังชุมชน ในครั้งนี้ เงิน 560,000 ล้าน ที่เข้าไปกระตุ้น Demand และจะขับเคลื่อนฝั่ง Supply หรืออุปทานให้โตขึ้น ก่อให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียน สิ่งที่ได้รับคืนมาคือภาษีที่กลับคืนสู่ภาครัฐ การจำกัดการใช้จ่ายให้อยู่ในชุมชน จะทำให้เงินหมุนเข้าไปถึงระดับรากหญ้าก่อนเสมอ ทำให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในกิจกรรมเศรษฐกิจนี้
 
ระยะเวลา 6 เดือนเอง ก็เพื่อกำหนดให้เงินนี้ต้องหมุน มีการจับจ่ายใช้สอย ไม่อย่างนั้นก็จะมีการเอาไปดองไว้ ไม่ก่อให้เกิด Multiplier Effect หรือการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ ตอนนี้ ครม. ก็ได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อดำเนินการในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนา Application การจัดหาแหล่งเงิน การกำหนดกฎระเบียบทั้งหมด และตอบคำถามจากทุก ๆ คน ไม่ต้องห่วงครับ ได้ใช้แน่นอนในเดือนกุมภาพันธ์นี้ แต่นี่เป็นเพียงมาตรการระยะสั้น ซึ่งเดี๋ยวจะขอพูดถึงในระยะยาวว่ารัฐบาลมีมาตรการอย่างไรให้เศรษฐกิจโตได้อย่างต่อเนื่อง
 
ด้านการท่องเที่ยว เราก็จะฟื้นการท่องเที่ยวทั้งจากนักท่องเที่ยวในประเทศและนอกประเทศ ซึ่งในประชุม ครม. วาระแรกได้ดำเนินการเรื่องที่ทำได้ทันที คือการยกเว้นวีซ่าชั่วคราวไปให้กับนักท่องเที่ยวจีนและคาซัคสถาน ที่เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาก็ได้มีนักท่องเที่ยวชุดแรก ที่เดินทางเข้ามาแล้ว นั่นเป็นมาตรการเบื้องต้นเท่านั้น รัฐบาลจะวางแผนดำเนินมาตรการกับประเทศอื่น ๆ อีก โดยพิจารณาจากสถานภาพเศรษฐกิจ ความต้องการ และสถานะของประเทศ นอกจากนั้น รัฐบาลจะวางแผนมาตรการอื่น ๆ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว เช่น ช่วยสนับสนุนค่าใช้จ่าย อำนวยความสะดวก หรือมาตรการอื่น ๆ ที่เหมาะสม  ในระยะยาวเองก็ต้องมีการพัฒนาด้านอื่น ๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว หรือการต่างประเทศที่จะต้องมีการจัด Roadshow เป็นต้น
 
ด้วยทิศทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ผมมั่นใจว่าเราจะทำให้เพิ่มค่าแรงขั้นต่ำไปอยู่ที่ 400 บาทต่อวันได้โดยเร็วที่สุด เป็น Step แรก ด้านค่าใช้จ่าย ครม. ก็ได้อนุมัติการลดค่าพลังงานให้กับประชาชนไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการทำให้น้ำมันดีเซลราคาไม่เกิน 30 บาท หรือทำให้ค่าไฟเหลือเพียง 3.99 บาท โดยจะต้องมีการวางแผนใช้งบประมาณเพื่อแก้ไขปัญหาชั่วคราว โดยจะควบคู่ไปกับการวางแผนโครงสร้างพลังงานระยะยาว แน่นอน ในอนาคตก็ต้องหาทางลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานลงอีก อาทิเช่น ค่าก๊าซหุงต้ม น้ำมันเบนซิน เป็นต้น เพื่อให้เหมาะสมกับค่าครองชีพของประชาชน หนี้ครัวเรือน หนี้เกษตรกร ครม. เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาก็ได้อนุมัติไปแล้ว พักหนี้ให้กับเกษตรกรเกือบ ๆ 2,700,000 ราย และจะวางแผนดูแลหนี้สินกลุ่มที่มีความจำเป็นอื่น ๆ เพื่อให้ความช่วยเหลือ ต่อลมหายใจให้กับประชาชนที่เดือดร้อนจากหนี้สิน ทั้งนี้ การพักหนี้ในช่วง 9 ปีก่อนหน้าที่เกิดมา 13 ครั้งนั้น และยังมีการแทรกแซงตลาดราคาสินค้าอีกนับแสน ๆ ล้านบาท แต่ก็ยังไม่เพียงพอ ซึ่งเดี๋ยวผมจะพูดต่อไปว่าครั้งนี้เราจะทำต่างกันอย่างไร เรื่องรัฐธรรมนูญ รัฐบาลนี้ก็ได้เดินหน้าตั้งคณะกรรมการเพื่อเริ่มดำเนินการแล้ว โดยจะดำเนินการทำประชามติ เพื่อยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ให้เสร็จสิ้นโดยเร็วที่สุด เพื่อคืนอำนาจให้กับประชาชน
 
มาตรการระยะสั้นที่กล่าวไปทั้งหมดจำเป็นต้องมีงบประมาณสนับสนุน แต่จะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า ต่อชีวิตให้กับประชาชนและภาคธุรกิจทั้งเล็กและใหญ่ เพื่อให้มีกำลังไปสร้างพลังทางเศรษฐกิจต่อไป สำหรับรัฐเอง เราจะต้องวางแผนหาเงินกลับมาคืนในส่วนที่ใช้ไปในส่วนนี้ด้วย และรักษาวินัยการเงินการคลังอย่างเคร่งครัดในระยะยาว รัฐบาลตั้งใจที่จะทำให้เศรษฐกิจโตไปอย่างยั่งยืน ซึ่งในนโยบายระยะยาว จะครอบคลุม 3 มิติด้วยกันได้แก่ การสร้างรายได้ การขยายโอกาส และการดูแลคุณภาพชีวิตและความมั่นคง
 
ในการสร้างรายได้ มีการเพิ่มรายได้สุทธิในภาคเกษตร การเปิดการค้าระหว่างประเทศ การส่งเสริมเขตเศรษฐกิจ การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อดึงดูดการลงทุน อย่างที่บอกไปว่าเราพักหนี้มา 13 ครั้ง ใช้เงินไปมหาศาล แต่ว่าปัญหาหนี้สินในภาคเกษตรไม่ได้รับการแก้ไข ในรัฐบาลนี้นอกจากการพักหนี้ที่เราจะต่อลมหายใจแล้ว เราจะใช้หลักการตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้ ดูแลเกษตรกรโดยการลดต้นทุน เช่น ค่าปุ๋ย โดยการปรับปรุงสูตร และใช้ปริมาณที่เหมาะสมให้ตรงกับสภาพพืช และสภาพดิน รวมถึงการเพิ่ม Yield หรือ “ผลผลิตต่อไร่” โดยการปรับปรุงพันธุ์ วิธีการปลูกพืช และใช้นวัตกรรมต่าง ๆ เช่น เกษตรแม่นยำ (Precision Agriculture) เป็นต้น เป้าหมายของรัฐบาลนี้คือการทำให้พี่น้องเกษตรกรมีรายสุทธิเพิ่มขึ้น 3 เท่าใน 4 ปี ต้องดูทั้งอุปสงค์ อุปทานให้เหมาะสม มีการวางแผนล่วงหน้าเพื่อไม่ให้สินค้าล้นตลาด ราคาตกต่ำ วางแผนบริหารพันธุ์พืช พันธุ์สัตว์ โดยพิจารณาปัจจัยให้ครบทุกมิติไม่ว่าจะเป็นต้นทุน ราคา ระยะเวลา ข้อกฎหมาย และอื่น ๆ จัดทำองค์ความรู้อย่างเป็นระบบ ควบคู่ไปกับการลดต้นทุนให้เกษตรกร รวมถึงใช้มาตรการใหม่ ๆ เช่น การขายสินค้าเกษตรล่วงหน้าด้วย
 
นอกจากภาคการเกษตรแล้ว ภาคการผลิต อุตสาหกรรมเอง ก็จะได้รับประโยชน์ต่อเนื่องหลังจากการกระตุ้นการใช้จ่ายผ่าน Digital Wallet รัฐบาลนี้เองก็จะสนับสนุนการพัฒนาเขตเศรษฐกิจใหม่ ๆ เศรษฐกิจดิจิทัล เทคโนโลยีขั้นสูง หรือ Deep Tech อุตสาหกรรมสีเขียว อุตสาหกรรมความมั่นคงประเทศ และผลักดันให้ Start Up ไทยสามารถเติบโตได้ ซึ่งจะมีการจัดทำ Matching fund ที่ภาครัฐจะร่วมมือกับกองทุนระดับโลก เราจะอาศัยความเชี่ยวชาญของกองทุนในการค้นหาและคัดเลือก Start Up หรือ SME ที่มีศักยภาพโดยภาครัฐจะร่วมลงทุนด้วย เพื่อทำให้ Start Up หรือ SME เหล่านี้มีเงินทุนเพียงพอ เติบโตและขยายธุรกิจ เป็น Unicorn ต่อไปได้ รัฐบาลจะช่วยเหลือ SME ให้มีกลไกช่วยเหลืออย่างครบวงจร ทั้งพัฒนาผลิตภัณฑ์ การผลิต การจัดหาเงินทุน เปิดตลาด และมาตรการอื่น ๆ เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยสามารถโตในเวทีโลก
 
เรื่องโครงสร้างพื้นฐาน ระบบคมนาคมทั้งถนน น้ำ ราง อากาศ จะต้องมีการวางแผนลงทุนอย่างเป็นระบบ และต้องทำอย่างมียุทธศาสตร์ ดูทั้งอุปสงค์ และอุปทานให้สอดคล้องกัน ยกตัวอย่าง เช่น สนามบิน ที่จะเป็นหน้าด่านของการท่องเที่ยว ก็ต้องมีการวางแผนขยายให้เหมาะสม ให้สามารถรับนักท่องเที่ยวได้มากขึ้น ทั้งในเมืองหลัก และขยายไปยังเมืองรอง และต้องดูเรื่องปริมาณ ขั้นตอน และมาตรฐานการบริการ ควบคู่ไปทั้งหมด
 
รางรถไฟ จะต้องสามารถส่งสินค้าจากเมืองต่าง ๆ ไปยังตลาดได้ จะต้องเชื่อมต่อกับรางรถไฟของโลกด้วย เช่น ขนส่งสินค้าไปยังจีน และยังต้องขยายระบบรางทั้งในและนอกเมืองเพื่อรองรับการเดินทาง การส่งสินค้า ในราคาที่เป็นธรรม เช่น รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ที่ได้ดำเนินการไปบ้างแล้ว และต้องเจรจาหาทางออกร่วมกับผู้ให้บริการอื่น ๆ อีก เพื่อให้ครบทั้งระบบ ถนน ท่าเรือ ระบบอื่น ๆ ก็ต้องมีแผนกระจายให้ทั่วถึงอย่างมีเหตุมีผล มีตัวชี้วัดที่เหมาะสมถึงความต้องการหรือตอบยุทธศาสตร์ของประเทศ
 
จากที่ผมได้รับฟังความต้องการจากภาคธุรกิจ ทุกกลุ่มทุกท่านล้วนสนับสนุนให้ประเทศไทยเดินหน้าเปิดตลาดการค้าให้มากขึ้น เพื่อทำให้สินค้าไทยสามารถส่งออกไปยังตลาดทั่วโลกได้ จึงเป็นที่มาของการขยาย FTA หรือเปิดตลาดใหม่ ๆ สร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับประเทศอื่น ๆ โดยมุ่งเน้นไปทางยุโรป และแถบอาหรับ แอฟริกา ให้มากขึ้น รวมถึงการขยายหมวดหมู่ของสินค้าให้ครอบคลุมภาคธุรกิจของไทยด้วย การเดินหน้าเจรจาทั้งหมดที่ผมกล่าวไป จะนำมาซึ่งการลงทุนใน Real Sector ให้มากขึ้นด้วย เป็นการเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของประเทศ เรื่องนี้ ภาคธุรกิจที่มาคุยกับผม เขาก็บอกว่าถ้าเราขยายได้มาก เขาก็สนใจที่จะมาลงทุนมากขึ้น เพราะมัน “เสริม” ความสามารถในการแข่งขันของเขาได้ รัฐบาลนี้ให้ความสำคัญกับการเร่งเจรจา FTA ที่ค้างอยู่กับ EU และเร่งเดินหน้าเปิดตลาดใหม่ ๆ เช่น ตะวันออกกลาง และแอฟริกาเรื่องนี้เราก็ได้ท่านปานปรีย์และท่านภูมิธรรมมาเป็นผู้ดำเนินการอย่างเร่งด่วน
 
