[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ => เรื่องแปลก - ประสบการณ์ทางจิต - เรื่องลึกลับ => ข้อความที่เริ่มโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 06 สิงหาคม 2564 21:00:18



หัวข้อ: อาถรรพ์วังหน้า กรุงรัตนโกสินทร์ - เมื่อกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท ตรัสสาปแช่ง
เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 06 สิงหาคม 2564 21:00:18



  คำร่ำลืออาถรรพ์ “วังหน้า” กรุงรัตนโกสินทร์
           เมื่อกรมพระราชวังบวรฯ ตรัสสาปแช่ง


(https://www.silpa-mag.com/wp-content/uploads/2020/09/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%9A%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%97-%E0%B9%81%E0%B8%8A%E0%B9%88%E0%B8%87-%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E-696x364.jpg)
ภาพ: พระบรมราชานุสาวรีย์ วังหน้า "พระยาเสือ" ณ วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษดิ์ กรุงเทพฯ


อ้างถึง



   “–ของใหญ่ของโตของกูดี ๆ ของกูสร้าง ใครไม่ได้ช่วยเข้าทุนอุดหนุน

                กูสร้างขึ้นด้วยกำลังข้าเจ้าบ่าวนายของกูเอง นานไปใครไม่ใช่ลูกกู

                            เข้ามาเป็นเจ้าของครอบครองขอผีสางเทวดาจงบันดาลอย่าให้มีความสุข–”







ข้อความข้างต้น เป็นพระราชดำรัสของกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท ขณะประชวรเสด็จประทับบนเสลี่ยงบรรทมพิงพระเขนย
ให้มหาดเล็กเชิญเสด็จทอดพระเนตรรอบ ๆ พระราชวังบวรสถานมงคลซึ่งพระองค์ทรงสร้างขึ้นด้วยความคิดและเรี่ยวแรง
ของพระองค์เอง

กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท เป็นสมเด็จพระอนุชาธิราชในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
ทรงร่วมกับสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชกู้เอกราชของชาติจากพม่า และร่วมกับพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
สถาปนากรุงรัตนโกสินทร์เป็นราชธานีใหม่ ขณะนั้นบ้านเมืองกำลังตกอยู่ในภาวะยุ่งยากและอันตราย เพราะทั้งต้องสร้างเมืองใหม่
และทำสงครามกับพม่าซึ่งพยายามที่จะกลับมามีอำนาจเหนือไทยอีก

ท่ามกลางความยากลำบากนั้น กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทในตำแหน่งพระมหาอุปราช ได้โปรดสถาปนา “พระบวรราชวัง”
ขึ้นในบริเวณที่เคยเป็นพระนิเวศเดิมแต่ครั้งยังเสด็จดำรงพระยศเป็นเจ้าพระยาสุรสีห์ ทรงสร้างพระบวรราชวังนี้อย่างยิ่งใหญ่
และประณีตบรรจง ด้วยหวังจะได้ทรงอยู่อย่างเป็นสุขในบั้นปลายพระชนมชีพ

แต่การณ์ก็มิได้เป็นอย่างที่ทรงหวัง เพราะหลังจากดำรงพระยศกรมพระราชวังบวรฯ ได้ 21 ปี พระชนมายุได้ 60 พรรษา
ก็ประชวรพระโรคนิ่ว เล่ากันว่าทรงทั้งห่วงและหวงพระบวรราชวังที่โปรดให้สร้าง เมื่อเวลาประชวรหนักอยู่นั้นได้กราบบังคมทูล
ขอพระราชทานต่อสมเด็จพระเชษฐา ให้พระโอรสธิดาของพระองค์ได้ประทับอยู่ในวังหน้าต่อไป






หัวข้อ: Re: อาถรรพ์วังหน้า กรุงรัตนโกสินทร์ - เมื่อกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท ตรัสสาปแช่ง
เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 06 สิงหาคม 2564 21:06:41


