[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
14 พฤษภาคม 2567 16:06:23 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: [ข่าวมาแรง] - เลขาฯ ก้าวไกลจี้นโยบายพัฒนากองทัพ เป็นแค่ ‘นโยบายเขตทหารห้ามเข้า’ ไม่ต่างยุคป  (อ่าน 59 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สุขใจ ข่าวสด
I'm Robot
สุขใจ บอทนักข่าว
นักโพสท์ระดับ 15
****

คะแนนความดี: +101/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Italy Italy

กระทู้: มากเกินบรรยาย


บอท @ สุขใจ


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 13 กันยายน 2566 06:14:35 »

เลขาฯ ก้าวไกลจี้นโยบายพัฒนากองทัพ เป็นแค่ ‘นโยบายเขตทหารห้ามเข้า’ ไม่ต่างยุคประยุทธ์
 


<span class="submitted-by">Submitted on Tue, 2023-09-12 22:43</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>‘ชัยธวัช’ นิยามรัฐบาลเศรษฐา ‘ส่วนต่อขยายของระบอบประยุทธ์’ นโยบายไม่แตะปัญหาที่สถาบันกษัตริย์ถูกนำมาเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งทางการเมือง นโยบายที่เกี่ยวกับกองทัพไม่ต่างอะไรกับแผนของสภากลาโหมยุคประยุทธ์ เกณฑ์ทหารยังมี ไม่จัดการที่ดินและธุรกิจกองทัพ</p>
<p>12 ก.ย.2566 ในการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล อภิปรายนโยบายด้านการเมือง โดยสรุปรัฐบาลเศรษฐา 1 ว่าเป็น ‘ส่วนต่อขยายของระบอบประยุทธ์’ และสะท้อนให้เห็นรากฐานทางการเมืองและความสัมพันธ์ทางอำนาจของรัฐบาลชุดนี้</p>
<p>ชัยธวัชกล่าวถึงเป้าหมายของรัฐบาลที่มุ่งมั่นจะสร้างความสามัคคีปรองดองให้เกิดขึ้นในสังคมไทย 7 หัวข้อ แล้วเขามีความเห็นว่า</p>
<p>ประเด็นแรกเรื่องพิทักษ์รักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่ทุกรัฐบาลต้องทำอยู่แล้วเพราะองค์พระมหากษัตริย์ทรงเป็นองค์พระประมุขของประเทศ แต่การที่นายกฯ หยิบยกเรื่องนี้เป็นประเด็นแรก รัฐบาลกำลังส่งสัญญาณอะไร กำลังบอกว่าปัญหาทางการเมืองที่สำคัญมากขณะนี้ คือสถาบันฯ กำลังถูกคุกคามจนกลายเป็นประเด็นสำคัญและเป็นภารกิจแรกที่นายกฯ กล่าวถึงในนโยบายใช่หรือไม่ นักการเมืองทุกคนรู้ดีว่ารัฐประหาร 2 ครั้งที่ผ่านมากว่า 10 ปีกำลังเผชิญปัญหาใหญ่ในทางการเมืองที่เกี่ยวข้องกับสถาบันฯ คือปัญหาการนำสถาบันฯ มาเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งทางการเมือง</p>
