[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
09 พฤษภาคม 2567 02:45:34 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: [ข่าวมาแรง] - สถานการณ์แรงงานประจำสัปดาห์ 6-12 ส.ค. 2566  (อ่าน 117 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สุขใจ ข่าวสด
I'm Robot
สุขใจ บอทนักข่าว
นักโพสท์ระดับ 15
****

คะแนนความดี: +101/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Italy Italy

กระทู้: มากเกินบรรยาย


บอท @ สุขใจ


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 13 สิงหาคม 2566 04:05:44 »

สถานการณ์แรงงานประจำสัปดาห์ 6-12 ส.ค. 2566
 


<span class="submitted-by">Submitted on Sat, 2023-08-12 16:31</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p><strong>ศาลแรงงานฯ ยกฟ้อง ‘การบินไทย’ คดีค่าชดเชยเลิกจ้าง 40 อดีต พนง.</strong></p>
<p>สำนักข่าวอิศรา รายงานว่า เมื่อเร็วๆนี้ ศาลแรงงานภาค 1 (พระนครศรีอยุธยา) ได้มีคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ ร968-ร1026/2565 คดีหมายเลขแดงที่ ร872-ร874 ,ร950-955 ,ร970 ,ร982 ,ร1016 ,ร1025 ,ร1034 ,ร1121-ร1124 ,ร1145-ร1185/2566 ลงวันที่ 10 ส.ค.2566 ซึ่งเป็นคดีที่อดีตพนักงาน บมจ.การบินไทย จำนวน 40 ราย เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง บมจ.การบินไทย</p>
<p>เพื่อขอให้ศาลฯบังคับให้ บมจ.การบินไทย จ่ายค่าตอบแทนการเลิกจ้าง ตามโครงการร่วมใจเสียสละเพื่อองค์กร พ.ศ.2563 (MSP A) ให้กับอดีตพนักงานทั้ง 40 ราย โดยให้คำนวณเงินค่าตอบแทนการเลิกจ้าง จากค่าจ้างฐานผลงาน และค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีสะสมที่ยังไม่ได้ใช้ของปี 2557 ปี 2559 และปี 2563</p>
<p>ทั้งนี้ ศาลฯได้วินิจฉัยในประเด็นต่างๆแล้ว และพิพากษายกฟ้อง บมจ.การบินไทย เนื่องจากเห็นว่าอดีตพนักงานฯ ทั้ง 40 ราย ไม่มีอำนาจฟ้องเรียกร้องค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีสะสมที่ยังไม่ได้ใช้ได้ เพราะสิทธิดังกล่าวได้ระงับสิ้นไปแล้ว ซึ่งเป็นไปตามระเบียบ บมจ.การบินไทย ว่าด้วยการบริหารงานบุคคล พ.ศ.2537 เรื่อง วันหยุดพักผ่อนประจำปี ที่ระบุให้ผู้บังคับบัญชาเป็นผู้กำหนดวันหยุดพักผ่อนประจำปีตามจำนวนให้พนักงานล่วงหน้า</p>
<p>หรือผู้บังคับบัญชาและพนักงาน จะตกลงกันล่วงหน้า สะสมและเลื่อนวันหยุดพักผ่อนประจำปีไปรวมในรอบปีถัดไปก็ได้ แต่สะสมได้ไม่เกิน 3 รอบปีติดต่อกัน และต่อมามีประกาศ บมจ.การบินไทย ที่ 020/2558 ลงวันที่ 25 พ.ย.2558 เรื่อง การดำเนินการเรื่องวันหยุดพักผ่อนประจำปี ซึ่งในข้อ 3 ระบุว่า นับตั้งแต่สิ้นรอบปี 2557/2558 (สิ้นสุด 30 ก.ย.2558) เป็นต้นไป บมจ.การบินไทย จะไม่นำวันหยุดพักผ่อนประจำปีที่เกินกว่าระเบียบบริษัทกำหนด มาจ่ายเป็นเงินทดแทน</p>
<p>ส่วนที่อดีตพนักงานฯขอให้นำเงินค่าเบี้ยเลี้ยงเที่ยวบินหรือค่าชั่วโมงบิน (Flight Perdiem) มาเป็นฐานคำนวณในการจ่ายค่าชดเชย นั้น ศาลฯเห็นว่า เมื่ออดีตพนักงานฯทั้ง 40 ราย สิ้นสภาพการจ้าง ด้วยการลาออกโดยสมัครใจในโครงการ MSP A มิใช่เป็นกรณีที่บมจ.การบินไทย เป็นฝ่ายบอกเลิกจ้าง อีกทั้งเมื่อพิจารณาตามประกาศ บมจ.การบินไทย ที่ 049/2563 จะเห็นได้ว่า เงินตอบแทนตามโครงการฯ เทียบเท่าค่าชดเชยตามกฎหมายแรงงาน</p>
<p>และมีการระบุในประกาศฯแจ้งชัดว่า ค่าจ้างในโครงการ MSP A ให้คำนวณจากเงินเดือน โดยมิได้ระบุถึงเงินค่าปฏิบัติงานบนเครื่องบินที่ออกทำการบิน หรือเงินค่าเบี้ยเลี้ยงเที่ยวบินหรือค่าชั่วโมงบิน (Flight Perdiem) แต่อย่างใด</p>
<p>ดังนั้น การที่ บมจ.การบินไทย จ่ายค่าตอบแทนตามโครงการ MSP A ในอัตราเทียบเท่าค่าชดเชยตามกฎหมายแรงงาน โดยคำนวณจากเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่ง ไม่รวมค่า Flight Perdiem จึงไม่ได้กระทำผิดสัญญาจ้างแรงงานและสภาพการจ้าง อดีตพนักงานฯทั้ง 40 ราย จึงไม่มีอำนาจบังคับให้ บมจ.การบินไทยรับผิดตามฟ้องได้</p>