เรื่องการต่างประเทศที่สำคัญอีกเรื่องหนึ่ง คือการเปลี่ยนการทูตของเรา ให้ Pro-active มากยิ่งขึ้น เราจะไม่รอคำเชิญจากนานาประเทศเพียงอย่างเดียว แต่เราจะ “รุก” ออกไปพบ ไปคุย ไปจัดกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อบอกชาวโลกว่า “Thailand is open” หรือ “ประเทศไทยเปิดแล้ว” การลงทุนทั้งในภาคการเกษตร การทำเขตเศรษฐกิจ โครงสร้างพื้นฐาน และการเดินหน้าเจรจาต่างประเทศ ต้องใช้ทรัพยากรทั้งคน เงิน และเวลา แต่ทำแล้วเพิ่มความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจของประเทศได้อย่างมหาศาล ซึ่งจะนำประเทศไทยกลับเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจของโลก รักษาความเป็นกลางระหว่างขั้วอำนาจ ซึ่งกลายมาเป็นจุดแข็งของประเทศไทย ที่บริษัทต่างชาติกำลังให้ความสนใจ การดำเนินงานหลากหลายนโยบาย จะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น และทำให้รัฐบาลสามารถปรับค่าแรงขั้นต่ำตามเศรษฐกิจได้ เป็น 600 บาทต่อวัน ปริญญาตรี 25,000 ภายในปี 70’
 
ในการขยายโอกาส มีหลากหลายประเด็นที่ผมได้พูดไปตอนแถลงนโยบาย แต่จะขอ recap สั้น ๆไม่กี่เรื่องคือพลังงาน ที่ดิน การศึกษา และ Soft power ด้านพลังงาน ที่ประชาชนเดือดร้อนเรื่องค่าใช้จ่าย ในระยะสั้นเราก็ได้ปรับแก้ไปแล้วชั่วคราว แต่ในระยะยาวก็ต้องมาดูตัวโครงสร้างกัน รวมถึงเราต้องวางแผนเรื่องพลังงานสะอาดด้วย เพราะจะดึงดูดการลงทุนจากนานาประเทศได้
 
เรื่องที่ดิน รัฐบาลนี้จะต้องช่วยทำให้พี่น้องประชาชนจำนวนมากที่ยังไม่มีสิทธิในที่ดินทำกิน ให้เขาได้มีโฉนด มีเอกสารสิทธิครบถ้วน และรวมถึงพิจารณากำหนดเงื่อนไขต่าง ๆ ที่เหมาะสมด้วย กองทัพก็แสดงความพร้อมที่จะช่วยเหลือประชาชน นำที่ดินมาจัดสรรเพื่อนำไปใช้สร้างรายได้ให้กับประชาชนได้
 
ด้านการศึกษาเอง ผมก็ขอให้ความสำคัญด้วย ประเทศไทยจะต้องเป็นสังคมการเรียนรู้ตลอดชีวิต เป็นสังคมที่รักการอ่าน มีการพัฒนาทั้งนักเรียน ทั้งครู และทำให้หลักสูตรมีความทันสมัย ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยเหลือ และอาจรวมถึงการทำให้ลดปริมาณงาน การเรียน การบ้าน และปัจจัยอื่น ๆ สำหรับหลาย ๆ ส่วนในภาคการศึกษาในประชุม ครม. สมัยแรก ก็ได้มีมติจัดตั้งคณะกรรมการ Soft Power เพื่อผลักดันเรื่องการสร้างอัตลักษณ์ และนำมาใช้ประโยชน์มากขึ้นด้วย และสุดท้ายจะส่งผลให้เรามีเอกลักษณ์และบริการที่โดดเด่น ส่งผลต่อเศรษฐกิจที่เติบโตขึ้นเช่นกัน
 
รวมถึงเราต้องลงทุนส่งเสริมกิจกรรมต่าง ๆ ที่จะส่งเสริมการท่องเที่ยวในระยะยาวทั้งนักท่องเที่ยวในและนอกประเทศ ปรับปรุงสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติให้มากขึ้นวางแผนลงทุนสถานที่ท่องเที่ยว Man-made ในหลาย ๆ พื้นที่ ทำให้ประเทศไทยเป็นจุดมุ่งหมายของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ทั้งในเมืองหลักและเมืองรอง เรามีนโยบายที่จะทำให้ Low Season หมดไปจากประเทศไทย เช่น ใช้ประโยชน์จากเทศกาลต่าง ๆ ทำให้ครบวงจร เที่ยวได้ตลอดทั้งปี เรื่องความมั่นคงและคุณภาพชีวิต เราคงละเลยเรื่องความมั่นคงที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปไม่ได้ ทั้งรูปแบบของภัยคุกคาม และวางแผนการรับมือให้เหมาะสม ต้องมีการบริหารจัดการกำลังพล ทรัพยากรให้เหมาะสมกับยุคสมัย เช่น มีกำลังพลประจำการน้อยลงแต่มีคุณภาพและทันสมัยมากขึ้น ปรับเปลี่ยนรูปแบบการเกณฑ์ทหารเป็นสมัครใจ ทำให้กองทัพของเรามีความเป็นสากล มีความเป็นมืออาชีพ ในขณะเดียวกันก็เป็นกำลังสำคัญในการช่วยเหลือประชาชนในเวลาต่าง ๆ รวมถึงการนำสินทรัพย์ของกองทัพออกมาสร้างประโยชน์ต่อประชาชน ซึ่งก็ได้มีการพูดคุยกันไปบ้างแล้ว
 
รัฐบาลนี้จะจัดการยาเสพติดให้หมดสิ้น บำบัดและส่งคืนลูกหลานที่ติดยาสู่ครอบครัว จัดการกับผู้มีอิทธิพลต่าง ๆ ป้องกันการแทรกแซงการบริหารราชการ โดยวางแผนใช้มาตรการต่าง ๆ เช่น ตั้งรางวัลผู้ให้เบาะแส ปกป้องคุ้มครองพยาน และอื่น ๆ ที่เหมาะสม เป็นต้น มาตรการต่าง ๆ ผมต้องขอให้เกียรติกับผู้ปฏิบัติงานทุกคน ไม่ว่าจะเป็นทหาร ตำรวจ ข้าราชการ และประชาชนที่เกี่ยวข้องให้ช่วยกันดำเนินการให้สำเร็จ
 
ยังมีเรื่องของภัยธรรมชาติ เตรียมตัวรับมือกับ El Nino ที่ท่านรองนายกฯ ภูมิธรรมได้รับไปดูแล เรื่องของการดูแลเรื่องน้ำ เพิ่มพื้นที่ชลประทานให้เป็น 40 ล้านไร่ ทำแผนลงทุนในบริเวณที่ยังเข้าไม่ถึง และครอบคลุมไปยังการดูแลบริหารน้ำอย่างครบวงจร ซึ่งหลายโครงการที่อยู่ภายใต้แผนงานบูรณาการ ก็ขอให้ความสำคัญด้วย เช่น การใช้น้ำให้เกิดประโยชน์ การทำให้น้ำไม่ท่วม-ไม่แล้งในทุกฤดูต่าง ๆ โดยใช้ฝายพาราซอยซีเมนต์ หรือการทำธนาคารน้ำใต้ดิน และโครงการอื่น ๆ เดินหน้าแก้ไขฝุ่น PM2.5 ที่ต้องบริหารจัดการอย่างเร่งด่วน ก่อนจะเริ่มส่งผลกระทบในต้นปีที่จะถึงนี้ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ก็มีการเสนอ พรบ. อากาศสะอาดเข้าสภาไปแล้ว ซึ่งจะช่วยผลักดันการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม และ Balance ระหว่างการสร้างประโยชน์ของคนรุ่นปัจจุบัน และส่งต่อให้กับคนรุ่นหลังได้ด้วย
 
อีกเป้าหมายหนึ่ง คือการวางแผนที่จะทำให้ประเทศไทยเป็น Carbon Neutral ภายในปี 2593 หรือ ค.ศ. 2050 ใน UN ที่ผ่านมา ประเทศไทยก็ได้ประกาศไปว่าปีนี้รัฐบาลจะออก Sustainability Linked Bond ตั้งเป้าออกไม่ต่ำกว่า 30,000 ล้านบาท จุดประสงค์ของพันธบัตรตัวนี้จะทำให้องค์กร หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ช่วยกันดำเนินนโยบายที่สร้างความยั่งยืน การดำเนินการเรื่องทรัพยากรธรรมชาติเป็นเรื่องที่ต้องลงมือทำตั้งแต่วันนี้ และใช้เวลานานกว่าจะเห็นผล ฉะนั้นเราจะรอช้าไม่ได้
 
เรื่องสวัสดิการและสาธารณสุข ต้องมีการพัฒนาให้ดีขึ้น นำระบบดิจิทัลมาใช้เพื่อให้บริการประชาชน ทำให้ประเทศไทยมี Universal Healthcare Coverage หรือระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้าที่มีคุณภาพระดับโลก ลงทุนทำระบบเชื่อมต่อฐานข้อมูลของคนไข้ทั้งประเทศ ทำให้เข้าถึงศูนย์รักษาพยาบาลใกล้บ้านในราคา 30 บาท สร้างศูนย์ดูแลผู้มีความจำเป็นต่าง ๆ สถานธรรมาภิบาล โรงพยาบาลเพิ่มเติม เพื่อตอบสนองต่อสภาพสังคมสูงวัย
 
อีกฟากหนึ่งของระบบ คือคนทำงาน ต้องดูแลให้มีรายได้ที่เป็นธรรม มีปริมาณและรายได้ที่เหมาะสมอย่างทันท่วงที รวมถึงดูแล สนับสนุน สิทธิมนุษชน และความเท่าเทียมของคนทุกกลุ่ม ทั้งชนกลุ่มน้อย ผู้พิการ คนท้อง คนชรา เด็ก กลุ่มความหลากหลายทางเพศ เร่งรัดการทำให้พวกเขามีสิทธิพื้นฐานครบถ้วนโดยเร็ว และทำแผนดูแลในบางกลุ่มเปราะบางเพิ่มเติมด้วย และสุดท้าย รัฐบาลและราชการ จะต้องทำงานเพื่อบริการประชาชนให้ดีขึ้น
 
ขอให้ทุกหน่วยงานพิจารณาการลงทุนที่เหมาะสมเพื่อนำเทคโนโลยีมาใช้ เช่น ดำเนินการการเชื่อมฐานข้อมูลของประชาชนเป็นฐานเดียวกัน ใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์และ Machine Learning เพื่อเพิ่มความสามารถ ใช้ระบบการจ่ายเงินที่ตรวจสอบได้ เพื่อป้องกันการทุจริตและเพิ่มความโปร่งใสในการทำงานของรัฐ การปฏิสัมพันธ์ระหว่างราชการกับประชาชน จะต้องทำให้ไม่มีคนมาต่อคิวรอตั้งแต่เช้า ต้องมีแผนปรับปรุงการให้บริการ กำจัดเจ้าหน้าที่ที่ทำตัวเป็นนายประชาชน เรียกรับสินบน ซึ่งผมรับไม่ได้ และต้องปรับปรุงขั้นตอนการบริหารภายในราชการด้วยกันเอง เพื่อทำให้งานทำได้เร็วยิ่งขึ้น เพิ่ม Productivity ของทั้งระบบ ให้สะท้อนไปสู่บริการประชาชนที่ดียิ่งขึ้นไปอีก
 
เป้าหมายของผม ชัดเจนครับ ด้านเศรษฐกิจ คือการทำให้ GDP ของประเทศโตเฉลี่ย 5% ตลอด 4 ปีนี้ และทำให้รายได้ขั้นต่ำให้ถึง 600 บาทในปี 2570 เป็นจุดเริ่มต้นของแผนการมุ่งหน้าสู่การเป็นประเทศรายได้สูง อย่าลืมว่ารัฐจะเก็บภาษีมาลงทุนต่อยอดให้ทุกคนได้ ก็ต่อเมื่อเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของประชาชนมีคุณภาพที่ดี ฉะนั้น ขอทุกภาคส่วนร่วมกันดูแลประชาชนทุกภาคส่วนให้มีชีวิตอย่างมีความสุข มีสวัสดิการที่เหมาะสม ทำให้เขาเลี้ยงชีพได้อย่างสมศักดิ์ศรีด้วย หลาย ๆ อย่างที่ทำมาดีแล้ว ก็ขอให้ทำต่อไป และขอให้เปิดใจ รับฟังเสียงของประชาชน เพื่อนำไปปรับปรุง
 