<p>เลขาฯ พรรคก้าวไกลยังชี้ปัญหาการบังคับใช้มาตรา 112 อีกว่ากำลังทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสถาบันฯ กับประชาชนย่ำแย่ลง ไม่ต้องพูดถึงมรดกของ คสช. ไม่ว่าจะเป็นการออกกฎหมายหลายฉบับที่หมิ่นเหม่จะกระทบหลักการ ‘ปกเกล้าไม่ปกครอง’ ของสถาบันฯ ในระบอบประชาธิปไตย ซึ่งอาจเสี่ยงทำให้สถาบันฯ ไม่อยู่ในสถานะอันเป็นที่เคารพสักการะ</p>
<p>“นี่ถ้าผมปิดตาฟังว่าย่อหน้าแรกรัฐบาลจะทำอะไร ผมนึกว่าเป็นคำแถลงของรัฐบาลประยุทธ์ 3” ชัยธวัชกล่าว</p>
<p>ประเด็นต่อมาเรื่องรัฐธรรมนูญที่รัฐบาลบอกว่าเป็นนโยบายเร่งด่วน คือการแก้ปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญ เพื่อให้คนไทยได้มีรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น โดยยึดรูปแบบการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและไม่แก้ไขในหมวดพระมหากษัตริย์ โดยรัฐบาลจะหารือแนวทางในการทำประชามติที่ให้ความสำคัญกับการทำให้ประชาชนทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมออกแบบกฎกติกาที่เป็นประชาธิปไตย ทันสมัยและเป็นที่ยอมรับร่วมกัน รวมถึงการหารือ แนวทางการจัดทำรัฐธรรมนูญในรัฐสภาเพื่อให้ประเทศสามารถเดินต่อไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง</p>
<p>ชัยธวัชตั้งข้อสังเกตว่า สุดท้ายที่เคยบอกว่าในการประชุม ครม.นัดแรก จะมีการพิจารณาให้มีการจัดทำประชามติเพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดย สสร. จากการเลือกตั้งนั้น ไม่มีแล้วใช่หรือไม่</p>
<p>เลขาฯ พรรคก้าวไกลยังกล่าวถึงประเด็นเรื่องการฟื้นฟูหลักนิติธรรม (Rule of Law) ที่เขาอ่านแล้วก็มีคำถามว่าตกลงหลักนิติธรรมที่รัฐบาลกำลังจะฟื้นฟูนั้น คืออะไรแน่ เพราะไม่มีการพูดถึงประชาชนเป็นเป้าหมายในการฟื้นฟูหลักนิติธรรมสักคำเดียว ตกลงหลักนิติธรรมเป็นไปเพื่อสร้างความชอบธรรมให้การปกครองอย่างนั้นหรือ ไม่มีการพูดเรื่องความเสมอภาคต่อหน้ากฎหมาย</p>
<p>ประเด็นการกระจายอำนาจ ที่เขาไม่เห็นความชัดเจนว่าจะมีมาตรการในการเพิ่มอำนาจ เพิ่มงบประมาณ เพิ่มบุคลากรและทรัพยากรต่างๆ ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเลย ทั้งที่ในการรัฐประหาร 2 ครั้งได้ทำให้สถานการณ์กระจายอำนาจถอยหลังลงคลองไปเรื่อยๆ เกิดการดึงอำนาจจากท้องถิ่นเข้าสู่ส่วนกลางขนานใหญ่</p>
<p>ชัยธวัชเห็นว่ารัฐบาลไม่มีความชัดเจนว่าจะทำอะไรกันแน่ในเรื่องความเท่าเทียมของกลุ่มความหลากหลายทางเพศ การร่วมมือกันระหว่างรัฐกับประชาชน และเรื่องความแตกต่างทางความคิด ศาสนา และอุดมการณ์ ที่เหมือนเอาหลายเรื่องมาผสมรวมกัน</p>
<p>เลขาฯ พรรคก้าวไกลกล่าวถึงเน้นถึงเรื่องการพัฒนากองทัพ ที่นายกฯ แถลงว่ารัฐบาลจะร่วมกันพัฒนากองทัพโดย</p>
