[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
18 พฤษภาคม 2567 04:21:11 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: กากาติชาดก  (อ่าน 15 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5495


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows NT 10.0 Windows NT 10.0
เวบเบราเซอร์:
Chrome 124.0.0.0 Chrome 124.0.0.0


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: วานนี้ »



กากาติชาดก

วาติ จายํ ตโต คนฺโธติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ อุกฺกณฺฐิฺตภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ ฯ

เมื่อสมเด็จพระบรมศาสดาเสด็จประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงพระปรารภภิกษุกระสันรูปหนึ่งให้เป็นเหตุ ได้ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า วาติ จายํ ตโต คนฺโธ เป็นต้น

ตทา หิ สตฺถา ก็ในกาลครั้งนั้นสมเด็จพระบรมศาสดาตรัสถามภิกษุรูปนั้นว่า ได้ยินว่าเธอกระสันหรือภิกษุ เมื่อเธอกราบทูลรับว่า จริงพระเจ้าข้า ตรัสถามซ้ำอีกว่ากระสันเพราะเหตุอะไร เธอกราบทูลว่าด้วยอำนาจกิเลสพระเจ้าข้าฯ  จึงตรัสว่า ภิกษุ ธรรมดามาตุคามใครๆ รักษาไว้ไม่ได้ ไม่อาจรักษาให้เป็นปรกติอยู่ได้ แต่พวกโบราณกบัณฑิตในกาลก่อน แม้ให้มาตุคามขึ้นอยู่บนวิมานคือต้นสิมพลีที่ท่ามกลางมหาสมุทรก็ยังไม่อาจรักษาไว้ได้ แล้วทรงนำอดีตนิทานมาแสดงดังต่อไปนี้

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต ฯลฯ  ในอดีตกาลครั้งเมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติอยู่ในเมืองพาราณสี มีพระโพธิสัตว์อุบัติในคัพโภทรพระอัครมเหสีแห่งท้าวเธอ พอทรงเจริญวัยพระราชบิดาเสด็จทิวงคตล่วงลับไปจึงได้ดำรงราชสมบัติสืบสันตติวงศ์ พระอัครมเหสีของพระองค์ ทรงพระนามว่ากากาติ มีพระรูปงดงามดังเทพอัปสร

ในเรื่องนี้ มีเนื้อความสังเขปดังนี้ แต่เรื่องพิสดารจักมีแจ้งในกุณาลชาดกฯ  ตทา ปเนโก สุปณฺณราชา ก็ในกาลครั้งนั้นยังมีพญาสุบรรณตนหนึ่ง ซึ่งจำแลงเพศเป็นมนุษย์มาเล่นสกากับพระเจ้าพาราณสี พอมีจิตปฏิพัทธ์ในพระอัครมเหสีอันมีพระนามว่ากากาติ ก็ลักพาไปสู่สุบรรณพิภพอภิรมย์อยู่ด้วยพระนางฯ  ฝ่ายพระราชาเมื่อไม่ได้ทัศนาเห็นพระเทวีจึงตรัสสั่งคนฟ้อนอันมีนามว่านฏะกุเวรให้เที่ยวค้นหาพระเทวีฯ  นฏะกุเวรสงสัยพญาสุบรรณ คิดจะจับให้ได้ตัวจริง จึงแอบนอนอยู่ ณ ป่าตะไคร้น้ำในสระแห่งหนึ่งซึ่งเป็นที่มาเล่นของพญาสุบรรณ  เวลาพญาสุบรรณมาเล่นในสระนั้นแล้วจะกลับไปจึงเข้าแอบนั่งในระวางปีกไปกับพญาสุบรรณ ครั้นถึงสุบรรณพิภพก็หนีออกจากระวางปีก แอบอภิรมย์กับพระราชเทวี แล้วเข้านั่งซ่อนตัวในระวางปีกของพญาสุบรรณกลับมาอีก ในเวลาพญาสุบรรณเล่นสกากับพระราชาก็ถือพิณของตนไปสู่บ่อนสกา ยืนในพระราชสำนักขับคาถาเป็นปฐมว่า


            วาติ จายํ ตโต คนฺโธ      ยตฺถ เม วสตี ปิยา
            ทูเร อิโต หิ กากาติยตฺถ เม นิรโต มโน ฯ