แต่กระนั้นก็มีเรื่องเล่าลือให้ถึงพระเนตรพระกรรณว่า กรมพระราชวังบวรฯ ได้ออกพระโอษฐ์ตรัสสาปแช่งขณะประชวร
และเสด็จทอดพระเนตรรอบ ๆ วังว่า

“–ของเหล่านี้ กูอุตส่าห์ทำด้วยความคิดและเรี่ยวแรงเป็นหนักหนา หวังจะอยู่ชมนาน ๆ ก็ไม่ได้ชม ของใหญ่ของโตของกูดี ๆ
ของกูสร้าง ใครไม่ได้ช่วยเข้าทุนอุดหนุน กูสร้างขึ้นด้วยกำลังข้าเจ้าบ่าวนายของกูเอง นานไปใครไม่ใช่ลูกกู
เข้ามาเป็นเจ้าของครอบครองขอผีสางเทวดาจงบันดาลอย่าให้มีความสุข–“


(https://www.silpa-mag.com/wp-content/uploads/2016/12/wangna-1.jpg)



เมื่อสมเด็จพระราชวังบวรฯ เสด็จสวรรคต พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชโปรดตั้งสมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร
พระราชโอรสพระองค์ใหญ่ขึ้นเป็นกรมพระราชวังบวรสถานมงคลแทน ครั้งนั้นคุณเสือพระสนมเอกได้กราบทูล
ขอให้เชิญเสด็จกรมพระราชวังบวรฯ พระองค์ใหม่ไปประทับ ณ พระบวรราชวังแทน แต่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
ไม่ทรงเห็นด้วยเพราะทรงรำลึกถึงคำตรัสสาปแช่ง จึงมีพระราชดำรัสว่า

“–ไปอยู่บ้านช่องของเขาทำไม เขารักแต่ลูกเต้าของเขา ๆ แช่งเขาชักไว้เป็นหนักเป็นหนา–“

โปรดให้กรมพระราชวังบวรฯ ใหม่ประทับอยู่ที่พระราชวังเดิมจนเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ

ครั้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย โปรดเกล้าฯ ตั้งสมเด็จพระอนุชาธิราช เจ้าฟ้ากรมหลวงเสนานุรักษ์
เป็นกรมพระราชวังบวรมหาเสนานุรักษ์ พระดำรัสสาปแช่งยังเป็นสิ่งที่ทุกคนเกรงกลัว พยายามหาทางเลี่ยงพระดำรัสสาป
โดยทรงอภิเษกสมรสกับพระธิดาในกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท เพื่อให้ได้ชื่อว่าเป็นลูกเขยเป็นการผ่อนปรน
เลี่ยงพระดำรัสสาปอย่างแยบยล

ครั้งแรกทรงตั้งพระทัยจะอภิเษกกับเจ้าฟ้าหญิงพิกุลทอง พระธิดาซึ่งประสูติแต่เจ้าศิริรดจา พระขนิษฐาของพระเจ้ากาวิละเมืองเชียงใหม่
แต่เจ้าฟ้าหญิงพระองค์นี้สิ้นพระชนม์เสียก่อน จึงทรงอภิเษกกับพระธิดาพระองค์อื่นขององค์เจ้าของวังแทน กรมพระราชวังบวรมหาเสนานุรักษ์
ดำรงพระยศเป็นกรมพระราชวังบวรได้เพียง 8 ปี เสด็จสวรรคตเมื่อพระชนมายุได้เพียง 44 พรรษา และในรัชสมัยนี้ก็มิได้ทรงแต่งตั้งท่านผู้ใด
เป็นกรมพระราชวังบวรฯ แทนจนสิ้นรัชกาล

ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดแต่งตั้งกรมหมื่นศักดิพลเสพ (พระองค์เจ้าอรุโณทัย พระราชโอรสในรัชกาลที่ 1)
ซึ่งเป็นพระปิตุลารุ่นเล็ก มีพระชันษาใกล้เคียงกับพระองค์ให้เป็นกรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพ กรมพระราชวังบวรฯ
พระองค์นี้ก็ทรงใช้วิธีผ่อนปรนเลี่ยงพระดำรัสสาปด้วยการอภิเษกสมรสกับพระองค์เจ้าดาราวดี พระธิดากรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท
ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาน้อย ทรงอยู่ในตำแหน่งกรมพระราชวังบวรฯ ได้เพียง 8 ปี ก็เสด็จสวรรคต

เมื่อพระชนมายุได้เพียง 47 พรรษา และมิได้ทรงแต่งตั้งพระราชวงศ์พระองค์ใดเป็นกรมพระราชวังบวรฯ จนสิ้นรัชกาล
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ สถาปนาสมเด็จพระอนุชาธิราช เจ้าฟ้าจุธามณีกรมขุนอิศเรศรังสรรค์
ดำรงตำแหน่งกรมพระราชวังบวรฯ แต่โปรดให้เพิ่มพระเกียรติยศเทียบเท่าพระมหากษัตริย์อีกพระองค์หนึ่ง
เป็นพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีวิธีผ่อนปรนเลี่ยงพระดำรัสสาปด้วยการโปรดให้พราหมณ์ทำพิธีฝังอาถรรพ์ใหม่ทุกป้อมทุกประตู
รวม 80 หลัก ก่อนที่จะโปรดให้สร้างพระราชมณเฑียรพระที่นั่ง และพระตำหนักต่าง ๆ พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวประทับ
ณ พระบวรราชวัง 18 ปี จึงเสด็จสวรรคต

ครั้นถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติตั้งแต่พระชนมายุเพียง 15 พรรษา
สมเด็จเจ้าพระยาบรมมาหาศรีสุริยวงศ์ในฐานผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน รวบรัดแต่งตั้งพระองค์เจ้ายอดยิ่งยศ พระราชโอรสพระองค์ใหญ่
ในพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวขึ้นเป็นกรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ มีเรื่องเชื่อกันว่าเป็นอาถรรพ์ของวังหน้าอีกครั้ง
เมื่อเกิดความขัดแย้งกันระหว่างวังหลวงกับวังหน้า ซึ่งหากเหตุการณ์ยืดเยื้อต่อไปอาจร้ายแรงถึงเสียเอกราชให้แก่จักรวรรดินิยมตะวันตก
กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญอยู่ในตำแหน่ง 15 ปี จึงทิวงคต ทำให้ยิ่งตอกย้ำความเชื่อว่า ตำแหน่งวังหน้านี้มีอาถรรพ์
อันเกิดจากพระดำรัสสาปแช่งของกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงตระหนักพระทัยถึงปัญหายุ่งยากที่จะเกิดขึ้นในอนาคต จึงโปรดให้เลิกตำแหน่งนี้
และโปรดสถาปนาตำแหน่งรัชทายาทใหม่คือ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมารขึ้นแทน เรื่องราวของความเชื่อเกี่ยวกับพระดำรัสที่ว่า

“–ของใหญ่ของโตของกูดีๆ ของกูสร้าง–ใครไม่ใช่ลูกกู เข้ามาเป็นเจ้าของครอบครองขอผีสางเทวดาจงบันดาลอย่าให้มีความสุข–“

ก็เสื่อมคลายสูญสิ้นไปตั้งแต่ครั้งนั้น







กราบขอบพระคุณที่มา:
เว็บไซท์ศิลปวัฒนธรรม (https://www.silpa-mag.com/quotes-in-history/article_5101)
จาก นิตยสารศิลปวัฒนธรรม ฉบับธันวาคม 2554
ผู้เขียน ศันสนีย์ วีระศิลป์ชัย
เผยแพร่ วันศุกร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ.2564
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 9 มีนาคม พ.ศ. 2562