<p>1.จะเปลี่ยนรูปแบบการเกณฑ์ทหารเป็นแบบสมัครใจ</p>
<p>2.ปรับปรุงการฝึกนักศึกษาวิชาทหารหน่วยบัญชาการรักษาดินแดนให้เป็นแบบสร้างสรรค์</p>
<p>3.ลดกำลังพลนายทหารชั้นสัญญาบัตรระดับสูงและกำหนดอัตรากำลังในกองอำนวยการรักษา ความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ให้สอดคล้องกับบทบาทและภารกิจในปัจจุบันและอนาคตของประเทศ</p>
<p>4.ปรับปรุงกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงกลาโหม และ</p>
<p>5.นำพื้นที่ของหน่วยทหารที่เกินความจำเป็นมาใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อประชาชน</p>
<p>ทั้งนี้ชัยธวัชมองว่านโยบายเกี่ยวกับกองทัพสำคัญมากเพราะสถานการณ์ปัจจุบันปฏิเสธไม่ได้ว่าปัญหาเรื่องรัฐประหารยังเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการพัฒนาประชาธิปไตยของไทยที่กองทัพกลายเป็น ‘กระดูกสันหลัง’ ของระบอบอำนาจนิยมไทย ดังนั้นถ้าไม่แก้ความสัมพันธ์ระหว่างพลเรือนกับทหารการปฏิรูปการเมืองที่ปราศจากการปฏิรูปกองทัพ จะทำให้ไม่มีหลักประกันในการสร้างความเข้มแข็งของระบอบประชาธิปไตยและจะไม่เกิดการเปลี่ยนผ่านไปสู่ความเป็นประชาธิปไตย</p>
<p>“สังคมไทยเคยพลาดโอกาสสำคัญในการปฏิรูปกองทัพมาแล้ว หลังเหตุการณ์พฤษภา 2535 เพราะตอนนั้นเราต่างคิดว่าเมื่อทหารที่ทำรัฐประหารถูกประชาชนขับไล่กลับเข้ากรมกองแล้ว กองทัพจะเลิกยุ่งกับการเมืองไปเองโดยอัตโนมัติแม้จะไม่ได้มีการปฏิรูปกองทัพอย่างเป็นรูปธรรม แต่มาถึงวันนี้ เราทราบกันดีว่าความคิดนั้นผิด”</p>
<p>ชัยธวัชยังเห็นว่าแม้การมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมคนแรกที่เป็นพลเรือนและไม่ใช่นายกฯ อาจหมายถึงว่ากำลังเข้าสู่ยุคสมัยที่ ‘พลเรือนอยู่เหนือกองทัพ’ แต่กลายเป็นว่าการส่งพลเรือนมานั่งเป็น รมว.กลาโหมครั้งนี้ เป็นการส่งสัญญาณจากรัฐบาลใหม่ว่ารัฐบาลพลเรือนชุดนี้จะไม่ยุ่ง ไม่แตะกองทัพ นโยบายการทหาร นโยบายความมั่นคง จะคงอยู่ในมือของกองทัพ รวมถึงเครือข่ายของคณะรัฐประหารต่อไป</p>
<p>เขาอธิบายโดยยกนโยบายของพรรคเพื่อไทยใช้หาเสียงและยื่นต่อ กกต.เรื่องการ ‘ปฏิรูปกองทัพเป็นทหารอาชีพ’ โดยการปฏิรูปกองทัพเพื่อป้องกันการก้าวก่ายแทรกแซงทางการเมืองและการบริหารราชการแผ่นดิน ให้มีความเป็นทหารอาชีพ เสนอกฎหมายป้องกันและต่อต้านการรัฐประหารและแก้ไขกฎหมายยกเลิกการเกณฑ์ทหาร ให้เข้ารับราชการทหารโดยสมัครใจ</p>