<p>“...เมื่อวินิจฉัยว่า สิทธิเรียกร้องเงินค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีสะสมของปี 2557 ถึงปี 2559 ของโจทก์ทั้งสี่สิบระงับสิ้นไปทุกวันที่ 1 ตุลาคม 2560 วันที่ 1 ตุลาคม 2561 และวันที่ 1 ตุลาคม 2562 ตามลำดับแล้ว แม้คดีนี้เป็นกรณีโจทก์ทั้งสี่สิบเป็นฝ่ายบอกเลิกสัญญาจ้างแรงงานด้วยการลาออกโดยสมัครใจตามโครงการร่วมใจจากองค์กร MSP A จำเลย (บมจ.การบินไทย) ก็ไม่ต้องรับผิดจ่ายค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีสะสมของทั้งสามปีดังกล่าวตามมาตรา 67 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 ให้แก่โจทก์ทั้งสี่สิบ</p>
<p>และเมื่อวินิจฉัยแล้วว่าเงินค่าปฏิบัติงานบนเครื่องบินที่ออกไปทำการบินเป็นค่าจ้างตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 เงินดังกล่าว หรือที่เรียกว่าเงินเบี้ยเลี้ยงเที่ยวบินหรือค่าชั่วโมงบิน (Flight Perdiem) นั้น หากเป็นกรณีที่จำเลยเป็นฝ่ายแสดงเจตนาบอกเลิกจ้างโจทก์ทั้งสี่สิบ โดยโจทก์ทั้งสี่สิบมิได้กระทำความผิด ก็จะต้องนำค่าจ้างลักษณะดังกล่าวมาเป็นฐานในการคำนวณจ่ายเป็นค่าชดเชยให้แก่โจทก์ทั้งสี่สิบด้วยตามมาตรา 118 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541</p>
<p>แต่คดีนี้ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติได้ว่า เป็นกรณีที่โจทก์ทั้งสี่สิบพ้นสภาพการเป็นลูกจ้างของจำเลย ด้วยการลาออกโดยสมัครใจในโครงการร่วมใจจากองค์กร MSP A ตามประกาศของจำเลยที่ 049/2563 เรื่องโครงการร่วมใจเสียสละเพื่อองค์กร พ.ศ.2563 เอกสารหมาย จ.7 หรือ ล.9 มิใช่เป็นกรณีที่จำเลยเป็นฝ่ายบอกเลิกจ้าง จึงนำค่าจ้างลักษณะดังกล่าวมาคิดคำนวณจ่ายเป็นค่าชดเชยให้แก่โจทก์ทั้งสี่สิบไม่ได้</p>
<p>เมื่อโจทก์ทั้งสี่สิบลาออกโดยสมัครใจในโครงการดังกล่าวแล้ว การที่จำเลยจ่ายเงินตอบแทนตามโครงการดังกล่าวให้แก่โจทก์ทั้งสี่สิบ ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในประกาศของจำเลยเอกสารหมาย จ.7 หรือ ล.9</p>
<p>และเมื่อพิจารณาแบบแสดงความจำนงเข้าร่วมโครงการร่วมใจเสียสละเพื่อองค์กรของโจทก์ทั้งสี่สิบตามเอกสารหมาย ล.10 ในข้อ 1 ถึงข้อ 6 แล้ว แสดงว่าโจทก์ทั้งสี่สิบย่อมเข้าใจและตกลงยอมรับเงื่อนไขในการจ่ายเงินตอบแทนตามโครงการดังกล่าวแล้ว</p>
<p>อีกทั้งเมื่อพิจารณาประกาศของจำเลยที่ 149/2563 ตามเอกสารหมาย จ.7 หรือ ล.9 จะเห็นได้ว่า เงินตอบแทนตามโครงการในอัตราเทียบเท่าค่าชดเชยตามกฎหมายแรงงาน อัตราค่าจ้างสุดท้าย 400 วัน ตามระยะเวลาการทำงานตามตารางข้อ 1 ของข้อ 4.1.1 นั้น ระบุไว้แจ้งชัดที่หัวตารางช่องอัตราค่าจ้างสุดท้ายว่า “อัตราเงินตอบแทน” และข้อ 5 การนับอายุงานและฐานค่าจ้างที่ใช้ในการพิจารณาโครงการ MSP A</p>
<p>ข้อ 5.2 เงินตอบแทนตามโครงการในอัตราเทียบเท่าค่าชดเชยตามกฎหมายแรงงาน จะคำนวณจากค่าจ้างอัตราสุดท้ายของพนักงาน ซึ่งรายละเอียดของค่าจ้างที่ใช้คำนวณจะเป็นไปตามเอกสารแนบท้ายประกาศฉบับนี้ ซึ่งเอกสารแนบท้ายประกาศดังกล่าวระบุแจ้งชัดว่า ค่าจ้างที่ใช้ในการคำนวณตามโครงการ MSP A คือ ข้อ 1.เงินเดือน โดยในข้อ 2. ถึงข้อ 6. มิได้ระบุถึงเงินค่าปฏิบัติงานบนเครื่องบินที่ออกไปทำการบิน หรือเงินเบี้ยเลี้ยงเที่ยวบินหรือค่าชั่วโมงบิน (Flight Perdiem) แต่อย่างใด</p>
<p>ดังนี้ การที่จำเลยจ่ายเงินตอบแทนตามโครงการในอัตราเทียบเท่าค่าชดเขยตามกฎหมายแรงานโดยคิดคำนวณจากเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่ง ไม่รวมค่า Flight Perdiem ด้วยนั้น จึงครบถ้วนเป็นไปตามประกาศของจำเลย ที่โจทก์ทั้งสี่สิบตกลงยอมรับโดยสมัครใจและโดยชอบแล้ว ทำให้ข้อกล่าวอ้างของโจทก์ทั้งสี่สิบนั้นรับฟังไม่ขึ้น จำเลยจึงมิได้กระทำผิดสัญญาจ้างแรงงานและสภาพการจ้างต่อโจทก์ทั้งสี่สิบ</p>
<p>ดังนั้น โจทก์ทั้งสี่สิบไม่มีอำนาจฟ้องบังคับให้จำเลยรับผิดตามคำฟ้องได้พิพากษายกฟ้อง” คำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ ร968-ร1026/2565 คดีหมายเลขแดงที่ ร872-ร874 ,ร950-955 ,ร970 ,ร982 ,ร1016 ,ร1025 ,ร1034 ,ร1121-ร1124 ,ร1145-ร1185/2566 ลงวันที่ 10 ส.ค.2566 ระบุ</p>
<p>ที่มา: สำนักข่าวอิศรา, 12/8/2566</p>