ขอให้ผู้บริหารหน่วยราชการช่วยกันกำกับดูแลการทำงานอย่างขะมักเขม้น แต่เปลี่ยนไปตามสถานการณ์ สร้างวิธีการทำงานที่เน้นผลลัพธ์ มีตัวชี้วัดที่ชัดเจน มากกว่าแค่ทำตามกระบวนการ และขอให้ยึดโยงกับประชาชนเสมอ ในปีงบประมาณ 2567 การใช้จ่ายภาครัฐจะมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการดำเนินนโยบายของรัฐให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม และแผนต่าง ๆ ให้บรรลุตามเป้าหมายที่กำหนด รัฐบาลจะมีเงินจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ  พ.ศ. 2567  เป็นวงเงิน 3.48  ล้านล้านบาท ทั้งนี้ ผมตั้งใจที่จะบริหารจัดการการคลังด้วยความรอบคอบ  โปร่งใส ตรวจสอบได้ และรักษาวินัยและเสถียรภาพทางการเงินการคลังอย่างเคร่งครัด ในการวางแผนใช้จ่ายงบประมาณปี 67 ผมขอวางกรอบความสำคัญ 5 ข้อต่อไปนี้
 
(1) ข้อแรก ขอให้จัดทำงบและเบิกจ่ายงบประมาณตามนโยบายที่รัฐบาลได้แถลงต่อสภาไป และคำนึงถึงกรอบกฎหมายและวินัยการเงินการคลังอย่างเคร่งครัด ขอให้ทุก ๆ หน่วยงานพิจารณาดูว่าอะไรที่ทำได้ก็ขอให้ดำเนินการทำไปก่อน แต่อย่าลืมเรื่องความถูกต้องตามกระบวนการ
(2) ข้อที่สอง ขอให้ทุกหน่วยงานทำงานกันอย่างบูรณาการ วางแผนงบประมาณไม่ให้ซ้ำซ้อนกันหลาย ๆ โครงการในอดีตที่เคยทับซ้อนกัน ขออย่าให้เกิดภาพแบบนั้นอีกภายในรัฐบาลนี้
(3) ข้อที่สาม ขอให้วางแผนและจัดทำงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ (Efficiency) และมีประสิทธิผล (Productivity) คำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของรัฐ และคำนึงถึงวินัยการเงินการคลัง การทำแผนงานหรือโครงการ ขอให้ทำตามความจำเป็นเร่งด่วน และสอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน คำนึงถึงวินัยการเงินการคลังด้วย นโยบาย แผนงานใดที่ทำได้โดยไม่ต้องใช้งบประมาณ ก็เริ่มดำเนินการได้เลย ซึ่งโครงการเหล่านี้ ผมถือว่าจะมีผลตอบแทนที่คุ้มค่า เพราะไม่ต้องใช้งบลงทุนสักบาท และขอให้ทำงบแบบฐานศูนย์ หรือ Zero-based โดยเฉพาะรายจ่ายลงทุนที่จะต้องมีรายละเอียดให้ชัดเจน และผมขอให้ทุกหน่วยงานนำระบบดิจิทัลมาใช้ในการทำงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิผล และเพิ่มความโปร่งใสในการทำงาน ทำให้ประชาชนเห็นว่าเงินภาษีของพวกเขา ถูกใช้จ่ายอย่างคุ้มค่าทุกบาท ทุกสตางค์
(4) ข้อที่สี่ โครงการ แผนงาน ต่าง ๆ จะต้องมีตัวชี้วัด (KPI) หรือมีเป้าหมาย (Target) ที่ก่อให้เกิดผลดีกับพี่น้องประชาชน หรือเกิดผลเชิงบวกทางเศรษฐกิจ ผมไม่สนับสนุนการทำงานที่ไม่ก่อให้เกิดผลให้ประเทศ ประชาชน เพราะจะเป็นการนำภาษีประชาชนไปละลายแม่น้ำเสียเปล่า ๆ ไม่สนับสนุนการนำงบประมาณไปทำอะไรที่ไม่มีเป้าหมาย ไม่มีจุดประสงค์ที่จับต้องได้ ไม่มีความชัดเจน ฉะนั้น ขอให้พิจารณาลดแผนงานหรือโครงการต่าง ๆ ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออกไป หรือถ้าเป็นไปได้ก็ยกเลิกแผนงานหรือโครงการ ที่ไม่มีความชัดเจนไปเสีย เพื่อให้การใช้งบประมาณอย่างตรงเป้าหมายและประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ นำงบประมาณไปใช้ทำโครงการอื่นที่เกิดผลเชิงบวกต่อไป
(5) ข้อที่ห้า ขอให้จัดทำแผนการใช้จ่ายโดยพิจารณาให้ครบทุกแหล่งเงินทุน (Source of funding) ทั้งเงินนอกงบประมาณ และเงินงบประมาณ หลาย ๆ หน่วยงานที่มีเงินนอกงบประมาณ เช่น รายได้ เงินสะสม ขอให้นำมาใช้ดำเนินภารกิจก่อน และขอให้ช่วยกันลดภาระงบประมาณประเทศ โดยพิจารณาการใช้เงินแหล่งอื่น ๆ เช่น การร่วมมือกับภาคเอกชน หรือเครื่องมือทางการเงินอื่น ๆ เป็นต้น
 
ทุกท่านที่อยู่ในที่นี้ล้วนเป็นตัวแทนจากภาครัฐทั้งหมด เราทุกคนมีส่วนร่วมที่จะต้องช่วยกันดูแลสถานะ ความมั่นคง ของการเงินการคลังในระยะยาว ถึงแม้งบประมาณปี 67 จะล่าช้า แต่ขอให้ทุกหน่วยงานเร่งรัดการเบิกจ่าย โดยอยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย มีความระมัดระวัง อย่าให้เศรษฐกิจสะดุด ฉะนั้นในการทำงบประมาณปีนี้ ขอให้ทุกหน่วยงานพิจารณาประเด็นทั้งกรอบความสำคัญทั้ง 5 ข้อ ได้แก่ 1) ทำงบประมาณตามนโยบายที่สัญญากับประชาชน 2) ทำอย่างบูรณาการ ลดความซ้ำซ้อน 3) ทำอย่างมีประสิทธิภาพและรักษาวินัยการเงินการคลัง 4) ทำอย่างมีตัวชี้วัดและเป้าหมาย 5) ทำให้ครบทุกแหล่งเงินทุน และยึดวินัยการเงินการคลัง และขอให้จัดส่งให้สำนักงบประมาณภายในวันที่ 6 ตุลาคม 2566 ที่จะถึงนี้ สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่มาฟังในวันนี้ ขอให้ทุกท่านวางแผนงบประมาณให้มีสิทธิภาพ เพื่อจะได้ใช้ภาษีของประชาชนทุกบาท ทุกสตางค์ อย่างคุ้มค่า เกิดประโยชน์ต่อคนไทยทุกคน</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ขhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/10/106168
 
5062  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - ประวัติ “หมอพรทิพย์” คุณหมอหมื่นศพ แพทย์หญิงนิติเวชมือฉมัง ผู้ไขคดีดังมากมาย เมื่อ: 02 ตุลาคม 2566 15:03:20
ประวัติ “หมอพรทิพย์” คุณหมอหมื่นศพ แพทย์หญิงนิติเวชมือฉมัง ผู้ไขคดีดังมากมาย
         


ประวัติ “หมอพรทิพย์” คุณหมอหมื่นศพ แพทย์หญิงนิติเวชมือฉมัง ผู้ไขคดีดังมากมาย" width="75" height="75
&nbsp;&nbsp;เปิดประวัติ “หมอพรทิพย์” หรือแพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชศาสตร์ ผู้ไขคดีดังมากมายในประเทศไทย สู่วันที่เดินเข้าสู่เส้นทางการเมืองในฐานะ ส.ว.

         

https://www.sanook.com/news/9057850/
         
5063  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - สื่อพลิกผันในสถานการณ์พลิกขั้ว เสรีภาพสื่อและบทบาทสื่อมวลชนไทยในยุคพลิกผัน [ เมื่อ: 02 ตุลาคม 2566 13:42:32
สื่อพลิกผันในสถานการณ์พลิกขั้ว เสรีภาพสื่อและบทบาทสื่อมวลชนไทยในยุคพลิกผัน [คลิป]
 


<span class="submitted-by">Submitted on Mon, 2023-10-02 12:05</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p style="text-align: center;">
<iframe allow="accelerometer; autoplay; clipboard-write; encrypted-media; gyroscope; picture-in-picture; web-share" allowfullscreen="" frameborder="0" height="415" src="https://www.youtube.com/embed/KQCorLRr5Bs?si=d2B9epBaq43w0rUG" title="YouTube video player" width="720"></iframe></p>
<p>26 ก.ย. 66 คลิปจากเวทีสาธารณะ "สื่อพลิกผันในสถานการณ์พลิกขั้ว" มองเสรีภาพสื่อและบทบาทสื่อมวลชนไทยในยุคพลิกผัน ที่โรงแรมไอบิส สไตล์ กรุงเทพฯ ดำเนินรายการโดย ณัฐพล เมฆโสภณ ผู้สื่อข่าวประชาไท โดยมีหัวข้อนำเสนอดังนี้</p>
<p>(1) สื่อในการรายงานสถานการณ์ชุมนุมทางการเมือง (พ.ศ. 2557-2565) โดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พรรษาสิริ กุหลาบ คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, จุฑารัตน์ กุลตัณกิจจา ผู้ช่วยวิจัยโครงการวิจัยการรายงานข่าวการประท้วง: บทบาทของสื่อมวลชนไทยในการชุมนุมและความรุนแรงทางการเมือง</p>
<p>(2) เสรีภาพและสวัสดิภาพสื่อ: จากสื่อออนไลน์ถึงสตริงเกอร์ ตจว. โดย ธีรนัย จารุวัสตร์ ผู้ประสานงานประจำประเทศไทย โครงการเฝ้าระวังเสรีภาพสื่อเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (PFMSea)</p>
<p>(3) การสอดส่องออนไลน์และความคืบหน้าคดีเพกาซัส โดย รัชพงษ์ แจ่มจิรชัยกุล เจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมาย iLaw</p>
<div class="more-story">
<p>ถก‘สื่อพลิกผันในสถานการณ์พลิกขั้ว’ สะท้อนสภาพการทำงานสื่อท่ามกลาง ภัยคุกคาม ทางออกจะเป็นอย่างไร?, 27 ก.ย. 2566</p>
</div>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53189344348_a5207f868c_k.jpg" /></p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">/url]</div><div class="field-item odd"><a href="/category/%E0%B8%88%E0%B8%B8%E0%B8%91%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%99%E0%B9%8C-%E0%B8%81%E0%B8%B8%E0%B8%A5%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%93%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%88%E0%B8%B2" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">จุฑารัตน์ กุลตัณกิจจhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/10/106165
 
5064  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - เปิดชื่อ 99 ‘ป่าชุมชนชายเลน’ จัดสรรให้บริษัทขึ้นทะเบียน ‘ป่าชุมชนคาร์บอน’ กับคำ เมื่อ: 02 ตุลาคม 2566 13:42:32
เปิดชื่อ 99 ‘ป่าชุมชนชายเลน’ จัดสรรให้บริษัทขึ้นทะเบียน ‘ป่าชุมชนคาร์บอน’ กับคำถามถึงความเป็นธรรม
 


