โรคไตเรื้อรัง
โรคไตเรื้อรัง
โดยทั่วไปเมื่อคนเราอายุมากกว่า 30 ปี ไตจะเริ่มทำงานลดลงหรือเสื่อมลงตามธรรมชาติ โดยเฉลี่ยทำงานลดลงร้อยละ 1 ต่อปี ในกรณีที่ไตเสื่อมลงอย่างรวดเร็วหรือหยุดทำงานทันที เรียกว่า ไตวายเฉียบพลัน ซึ่งการทำงานของไตอาจกลับมาเป็นปกติได้ ถ้าได้รับการรักษาที่ทันท่วงที แต่ถ้าไตเสื่อมลงอย่างช้าๆ ต่อเนื่อง หรือมีความผิดปกติของไตเกินกว่า 3 เดือน เราจะเรียกว่า โรคไตเรื้อรัง
สาเหตุของโรคไตเรื้อรังที่พบบ่อย ได้แก่
1. เป็นโรคเรื้อรังอยู่เดิม เช่น เบาหวาน , ความดันโลหิตสูง , โรคเอสแอลอี (โรคพุ่มพวง) , โรคเกาต์ , นิ่วในไต
2. ผลข้างเคียงจากยาและสารเคมีต่างๆ ได้แก่ ยาแก้อักเสบชนิดไม่ใช้สเตียรอยด์ (NSAIDs) หรือที่มักเรียกกันว่ายาแก้อักเสบ , ยาแก้ปวดข้อ , ยาลดความดันโลหิตบางชนิด , ยาปฏิชีวนะ และรวมถึงยาลดความอ้วนบางตัว
3. กรรมพันธุ์ หรือความผิดปกติแต่กำเนิด เช่น โรคถุงน้ำในไต
เบาหวาน เป็นสาเหตุที่พบมากที่สุด ที่ทำให้เกิดโรคไตเรื้อรังระยะสุดท้าย
การแบ่งระยะของโรคไตเรื้อรัง ระยะที่ 1 การทำงานของไตยังคงปกติหรือมากกว่าร้อยละ 90 แต่ตรวจพบความผิดปกติของไต เช่น ปัสสาวะมีตะกอนผิดปกติ หรืออาจพบโปรตีนมากกว่าปกติในปัสสาวะ แพทย์มักบอกว่าเริ่มตรวจพบความผิดปกติของไต
ระยะที่ 2 ไตทำงานเหลือร้อยละ 60-90 เรียกว่า ไตเรื้อรังระยะเริ่มต้น
ระยะที่ 3 ไตทำงานเหลือร้อยละ 30-60 เรียกว่า ไตเรื้อรังระดับปานกลาง
ระยะที่ 4 ไตทำงานเหลือร้อยละ 15-30 เรียกว่า ไตเรื้อรังค่อนข้างมาก
ระยะที่ 5 ไตทำงานเหลือน้อยกว่าร้อยละ 15 เรียกว่า ไตเรื้อรังระยะสุดท้าย
แพทย์จะเป็นผู้แบ่งระยะของโรคและบอกแก่ผู้ป่วย โดยทำการเจาะตรวจเลือดและตรวจปัสสาวะ รวมไปถึงการอัลตราซาวด์ดูลักษณะของไต