<p><strong>เตรียมทยอยจ่ายเงินค่าตอบแทนเสี่ยงภัยโควิด 19 วงเงิน 2,955 ล้านบาท ให้แก่บุคลากรทางการแพทย์สายวิชาชีพและสายสนับสนุนทั้งในและนอกสังกัด สธ.ได้ตั้งแต่ 29 ส.ค. คาดแล้วเสร็จ 30 ก.ย.</strong></p>
<p>นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า หลังจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเมื่อวันที่ 8 ส.ค.ที่ผ่านมา เห็นชอบอนุมัติค่าตอบแทนเสี่ยงภัยจากงบกลาง วงเงิน 2,955.95 ล้านบาท เพื่อเบิกจ่ายให้แก่บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ที่ปฏิบัติภารกิจเกี่ยวข้องกับโรคโควิด 19 ทั้งสายวิชาชีพและสายสนับสนุน ทั้งในและนอกสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ในช่วงเดือน ก.ค.2564 ครึ่งเดือนแรกของ มิ.ย.2565 กระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดขั้นตอนและแผนการเบิกจ่ายงบประมาณดังกล่าว เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปด้วยความรวดเร็วและเสร็จสิ้นภายในปีงบประมาณ 2566 โดยเมื่อวันที่ 9 ส.ค.ที่ผ่านมา ได้ทำหนังสือถึงสำนักงบประมาณ เพื่อขอรับการจัดสรรค่าเสี่ยงภัยโควิดแล้ว คาดว่าสำนักงบประมาณจะอนุมัติและโอนเงินจัดสรรมายังสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ในช่วงวันที่ 9-18 ส.ค. 2566 จากนั้นกองยุทธศาสตร์และแผนงาน จะขออนุมัติจัดสรรต่อปลัดกระทรวงสาธารณสุข และแจ้งการจัดสรรไปยังกองคลังและกองสาธารณสุขฉุกเฉิน ช่วงวันที่ 21-22 ส.ค.2566</p>
<p>นพ.โอภาสกล่าวต่อว่า ค่าตอบแทนเสี่ยงภัย ในส่วนของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข เช่น สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด โรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป กองสาธารณสุขฉุกเฉิน จะเป็นหน่วยดำเนินการจัดสรรและแจ้งกองคลังโอนงบประมาณไปยังสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั้ง 76 แห่ง เพื่อตรวจสอบเอกสารเบิกจ่าย ทำเรื่องขออนุมัตินายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดและโอนค่าตอบแทนเสี่ยงภัยให้กับให้กับผู้ปฏิบัติงานโดยตรง</p>
<p>ส่วนค่าตอบแทนเสี่ยงภัยของหน่วยงานภายนอกสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งมีทั้งกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สภากาชาดไทย และโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ กองคลังจะเป็นหน่วยดำเนินการตรวจสอบเอกสารเบิกจ่ายและขออนุมัติปลัดกระทรวงสาธารณสุข เพื่อโอนงบประมาณไปยังผู้ปฏิบัติงานของหน่วยงานภายนอกต่อไป คาดว่าทุกหน่วยงานจะเริ่มเบิกจ่ายได้ตั้งแต่ 29 ส.ค.2566 เป็นต้นไป และจะเร่งรัดให้แล้วเสร็จก่อนสิ้นปีงบประมาณในวันที่ 30 ก.ย.2566</p>
<p>“ยืนยันว่าจะพยายามเร่งรัดกระบวนการเบิกจ่ายค่าตอบแทนเสี่ยงภัยโควิด 19 ให้แก่บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ทั้งสายวิชาชีพและสายสนับสนุน ทั้งในและนอกสังกัดกระทรวงสาธารณสุขโดยเร็วที่สุด ส่วนที่ยังค้างจ่ายในรอบการปฏิบัติงานช่วงครึ่งเดือนหลังของมิถุนายน - กันยายน 2565 ซึ่งสิ้นสุดการเป็นโรคติดต่ออันตราย จะเตรียมทำข้อเสนอขอรับการสนับสนุนในปีงบประมาณ 2567 วงเงิน 3,745 ล้านบาท ต่อ ครม.ชุดใหม่ต่อไป” นพ.โอภาสกล่าว</p>
<p>ที่มา: สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์, 11/8/2566</p>
<p><strong>โรงแรมตั้งรับ 'ขาดแคลนแรงงาน' ไฮซีซัน เพิ่มจ้างชั่วคราว-เสริมเทคโนโลยี</strong></p>
<p>มาริสา สุโกศล หนุนภักดี นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) กล่าวว่า จากผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการที่พักแรม เดือน ก.ค. 2566 จัดทำโดยสมาคมฯ ร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำรวจระหว่างวันที่ 10-24 ก.ค. มีผู้ตอบแบบสำรวจจำนวน 91 แห่ง พบว่าปัญหา “ขาดแคลนแรงงาน” ของธุรกิจโรงแรมในเดือน ก.ค. ใกล้เคียงกับเดือนก่อน โดยกว่า 47% ขาดแคลนแรงงาน แต่ส่วนใหญ่ยังไม่กระทบจำนวนลูกค้าที่รับได้</p>