<span class="submitted-by">Submitted on Mon, 2023-10-02 13:18</span><div class="field field-name-field-byline field-type-text-long field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><p>ศูนย์สร้างจิตสำนึกนิเวศวิทยา (สจน.) รายงาน</p>
</div></div></div><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>ศูนย์สร้างจิตสำนึกนิเวศวิทยา เผยกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ขึ้นทะเบียน ‘ป่าชุมชนคาร์บอน’ กว่า 1.6 แสนไร่ พร้อมจัดสรรให้บริษัท เปิดรายชื่อ ‘ป่าชุมชนชายเลน’ 99 แห่ง ที่จัดสรรให้บริษัท กับคำถามถึงความเป็นธรรม</p>
<p>การจัดการป่าไม้ของรัฐไทยนับตั้งแต่ตั้งกรมป่าไม้ใน พ.ศ. 2439 มีการแปลงป่าไม้ให้เป็นทรัพย์สินของรัฐ และเปิดให้กลุ่มทุนเข้ามาสัมปทานทำไม้ ทำเหมืองแร่ ปลูกพืชเศรษฐกิจ และอื่นๆ ส่งผลให้ ‘ป่าเป็นสินค้าส่งออก’ ในอีกด้านหนึ่งรัฐได้ประกาศเขตป่าทับซ้อนพื้นที่ชุมชน ทำให้ชุมชนที่อยู่มาก่อนกฎหมายกลายเป็นผู้บุกรุกป่านับ 10 ล้านคน และเกิดการไล่รื้อและจับกุมดำเนินคดีประชาชนในชุมชนดั้งเดิมจำนวนมาก</p>
<p>ในยุคปัจจุบันรัฐไทยยังคงมองป่าเป็นสินค้า โดยมีสินค้าใหม่คือ ‘ป่าคาร์บอน’ ซึ่งเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมจากกลุ่มทุนที่ไม่ลดละเลิกการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และเป็นต้นเหตุของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยในประเทศไทยกลุ่มทุนฟอสซิลมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนร้อยละ 70 ของทุกภาคส่วน</p>
<p>นักวิชาการทั้งในประเทศและต่างประเทศระบุว่าการแก้ปัญหาโลกร้อนต้องลดละเลิกการปล่อยก๊าซคาร์บอนและก๊าซเรือนกระจกอื่นๆ การเพิ่มพื้นที่ป่าและพื้นที่สีเขียวเพื่อดูดซับก๊าซคาร์บอนโดยไม่ลดละเลิกการปล่อยก๊าซไม่เพียงพอสำหรับการต่อสู้ภาวะโลกร้อน</p>
<p>อย่างไรก็ตาม รัฐบาลเศรษฐาได้สานต่อนโยบายการใช้พลังงานฟอสซิลเป็นพลังงานหลัก และพัฒนาอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ต่อจากรัฐบาลประยุทธ์ มีแผนยุติพลังงานถ่านหินในปี ค.ศ. 2040 (พ.ศ. 2583) หรืออีก 17 ปี ในขณะที่ปัจจุบันประเทศไทยมีกำลังไฟฟ้าสำรองล้นเกินถึงร้อยละ 30-60 การแก้ปัญหาโลกร้อนใช้กลไก ‘เพิ่มพื้นที่ป่าดูดกลับก๊าซคาร์บอน’ และ ‘ชดเชยการปล่อยก๊าซคาร์บอนด้วยคาร์บอนเครดิต’ แทนการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน สะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนพลังงานเป็นอย่างมาก</p>
<p>ข้อมูลจากกรอบร่างยุทธศาสตร์พื้นที่สีเขียว ระบุเป้าหมายในการเพิ่มพื้นที่สีเขียวที่เป็นป่าธรรมชาติ จากร้อยละ 31.58 เนื้อที่ 102.17 ล้านไร่ เป็นร้อยละ 35 เนื้อที่ 113.23 ล้านไร่ หรือเพิ่มอีกประมาณ 11.06 ล้านไร่ และเพิ่มพื้นที่สีเขียวเพื่อการใช้ประโยชน์ จากร้อยละ 8.02 เนื้อที่ 25.95 ล้านไร่ เป็นร้อยละ 15 เนื้อที่ 48.53 ล้านไร่ หรือเพิ่มอีกประมาณ 22.58 ล้านไร่ รวมถึงเพิ่มพื้นที่สีเขียวเพื่อการพักผ่อนหย่อนใจ/เพื่อการเรียนรู้ จากร้อยละ 2-3 เนื้อที่ 6.47-9.70 ล้านไร่ เป็นร้อยละ 5 เนื้อที่ 16.18 ล้านไร่ ดังนั้น ต้องการเพิ่มพื้นที่สีเขียว ประมาณ 49.82 ล้านไร่ ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การเพิ่มพื้นที่ดูดซับก๊าซคาร์บอน และชดเชยการปล่อยก๊าซคาร์บอนด้วยคาร์บอนเครดิต</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">ทช. จัดสรรป่าชุมชนชายเลน กว่า 1.6 แสนไร่ เพื่อคาร์บอนเครดิต กับคำถามถึงความเป็นธรรม</span></h2>
<p>กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นกลไกสำคัญในการนำป่าไม้เข้าโครงการคาร์บอนเครดิต ทั้งในพื้นที่ป่าสมบูรณ์ และป่าปลูกใหม่ หน่วยงานในความรับผิดชอบของกระทรวงทรัพยากรฯ มีการออกระเบียบจำนวนหลายฉบับระบุหลักเกณฑ์รองรับคาร์บอนเครดิต รวมทั้งประกาศเชิญชวนชุมชนและบุคคลภายนอกเข้าร่วมโครงการคาร์บอนเครดิต</p>
<p>กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีความคืบหน้าในการดำเนินโครงการคาร์บอนเครดิตอย่างมาก มีการออกประกาศวันที่ 15 ก.พ. 2566 ขอเชิญชวนชุมชนชายฝั่ง/ชุมชนท้องถิ่น เข้าร่วมโครงการป่าชายเลนสำหรับชุมชน และออกประกาศวันที่ 3 มี.ค. 2566 ขอเชิญชวนชุมชนชายฝั่ง/ชุมชนท้องถิ่น ร่วมโครงการปลูกป่าชายเลนเพื่อประโยชน์จากคาร์บอนเครดิตสำหรับชุมชน ประจำปี พ.ศ. 2566</p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53228505740_179f038a9f_o.jpg" /></p>
<p>ในช่วงเดือน มี.ค. – ก.ย. 66 กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งได้ออกประกาศแจ้งผลการอนุมัติพื้นที่โครงการป่าชายเลนสำหรับชุมชน จำนวน 6 ฉบับ ดังนี้</p>
<p>1. ครั้งที่ 1/2566 ลงวันที่ 3 มี.ค. 2566 จำนวน 16 ชุมชน เนื้อที่รวม 29,253 ไร่ 2 งาน 12 ตารางวา</p>
<p>2. ครั้งที่ 2/2566 ลงวันที่ 1 มิ.ย. 2566 จำนวน 18 ชุมชน เนื้อที่รวม 27,277 ไร่ 2 งาน 20 ตารางวา</p>
<p>3. ครั้งที่ 2/2566 (เพิ่มเติม) ลงวันที่ 14 มิ.ย. 2566 จำนวน 4 ชุมชน เนื้อที่รวม 6,320 ไร่ 1 งาน 7 ตารางวา</p>
<p>4. ครั้งที่ 3/2566 ลงวันที่ 30 มิ.ย. 2566 จำนวน 20 ชุมชน เนื้อที่รวม 31,179 ไร่ 3 งาน 52 ตารางวา</p>
<p>5. ครั้งที่ 4/2566 ลงวันที่ 5 ก.ย. 2566 จำนวน 24 ชุมชน เนื้อที่รวม 55,380 ไร่ 0 งาน 76 ตารางวา</p>
<p>6. ครั้งที่ 4/2566 (เพิ่มเติม) ลงวันที่ 13 ก.ย. 2566 จำนวน 17 ชุมชน เนื้อที่รวม 13,179 ไร่ 1 งาน 36 ตารางวา</p>
<p>รวมจำนวนป่าชุมชนชายเลนที่ได้รับอนุมัติให้ดำเนินโครงการป่าชายเลนสำหรับชุมชน จำนวน 99 แห่ง เนื้อที่ประมาณ 162,590 ไร่ อยู่ในพื้นที่ 10 จังหวัด ได้แก่ กระบี่ 36 แห่ง พังงา 23 แห่ง สตูล 17 แห่ง ตรัง 8 แห่ง ระนอง 6 แห่ง สุราษฎร์ธานี 4 แห่ง ชุมพร 2 แห่ง ภูเก็ต 1 แห่ง นครศรีธรรมราช 1 แห่ง และ ตราด 1 แห่ง</p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53228505720_e69a164623_o.jpg" /></p>
<p>ในส่วนสัญญาคาร์บอนเครดิตระหว่างชุมชนกับบริษัทแห่งหนึ่ง พบว่ามีการระบุถึงสิทธิและผลประโยชน์ โดยบริษัทเป็นผู้ทรงสิทธิในผลงานหรือทรัพย์สินทางปัญญาหรือสิทธิอื่นใดที่เกิดขึ้น การแบ่งปันคาร์บอนเครดิตที่ได้จากการดำเนินโครงการมีการแบ่งปันในสัดส่วน บริษัท ร้อยละ 70 ชุมชน ร้อยละ 20 กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ร้อยละ 10 บริษัทมีการสนับสนุนเงินกองทุนสำหรับชุมชนเพื่อสร้างกระบวนการเรียนรู้ ประชาสัมพันธ์ และอื่นๆ จำนวน 200,000 บาท และสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการ ในปีแรก จำนวน 450 บาท ต่อไร่ และในปีที่2 ถึงปีที่ 30 จำนวน 200 บาท ต่อไร่</p>
<p>ทั้งนี้ ในปี พ.ศ. 2566 มีบริษัทสนใจเข้าร่วมโครงการปลูกป่าชายเลน เพื่อประโยชน์จากคาร์บอนเครดิต สำหรับบุคคลภายนอก กับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จำนวน 35 บริษัท เช่น บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)</p>
<p>ป่าคาร์บอนคือการสัมปทานป่ารูปแบบใหม่ ที่เราต้องตั้งคำถามถึงความเป็นธรรมในการจัดสรรทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งภาครัฐ ชุมชน และประชาชนร่วมกันเป็นเจ้าของ แต่ภาครัฐกลับยกทรัพย์สินส่วนรวมให้บริษัทเป็นผู้ทรงสิทธิอย่างชอบธรรม เป็นระยะเวลา 30 ปี และต้องตั้งคำถามในมิติสิทธิชุมชน อาทิ ชุมชนสามารถใช้ประโยชน์จากป่าได้ดังเดิมหรือไม่ ทำไมชุมชนได้ส่วนแบ่งผลประโยชน์เพียงร้อยละ 20 ในขณะที่ป่าชุมชนชายเลนดังกล่าวเป็นป่าสมบูรณ์ ได้รับการดูแลรักษาและฟื้นฟูจากชุมชนมาหลายสิบปี สามารถนำเข้าสู่ตลาดคาร์บอน ซึ่งกำลังเติบโตและทำกำไรได้เลย</p>
<p>อีกทั้ง ต้องตั้งคำถามถึงความเป็นธรรมต่อโลก และสิ่งมีชีวิตบนโลก เราต้องสูญเสียพื้นที่ป่าไปกับขบวนการฟอกเขียว หรือการออกใบอนุญาตในการปล่อยก๊าซคาร์บอนให้กับกลุ่มทุนฟอสซิลอีกสักเท่าไหร่ และหากไม่สามารถลดปัญหาภัยพิบัติจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้ จะมีเกษตรกร คนเล็กคนน้อย รวมถึงผู้บริโภคสินค้าเกษตรได้รับผลกระทบจากปัญหาโลกร้อนอีกสักเท่าไหร่</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">เปิดรายชื่อ ‘ป่าชายเลนคาร์บอน’ ที่ได้รับการขึ้นทะเบียน</span></h2>
<p><strong>จังหวัดกระบี่</strong></p>
<p>1. ชุมชนบ้านคลองยาง ม.2 ต.คลองยาง อ.เกาะลันตา เนื้อที่ 2,229-3-74 ไร่</p>
<p>2. ชุมชนบ้านโคกยูง ม.3 ต.คลองยาง อ.เกาะลันตา เนื้อที่ 3,110-2-07 ไร่</p>
<p>3. ชุมชนบ้านไหนหนัง ม.3 ต.เขาคราม อ.เมืองกระบี่ เนื้อที่ 771-0-87 ไร่</p>
<p>4. ชุมชนบ้านท่าทองหลาง ม.6 ต.เขาทอง อ.เมืองกระบี่ เนื้อที่ 1,141-3-94 ไร่</p>
<p>5. ชุมชนบ้านเขาล่อม ม.1 ต.เขาใหญ่ อ.อ่าวลึก เนื้อที่ 568-3-90 ไร่</p>
<p>6. ชุมชนบ้านน้ำร้อน ม.3,8,9 ต.ห้วยน้ำขาว อ.คลองท่อม เนื้อที่ 894-0-15 ไร่</p>
