[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => ประวัติพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ในยุคปัจจุบัน => ข้อความที่เริ่มโดย: ใบบุญ ที่ 02 กันยายน 2560 12:29:41



หัวข้อ: หลวงปู่ป้อ ธัมมสิริ วัดบ้านเอียด ต.เขวา อ.เมือง จ.มหาสารคาม
เริ่มหัวข้อโดย: ใบบุญ ที่ 02 กันยายน 2560 12:29:41
(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/28384875464770_view_resizing_images_1_.jpg)

หลวงปู่ป้อ ธัมมสิริ
วัดบ้านเอียด ต.เขวา อ.เมือง จ.มหาสารคาม

"หลวงปู่ป้อ ธัมมสิริ" วัดบ้านเอียด ต.เขวา อ.เมือง จ.มหาสารคาม พระเกจิยุคเก่ามีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วภาคอีสานเมื่อร้อยปีที่ผ่านมา ร่วมสมัยกับหลวงปู่ศรีธรรมศาสน์ วัดใต้โกสุม และหลวงปู่ซุน วัดเสือโก้ก

ส่วนการสืบค้นประวัติของหลวงปู่ป้อจากปากคำของพระอาจารย์สุข พลลาภ อดีตพระที่เคยปรนนิบัติ ได้ข้อมูลพอสังเขปเท่านั้น

หลวงปู่ป้อ เกิดประมาณเดือนมกราคม ปี 2415 ต่อมาครอบครัวของท่านได้ย้ายบ้านเรือนออกไปอยู่บ้านโนนสะพัง เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ตั้งใหม่อยู่ไม่ไกลจากบ้านเอียดเท่าใดนัก ครอบครัวหลวงปู่มีอาชีพทำไร่ทำนาเหมือนชาวอีสานทั่วๆ ไป เมื่อสมัยยังเล็กๆ ท่านก็ช่วยงานครอบครัวด้วยความขยันขันแข็ง พออายุสิบกว่าปี บิดา มารดาได้นำไปบรรพชาเป็นสามเณร และเมื่ออายุ 20 ปี ในปี พ.ศ.2435 จึงได้อุปสมบทที่วัดในหมู่บ้าน แต่ไม่ทราบว่าอุปัชฌาย์ท่านเป็นผู้ใด

หลังจากอุปสมบท จำพรรษา ศึกษาพระธรรมวินัยด้วยความขยันขันแข็งอยู่วัดบ้านเอียดมาโดยตลอด ท่านเป็นพระที่เคร่งพระธรรมวินัยมากที่สุดในยุคนั้น แต่ด้วยความที่หลวงปู่ชมชอบความสงบวิเวก ช่วงหลังออกพรรษาแทบทุกปีหลวงปู่จะออกธุดงควัตรไปแสวงหาความหลุดพ้นตามป่าเขาลำเนาไพรในภาคอีสาน และยังได้ศึกษาเล่าเรียนวิทยาคม โดยสันนิษฐานว่าน่าจะศึกษาจากสำนักพระอาจารย์โสภาวดี วัดฟ้าเหลื่อม อ.อาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด ซึ่งพระเกจิสายอีสานยุคนั้นมักจะไปเล่าเรียนที่วัดแห่งนี้แทบทั้งสิ้น ความเข้มขลังของท่านเป็นที่เลื่องลือมากในยุคนั้น ท่านเก่งทางเมตตามหานิยม คงกระพันชาตรี กันบ้านกันเมือง

เป็นพระที่แม่นพระธรรมวินัย จึงได้รับการแต่งตั้งเป็นพระวินัยธรและแม่นกฎหมาย

อาจารย์พรหมา รักษาเกณฑ์ อดีตเคยเป็นครูสอนอยู่บ้านเอียด ปัจจุบันอายุเกือบ 80 ปี เล่าว่า เมื่อกว่า 60 ปีที่ผ่านมา มีนายตำรวจคนหนึ่งยศร้อยตำรวจโท ออกตรวจพื้นที่มาพบหลวงปู่ที่บ้านผู้ใหญ่บ้าน และพูดจาทำนองดูถูกว่าหลวงปู่เป็นพระแก่ จึงบังเกิดมีปากเสียงกัน นายตำรวจท่านนั้นจับท่านไปโรงพัก หลวงปู่ก็ถามว่าจะเอากฎหมายมาตราไหนมาจับท่าน ตำรวจไม่สามารถจะแจ้งข้อหาอะไรได้ จึงต้องปล่อยหลวงปู่ หลวงปู่จึงเทศน์สั่งสอนให้ตำรวจดูตราที่หน้าหมวกที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานมามีข้อความว่าอย่างไร สุดท้ายนายตำรวจท่านนั้นเกิดสำนึกผิดจึงได้กราบขอขมาท่าน ซึ่งหลวงปู่ก็เมตตาให้อภัย

พัฒนาวัดบ้านเอียดให้เจริญรุ่งเรือง สร้างถาวรวัตถุไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นอุโบสถ ศาลาการเปรียญ นอกจากนี้ท่านยังเป็นหัวแรงใหญ่ชักชวนชาวบ้านก่อสร้างโรงเรียนประถมศึกษาขึ้นในหมู่บ้าน จนเป็นผลสำเร็จปรากฏอยู่จนถึงปัจจุบัน

ในยุคนั้นด้วยบารมีของท่านทำให้มีผู้แสวงบุญมากราบนมัสการและฟังธรรมที่วัดอย่างล้นหลาม ด้วยกิตติศัพท์ที่เลื่องลือในเรื่องความเข้มขลังด้านไสยเวท ด้านยาสมุนไพร จึงมีพระภิกษุและฆราวาสจำนวนมาก จากทุกสารทิศเดินทางมากราบกรานของฝากตัวเป็นศิษย์กับหลวงปู่ป้อ เช่น หลวงปู่เสาร์ วัดศรีสุข หลวงตา มหานนท์

อีกทั้งวัดบ้านเอียด ยังเป็นสำนักเรียนที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ทำให้มีพระภิกษุ-สามเณรทั้งใกล้และไกลมาศึกษาเล่าเรียนกับหลวงปู่จำนวนมาก ซึ่งท่านจะเคร่งครัดมากหากไม่ตั้งใจศึกษาท่านจะไม่ให้อยู่ที่วัดอย่างเด็ดขาด

ล่วงเข้าสู่ปัจฉิมวัยด้วยความไม่เที่ยงของสังขาร หลวงปู่มีอาการอาพาธบ่อยครั้ง แต่ด้วยความที่ท่านปลงอนิจจังสังเวชเห็นว่าเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นธรรมดาของสัตว์โลก ท่านจึงไม่ยอมฉันยาใดๆ ทั้งสิ้น สุดท้ายท่านมรณภาพทิ้งสังขาร เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2502 สิริอายุ 87 ปี พรรษา 67

หลังเก็บสังขารท่านไว้จนถึงปี 2503 จึงมีพิธีพระราชทานเพลิงศพ


จากคอลัมน์อริยะโลกที่ 6