<p>อย่างไรก็ตาม สัดส่วนของโรงแรมที่ตอบว่าปัญหาขาดแคลนแรงงานส่งผลต่อคุณภาพการให้บริการ แต่ยังไม่กระทบจำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้นจาก 18% ในเดือนก่อนเป็น 24% และเพิ่มขึ้นในภาคตะวันออก ภาคใต้ และภาคเหนือเป็นสำคัญ</p>
<p>“สำหรับไฮซีซันที่จะถึงนี้ ปัญหาขาดแคลนแรงงานจะมีมากขึ้น โดยมีสัดส่วนผู้ตอบกว่า 88% ส่วนที่เหลืออีก 12% ระบุว่าไม่มีปัญหาในช่วงไฮซีซันที่จะถึงนี้”</p>
<p>ด้านแนวทางการรับมือกับปัญหาขาดแคลนแรงงานในช่วงไฮซีซันนี้ พบว่าธุรกิจโรงแรมส่วนใหญ่มีแนวโน้มจะจัดการกับปัญหาขาดแคลนแรงงานโดย “การจ้างงานแรงงานแบบชั่วคราว” (Casual) เพิ่มขึ้น ด้วยสัดส่วนผู้ตอบมากถึง 79% และเพิ่มทักษะและหน้าที่ของแรงงาน 73% นอกจากนี้โรงแรมบางส่วน 35% จะใช้เทคโนโลยีหรือระบบอัตโนมัติ (Automation) ทดแทนแรงงานมากขึ้น ขณะที่ 28% จะเพิ่มค่าจ้างและค่า OT เพื่อดึงดูดแรงงาน และอีก 20% จะจ้างงานแบบประจำเพิ่มขึ้น</p>
<p>การสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นดังกล่าวยังได้สอบถามเกี่ยวกับประเด็นพิเศษ “ผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นต่อความสามารถในการชำระหนี้ในปัจจุบัน” พบว่าธุรกิจโรงแรมส่วนใหญ่ 52% ยังสามารถชำระหนี้ได้ตามปกติ แม้มีภาระดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น หากพิจารณาตามกลุ่มโรงแรม พบว่าโรงแรมระดับไม่เกิน 3 ดาว มีสัดส่วน 29% ที่ได้รับผลกระทบมาก โดยอาจผิดนัดชำระหนี้หรือต้องปรับโครงสร้างหนี้มากกว่ากลุ่มอื่น ขณะที่โรงแรมระดับ 5 ดาวขึ้นไปมีสัดส่วนที่ไม่ได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นมากกว่ากลุ่มอื่น</p>
<p>สำหรับแนวโน้มลูกค้า “นักท่องเที่ยวจีน” เข้าพักในไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ปีนี้ โรงแรมส่วนใหญ่ 61% ประเมินว่าในไตรมาส 3 ลูกค้าจีนจะกลับมาเข้าพักไม่เกิน 20% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันเมื่อปี 2562 ก่อนโควิด-19 ระบาด โดยส่วนใหญ่ยังเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มที่เดินทางมาด้วยตัวเอง (F.I.T) และในไตรมาส 4 คาดว่าลูกค้าจีนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แต่ 69% ของผู้ตอบมองว่าสัดส่วนลูกค้าจีนที่กลับมายังน้อยกว่า 40% เมื่อเทียบกับก่อนเกิดโควิด-19</p>
<p>หลังอัตราการเข้าพักเดือน ก.ค. ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 57.5% จากเดือนก่อนซึ่งมี 45.5% โดยเพิ่มขึ้นในทุกภูมิภาค ส่วนหนึ่งมาจากการเข้าสู่ช่วงปิดภาคเรียนฤดูร้อนในบางประเทศ ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาเพิ่มขึ้น พื้นที่ภาคตะวันออกมีอัตราการเข้าพักสูงสุดเฉลี่ย 68% รองลงมาคือภาคกลาง 66.2% ภาคใต้ 58% ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 40% และภาคเหนือ 39.6% สำหรับคาดการณ์อัตราการเข้าพักเดือน ส.ค. อยู่ที่ 54.4%</p>
<p>“ภาพรวมสัดส่วนของนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น ขณะที่นักท่องเที่ยวไทยมีสัดส่วนน้อยลง สะท้อนจากโรงแรมที่มีสัดส่วนลูกค้าต่างชาติมากกว่า 50% คิดเป็น 60% ของผู้ตอบ โดยกลุ่มลูกค้าต่างชาติที่เข้าพักส่วนใหญ่เป็นลูกค้าเอเชียและตะวันออกกลาง”</p>
<p>มาริสา กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วงปลายเดือน ก.ค. ถึงต้นเดือน ส.ค. ที่ผ่านมามีวันหยุดต่อเนื่อง ส่งผลดีต่อการท่องเที่ยว ดังนั้นทุกภาคส่วนต้องมีความพร้อมและสร้างทักษะใหม่ๆ (Upskill) การฟื้นความรู้นำสู่การปฏิบัติ (Reskill) รวมทั้งเสริมสร้างแนวคิดและทัศนคติ (Mindset) ใหม่ๆ ให้แก่ผู้ประกอบการและบุคลากร ทำการตลาดทั้งตลาดเก่าที่ต้องไปตอกย้ำ และตลาดใหม่ที่มีกำลังซื้อและเติบโตแบบก้าวกระโดด รวมไปถึงตลาดไมซ์ (MICE: การประชุม เดินทางเพื่อเป็นรางวัล สัมมนา และแสดงสินค้า) ที่จะเสริมทัพการท่องเที่ยวให้แข็งแรงยิ่งขึ้น เชื่อมโยงการท่องเที่ยวในทุกภูมิภาค</p>
<p>รวมทั้งการปรับเปลี่ยนการตลาดจากเชิงรุก มาเป็นการทำแฟมทริปเพื่อเพิ่มประสบการณ์ให้กับ “ท่องเที่ยวชุมชน” ที่เป็นเทรนด์การท่องเที่ยวแนวใหม่ในอนาคต สร้างความแข็งแรงพร้อมต่อยอดสู่ตลาดโลกขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี เพราะขณะนี้หลายประเทศกำลังฟื้นตัวเปิดการท่องเที่ยวพร้อมกัน จนเกิดการช่วงชิงนักท่องเที่ยวรุนแรงมากขึ้น</p>