<p>7. ชุมชนบ้านท่าประดู่ ม.4 ต.ห้วยน้ำขาว อ.คลองท่อม เนื้อที่ 912-1-48 ไร่</p>
<p>8. บ้านคลองยี่เร่ ม.13 ต.คลองพน อ.คลองท่อม เนื้อที่ 660-0-00 ไร่</p>
<p>9. บ้านมู่สา ม.5 ต.คลองพน อ.คลองท่อม เนื้อที่ 600-0-00 ไร่</p>
<p>10. บ้านถ้ำเสือ ม.5 ต.อ่าวลึกใต้ อ.อ่าวลึก เนื้อที่ 2,001-0-75 ไร่</p>
<p>11. บ้านคลองสุข ม.6 ต.อ่าวลึกใต้ อ.อ่าวลึก เนื้อที่ 2,103-1-54 ไร่</p>
<p>12. บ้านเขาฝาก ม.1 ต.คลองยาง อ.เกาะลันตา เนื้อที่ 1,000-0-00 ไร่</p>
<p>13. บ้านทุ่งครก ม.11 ต.คลองพน อ.คลองท่อม เนื้อที่ 2,400-0-00 ไร่</p>
<p>14. บ้านไท ม.4 ต.คลองยาง อ.เกาะลันตา เนื้อที่ 1,300-0-00 ไร่</p>
<p>15. บ้านท่าควน ม.6 ต.คลองยาง อ.เกาะลันตา เนื้อที่ 1,100-0-00 ไร่</p>
<p>16. ตำบลตลิ่งชัน ม.1,2,3,5 ต.ตลิ่งชัน อ.เหนือคลอง เนื้อที่ 1,000-0-00 ไร่</p>
<p>17. บ้านทุ่งประสาน ม.2 ต.ปกาสัย อ.เหนือคลอง เนื้อที่ 770-0-00 ไร่</p>
<p>18. บ้านแหลมกรวด ม.8 ต.คลองขนาน อ.เหนือคลอง เนื้อที่ 1,000-0-00 ไร่</p>
<p>19. บ้านทุ่งยอ ม.12 ต.คลองพน อ.คลองท่อม เนื้อที่ 1,060-0-00 ไร่</p>
<p>20. บ้านคลองไคร ม.10 ต.คลองพน อ.คลองท่อม เนื้อที่ 1,680-0-00 ไร่</p>
<p>21. บ้านควนโอ ม.5 ต.อ่าวลึกน้อย อ.อ่าวลึก เนื้อที่ 1,010-0-00 ไร่</p>
<p>22. บ้านบากัน ม.2 ต.อ่าวลึกน้อย อ.อ่าวลึก เนื้อที่ 1,118-0-00 ไร่</p>
<p>23. เขาทอง ม.1,4,5 ต.เขาทอง อ.เมืองกระบี่ เนื้อที่ 1,013-0-00 ไร่</p>
<p>24. คลองประสงค์ ม.1,2,3 ต.คลองประสงค์ อ.เมืองกระบี่ เนื้อที่ 2,761-0-00 ไร่</p>
<p>25. บ้านวังหิน ม.6 ต.คลองท่อมใต้ อ.คลองท่อม เนื้อที่ 3,069-0-00 ไร่</p>
<p>26. บ้านใต้ ม.7 ต.คลองท่อมใต้ อ.คลองท่อม เนื้อที่ 1,024-0-00 ไร่</p>
<p>27. บ้านท่าเรือ ม.7 ต.เพหลา อ.คลองท่อม เนื้อที่ 1,073-0-00 ไร่</p>
<p>28. บ้านทุ่งเสม็ด ม.2 ต.ห้วยน้ำขาว อ.คลองท่อม เนื้อที่ 3,054-0-00 ไร่</p>
<p>29. บ้านควนใต้ ม.6 ต.ห้วยน้ำขาว อ.คลองท่อม เนื้อที่ 1,445-0-00 ไร่</p>
<p>30. บ้านหลังโสด ม.5 ต.คลองยาง อ.เกาะลันตา เนื้อที่ 1,023-0-00 ไร่</p>
<p>31. บ้านต้นทัง ม.7 ต.คลองยาง อ.เกาะลันตา เนื้อที่ 807-0-00 ไร่</p>
<p>32. บ้านคลองปิ้ง ม.4 ต.คลองพน อ.คลองท่อม เนื้อที่ 1,050-0-00 ไร่</p>
<p>33. บ้านคลองไครใต้ ม.14 ต.คลองพน อ.คลองท่อม เนื้อที่ 1,997-0-00 ไร่</p>
<p>34. บ้านห้วยพลูหนัง ม.3 ต.ทรายขาว อ.คลองท่อม เนื้อที่ 2,930-0-00 ไร่</p>
<p>35. บ้านทุ่งคา ม.5 ต.ทรายขาว อ.คลองท่อม เนื้อที่ 5,040-0-00 ไร่</p>
<p>36. บ้านพรุพี่ ม.7 ต.ทรายขาว อ.คลองท่อม เนื้อที่ 1,197-0-00 ไร่</p>
<p><strong>จังหวัดพังงา</strong></p>
<p>1. ชุมชนบ้านท่าสนุก ม.3 ต.มะรุ่ย อ.ทับปุด เนื้อที่ 1,191-3-60 ไร่</p>
<p>2. ชุมชนบ้านเกาะเคี่ยม ม.5 ต.บางเตย อ.เมืองพังงา เนื้อที่ 1,056-1-79 ไร่</p>
<p>3. ชุมชนบ้านกลาง ม.6 ต.บางเตย อ.เมืองพังงา เนื้อที่ 3,436-4-87 ไร่</p>
<p>4. ชุมชนบ้านบางพัฒน์ ม.8 ต.บางเตย อ.เมืองพังงา เนื้อที่ 2,782-3-64 ไร่</p>
<p>5. ชุมชนบ้านใต้ ม.9 ต.บางเตย อ.เมืองพังงา เนื้อที่ 2,106-0-80 ไร่</p>
<p>6. ชุมชนบ้านเกาะไม้ไผ่ ม.3 ต.เกาะปันหยี อ.เมืองพังงา เนื้อที่ 1,690-2-07 ไร่</p>
<p>7. ชุมชนบ้านทุ่งรัก ม.6 ต.แม่นางขาว อ.คุระบุรี เนื้อที่ 4,614-1-30 ไร่</p>
<p>8. บ้านบางหว้า ม.9 ต.ตุระ อ.คุระบุรี เนื้อที่ 2,494-2-66 ไร่</p>
<p>9. ตำบลเกาะยาวน้อย ม.1,2,3,4,5,6,7 ต.เกาะยาวน้อย อ.เกาะยาว เนื้อที่ 1,339-0-41 ไร่</p>
<p>10. บ้านท่าดินแดง ม.4 ต.ลำแก่น อ.ท้ายเหมือง เนื้อที่ 2,540-2-73 ไร่</p>
<p>11. บ้านท่าจูด ม.3 ต.บางนายสี อ.ตะกั่วป่า เนื้อที่ 3,360-1-00 ไร่</p>
<p>12. บ้านปากเกาะและบ้านทุ่งตึก ม.3,4 ต.เกาะคอเขา อ.ตะกั่วป่า เนื้อที่ 2,817-0-15 ไร่</p>
<p>13. บ้านบางใหญ่ ม.4 ต.บางนายสี อ.ตะกั่วป่า เนื้อที่ 3,482-3-25 ไร่</p>
<p>14. บ้านบางเนียง ม.5 ต.เกาะคอเขา อ.ตะกั่วป่า เนื้อที่ 2,734-1-52 ไร่</p>
<p>15. บ้านเมืองใหม่ ม.1 ต.เกาะคอเขา อ.ตะกั่วป่า เนื้อที่ 3,426-1-88 ไร่</p>
<p>16. บ้านบางนายสังข์ ม.5 ต.บางนายสี อ.ตะกั่วป่า เนื้อที่ 4,762-0-84 ไร่</p>
<p>17. บ้านบางนายสี ม.6 ต.บางนายสี อ.ตะกั่วป่า เนื้อที่ 5,498-0-25 ไร่</p>
<p>18. บ้านทุ่งน้อย ม.1 ต.บางม่วง อ.ตะกั่วป่า เนื้อที่ 1,556-0-41 ไร่</p>
<p>19. บ้านนอกนา ม.2 ต.เกาะคอเขา อ.ตะกั่วป่า เนื้อที่ 1,564-3-36 ไร่</p>
<p>20. บ้านหินลาด ม.3 ต.คุระ อ.คุระบุรี เนื้อที่ 2,863-3-36 ไร่</p>
<p>21. บ้านบางแดด ม.7 ต.แม่นางขาว อ.คุระบุรี เนื้อที่ 3,121-2-21 ไร่</p>
<p>22. บ้านย่าหมี ม.3 ต.เกาะยาวใหญ่ อ.เกาะยาว เนื้อที่ 1,551-2-79 ไร่</p>
<p>23. บ้านโค้งศรราม ม.7 ต.บางวัน อ.คุระบุรี เนื้อที่ 1,432-0-12 ไร่</p>
<p><strong>จังหวัดสตูล</strong></p>
<p>1. บ้านปานชูรำลึก ต.พิมาน อ.เมืองสตูล เนื้อที่ 480-0-00 ไร่</p>
<p>2. บ้านโคกพยอม ม.4 ต.คลองขุด อ.เมืองสตูล เนื้อที่ 1,000-0-00 ไร่</p>
<p>3. บ้านหัวทาง ม.3 ต.คลองขุด อ.เมืองสตูล เนื้อที่ 1,000-0-00 ไร่</p>
<p>4. บ้านท่าหิน ม.6 ต.ควนขัน อ.เมืองสตูล เนื้อที่ 700-0-00 ไร่</p>
<p>5. บ้านวังตง ม.4 ต.นาทอน อ.ทุ่งหว้า เนื้อที่ 1,658-0-00 ไร่</p>
<p>6. บ้านท่าพยอม ม.7 ต.ปากน้ำ อ.ละงู เนื้อที่ 1,030-1-36 ไร่</p>
<p>7. บ้านเกาะนกฝั่งตะวันตก ม.3 ต.คลองขุด อ.เมืองสตูล เนื้อที่ 893-0-00 ไร่</p>
<p>8. บ้านเกาะนกอนุรักษ์พันธุ์หอยขาว ม.3 ต.คลองขุด อ.เมืองสตูล เนื้อที่ 615-0-00 ไร่</p>
<p>9. บ้านคลองน้ำเวียน ม.3 ต.คลองขุด อ.เมืองสตูล เนื้อที่ 515-0-00 ไร่</p>
<p>10. บ้านตันหยงกาโบย ม.2 ต.ปูยู อ.เมืองสตูล เนื้อที่ 819-0-00 ไร่</p>
<p>11. บ้านปูยู ม.3 ต.ปูยู อ.เมืองสตูล เนื้อที่ 623-0-00 ไร่</p>
<p>12. เทศบาล 4 ต.พิมาน อ.เมืองสตูล เนื้อที่ 500-3-92 ไร่</p>
<p>13. บ้านเขาจีน ม.1 ต.คลองขุด อ.เมืองสตูล เนื้อที่ 565-0-00 ไร่</p>
<p>14. ท่านายเนาว์ ต.พิมาน อ.เมืองสตูล เนื้อที่ 733-0-00 ไร่</p>
<p>15. บ้านกาลันบาตู ม.3 ต.ตำมะลัง อ.เมืองสตูล เนื้อที่ 656-0-00 ไร่</p>
<p>16. บ้านตำมะลังเหนือ ม.2 ต.ตำมะลัง อ.เมืองสตูล เนื้อที่ 625-0-00 ไร่</p>
<p>17. บ้านไร่ทอน ม.3 ต.ท่าเรือ อ.ท่าแพ เนื้อที่ 900-0-00 ไร่</p>
<p><strong>จังหวัดตรัง</strong></p>
<p>1. บ้านพรูจูด ม.2 ต.บ่อหิน อ.สิเกา เนื้อที่ 1,508-3-26 ไร่</p>
<p>2. บ้านตะเสะ ม.4 ต.ตะเสะ อ.หาดสำราญ เนื้อที่ 662-0-00 ไร่</p>
<p>3. ตำบลสุโสะ ม.1,4 ต.สุโสะ อ.ปะเหลียน เนื้อที่ 465-0-00 ไร่</p>
<p>4. บ้านหนองเสม็ด ม.2,3 ต.คลองชีล้อม อ.กันตัง เนื้อที่ 1,630-0-00 ไร่</p>
<p>5. บ้านหัวหิน ม.6 ต.บ่อหิน อ.สิเกา เนื้อที่ 501-1-86 ไร่</p>
<p>6. บ้านปากคลอง ม.9 ต.บ่อหิน อ.สิเกา เนื้อที่ 1,004-2-44 ไร่</p>
<p>7. บ้านนาหละ ม.7 ต.ไม้ฝาด อ.สิเกา เนื้อที่ 702-3-42 ไร่</p>
<p>8. บ้านควนตุ้งกู ม.3 ต.บางสัก อ.สิเกา เนื้อที่ 865-0-00 ไร่</p>
<p><strong>จังหวัดระนอง</strong></p>
<p>1. ชุมชนบ้านบางริ้น ม.1,2,6 ต.บางริ้น อ.เมืองระนอง เนื้อที่ 1,881-0-24 ไร่</p>
<p>2. ชุมชนบ้านท่าฉาง-บ้านล่าง ม.3,4 ต.หงาว อ.เมืองระนอง เนื้อที่ 863-3-52 ไร่</p>
<p>3. บ้านเกาะเหลา ม.6 ต.ปากน้ำ อ.เมืองระนอง เนื้อที่ 4,035-2-94 ไร่</p>
<p>4. บ้านทรายแดง ม.1,4 ต.ทรายแดง อ.เมืองระนอง เนื้อที่ 2,230-3-04 ไร่</p>
<p>5. บ้านบางมัน ม.1 ต.นาคา อ.สุขสำราญ เนื้อที่ 2,377-3-96 ไร่</p>
<p>6. บ้านด่าน ม.1,3,8 ต.กะเปอร์ อ.กะเปอร์ เนื้อที่ 1,520-1-07 ไร่</p>
<p><strong>จังหวัดสุราษฎร์ธานี</strong></p>
<p>1. บ้านคลองราง ม.2 ต.ลีเล็ด อ.พุนพิน เนื้อที่ 1,500-0-00 ไร่</p>
<p>2. บ้านไทรงาม ม.7 ต.เสม็ด อ.ไชยา เนื้อที่ 1,500-0-00 ไร่</p>
<p>3. บ้านธารน้ำร้อน ม.1 ต.เขาถ่าน อ.เมืองสุราษฎร์ เนื้อที่ 1,500-0-00 ไร่</p>
<p>4. บ้านท่าพิกุล ม.4 ต.ท่าฉาง อ.ท่าฉาง เนื้อที่ 1,000-0-00 ไร่</p>
<p><strong>จังหวัดชุมพร</strong></p>
<p>1. บ้านน้ำลอด ม.12 ต.บางน้ำจืด อ.หลังสวน เนื้อที่ 500-0-00 ไร่</p>
<p>2. บ้านควนดิน ม.6 ต.ตะโก อ.ทุ่งตะโก เนื้อที่ 500-0-00 ไร่</p>
<p><strong>จังหวัดภูเก็ต</strong></p>
<p>1. บ้านบางโรง ม.3 ต.ป่าคลอก อ.ถลาง เนื้อที่ 728-0-00 ไร่</p>
<p><strong>จังหวัดนครศรีธรรมราช</strong></p>
<p>1. บ้านอ่าวทองคำท่าศาลา ม.5,6,7,14 ต.ท่าศาลา อ.ท่าศาลา เนื้อที่ 2,300-0-00 ไร่</p>
<p><strong>จังหวัดตราด</strong></p>
<p>1. บ้านท่าหาดบ้านท่าเสา ม.2,10 ต.แสนตุ้ง อ.เขาสมิง เนื้อที่ 2,160-0-00 ไร่</p>
<p> </p>
<p> </p>
<p> </p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A9" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">รายงานพิhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/10/106166
 
