โรคปอดบวม ภัยร้ายเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ

โรคปอดบวม
ภัยร้ายเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ

วันที่ 12 พฤศจิกายนของทุกปี องค์การอนามัยโลกได้กำหนดให้เป็นวัน "โรคปอดบวมโลก" เพื่อให้ตระหนักถึงความสำคัญและช่วยกันรณรงค์ลดการป่วยและเสียชีวิตจากโรคนี้ โดยมากเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบจะมีความเสี่ยงในการเสียชีวิตสูงที่สุด เนื่องจากเป็นโรคติดเชื้อที่มีความรุนแรงเฉียบพลัน

จากสถิติขององค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ หรือยูนิเซฟ พบว่าเฉพาะ พ.ศ.2558 ทั่วโลกมีเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบมากถึง 9 แสนราย เสียชีวิตจากการติดเชื้ออันเป็นสาเหตุให้เกิดโรคปอดบวม

"รศ.(พิเศษ) นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์" นายกสมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย กล่าวว่า โรคปอดบวมคร่าชีวิตคนทั่วโลกเป็นจำนวนนับล้านคนต่อปี ทั้งที่การรับวัคซีนในช่วงอายุ 2 เดือนเป็นต้นไปนั้นสามารถช่วยป้องกันโรคนี้ได้

"ปัญหาโรคติดเชื้อในเด็กเป็นสิ่งที่ผู้ปกครองควรหันมาให้ความตระหนักมากขึ้น เนื่องจากภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ร่างกายมีภูมิต้านทานลดลง สิ่งแวดล้อมปนเปื้อนและเชื้อโรคแพร่กระจายมากขึ้น สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทยเป็นศูนย์กลางความรู้ด้านวิชาการโรคติดเชื้อเด็ก รวบรวมข้อมูลข่าวสารที่ทันสมัยเชื่อถือได้ ให้คำปรึกษาแก่บุคลากรทางการแพท และบุคลากรที่เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อในเด็กอย่างต่อเนื่อง พร้อมสนับสนุนส่งเสริมให้มีผลงานวิจัยที่มีคุณภาพระดับสากลเพื่อให้รู้เท่าทันกับโลกและเหมาะสมกับสถานะของประเทศที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา"

การให้วัคซีนที่จำเป็นและครอบคลุมแก่เด็กทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก นอกจากจะช่วยลดอัตราการตายได้แล้วยังสามารถลดภาระค่าใช้จ่ายให้แก่ครอบครัว สังคมและภาครัฐได้ ทั้งนี้ข้อมูลใน พ.ศ.2551 พบว่ามีเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ มากถึง 541,000 ราย เสียชีวิตจากเชื้อนิวโมคอกคัส ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคปอดบวมในเด็ก

จากผลการวิจัยพบว่าการเพิ่มอัตราการให้วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อนิวโมคอกคัสแก่เด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบใน 73 ประเทศยากจนทั่วโลกในปี พ.ศ.2554-2563 จะสามารถลดค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการรักษาพยาบาลและการสูญเสียได้มากกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท เพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปลายปีนี้ การเข้าถึงวัคซีนของเด็กไทยให้ก้าวหน้าไม่ตามหลังประเทศเพื่อนบ้านจึงมีความจำเป็น

"สุขภาพเด็กเป็นสิ่งจำเป็นในการพัฒนาและสร้างประเทศในอนาคต ความร่วมมือร่วมใจจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการแก้ปัญหาป้องกันโรคให้เด็กไทยได้รับวัคซีนใหม่ๆ ตามสถานการณ์ของประเทศไทยและโลกเป็นสิ่งที่ต้องทำต่อเนื่องตลอดเวลา" รศ.(พิเศษ) นพ.ทวีกล่าว