<p>ที่มา: กรุงเทพธุรกิจ, 11/8/2566</p>
<p><strong>รมว.แรงงานสั่งกวาดล้างต่างชาติเร่ขายสินค้าแย่งงานคนไทย ย่านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ</strong></p>
<p>นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า จากกรณีพบข้อร้องเรียนผ่านสื่อมวลชนว่ามีแรงงานต่างชาติเข้ามาประกอบอาชีพเร่ขายสินค้า ทั้งรถเข็นขายสินค้าบนฟุตบาท และมอเตอร์ไซค์พ่วงข้าง ย่านอนุสาวรีชัยสมรภูมิ และซอยอารีย์ เป็นจำนวนมากนั้น กระทรวงแรงงานขอย้ำเตือนอีกครั้งว่างานเร่ขายสินค้า</p>
<p>เป็นอาชีพที่คนต่างชาติห้ามทำโดยเด็ดขาด ซึ่งระบุไว้ในประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง กำหนดงานที่ห้ามคนต่างด้าวทำ หลังทราบเรื่อง ตนไม่นิ่งนอนใจได้มอบหมายให้กรมการจัดหางานลงพื้นที่ตรวจสอบการทำงานของคนต่างชาติบริเวณพื้นที่ดังกล่าวอย่างเคร่งครัด เพื่อดำเนินคดีคนต่างชาติที่ทำงานผิดกฎหมายแย่งอาชีพคนไทย</p>
<p>โดยงานที่ห้ามแรงงานต่างด้าวทำมีทั้งสิ้น 40 งาน แบ่งเป็น งานที่ห้ามทำเด็ดขาด 27 งาน และงานที่ให้คนต่างด้าวทำได้โดยมีเงื่อนไข 13 งาน ซึ่งงานเร่ขายสินค้า อยู่ในบัญชีที่ 1 งานที่ห้ามทำเด็ดขาด หากตรวจพบการฝ่าฝืนกฎหมาย คนต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงานหรือทำงานนอกเหนือจากที่มีสิทธิจะทำได้ มีโทษปรับตั้งแต่ 5,000 – 50,000 บาท</p>
<p>และถูกส่งกลับประเทศต้นทาง รวมถึงห้ามขอใบอนุญาตทำงานเป็นเวลา 2 ปี นับตั้งแต่วันที่ได้รับโทษ และนายจ้าง/สถานประกอบการที่รับคนต่างด้าวที่ไม่มีใบอนุญาตทำงานเข้าทำงาน หรือให้คนต่างด้าวทำงานนอกเหนือจากที่มีสิทธิ มีโทษปรับตั้งแต่ 10,000 – 100,000 บาท ต่อคนต่างด้าวที่จ้างหนึ่งคน หากกระทำผิดซ้ำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับตั้งแต่ 50,000 – 200,000 บาท ต่อคนต่างด้าวที่จ้างหนึ่งคน และห้ามจ้างคนต่างด้าวทำงานเป็นเวลา 3 ปี</p>
<p>ด้านนายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า กรมการจัดหางานรับข้อสั่งการจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ลงพื้นที่ตรวจสอบย่านอนุสาวรีชัยสมรภูมิ แขวงถนนพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2566 ที่ผ่าน จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่กองทะเบียนจัดหางานกลางและคุ้มครองคนหางาน กรมการจัดหางาน พบว่าบริเวณดังกล่าวมีร้านค้าแผงลอย และรถเข็นผลไม้ที่มีคนลักษณะคล้ายคนต่างชาติกำลังทำงานอยู่ จำนวน 4 ร้าน จึงแสดงตัวเข้าตรวจสอบเอกสารหลักฐาน</p>
<p>พบนายจ้างกระทำความผิดรับคนต่างด้าวที่ไม่มีใบอนุญาตทำงานเข้าทำงาน จำนวน 2 ราย และคนต่างชาติกระทำความผิด จำนวน 5 คน ประกอบด้วยสัญชาติเวียดนาม 2 คน สัญชาติลาว 2 คน และสัญชาติกัมพูชา 1 คน ในจำนวนนี้ 3 คน มีเอกสารการเข้าเมืองถูกต้องแต่ไม่มีใบอนุญาตทำงาน จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาเป็นคนต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน และอีก 2 คน ไม่มีเอกสารใด ๆ มาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ จึงแจ้งข้อกล่าวหา เป็นคนต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน และข้อหาเป็นบุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลพญาไท เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป</p>
<p>ทั้งนี้ หากพบเห็นการจ้างคนต่างชาติทำงานโดยผิดกฎหมาย หรือพบคนต่างชาติลักลอบทำงานโดยผิดกฎหมาย โปรดแจ้งเบาะแสมาที่กองทะเบียนจัดหางานกลางและคุ้มครองคนหางาน กรมการจัดหางาน อาคารกระทรวงแรงงาน ชั้น 4 โทร. 023541729 หรือที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 หรือ ที่สายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร.1506 กด 2 กรมการจัดหางาน หรือสายด่วน 1694 กรมการจัดหางาน</p>
<p>ที่มา: สำนักข่าวไอเอ็นเอ็น, 10/8/2566</p>
<p><strong>“ปลัดแรงงาน” ชี้ขึ้นค่าแรงต้องฟังเสียงไตรภาคี เร่งเพิ่มทักษะดันรายได้แรงงาน</strong></p>