<p>แต่ปรากฏว่า นโยบายดังกล่าวของแกนนำจัดตั้งรัฐบาลกลับเปลี่ยนจาก ‘ปฏิรูปกองทัพเพื่อป้องกันการก้าวก่ายแทรกแซงฯ’เป็น ‘ร่วมกันพัฒนากองทัพเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน’ และมีส่วนที่หายไปอย่างการ ‘เสนอกฎหมายป้องกันและต่อต้านการรัฐประหาร’ อีกทั้งไม่แม้แต่จะพูดถึงคำว่า ‘รัฐประหาร’ สักคำ ในการแถลงนโยบายของรัฐบาลพลเรือนครั้งแรกหลังการรัฐประหาร 2557</p>
<p>“ทั้งๆ ที่การรัฐประหารเป็นปัญหาสำคัญมากของการเมืองไทย และพี่น้องประชาชนหลายล้านคนที่ออกมาเลือกตั้ง ก็คาดหวังว่าเมื่อเรามีรัฐบาลพลเรือนชุดใหม่ รัฐบาลใหม่จะมีนโยบายปฏิรูปกองทัพเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการรัฐประหารอีก หรือคำว่า ‘รัฐประหาร’ มันแสลงใจมากจนพูดถึงไม่ได้ หรือนายกฯ เศรษฐา และรัฐบาลชุดนี้ เกรงใจพลเอกประยุทธ์และคณะรัฐประหารมากขนาดนั้นเลยหรือ”</p>
<p>นอกจากนั้นเรื่องการเกณฑ์ทหารก็คลุมเครือไม่ชัดเจน เพราะพรรคเพื่อไทยเคยมีนโยบายจะแก้ไขกฎหมายยกเลิกการเกณฑ์ทหารให้เข้ารับราชการทหารโดยสมัครใจ แต่สุทิน คลังแสงที่เป็น รมว.กลาโหมคนใหม่กลับบอกว่าจะค่อย ๆ ลดสัดส่วนการบังคับเกณฑ์ทหาร แล้วเพิ่มสัดส่วนคนที่สมัครใจมาเป็นทหารเกณฑ์ พอมาถึงการแถลงนโยบายรัฐบาลบอกว่า จะเปลี่ยนรูปแบบการเกณฑ์ทหารเป็นแบบสมัครใจ และปรับปรุงการฝึกนักศึกษาวิชาทหารฯ</p>
<p>“ตกลงท่านนายกฯ รัฐบาล และ รมว.กลาโหม จะเอายังไง จะไม่มีการแก้ไขกฎหมายเพื่อยกเลิกการเกณฑ์ทหารแล้วใช่หรือไม่ ที่รัฐบาลแถลงนโยบายว่าจะเปลี่ยนรูปแบบการเกณฑ์ทหารเป็นแบบสมัครใจ หมายความว่ายังไงกันแน่ ตกลงจะเปลี่ยนรูปแบบการบรรจุกำลังพลทหารเป็นแบบสมัครใจไม่มีการบังคับเกณฑ์ทหารอีกต่อไปแล้ว หรือยังคงมีการบังคับเกณฑ์ทหารอยู่ เพียงแค่จะค่อยๆ เพิ่มจำนวนผู้สมัครใจเป็นทหารเกณฑ์เท่านั้น” ชัยธวัชย้ำคำถาม</p>
<p>ชัยธวัชกล่าวต่อว่าการเลิก กับ ลด การเกณฑ์ทหาร ต่างกันมาก แล้วถ้านโยบายรัฐบาลคือ ลด การเกณฑ์ทหารเท่านั้นก็ไม่ใช่เรื่องใหม่เพราะต่อให้ไม่มีรัฐบาลใหม่ทุกวันนี้กองทัพก็ดำเนินการอยู่แล้ว สภากลาโหมที่ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธานการประชุมเมื่อ31 พ.ค.2566 ก็ได้ประกาศแผนปฏิรูปกองทัพซึ่งมีเรื่องนี้รวมอยู่ด้วย โดย พล.อ.ประยุทธ์ ย้ำในที่ประชุมสภากลาโหมครั้งนั้นว่า “นี่คือแผนของเราที่ทำอยู่แล้ว ไม่ได้เกี่ยวว่าใครจะมาหรือไป”</p>
<p>“นายกฯ เศรษฐา กับ รมว.สุทิน ได้ยินไหมว่ากองทัพมีแผนปฏิรูปของตัวเองอยู่แล้ว คนอื่นไม่เกี่ยว</p>
<p>แบบนี้รัฐบาลใหม่จะให้ รมว.สุทิน ไปนั่งทำหน้าที่เป็นแค่โฆษกกองทัพอย่างนั้นหรือ”</p>