5065  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - สรุปดราม่า “หมอพรทิพย์” ถูกไล่จากร้าน - ลาวามอส เผื่อคนพลาดช่วงวันหยุดที่ผ่านมา เมื่อ: 02 ตุลาคม 2566 12:32:05
สรุปดราม่า “หมอพรทิพย์” ถูกไล่จากร้าน - ลาวามอส เผื่อคนพลาดช่วงวันหยุดที่ผ่านมา
         


สรุปดราม่า “หมอพรทิพย์” ถูกไล่จากร้าน - ลาวามอส เผื่อคนพลาดช่วงวันหยุดที่ผ่านมา" width="75" height="75
&nbsp;&nbsp;Sanook สรุปดราม่า “หมอพรทิพย์” แบบจบครบในที่เดียว จากวันที่โดนคนไทยไล่ออกจากร้านอาหารในไอซืแลนด์ สู่ดราม่าอื่นๆ ที่ตามมาไม่ขาดสาย จนถึงวันนี้เกิดอะไรไปแล้วบ้าง

         

https://www.sanook.com/news/9057470/
         
5066  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [การเมือง] - “ศรีสุวรรณ” เตรียมร้อง ปปช.สอบจริยธรรม “ก้าวไกล-หมออ๋อง” เมื่อ: 02 ตุลาคม 2566 11:04:05
“ศรีสุวรรณ” เตรียมร้อง ปปช.สอบจริยธรรม “ก้าวไกล-หมออ๋อง”
         


“ศรีสุวรรณ” เตรียมร้อง ปปช.สอบจริยธรรม “ก้าวไกล-หมออ๋อง”" width="75" height="75
&nbsp;&nbsp;
         

https://www.sanook.com/news/9054622/
         
5067  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [การเมือง] - โปรดเกล้าฯแต่งตั้ง “พล.ต.อ.ต่อศักดิ์” นั่งผบ.ตร.คนใหม่แล้ว เมื่อ: 02 ตุลาคม 2566 11:04:05
โปรดเกล้าฯแต่งตั้ง “พล.ต.อ.ต่อศักดิ์” นั่งผบ.ตร.คนใหม่แล้ว
         


โปรดเกล้าฯแต่งตั้ง “พล.ต.อ.ต่อศักดิ์” นั่งผบ.ตร.คนใหม่แล้ว" width="75" height="75
&nbsp;&nbsp;
         

https://www.sanook.com/news/9054654/
         
5068  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - ตะลึงกันทั้งตลาด หนุ่มขับรถหรู 2.6 ล้าน มาตั้งแผงขายผักที่ตลาด รู้ว่าเป็นใครยิ่ง เมื่อ: 02 ตุลาคม 2566 10:01:33
ตะลึงกันทั้งตลาด หนุ่มขับรถหรู 2.6 ล้าน มาตั้งแผงขายผักที่ตลาด รู้ว่าเป็นใครยิ่งทึ่ง
         


ตะลึงกันทั้งตลาด หนุ่มขับรถหรู 2.6 ล้าน มาตั้งแผงขายผักที่ตลาด รู้ว่าเป็นใครยิ่งทึ่ง" width="75" height="75
&nbsp;&nbsp;คลิปไวรัล คนดู 8.7 ล้าน หนุ่มขับรถหรู Audi A4 ไปตั้งแผงขายผักที่ตลาด รู้ตัวตนของเขาก็น่าประหลาดใจยิ่งกว่าเดิม
         

https://www.sanook.com/news/9057406/
         
5069  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - คนร้ายยิง M16 ใส่ฐานชุดคุ้มครอง ต.ยุโป อ.เมือง จ.ยะลา เมื่อ: 02 ตุลาคม 2566 07:40:07
คนร้ายยิง M16 ใส่ฐานชุดคุ้มครอง ต.ยุโป อ.เมือง จ.ยะลา
 


<span class="submitted-by">Submitted on Sun, 2023-10-01 13:13</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>คนร้ายยิง M16 ใส่ฐานชุดคุ้มครอง ต.ยุโป อ.เมือง จ.ยะลา โชคดีไม่มีใครบาดเจ็บหรือเสียชีวิต เบื้องต้นเจ้าหน้าที่เชื่อคนร้ายต้องการสร้างสถานการณ์ความไม่สงบ เพื่อแสดงศักยภาพในพื้นที่</p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53225736738_865ffbdeeb_o_d.png" />
<span style="color:#f39c12;">ฐานชุดคุ้มครองตำบลยุโป หมู่ 1 ต. ยุโป อ.เมือง จ.ยะลา | </span><span style="color:#f39c12;">ที่มาภาพ: สำนักข่าวไทย</span></p>
<p>1 ต.ค. 2566 สำนักข่าวไทย รายงานว่าหลังกลางดึกที่ผ่านมา (30 ก.ย.) คนร้ายยิง M16 ใส่ฐานชุดคุ้มครองตำบลยุโป หมู่ 1 ต. ยุโป อ.เมือง จ.ยะลา ล่าสุดช่วงเช้าที่ผ่านมา (1 ต.ค.) ตำรวจ เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด เจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 10 พร้อมทหาร ฝ่ายปกครอง เข้าตรวจสอบพื้นที่บริเวณดังกล่าว เบื้องต้นพบมีเพียงกิ่งไม้และใบไม้หัก ภายในฐานไม่มีร่องรอยความเสียหายแต่อย่างใด นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังเข้าตรวจจุดบริเวณหัวโค้งถนน ห่างจากฐาน ประมาณ 150 เมตร พบปลอกกระสุน M16 เกลื่อนทั่วบริเวณกว่า 20 ปลอก เจ้าหน้าที่ปิดกั้นพื้นที่ไว้ เพื่อรอเจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 10 เก็บรวบรวมหลักฐานในที่เกิดเหตุโดยละเอียดอีกครั้ง</p>
<p>เบื้องต้นเจ้าหน้าที่เชื่อคนร้ายต้องการสร้างสถานการณ์ความไม่สงบ เพื่อแสดงศักยภาพในพื้นที่ สำหรับพื้นที่ จ.ยะลา ก่อนหน้านี้คนร้ายก่อเหตุป่วนในพื้นที่ อ.ยะหา 2 จุด ลอบวางระเบิดเสาไฟฟ้า บริเวณรอยต่อหมู่ 1 และหมู่ 9 ต.ยะหา อ.ยะหา จ.ยะลา และใช้อาวุธปืนยิงบริเวณหลังโรงพัก สภ.ปะแต จำนวน 2 นัด แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ขhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/10/106154
 
5070  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - สภาพอากาศวันนี้ กรมอุตุฯ เตือน ฝนยังหนัก 33 จังหวัด กทม.ก็ไม่รอด เมื่อ: 02 ตุลาคม 2566 07:31:04
สภาพอากาศวันนี้ กรมอุตุฯ เตือน ฝนยังหนัก 33 จังหวัด กทม.ก็ไม่รอด
         


สภาพอากาศวันนี้ กรมอุตุฯ เตือน ฝนยังหนัก 33 จังหวัด กทม.ก็ไม่รอด" width="75" height="75
&nbsp;&nbsp;พยากรณ์อากาศวันนี้ กรมอุตุนิยมวิทยา เตือน 33 จังหวัด เจอฝนถล่ม กทม. มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง
         

https://www.sanook.com/news/9057266/
         
5071  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - องค์กรแรงงานเรียกร้องเงินค้างจ่ายให้ลูกเรือได้ถึง 118 ล้านดอลลาร์ ในรอบ 3 ปี เมื่อ: 02 ตุลาคม 2566 06:08:37
องค์กรแรงงานเรียกร้องเงินค้างจ่ายให้ลูกเรือได้ถึง 118 ล้านดอลลาร์ ในรอบ 3 ปี
 