<p>9 ส.ค. 2566 นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน เปิดตัวโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการ “สร้างอาชีพ เสริมรายได้ให้ชุมชน กระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก แรงงานไทย” กล่าวว่า โครงการฯนี้ จะเสริมสร้างความเข้มแข็งด้านอาชีพให้กับแรงงานนอกระบบ เพื่อให้มีทักษะที่ทันสมัยในการประกอบอาชีพและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ภายในงาน มีกิจกรรมเปิดตัวโครงการฯ เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจแนวทางการดำเนินงานโครงการให้แก่บุคลากรของกระทรวงฯ นอกจากนี้ จะมีการกิจกรรมจัดฝึกอบรมเพิ่มความรู้และทักษะในการประกอบอาชีพ อาทิ หลักสูตรการประกอบอาชีพเดลิเวอรี่ , หัตถกรรม ,การพัฒนาแพลตฟอร์ม และการทำอาหาร โดยตั้งเป้า มีแรงงานนอกระบบจากทั่วประเทศเข้ารับการฝึกอบรม 25,410 คน ที่มีคุณสมบัติเป็นคนไทยที่ต้องการมีทักษะอาชีพเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มรายได้</p>
<p>ทั้งนี้ กระทรวงฯ ให้ความสำคัญกับแรงงานนอกระบบที่มีอยู่กว่า 20 ล้านคน ซึ่งแนวโน้มการประกอบอาชีพในปัจจุบันและอนาคต คนรุ่นใหม่ต่างสนใจที่จะประกอบอาชีพอิสระเพิ่มขึ้น จึงมีการผลักดันร่างพระราชบัญญัติส่งเสริม คุ้มครอง และพัฒนาแรงงานนอกระบบให้มีผลบังคับใช้ ซึ่งขณะนี้ได้ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว และรอเข้าสู่กระบวนการทางรัฐสภา หากกฎหมายดังกล่าวมีผลใช้บังคับ เชื่อว่า จะช่วยให้แรงงานนอกระบบมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น</p>
<p>อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันกระทรวงฯ มีแนวทางการพัฒนาฝีมือแรงงานนอกระบบอย่างต่อเนื่อง ในแต่ละปีมีการอบรมพัฒนาทักษะอาชีพให้กับแรงงาน ควบคู่ไปกับการออกหนังสือรับรองมาตรฐานอาชีพ สามารถนำใบรับรองไปสมัครงาน เพื่อรับรองประกันรายได้ขั้นต่ำได้</p>
<p>ผู้สื่อข่าวถามถึงความเป็นไปได้ในเรื่องนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท ภายในปี 2570 ของพรรคไทย ภายหลังจากเริ่มมีความชัดเจนเรื่องแกนนำการจัดตั้งรัฐบาลจากพรรคเพื่อไทย ปลัดกระทรวงแรงงาน ระบุว่า ในฐานะที่ตนเองประธานคณะกรรมการไตรภาคีค่าจ้างขั้นต่ำ โดยยืนยันหลักการทั่วไปเป็นที่ทราบกันดีว่า ในเรื่องค่าจ้างขั้นต่ำว่า กฎหมายได้ให้อำนาจคณะกรรมการไตรภาคี แม้ว่าในส่วนของภาคนโยบายอาจจะมีการกำหนดมาก็จริง แต่ก็ต้องฟังและให้สิทธิ์คณะกรรมการไตรภาคี โดยตนเองเป็นฝ่ายรัฐ ในการประชุมจะให้เกียรติทั้งนายจ้าง และลูกจ้าง เพราะเป็นผลกระทบกับทั้งสองฝ่าย จึงต้องฟังเหตุผลจากทั้งนายจ้าง และลูกจ้าง ให้รับได้ทั้ง 2 ฝ่าย</p>
<p>ทั้งนี้ แน่นอนในส่วนของนโยบายทางการเมือง เชื่อว่า นโยบายทุกรัฐบาลทุกพรรคการเมืองอยากให้ประชาชนได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง แต่อย่างไรก็ตาม ต้องบอกว่าเหรียญมีสองด้าน ในเรื่องค่าแรงขั้นต่ำ เป็นกฎหมายที่ใช้บังคับในประเทศที่ด้อยพัฒนา ในประเทศที่นายจ้างมีการเอาเปรียบลูกจ้าง แต่สำหรับประเทศไทย เป็นประเทศที่มีความเป็นมาตรฐาน มีระบบตรวจสอบและอื่นๆ มีความเข้มแข็งของสหภาพแรงงานต่างๆ ดังนั้น ในส่วนของค่าแรงขั้นต่ำตนยังยืนยันว่า ควรจะปล่อยให้เป็นไปตามกลไกที่มีคณะกรรมการไตรภาคีเป็นผู้ดูแล</p>
<p>ขณะเดียวกัน หากมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานคนใหม่เข้ามา ตนก็จะมีการนำเรียนในสิ่งที่กระทรวงแรงงานต้องดำเนินการ โดยจะทำเช่นไรให้คนไทยมีรายได้สูงและมีรายได้ 600 บาทต่อวันขึ้นไป โดยการทำให้คนไทยมีทักษะฝีมือแรงงานและก้าวข้ามคำว่า “กรรมกร” แล้ว ดังนั้น ในส่วนของค่าแรงขั้นต่ำจะเป็นในส่วนของแรงงานที่ทำงาน หนึ่ง อันตราย สอง มีความยากลำบาก สาม สกปรก</p>
<p>โดย เมื่อคนไทยก้าวข้ามคำว่า “กรรมกร” ก็ไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องค่าแรงขั้นต่ำ แต่จะต้องทำอย่างไร ให้คนไทยทุกคนมีทักษะฝีมือแรงงาน เพื่อนำไปประกอบอาชีพ ซึ่งเมื่อมีทักษะฝีมือแรงงานก็จะสามารถเรียกร้องค่าแรงได้ ซึ่งเป็นส่วนของกระทรวงแรงงานที่จะต้องรับในเรื่องการพัฒนาทักษะ มีอาชีพ มีคุณภาพ และอยากให้รัฐบาลประกาศ คนไทยทุกคนจะต้องมีรายได้ไม่ต่ำกว่า เท่าไหร่ ภายใต้การมีทักษะฝีมือแรงงาน</p>