<p>เลขาฯ พรรคก้าวไกลกล่าวต่อว่ารมว.กลาโหมอาจบอกว่ารัฐบาลมีเป้าหมายจะยกเลิกการบังคับเกณฑ์ทหารทั้งหมดในที่สุด แต่ที่ไม่สามารถยกเลิกได้ทันทีเพราะกลัวจะไม่มีคนมาสมัครเป็นพลทหารพอกับจำนวนกำลังพลที่ต้องการ ทำให้มีคำถามว่าถ้าเป็นเช่นนั้น รมว.กลาโหมมีเป้าหมายจะยกเลิกการบังคับเกณฑ์ทหารทั้งหมดภายในกี่ปี</p>
<p>“คนรุ่นใหม่ของประเทศ ยังต้องสูญเสียช่วงวัยที่ควรเป็นจุดเริ่มต้นการทำงาน หรือช่วงเริ่มต้นดูแลครอบครัว จะถูกบังคับเกณฑ์ไปเหมือนไพร่ในยุคสมัยใหม่อีกนานเท่าไร เยาวชนที่ไม่ต้องการเกณฑ์ทหารแต่ไม่มีโอกาสจะเรียน รด. จะมีทางออกอย่างไร รมว.กลาโหมจะสั่งห้ามไม่ให้ใช้ทหารเกณฑ์ในภารกิจที่ไม่เกี่ยวกับการทหารหรือของกองทัพอีกหรือไม่ ยังจะมีพลทหารถูกใช้ไปซักผ้า ถูบ้าน ขับรถ หรือเป็นทหารรับใช้ส่วนตัวของใครอีกหรือไม่ ท่าน รมว.กลาโหมจะจัดการอย่างไรเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ทหารเกณฑ์เสียชีวิตอย่างเป็นปริศนาอีก ปัญหาทหารผีจะมีอีกไหม และจะยุติการเรียกรับส่วยในการจับใบดำใบแดงของกองทัพอย่างไร”</p>
<p>ชัยธวัชมองว่าการกำหนดนโยบายนี้ควรเริ่มด้วยคำถามว่าจำนวนกำลังพลทหารที่ประเทศไทยต้องการคือเท่าไรกันแน่ เพราะปัจจุบันกองทัพเกณฑ์ทหารปีละประมาณ 90,000 นาย รุ่นหนึ่งฝึก 2 ปี เท่ากับว่ากองทัพมีพลทหารประจำการในแต่ละปีรวมทั้งสิ้นประมาณ 180,000-200,000 นาย ในจำนวนนี้มีผู้สมัครเป็นทหารเกณฑ์ปีละประมาณ 35,000 นาย รวมแล้วเรามีพลทหารประจำการที่สมัครใจในแต่ละปีประมาณ 70,000 นาย</p>
<p>เลขาฯ พรรคก้าวไกลตั้งคำถามต่อมาว่า ทำไมถึงต้องการกำลังพลทหารประจำการถึงปีละ 180,000-200,000 นาย ไปเตรียมกำลังรบภาคพื้นดินขนานใหญ่กับใคร ในขณะที่ปัจจุบันโจทย์ทางการทหารเปลี่ยนไปแล้วกองทัพขนาดใหญ่มีกำลังพลจำนวนมากถูกออกแบบมาเพื่อรองรับภัยคุกคามและสงครามแบบเดิมนั้นไม่ตอบโจทย์ความมั่นคงสมัยใหม่แล้ว</p>
<p>ชัยธวัชชี้ว่าตั้งแต่หลังยุคสงครามเย็นเป็นต้นมา กองทัพของหลายประเทศทั่วโลกต่างก็ปฏิรูปลดขนาดกองทัพให้เล็กลงหลายเท่าแต่มีประสิทธิภาพและทันสมัยมากขึ้นหลายเท่า แนวโน้มหลักของกองทัพในศตวรรษที่ 21 จึงเปลี่ยนจากกองทัพทหารเกณฑ์แบบเก่าที่มีขนาดใหญ่ไปเป็นกองทัพแบบทหารมืออาชีพที่สมัครเข้ามาและมีขนาดเล็กลงหลายเท่า แต่กองทัพไทยหลังยุคสงครามเย็น แทบไม่ได้แตกต่างจากกองทัพไทยยุคสงครามเย็นเลย</p>
<p>“ฝากไปยังท่านนายกฯ และ รมว. กลาโหม ว่าการยกเลิกการบังคับเกณฑ์ทหาร เน้นว่ายกเลิก ไม่ใช่ลด</p>
<p>จะเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญมากๆ ประการหนึ่งในการปฏิรูปกองทัพ เพราะเมื่อกำลังพลทหารลดลง จำนวนผู้หมวด ผู้การ ไปจนถึงนายพล ก็จะถูกบีบให้ลดลงไปด้วย การยกเลิกบังคับเกณฑ์ทหารจึงนำไปสู่การปฏิรูปกำลังพลทั้งระบบ ทั้งในแง่ลดขนาด การสร้างทหารอาชีพ และยกเครื่องให้กองทัพทันสมัยสอดคล้องกับศตวรรษที่ 21”</p>