            ความว่า หญิงที่รักของเราไปอยู่ที่ใด กลิ่นยังฟุ้งมาแต่ที่นั้นจนถึงนี่

มีอธิบายว่า พญาสุบรรณบริบูรณ์ด้วยทิพยสมบัติดังเทพดา ของหอมเครื่องไล้ทาก็เป็นทิพย์มีกลิ่นหอมตรลบ ถึงพระราชเทวีตกไปในสำนักของพญาสุบรรณก็ได้ไล้ทาของหอมที่เป็นทิพย์เหมือนกัน เมื่อได้ถึงตัวกับนฎะกุเวรกลิ่นหอมนั้นก็ติดกายเขามา เขาจึงขับคาถาแสดงความประสงค์ว่ากลิ่นของหอมอันเป็นทิพย์ที่กายของพระราชเทวีติดตัวเขามาถึงบ่อนสกานี้ ฯ ใจเรายินดีนักแล้วในนางใด นางนั้นชื่อว่ากากาติไปอยู่ไกลแต่ที่นี้ไป ดังนี้

ตํ สุตฺวา สุปณฺณราชา เมื่อพญาสุบรรณได้สดับดังนั้นจึงกล่าวประพันธทุติยคาถาว่า


            กถํ สมุทฺทมตริ    กถํ อติ เกปุกํ
            กถํ สตฺต สมุทฺทานิ  กถํ สิมฺพลิมารุหิ ฯ  

            ความว่า  ท่านข้ามทะเลนี้ไปได้อย่างไร  ท่านข้ามแม่น้ำเกปุกะไปได้อย่างไร
                       ท่านข้ามสมุทรทั้งเจ็ดไปได้อย่างไร  ท่านขึ้นต้นสิมพลีไปได้อย่างไร

อธิบายว่า ต่อทะเลชมพูทวีปนี้ไปมีแม่น้ำชื่อว่าเกปุกะอยู่ข้างหน้า แล้วมีภูเขาใหญ่ๆ มีมหาสมุทรสลับไปถึงเจ็ดชั้นจึงจะถึงต้นสิมพลีซึ่งเป็นสุบรรณวิมาน เหตุดังนี้เมื่อพญาสุบรรณได้ฟังเพลงขับพรรณนาเหตุการณ์ เข้าใจว่าเขาได้ไปถึงวิมานของตนแล้วกลับมา จึงผูกความถามเป็นคาถาที่สองนั้น

ตํ สุตฺวา นฏกุเวโร เมื่อนฏะกุเวรได้ฟังดังนั้นจึงกล่าวประพันธตติยาคาถาว่า


            ตยา สมุทฺทมตรึ    ตยา อตริ เกปุกํ
            ตยา สตฺต สมุทฺทานิ   ตยา สิมฺพลิมารุหึ ฯ

            ความว่า ข้าเจ้าได้ข้ามทะเลนี้ไปกับท่าน ข้าเจ้าได้ข้ามแม่น้ำเกปุกะไปกับท่าน ข้าเจ้าได้ข้ามมหาสมุทรทั้งเจ็ดไปกับท่าน ข้าเจ้าได้ขึ้นต้นสิมพลีไปกับท่านดังนี้

ตโต สุปณฺณราชา ลำดับนั้นพญาสุบรรณได้กล่าวจตุตถคาถาว่า


            ธิรตฺถุ มํ มหากายํ  ธิรตฺถุ มํ อเจตนํ  
            ยตฺถ ชายายหํ ชารํ   อาวหามิ วหามิ วา ฯ

ความว่า น่าเกลียด กายใหญ่นี้หาประโยชน์มิได้ น่าชัง กายใหญ่นี้ไม่มีเจตนา คือใหญ่โตเกินไปจนไม่รู้สึกของเบาของหนัก แต่เราต้องนำมา
นำไปซึ่งชู้ของเมีย จึงน่าติเตียนร่างกายใหญ่อันไม่มีประโยชน์ดังนี้

พญาสุบรรณจึงพาพระราชเทวีกลับมาถวายพระเจ้าพาราณสีคืน แล้วกลับไปสู่ภพของตนมิได้มาอีก

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา เมื่อพระบรมศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประกาศจตุราริยสัจประชุมชาดก เมื่อจบอริยสัจลง อุกกัณฐิตภิกษุได้ดำรงในโสดาปัตติผล นฏะกุเวรในกาลนั้นได้มาเป็นอุกกัณฐิตภิกษุในกาลนี้ ส่วนพระราชาได้มาเป็นเรานี้แล.


ที่มา : กากาติชาดก (นิบาตชาดก เล่ม ๓) กากีคำกลอนและลิลิตกากี กรมศิลปากร พิมพ์เผยแพร่ พุทธศักราช ๒๕๖๓

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วานนี้ โดย Kimleng » บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.386 วินาที กับ 32 คำสั่ง

Google visited last this page วานนี้