<p>ส่วนกรณีที่มีนักวิชาการ ออกมาเรียกร้องไม่ให้มีการนำเรื่องค่าแรงขั้นต่ำมาเป็นนโยบายหาเสียง ปลัดกระทรวงแรงงาน ระบุว่า เป็นมุมมองของนักวิชาการที่มองว่า ค่าแรงขั้นต่ำ เป็น เรื่องของคณะกรรมการไตรภาคี ก็ไม่ควรนำเรื่องของนโยบายมาบังคับ แต่ในฐานะของข้าราชการประจำ ทุกรัฐบาลที่เข้ามาก็มีนโยบาย และต้องการที่จะผลักดันนโยบายต่างๆ เพื่อให้เห็นผลตามที่ได้มีการหาเสียง แต่สุดท้ายเ ชื่อว่าทุกฝ่ายจะคำนึงประโยชน์ของประเทศชาติ และประชาชนเป็นหลัก และสามารถเดินไปด้วยกันได้</p>
<p>ที่มา: TOP News, 9/8/2566</p>
<p><strong>รมว.แรงงาน เน้นย้ำสร้างความมั่นใจผู้ประกอบการที่ยื่นบัญชีรายชื่อความต้องการจ้างแรงงานต่างด้าว</strong></p>
<p>นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแนวทางการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว ภายหลังวันที่ 31 กรกฎาคม 2566 หลังจากที่กระทรวงแรงงาน เปิดให้นายจ้างยื่นบัญชีรายชื่อความต้องการจ้างแรงงานต่อกรมการจัดหางานภายในวันที่ 31 กรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งคนต่างด้าวกลุ่มนี้สามารถอยู่ทำงานต่อไปได้จนถึงวันที่ 30 กันยายน 2566 โดยให้คนต่างด้าวใช้บัญชีรายชื่อ ที่แจ้งขึ้นทะเบียนต่อกรมการจัดหางาน เป็นหลักฐานแสดงว่าคนต่างด้าวได้รับการผ่อนผัน ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ในทางเศรษฐกิจของประเทศ สนับสนุนนายจ้างและสถานประกอบการให้สามารถจ้างคนต่างด้าวที่มีสถานะถูกต้องตามกฎหมายทำงานต่อไปได้</p>
<p>นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรียังเห็นชอบตามที่กระทรวงแรงงานเสนอหลักการร่างประกาศที่เกี่ยวข้อง จำนวน 2 ฉบับ ได้แก่ ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย และร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่องการอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานในราชอาณาจักร เป็นกรณีพิเศษ สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2566 (ฉบับที่ ..)</p>
<p>หากนายจ้าง สถานประกอบการและแรงงานต่างด้าว ที่มีข้อสงสัย สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อได้ที่ สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1 – 10 หรือที่สายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร.1506 กด 2 หรือ โทร. 1694 กรมการจัดหางาน</p>
<p>ที่มา: สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์, 9/8/2566</p>
<p><strong>เตือนภัยแก๊งมิจฉาชีพ ส่ง SMS แอบอ้างประกันสังคม ลวงผู้ประกันตนกดลิงก์ปลอม จนมีความเสี่ยงทำให้เสียทรัพย์</strong></p>
<p>นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงแรงงาน โดยสำนักงานประกันสังคมได้รับการร้องเรียนจากผู้ประกันตนถึงกรณีพบข้อความ SMS ส่งผ่านโทรศัพท์มือถือ แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่สำนักงานประกันสังคม แจ้งเตือนชื่อผู้ประกันตน โดยบอกหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน 4 ตัวท้าย และให้ติดต่อกลับเจ้าหน้าที่สำนักงานประกันสังคม เพื่อหลอกให้ผู้ประกันตนกดลิงก์ที่แนบมาให้ พร้อมให้อัพเดทข้อมูลอย่างเร่งด่วน จนทำให้ผู้ประกันตนเสียทรัพย์</p>
<p>รมว.แรงงาน กล่าวยืนยันว่า “สำนักงานประกันสังคม ไม่มีนโยบายส่งข้อความ SMS แนบลิงก์ให้ผู้ประกันตนทุกกรณีโดยเด็ดขาด ขอให้ผู้ประกันตนฉุกคิดอย่าหลงเชื่อข้อความดังกล่าว โดยผู้ประกันตนสามารถสอบถามหรือติดต่อเจ้าหน้าที่สำนักงานประกันสังคมโดยตรง เท่านั้น” นายสุชาติ กล่าวถึงช่องทางการให้บริการ และข้อมูลข่าวสารของสำนักงานประกันสังคม ดังนี้</p>
<p>1. เว็บไซต์ทางการของ สำนักงานประกันสังคม ลิงค์ URL: www.sso.go.th</p>
<p>2. Application : SSO Connect สามารถดาวน์โหลดฟรีผ่านทาง App Store และ Play Store เท่านั้น</p>