<p>นอกจากนั้นชับธวัชยังตั้งคำถามต่อเรื่องการลดกำลังพลนายทหารชั้นสัญญาบัตรระดับสูงจะปรับลดอย่างไร และมีความแตกต่างจากแผนการปฏิรูปของสภากลาโหมที่มีอยู่แล้วอย่างไร และที่สำคัญจากนโยบายข้อนี้หมายความว่า รัฐบาลจะไม่ทบทวนการมีอยู่ของ กอ.รมน. ใช่หรือไม่</p>
<p>“ผมอยากบอกรัฐบาลว่าปัญหาของ กอ.รมน. ไม่ใช่เรื่องกำลังพล แต่หน่วยงานนี้ถูกฟื้นคืนชีพหลังการรัฐประหารปี 49 กลายเป็นองค์กรรัฐซ้อนรัฐ ทำให้เรามีรัฐทหารมาควบคุมซ้อนทับอยู่เหนือรัฐราชการของพลเรือนอีกชั้นหนึ่ง ยังไม่นับงบลับมหาศาลที่ตรวจสอบไม่ได้”</p>
<p>ชัยธวัชกล่าวว่าเขาไม่เห็นความชัดเจนในนโยบายการนำพื้นที่ของหน่วยทหารที่เกินความจำเป็นมาใช้ให้เป็นประโยชน์ ต่อประชาชน ว่าจะมีการเอาที่ดินราชพัสดุคืนจากกองทัพ ในกรณีที่ไม่ได้นำไปใช้ในกิจการทางการทหารใช่หรือไม่ เพราะถ้าไม่มีหมายความว่ารัฐบาลจะสนับสนุนธุรกิจของกองทัพที่ไม่ควรเป็นภารกิจของทหารต่อไปใช่หรือไม่ นอกจากนั้นยังมีเรื่องเงินนอกนอกงบประมาณที่กองทัพแทบไม่เปิดเผย ตรวจสอบไม่ได้ ไม่มีรายงานว่ามีเท่าไร เอาไปทำอะไร</p>
<p>เลขาฯ พรรคก้าวไกลเห็นว่านายกฯ ในฐานะควบ รมว.คลัง ควรต้องตอบว่าจะเอาอย่างไรกับที่ดินราชพัสดุของกองทัพที่ผิดระเบียบ และเอาอย่างไรกับเงินนอกนอกงบประมาณของกองทัพด้วย</p>
<p>ชัยธวัชยังถามอีกว่าที่รัฐบาลบอกว่าจะสนับสนุนให้มีการปรับโครงสร้างนั้น จะมีการปรับโครงสร้างและอำนาจของสภากลาโหมด้วยหรือไม่เพราะเป็นประเด็นสำคัญที่จะทำให้กองทัพถูกควบคุมโดยพลเรือนได้อย่างแท้จริง นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายเรื่องที่ไม่ปรากฏในคำแถลงของรัฐบาล เช่น ไอโอของกองทัพ ซึ่งทำให้กองทัพกลายเป็นคู่ขัดแย้งทางการเมืองกับพลเรือนนั้น จะยกเลิกหรือไม่</p>
<p>“เมื่อฟังการแถลงนโยบายกองทัพของรัฐบาลแล้ว ผมอยากจะสรุปสั้นๆ ว่านี่ไม่ใช่นโยบายการพัฒนากองทัพร่วมกัน ไม่แม้แต่การปฏิรูปกองทัพ แต่นี่คือนโยบายเขตทหารห้ามเข้า หมายความว่าการปฏิรูปกองทัพโดยรัฐบาลพลเรือนจะไม่เกิดขึ้น นอกจากสิ่งที่กองทัพออกแบบเองและอนุญาตให้ทำ”</p>
<p>ชัยธวัชกล่าวว่า ที่คำแถลงนโยบายด้านการเมือง ประกอบกับด้านอื่นๆ ของรัฐบาลเป็นแบบนี้ ไม่ใช่เป็นเพราะแกนนำจัดตั้งรัฐบาลตระบัดสัตย์ ไม่ใช่เพราะนโยบายที่พูดตอนหาเสียงเป็นแค่คำโฆษณาหรือเทคนิคการหาเสียง และไม่ใช่เพราะเป็นรัฐบาลผสม แต่มันสะท้อนให้เห็นรากฐานทางการเมืองหรือความสัมพันธ์ทางอำนาจที่เป็นจริง ของรัฐบาลเศรษฐาฯ 1</p>
