[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => ประวัติพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ในยุคปัจจุบัน => ข้อความที่เริ่มโดย: ใบบุญ ที่ 05 ตุลาคม 2561 13:09:01



หัวข้อ: สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เสงี่ยม จันทสิริ) วัดสุทัศนเทพวราราม กรุงเทพมหานคร
เริ่มหัวข้อโดย: ใบบุญ ที่ 05 ตุลาคม 2561 13:09:01
(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/35778392727176_view_resizing_images_4_.jpg)

สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เสงี่ยม จันทสิริ)
 วัดสุทัศนเทพวราราม  กรุงเทพมหานคร

"สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เสงี่ยม จันทสิริ)" อดีตเจ้าอาวาสวัดสุทัศนเทพวราราม รูปที่ 6 อดีตเจ้าคณะใหญ่หนเหนือ และอดีตกรรมการมหาเถรสมาคม มีผลงานและคุณสมบัติต่างๆ เป็นที่ยกย่องเชิดชู ทั้งในด้านการบริหารและด้านวิชาการ เป็นผู้ที่สมบูรณ์ด้วยศีลาจารวัตร งดงามด้วยการครองตน เปี่ยมด้วยเมตตา เป็นที่ยอมรับ และเลื่อมใสศรัทธา

เกิดเมื่อวันอังคารที่ 5 ก.พ.2443 ที่บ้านหันสัง ต.หันสัง อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา ในครอบครัวของนายเขียว และนางประกอบ วิโรทัย (รจนา) มีพี่น้องรวมทั้งสิ้น 6 คน

อายุ 13 ปีเศษ บิดานำไปฝากเข้าเรียนอักษรสมัยที่วัดใกล้บ้าน จนสามารถเรียนรู้อักขรวิธีอันมีเล่าเรียนกันอยู่ในชนบทสมัยนั้นได้เป็นอย่างดี

ต่อมา เข้าเรียนใน ร.ร.ประชาบาลจนจบชั้นประถมปีที่ 4 แล้วออกมาช่วยบิดาทำนา โดยช่วงสิ้นหน้านาจะไปฝากตัวเป็นศิษย์พระอาจารย์ต่อม วัดธรรมรส

ศึกษาอักษรขอมอยู่ 2 ปีเศษ จึงเดินทางเข้าสู่กรุงเทพฯ ในปี พ.ศ.2460 กับพระอาจารย์ทอง ไปพำนักที่คณะ 5 วัดสุทัศนเทพวรารามชั่วระยะหนึ่ง จึงบรรพชาเมื่ออายุ 19 ปี โดยมีพระมงคลราชมุนี (ผึ่ง ปุปผโก) วัดสุทัศน์ เป็นพระอุปัชฌาย์

พ.ศ.2464 เข้าอุปสมบทที่พัทธสีมาวัดสุทัศน์ โดยมีพระพรหมมุนี (แพ ติสสเทโว) เป็นพระอุปัชฌาย์, พระมงคลราชมุนี (ผึ่ง ปุปฺผโก) และ พระราชเวที (นาค สมนนาโค) เป็นคู่กรรมวาจาจารย์ ได้นามฉายาว่า จันทสิริ

ศึกษาพระปริยัติธรรมทั้งแผนกธรรมและบาลีตลอดมา จนมีวิทยฐานะสูงสุดเป็นเปรียญธรรม 6 ประโยค ความรู้ความสามารถพัฒนาการขึ้นตามลำดับ จนได้รับความไว้วางใจให้ดำรงตำแหน่งหน้าที่สำคัญมากมาย อาทิ เลขานุการในสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (แพ), เจ้าคณะจังหวัดนนทบุรี, เจ้าคณะตรวจการผู้ช่วยภาค 6 รูปแรก, เจ้าอาวาสวัดสุทัศน์, เจ้าคณะภาค 1, 2, เจ้าคณะใหญ่หนเหนือ และกรรมการมหาเถรสมาคม

ลำดับสมณศักดิ์ พ.ศ.2489 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่พระศรีสมโพธิ พ.ศ.2490 เป็นพระราชาคณะเสมอชั้นราช ในราชทินนามเดิม พ.ศ.2498 เป็นพระราชาคณะเสมอชั้นเทพ ในราชทินนามเดิม

พ.ศ.2502 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นธรรมที่ พระธรรมวิสุทธาจารย์

พ.ศ.2511 ได้รับสถาปนาเป็นรองสมเด็จพระราชาคณะที่ พระวิสุทธิวงศาจารย์

พ.ศ.2520 ได้รับสถาปนาเป็นสมเด็จพระราชาคณะที่ สมเด็จพระพุฒาจารย์

ทุก 6 โมงเช้า ต้องออกเดินทักษิณาวรรตรอบพระอุโบสถวันละ 3 รอบ แล้วกลับมาใส่บาตรพระสงฆ์สามเณรวันละ 3 รูป โดยไม่เจาะจง

บริขารที่ได้มาจากศรัทธาโดยทั่วไป จะจัดถวายพระเณรในโอกาสต่างๆ โดยเฉพาะสามเณร หากมีงานบุญงานกุศลจะนิมนต์ทุกรูปแล้วถวายไตรจีวรแบ่งทุกครั้ง

ถึงวันอุโบสถจะจัดไตรจีวรอย่างดี เครื่องไทยทานพร้อมด้วยปัจจัย ถวายพระผู้สวดพระปาฏิโมกข์ทุกกึ่งเดือนเป็นประจำ โดยรับปฏิบัติสืบทอดมาจากสมเด็จพระสังฆราช (แพ) มิได้ขาด

นอกจากนี้ ยังเป็นภาระธุระในการควบคุมดูแลระวังรักษาถาวรวัตถุสิ่งก่อสร้างทั่วพระอาราม สิ่งใดเสื่อม โทรมก็บูรณะให้กลับดีดังเดิม

พร้อมกันนั้น ริเริ่มก่อตั้ง "มูลนิธิอัฏฐมราชานุสรณ์" รวบรวมจตุปัจจัยที่ได้จากการปฏิบัติหน้าที่พระอุปัชฌาย์ทั้งในและนอกวัด สมทบเข้าทุนมูลนิธินำไปใช้พัฒนาอาราม และเอื้อประโยชน์ในการดำเนินโครงการต่างๆ

ด้านการศึกษา พยายามส่งเสริมทั้งแผนกธรรมและแผนกบาลี จนชื่อเสียงของสำนักวัดสุทัศน์โด่งดังไปทั่ว

ฝ่ายการศึกษาของชาติ ได้อุปการะส่งเสริมอย่างจริงจัง โดยเริ่มจัดตั้งโรงเรียนพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ สร้างเสริมคุณภาพให้เด็กและเยาวชน

มรณภาพอย่างสงบ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 27 ม.ค.2526 สิริอายุ 83 ปี พรรษา 61

ได้รับพระราชทานเพลิง ณ เมรุหลวงหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส เมื่อวันเสาร์ที่ 17 ธ.ค.2526


อริยะโลกที่ 6