<p>3. LINE Official Account : LINE @ssothai</p>
<p>ด้านนายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม เปิดเผยว่า ผมได้กำชับให้เจ้าหน้าที่สำนักงานประกันสังคม ระมัดระวังอย่างเข้มงวด เรื่องข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ประกันตน และมีมาตรการเด็ดขาดกับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติโดยมิชอบ จึงขอให้ผู้ประกันตนเชื่อมั่นได้ว่าข้อมูลของท่านจะไม่รั่วไหลไปยังกลุ่มมิจฉาชีพ อีกทั้งสำนักงานประกันสังคมได้มีศูนย์กลางเฝ้าระวัง และรับมือภัยคุกคามความปลอดภัยคอมพิวเตอร์ (SSO Security Operation Center) เพื่อรับมือกับภัยคุกคามต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น สามารถระบุถึงเหตุการณ์ผิดปกติได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำรวมถึงตอบสนองต่อเหตุการณ์นั้นได้ทันท่วงที เพื่อติดตามกลโกงแก๊งมิจฉาชีพอย่างต่อเนื่อง พร้อมดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดให้ถึงที่สุด และส่งเรื่องไปยังศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อดำเนินคดีปิดเว็บไซต์ Application หรือ LINE ปลอม หากผู้ประกันตนพบเห็นพฤติกรรมดังกล่าว โปรดแจ้งมายังสำนักงานประกันสังคม หรือหากท่านเป็นผู้ได้รับความเสียหาย จากการโอนเงินให้มิจฉาชีพดังกล่าว สามารถแจ้งความกับตำรวจเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายได้ทันที ด้วยความห่วงใยจากสำนักงานประกันสังคม หากผู้ประกันตน มีข้อสงสัยติดต่อสอบถามได้ที่ สายด่วน 1506 ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง</p>
<p>ที่มา: ผู้จัดการออนไลน์, 9/8/2566</p>
<p><strong>ครม.ไฟเขียวปรับวงเงินให้นายจ้างจ่ายค่ารักษาพยาบาลเพิ่ม 65,000 บาท</strong></p>
<p>นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงมติคณะรัฐมนตรี เห็นชอบร่างกฎกระทรวงค่ารักษาพยาบาลที่ให้นายจ้างจ่าย(ฉบับที่..) พ.ศ.....  ปรับเพิ่มวงเงินค่ารักษาพยาบาลตามกฎกระทรวงค่ารักษาพยาบาลที่ให้นายจ้างจ่ายพ.ศ.2563 จากเดิม 50,000 บาท เป็น 65,000 บาท และแก้เงื่อนไขลักษณะการบาดเจ็บรุนแรงของศีรษะ จากเดิมบาดเจ็บรุนแรงของศีรษะและต้องได้รับการผ่าตัดเปิดกะโหลกศีรษะ เป็นบาดเจ็บอย่างรุนแรงของศีรษะ  เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพการณ์ทางเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนแปลงและช่วยให้ลูกจ้างเข้าถึงสิทธิประโยชน์การรักษาพยาบาลที่เพิ่มขึ้น ลดความเดือดร้อนและลดภาระค่าใช้จ่ายให้แก่ลูกจ้าง</p>
<p>ร่างกฎกระทรวงนี้ ยังครอบคลุมผู้ป่วยที่มีการบาดเจ็บจนเกิด ภาวะไม่รู้สึกตัว หรืออัมพาตที่มีค่าใช้จ่ายสูงสามารถเข้าหลักเกณฑ์ตามกฎกระทรวงข้อนี้ได้ เช่น อาการบาดเจ

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า

นักข่าวหัวเห็ด แห่งเวบสุขใจ
อัพเดตข่าวทันใจ ตลอด 24 ชั่วโมง

>> http://www.SookJai.com <<
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
หัวข้อ เริ่มโดย ตอบ อ่าน กระทู้ล่าสุด
[ข่าวมาแรง] - สถานการณ์แรงงานประจำสัปดาห์ 30 ก.ค.-5 ส.ค. 2566
สุขใจ ร้านน้ำชา
สุขใจ ข่าวสด 0 84 กระทู้ล่าสุด 05 สิงหาคม 2566 14:00:54
โดย สุขใจ ข่าวสด
[ข่าวมาแรง] - สถานการณ์แรงงานประจำสัปดาห์ 20-26 ส.ค. 2566
สุขใจ ร้านน้ำชา
สุขใจ ข่าวสด 0 142 กระทู้ล่าสุด 26 สิงหาคม 2566 12:57:26
โดย สุขใจ ข่าวสด
[ข่าวมาแรง] - สถานการณ์แรงงานประจำสัปดาห์ 27 ส.ค.-2 ก.ย. 2566
สุขใจ ร้านน้ำชา
สุขใจ ข่าวสด 0 83 กระทู้ล่าสุด 02 กันยายน 2566 14:08:02
โดย สุขใจ ข่าวสด
[ข่าวมาแรง] - สถานการณ์แรงงานประจำสัปดาห์ 3-9 ก.ย. 2566
สุขใจ ร้านน้ำชา
สุขใจ ข่าวสด 0 79 กระทู้ล่าสุด 09 กันยายน 2566 12:15:45
โดย สุขใจ ข่าวสด
[ข่าวมาแรง] - สถานการณ์แรงงานประจำสัปดาห์ 10-16 ก.ย. 2566
สุขใจ ร้านน้ำชา
สุขใจ ข่าวสด 0 68 กระทู้ล่าสุด 16 กันยายน 2566 13:59:51
โดย สุขใจ ข่าวสด
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.807 วินาที กับ 32 คำสั่ง

Google visited last this page 06 พฤษภาคม 2567 16:44:56