<p>“ผมเห็นว่า เราไม่ได้กำลังเข้าสู่จุดเปลี่ยนอย่างที่ท่านนายกฯ แถลงไว้ แต่เรากำลังเข้าสู่รัฐบาลที่ไม่มีเจตจำนงในการเปลี่ยนแปลง หรือไม่ก็แย่กว่านั้น คือการแถลงนโยบายในครั้งนี้ มันชวนให้คิดได้ว่า เอาเข้าจริงๆ แล้ว รัฐบาลเศรษฐา 1 ได้กลายเป็น ส่วนต่อขยายของระบอบประยุทธ์ เพื่อพยายามหยุดยั้งการเปลี่ยนผ่าน เหนี่ยวรั้งสังคมไทยให้อยู่กับระบบการเมืองแบบเดิม โครงสร้างเศรษฐกิจและสังคมแบบเก่า และวัฒนธรรมแบบจารีตต่อไป”</p>
<p>“นี่คือนโยบายของรัฐบาลที่เต็มไปด้วยความสยบยอม หรือไม่ก็สมยอมกัน เป็นการสามัคคีปรองดองระหว่างชนชั้นนำทางการเมือง ชั้นนำทางเศรษฐกิจ และชนชั้นนำจารีต เพื่อรักษาระบบเดิมเอาไว้ นั่นคือ ระบบที่อำนาจสูงสุดไม่ใช่ของประชาชน ทหารมีอำนาจเหนือสังคม รัฐราชการรวมศูนย์ กฎหมายเป็นเครื่องมือของผู้มีอำนาจ ความมั่นคงอยู่เหนือพลเมือง ทุนใหญ่มีอำนาจเหนือระบบเศรษฐกิจ” ชัยธวัชกล่าว</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/09/105879
 

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า

นักข่าวหัวเห็ด แห่งเวบสุขใจ
อัพเดตข่าวทันใจ ตลอด 24 ชั่วโมง

>> http://www.SookJai.com <<
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
หัวข้อ เริ่มโดย ตอบ อ่าน กระทู้ล่าสุด
[ข่าวด่วน] - เลขาฯ กกต.เตือนพรรคการเมืองและผู้สมัครปฏิบัติตัวตามกฎหมาย
สุขใจ ร้านน้ำชา
สุขใจ ข่าวสด 0 116 กระทู้ล่าสุด 22 มีนาคม 2566 07:42:18
โดย สุขใจ ข่าวสด
[ข่าวมาแรง] - ‘สุทิน’ แจงเอกสารแต่งตั้งคนบ้านชินวัตรเป็นที่ปรึกษา-เลขาฯ รมว.กลาโหมเป็นของปล
สุขใจ ร้านน้ำชา
สุขใจ ข่าวสด 0 76 กระทู้ล่าสุด 10 กันยายน 2566 16:22:28
โดย สุขใจ ข่าวสด
[ข่าวมาแรง] - เลขาฯ กพฐ. สั่งการ ผอ.เขต ผอ.โรงเรียน ทบทวนวิธีสอนประวัติศาสตร์
สุขใจ ร้านน้ำชา
สุขใจ ข่าวสด 0 89 กระทู้ล่าสุด 20 พฤศจิกายน 2566 00:53:44
โดย สุขใจ ข่าวสด
[ข่าวมาแรง] - เลขาฯ ป.ป.ช.แจง ป.ป.ช.ยังไม่มีความเห็นเรื่องดิจิทัลวอลเล็ต เอกสารที่เผยแพร่เป็นข
สุขใจ ร้านน้ำชา
สุขใจ ข่าวสด 0 54 กระทู้ล่าสุด 16 มกราคม 2567 19:26:22
โดย สุขใจ ข่าวสด
[ข่าวมาแรง] - เลขาฯ ก้าวไกล ชี้ปัญหาที่ดินซับซ้อน ต้องรับฟังผู้ได้รับผลกระทบ แนะเร่งกระบวนก
สุขใจ ร้านน้ำชา
สุขใจ ข่าวสด 0 38 กระทู้ล่าสุด 05 มีนาคม 2567 08:54:55
โดย สุขใจ ข่าวสด
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.884 วินาที กับ 32 คำสั่ง

Google visited last this page 13 กันยายน 2566 14:51:59