<span class="submitted-by">Submitted on Sun, 2023-10-01 15:12</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>สหพันธ์แรงงานขนส่งระหว่างประเทศ (ITF) สามารถเรียกคืนเงินค่าจ้างที่นายจ้างค้างจ่ายคนทำงานลูกเรือได้ถึง 118,529,663 ดอลลาร์สหรัฐฯ ระหว่างปี 2020-2022</p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="https://www.itfglobal.org/sites/default/files/styles/node_main/public/node/news/image/IMG_20200826_170705.jpg" />
<span style="color:#f39c12;">ที่มาภาพ: ITF</span></p>
<p>ช่วงปลายเดือน ก.ย. 2023 สหพันธ์แรงงานขนส่งระหว่างประเทศ (ITF) เปิดเผยว่าผู้ตรวจสอบของ ITF สามารถเรียกคืนเงินค่าจ้างที่นายจ้างค้างจ่ายคนทำงานลูกเรือได้ 118,529,663 ดอลลาร์สหรัฐฯ ระหว่างปี 2020-2022  โดยในปี 2022 เพียงปีเดียวสามารถเรียกคืนเงินค่าจ้างได้มากกว่า 36 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ </p>
<p>ผู้ตรวจสอบของ ITF คือผู้ทำงานให้ความรู้แก่ลูกเรือเกี่ยวกับสิทธิของตน การละเมิดสัญญาลูกเรือ กฎหมายภายในประเทศหรืออนุสัญญาระหว่างประเทศ นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่ที่ทำงานร่วมกับผู้ตรวจสอบของ ITF ในการตรวจสอบว่านายจ้างปฏิบัติตามกฎหมายและกฎข้อบังคับต่างๆ หรือไม่ ทั้งนี้ ITF มีผู้ตรวจสอบที่ปฏิบัติงานอยู่ที่ท่าเรือ 111 แห่งใน 56 ประเทศ</p>
<p>ในปี 2022 ลูกเรือรายงานการละเมิดสัญญา 2,199 เรื่อง ต่อ ITF โดยกรณีที่พบมากที่สุดคือการค้างจ่ายค่าจ้าง</p>
<p>“ในขณะที่เราภูมิใจที่ผู้ตรวจสอบของเราประสบความสำเร็จในการเรียกคืนเงินเกือบ 120 ล้านดอลลาร์ฯ ให้กับลูกเรือในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา แต่เรื่องที่น่าเศร้า เราพบกับการจ่ายค่าจ้างต่ำกว่าความเป็นจริง เราอยากเห็นลูกเรือทุกคนได้เงินจากการทำงานเต็มจำนวนและจ่ายเงินตรงเวลาเป็นอันดับแรก” เดวิด ไฮน์เดล (David Heindel) ประธานฝ่ายคนทำงานลูกเรือของ ITF และประธานสหภาพ Seafarers International Union กล่าว</p>
<p>“สำหรับลูกเรือบางคน เจ้าของเรือจ่ายเงินเดือนช้าเป็นบางเดือน แต่คนอื่นๆ อาจใช้เวลานานหลายเดือนโดยไม่ได้รับเงินเดือน ผู้ตรวจสอบของ ITF ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสมาคมคนเดินเรือและสหภาพคนทำงานท่าเรือของเรา พร้อมให้ความช่วยเหลือลูกเรือยืนหยัดเพื่อสิทธิของพวกเขาในทุกที่ที่พวกเขาพบว่าตัวเองต้องการการสนับสนุน”</p>
<p>ในปี 2022 ผู้ตรวจสอบของ ITF ได้ทำการตรวจสอบเรือทั่วโลก 8,667 ครั้ง โดยในจำนวนนี้ 1,878 ครั้ง เป็นการตอบสนองจากการโทรศัพท์ อีเมล หรือการส่งข้อความ จากลูกเรือที่ขอความช่วยเหลือจาก ITF</p>
<p>ส่วนการดำเนินการอีก 3,771 ครั้ง เป็นส่วนหนึ่งของระบบการตรวจสอบตามปกติ ซึ่งช่วยให้มั่นใจว่าเรือที่ติดธง Flags of Convenience (FOC) จะปฏิบัติตามมาตรฐานสากลเดียวกัน </p>
<p>แพดดี ครัมลิน (Paddy Crumlin) ประธาน ITF และประธานฝ่ายแรงงานท่าเรือ กล่าวว่า “ข้อจำกัดที่เกี่ยวข้องกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ขัดขวางผู้ตรวจสอบส่วนใหญ่ของเราไม่ให้ขึ้นเรือ แต่ขณะนี้เราเห็นผลสัมฤทธิ์จากการตรวจสอบเรือด้วยระบบ FOC อย่างแข็งขันและสม่ำเสมอ การตรวจสอบที่ถี่ขึ้นของ ITF ถือเป็นข่าวดีสำหรับลูกเรือและสิทธิของพวกเขา”</p>
<p><strong>ที่มา:</strong>
ITF recovers almost US$120 million in unpaid wages for seafarers over last three years (ITF, 28 September 2023)</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ขhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/10/106156
 
5072  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [การเมือง] - “วราวุธ” แนะสังคมเคารพความคิดเห็นที่แตกต่าง ยกปม "หมอพรทิพย์" สะใจแต่ไม่เกิ เมื่อ: 02 ตุลาคม 2566 05:02:35
“วราวุธ”  แนะสังคมเคารพความคิดเห็นที่แตกต่าง ยกปม "หมอพรทิพย์"  สะใจแต่ไม่เกิดผลดีต่อใคร
         


“วราวุธ”  แนะสังคมเคารพความคิดเห็นที่แตกต่าง ยกปม &quot;หมอพรทิพย์&quot;  สะใจแต่ไม่เกิดผลดีต่อใคร" width="75" height="75
&nbsp;&nbsp;
         

https://www.sanook.com/news/9056154/
         
5073  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - ฝูงหมีดำบุกสวน เจ้าของบ้านไม่กลัว แถมแฮปปี้ถ่ายคลิปอวด ลูกหมีสร้างป้อมจากเก้า เมื่อ: 02 ตุลาคม 2566 04:59:50
ฝูงหมีดำบุกสวน เจ้าของบ้านไม่กลัว แถมแฮปปี้ถ่ายคลิปอวด ลูกหมีสร้างป้อมจากเก้าอี้
         


ฝูงหมีดำบุกสวน เจ้าของบ้านไม่กลัว แถมแฮปปี้ถ่ายคลิปอวด ลูกหมีสร้างป้อมจากเก้าอี้" width="75" height="75
&nbsp;&nbsp;เจ้าของบ้านแฮปปี้ อัดคลิปครอบครัวหมีดำบุกสวน เอ็นดูตัวลูกจินตนาการล้ำเลิศ เอาเก้าอี้มาสร้างป้อม


         

https://www.sanook.com/news/9056734/
         
5074  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - ชาวบ้านลุ่มน้ำชีล่างโวยกรมชลประทานบริหารน้ำพลาด ทำน้ำท่วมนาเสียหาย เมื่อ: 02 ตุลาคม 2566 04:38:32
ชาวบ้านลุ่มน้ำชีล่างโวยกรมชลประทานบริหารน้ำพลาด ทำน้ำท่วมนาเสียหาย
 


<span class="submitted-by">Submitted on Sun, 2023-10-01 17:13</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>เครือข่ายชาวบ้านลุ่มน้ำชีตอนล่าง จังหวัดร้อยเอ็ด จังหวัดยโสธร โวยกรมชลประทานบริหารน้ำพลาด ทำน้ำท่วมนาเสียหาย จี้ถามความรับผิดชอบ</p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53226124294_2c1277c5e9_o_d.jpg" />
<span style="color:#f39c12;">ที่มาภาพประกอบ: งานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เทศบาลเมืองยโสธร</span></p>
<p>มติชนออนไลน์ รายงานเมื่อวันที่ 29 ก.ย. 2566 ว่าเครือข่ายชาวบ้านลุ่มน้ำชีตอนล่าง จังหวัดร้อยเอ็ด จังหวัดยโสธร ร่วมกันตั้งข้อสังเกตถึงสถานการณ์ปัญหาน้ำท่วมพื้นที่การเกษตรว่าเกิดจากชลประทานบริหารจัดการน้ำผิดพลาด ทั้ง ๆ ที่กรมอุตุนิยมวิทยาก็ประกาศเตือนแล้ว และน้ำก็ไม่น่าจะท่วม ในขณะที่ชาวบ้านลุ่มน้ำชีลงทุนทำนาปี และนาปรังรอบสองถูกน้ำท่วมพื้นที่การเกษตรจะร่วมเดือนคาดว่าต้นข้าวไม่น่าจะรอด ในขณะบางพื้นที่ต้นข้าวนาปรังรอบสองที่ปลูกไว้ทำพันธุ์ข้าวต้องเกี่ยวข้าวแย่งน้ำแม้เมล็ดข้าวจะยังไม่สุกเต็มที่</p>
<p>นายนิมิต หาระพันธ์  กรรมการเครือข่ายชาวบ้านลุ่มน้ำชีตอนล่าง จังหวัดยโสธร กล่าวว่า  น้ำไม่น่าจะท่วมพื้นที่การเกษตร และถนนหนทางแบบนี้ เนื่องจากทางพี่น้องเครือข่ายน้ำชีเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด จึงได้ลงทุนทำการเกษตรหรือทำนากันอย่างเต็มที่ แต่การบริหารจัดการน้ำของระบบชลประทานก็ผิดพลาด ซึ่งสาเหตุของปัญหานั้นเกิดจากเขื่อนกั้นแม่น้ำชี โดยเฉพาะเขื่อนยโสธร-พนมไพร ที่อยู่ภายใต้ความดูแลของชลประทานนั้นไม่สามารถที่จะบริหารจัดการน้ำได้จริง</p>
<p>นายนิมิตกล่าวว่า เขื่อนกักเก็บน้ำต้นทุนสูงมากเกินไป เมื่อน้ำมามากแล้วค่อยระบายทำให้น้ำเอ่อเข้าท่วมพื้นที่การเกษตรเป็นบริเวณกว้างในพื้นที่ตำบลขุมเงิน อำเภอเมืองยโสธร ตำบลสงเปือย ตำบลย่อ ตำบลกุดกุง อำเภอคำเขื่อนแก้ว จังหวัดยโสธร และอีกหลายพื้นที่ ตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน 2566 ที่ผ่านมา ชาวบ้านบางหมู่บ้านต้องลุยน้ำเกี่ยวข้าวนาปรังรอบสองแย่งกับน้ำที่เข้าท่วมพื้นที่การเกษตร ดังนั้นการแก้ไขปัญหาจะต้องฟังชาวบ้านในพื้นที่จริงเพราะเขาคือผู้ได้รับผลกระทบจากการบริหารจัดการน้ำของชลประทาน และเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาที่เครือข่ายชาวบ้านลุ่มน้ำชี จังหวัดร้อยเอ็ด จังหวัดยโสธร เรียกร้องให้เป็นรูปธรรมด้วย</p>
<p>นายจันทรา จันทาทอง กรรมการเครือข่ายชาวบ้านลุ่มน้ำชีตอนล่าง จังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวว่า น้ำได้เข้าท่วมพื้นที่การเกษตรตั้งแต่วันที่ 9 กันยายน 2566 น้ำที่ไหลมาจากลำห้วย จากกุด ไม่สามารถไหลลงแม่น้ำชีได้อย่างปกติเหมือนเดิมทำให้น้ำหนุนและเอ่อเข้าท่วมพื้นที่การเกษตรเป็นบริเวณกว้าง  ที่น่าแปลกใจเนื่องจากน้ำในแม่น้ำชีไม่น่าจะเอ่อท่วมพื้นที่นา เพราะปริมาณน้ำในแม่น้ำชีก่อนหน้านั้นถือว่ายังไม่เข้าขั้นวิกฤต จากวันที่ 9 กันยายน 2556 ถึงวันนี้ น้ำในแม่น้ำชีกลับเอ่อท่วมพื้นที่การเกษตรอย่างรวดเร็ว น้ำจากกุด จากลำห้วยไม่สามารถไหลลงแม่น้ำชีก็ยิ่งทำให้ปัญหาน้ำท่วมพื้นที่การเกษตรจะขยายวงกว้าง</p>
<p>“สาเหตุของปัญหาคือ เขื่อนร้อยเอ็ด เขื่อนยโสธร-พนมไพร ในแม่น้ำชี และการบริหารจัดการน้ำที่ผิดพลาดของชลประทาน โดยปกติแล้วในช่วงฤดูน้ำหลากน้ำจะเข้าท่วมพื้นที่การเกษตรชาวบ้านจะเรียกว่า น้ำแก่ง หรือน้ำมาสะหัวข้าว ทำให้ข้าวเขียวงาม ลำต้นแข็งแรง ทำให้ดินอุดมสมบูรณ์ และจะท่วมเพียงแค่ 7-15 วัน แล้วก็ลดลง ไม่ทำให้ข้าวในนาเน่า แต่สถานการณ์ที่ผ่านมาและปัจจุบันไม่มีให้เห็นเหมือนอดีตที่ผ่านมาหลังจากมีเขื่อน ข้อเสนอต่อรัฐบาล คือถ้ามองในเรื่องนโยบายใหญ่ ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้น คือโครงการผัน น้ำโขง เลย ชี มูล ผมมองว่าควรพอได้แล้วครับ อย่ามาอ้างว่าอีสานแล้งเพราะพี่น้องชาวบ้านที่อยู่ริมแม่น้ำชีได้รับผลกระทบจากท่วมมากแล้ว อยากฝากถึงรัฐบาลว่าพอได้แล้วละครับ ที่รัฐจะดำเนินโครงการผันน้ำเข้ามา หรือโครงการพัฒนาขนาดใหญ่ พอได้แล้วครับ” นายจันทรา กล่าว</p>
<p>นายสุรเชษฐ์ โคตรบรรเทา เครือข่ายลำน้ำยังอำเภอโพนทอง กล่าวว่า สถานการณ์น้ำท่วมพื้นที่ทางการเกษตรและที่อยู่อาศัยของประชาชนในเขตพื้นที่ตำบลโคกกกม่วง อำเภอโพนทอง จังหวัดร้อยเอ็ด เกิดจากการชลประทานบริหารจัดการน้ำผิดพลาด ให้ความสำคัญและดูแลเฉพาะฝั่งที่มีพนังกั้นลำน้ำยัง ที่เป็นพื้นที่ของ ตำบลนาแซง อำเภอเสลภูมิ ส่งผลกระทบให้พื้นที่ของตำบลโคกกกม่วง เกิดน้ำท่วมทุกปี ตั้งแต่ พ.ศ.2559 เป็นต้นมา แต่ชลประทานก็ไม่ดำเนินการแก้ไขเลย</p>
<p>ด้านนายสิริศักดิ์ สะดวก ผู้ประสานงานศูนย์พิทักษ์สิทธิการจัดการทรัพยากรชุมชนลุ่มน้ำชีตอนล่าง กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมพื้นที่การเกษตรสองฝั่งแม่น้ำชี ทั้งพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ดและยโสธรนั้น ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ไม่ใช่ว่าพึ่งเคยเกิดขึ้นแต่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาแล้วหลังจากมีนโยบายการพัฒนาแหล่งน้ำขนาดใหญ่ ถึงแม้ว่าปีนี้เขื่อนขนาดใหญ่ที่อยู่ในลำน้ำสาขาแม่น้ำชี ก็มีปริมาณกักเก็บยังไม่ถึง 70% เช่น เขื่อนจุฬาภรณ์มีปริมาณน้ำกักเก็บในปัจจุบัน 85.45 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 52% เขื่อนอุบลรัตน์มีปริมาณน้ำกักเก็บในปัจจุบัน 1.550.61 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 64%  แต่ในขณะที่ปริมาณน้ำในเขื่อนลำปาวปัจจุบันกักเก็บเกินความจุอยู่ที่ 2,050.00 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 104% และต้องระบายน้ำลงแม่น้ำชี 27.63 ล้าน ลบ.ม. เนื่องจากเขื่อนลำปาวรองรับน้ำจากพื้นที่อุดรธานีอีกเส้นทาง</p>
<p>“ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นชี้ให้เห็นว่า น้ำในปีนี้ไม่น่าจะท่วมพื้นที่การเกษตร แต่เมื่อน้ำมีเจ้าของ ความเป็นเจ้าของยิ่งกลับบริหารจัดการน้ำผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำให้น้ำท่วมซ้ำซาก  ในลำน้ำยัง และริมฝั่งแม่น้ำชีโดยเฉพาะจังหวัดร้อยเอ็ด จังหวัดยโสธร” นายสิริศักดิ์ กล่าว</p>
<p>ผู้ประสานศูนย์พิทักษ์สิทธิการจัดการฯ กล่าวว่าปัญหาน้ำท่วมที่เกิดขึ้นในปัจจุบันจะพบในพื้นที่น้ำชีตอนล่าง ด้วยสาเหตุปัญหาสำคัญคือ 1.เขื่อนที่ถูกสร้างกีดขวางทางน้ำทำให้น้ำไหลไม่ปกติในลุ่มน้ำชี  เช่น เขื่อนร้อยเอ็ด เขื่อนยโสธร-พนมไพร แม่น้ำชี  ภายใต้โครงการโขง ชี มูล เดิม ก่อให้เกิดสภาพปัญหาน้ำท่วมขังอย่างยาวนานในเขตพื้นที่ลุ่มน้ำชีตอนล่าง จังหวัดร้อยเอ็ด จังหวัดยโสธร ส่งผลต่อพื้นที่ทำเลเลี้ยงสัตว์ลดน้อยลง 2.พอมีการสร้างเขื่อนก็จะปิดทางน้ำเดิมเพื่อเปิดเส้นทางเดินน้ำใหม่ ประกอบกับการสร้างพนังกั้นน้ำเพื่อบังคับน้ำให้ไหลไปในทิศทางเดียว จึงทำให้หลายพื้นที่ต้องเผชิญกับน้ำในพนังกั้นน้ำไม่สามารถไหลลงแม่น้ำชีได้และน้ำนอกพนังกั้นน้ำก็เอ่อทำให้ทิศทางการไหลของน้ำเปลี่ยนแปลงไปน้ำได้ไหลเข้าท่วมพื้นที่การเกษตร 3.การบริหารจัดการน้ำของชลประทานผิดพลาด เนื่องจากเป็นการบริหารจัดการน้ำแบบรวมศูนย์โดยรัฐ 4.ถนนหนทางที่สร้างขวางลำน้ำ</p>
<p>“ปัญหาที่เกิดขึ้นชลประทานจะหลีกเลี่ยงที่จะโยนความรับผิดชอบไม่ได้ แต่จะต้องยอมรับว่าการบริหารจัดการน้ำผิดพลาด จากที่น้ำไม่น่าจะท่วม กลับบริหารจัดการน้ำให้เกิดความผิดพลาดน้ำท่วมพื้นที่การเกษตร ฉะนั้นชลประทานต้องออกมารับผิดชอบต่อปัญหาที่เกิดขึ้น” นายสิริศักดิ์ กล่าว</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ขhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/10/106160
 
5075  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - สวัสดิการคนไร้บ้านแบบพลิกชีวิต | หมายเหตุประเพทไทย EP.490 เมื่อ: 02 ตุลาคม 2566 02:57:35
สวัสดิการคนไร้บ้านแบบพลิกชีวิต | หมายเหตุประเพทไทย EP.490
 


<span class="submitted-by">Submitted on Sun, 2023-10-01 22:42</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p style="text-align: center;">
<iframe width="720" height="415" src="https://www.youtube.com/embed/ZlR4nmjtH5A?si=-YzA7LUnhcyLTE7m" title="YouTube video player" frameborder="0" allow="accelerometer; autoplay; clipboard-write; encrypted-media; gyroscope; picture-in-picture; web-share" allowfullscreen=""></iframe></p>
<p>หมายเหตุประเพทไทยสัปดาห์นี้ ชานันท์ ยอดหงษ์ และต่อศักดิ์ จินดาสุขศรี พูดถึง “The New Leaf Project” โครงการทดลองช่วยเหลือกลุ่มคนไร้บ้าน ที่แวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา โดยให้เงิน 7,500 เหรียญแคนาดา (200,000 บาท) อย่างไม่มีเงื่อนไขแก่คนไร้บ้าน โดยพบผลลัพธ์น่าสนใจว่า คนไร้บ้านนำเงินไปใช้จ่ายเป็นค่าที่อยู่อาศัย ซื้ออาหาร เสื้อผ้า และคอร์สพัฒนาทักษะ ซึ่งทำให้พวกเขามีความมั่นใจ มั่นคง และกลับมาเป็นส่วนหนึ่งของสังคม หลุดพ้นจากการเป็นคนไร้บ้าน โดยการให้ความช่วยเหลือเป็นเงินก้อนใหญ่เช่นนี้ ทำให้คนไร้บ้านสามารถวางแผนการใช้เงินได้ดีกว่าการช่วยเหลือแบบทยอยจ่ายรายเดือน หรือช่วยเป็นครั้งๆ</p>
<p style="text-align: center;"> </p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/10/106163
 
5076  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - "บอล กฤษณะ" ขอโอกาส "อุ้ม ลักขณา" เป็นครอบครัวอีกครั้ง นานแค่ไหนก็จะรอ เมื่อ: 02 ตุลาคม 2566 02:15:34
"บอล กฤษณะ" ขอโอกาส "อุ้ม ลักขณา" เป็นครอบครัวอีกครั้ง นานแค่ไหนก็จะรอ
         


&quot;บอล กฤษณะ&quot; ขอโอกาส &quot;อุ้ม ลักขณา&quot; เป็นครอบครัวอีกครั้ง นานแค่ไหนก็จะรอ" width="75" height="75
&nbsp;&nbsp;บอล กฤษณะ อดีตสามี อุ้ม ลักขณา โพสต์ข้อความล่าสุดขอโอกาสกลับมาเป็นครอบครัวอีกครั้ง จะรอแม้จะนานแค่ไหน


         

https://www.sanook.com/news/9056762/
         
5077  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - ชัยชนะสมปองต้องต่อสู้: ครบรอบ 4 ปี การต่อสู้ เพื่อยุติเหมืองอมก๋อย เมื่อ: 02 ตุลาคม 2566 01:26:31
ชัยชนะสมปองต้องต่อสู้: ครบรอบ 4 ปี การต่อสู้ เพื่อยุติเหมืองอมก๋อย
 


<span class="submitted-by">Submitted on Mon, 2023-10-02 00:34</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p style="text-align: center;">
<iframe width="720" height="415" src="https://www.youtube.com/embed/BgpYakpCc0o?si=5wSLQfxZ7MfbAAlY" title="YouTube video player" frameborder="0" allow="accelerometer; autoplay; clipboard-write; encrypted-media; gyroscope; picture-in-picture; web-share" allowfullscreen=""></iframe></p>
<p>ทบทวน 4 ปีแห่งการต่อสู้ของคนกะเบอะดินและคนอมก๋อย ในคลิปวิดีโอ “ครบรอบ 4 ปี การต่อสู้ เพื่อยุติเหมืองแร่ถ่านหินอมก๋อย” เจตนารมณ์แห่งการปกป้องทรัพยากรในบ้านเกิดของคนกะเบอะดินและคนอมก๋อยยังคงชัดเจนตลอด 4 ปีที่พวกเขาต่อสู้ทั้งในป่าและในศาล คดีความฟ้องเพิกถอน EIA เหมืองแร่อมก๋อยกลายเป็นคดีสิ่งแวดล้อมคดีแรกของศาลปกครองเชียงใหม่ใน พ.ศ. 2565</p>
<div class="more-story">
<p>‘ชาวอมก๋อย – กะเบอะดิน’ ทบทวนเส้นทางการต่อสู้ตลอด 4 ปี คัดค้าน ‘เหมืองแร่อมก๋อย’, 28 ก.ย. 66</p>
</div>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53226925193_d047a64729_b.jpg" /></p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ขhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/10/106164
 
5078  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - สวัสดิการคนไร้บ้านแบบพลิกชีวิต | หมายเหตุประเพทไทย EP.490 เมื่อ: 01 ตุลาคม 2566 23:53:58
สวัสดิการคนไร้บ้านแบบพลิกชีวิต | หมายเหตุประเพทไทย EP.490
 


<span class="submitted-by">Submitted on Sun, 2023-10-01 22:42</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>หมายเหตุประเพทไทยสัปดาห์นี้ ชานันท์ ยอดหงษ์ และต่อศักดิ์ จินดาสุขศรี พูดถึง “The New Leaf Project” โครงการทดลองช่วยเหลือกลุ่มคนไร้บ้าน ที่แวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา โดยให้เงิน 7,500 เหรียญแคนาดา (200,000 บาท) อย่างไม่มีเงื่อนไขแก่คนไร้บ้าน โดยพบผลลัพธ์น่าสนใจว่า คนไร้บ้านนำเงินไปใช้จ่ายเป็นค่าที่อยู่อาศัย ซื้ออาหาร เสื้อผ้า และคอร์สพัฒนาทักษะ ซึ่งทำให้พวกเขามีความมั่นใจ มั่นคง และกลับมาเป็นส่วนหนึ่งของสังคม หลุดพ้นจากการเป็นคนไร้บ้าน โดยการให้ความช่วยเหลือเป็นเงินก้อนใหญ่เช่นนี้ ทำให้คนไร้บ้านสามารถวางแผนการใช้เงินได้ดีกว่าการช่วยเหลือแบบทยอยจ่ายรายเดือน หรือช่วยเป็นครั้งๆ</p>
<p style="text-align: center;"> </p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/10/106163
 
5079  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - ใครห้ามก็ไม่ฟัง หนุ่มเมานั่งคุยกับจระเข้ ลูบหัวเรียก "แม่" ทุกคำ คนดูคลิปลุ้ เมื่อ: 01 ตุลาคม 2566 23:42:41
ใครห้ามก็ไม่ฟัง หนุ่มเมานั่งคุยกับจระเข้ ลูบหัวเรียก "แม่" ทุกคำ คนดูคลิปลุ้นทุกวินาที
         


ใครห้ามก็ไม่ฟัง หนุ่มเมานั่งคุยกับจระเข้ ลูบหัวเรียก &quot;แม่&quot; ทุกคำ คนดูคลิปลุ้นทุกวินาที" width="75" height="75
&nbsp;&nbsp;สร่างเมาลองมามองอีกทีนะ นั่นใช่แม่แน่ๆ ใช่ไหม....?
         

https://www.sanook.com/news/9056814/
         
5080  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [การเมือง] - เลขดังการเมืองคึกคัก! นักเสี่ยงดวงลุ้นทะเบียนรถนายกอาจให้โชค เมื่อ: 01 ตุลาคม 2566 23:01:19
เลขดังการเมืองคึกคัก! นักเสี่ยงดวงลุ้นทะเบียนรถนายกอาจให้โชค
         


เลขดังการเมืองคึกคัก! นักเสี่ยงดวงลุ้นทะเบียนรถนายกอาจให้โชค" width="75" height="75
&nbsp;&nbsp;
         

https://www.sanook.com/news/9056182/
         
หน้า:  1 ... 252 253 [254] 255 256 ... 1128
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 2.88 วินาที กับ 26 คำสั่ง

Google visited last this page 06 พฤษภาคม 2560 13:06:36