[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
21 พฤษภาคม 2567 19:59:49 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ๒๖. ถอนอุปทาน : ธรรมรักษา  (อ่าน 2655 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Chrome 19.0.1084.52 Chrome 19.0.1084.52


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 12 มิถุนายน 2555 13:53:12 »



                 

๒๖. ถอนอุปทาน
        อุปทาน คือ ความยึดมั่น ความถือมั่น ยึดมั่นในตัวเอง ในคนอื่น ยึดมั่นในทรัพย์สินเงินทอง ข้าวของต่างๆ ตลอดจนสัตว์ใช้งานและสัตว์เลี้ยงต่างๆ มีความยึดถือยึดมั่นว่าเป็นของเรา มีความห่วงกังวล จนจิตหมดความเป็นอิสระหรือขาดความเป็นตัวของตัวเอง
          ความยึดถือของคนในแต่ละคน ย่อมมีแนวโน้มของจิตต่างกัน มีความเข้มข้นหรือหนักเบาต่างกัน มีวัตถุที่ยึดถือต่างกัน เช่น

          - บางคน ยึดมั่นในความสุขเฉพาะตน ใครจะมีกินไม่มีกิน จะอดอยากปากแห้งอย่างไร ? ก็ช่างหัวมัน ! ขอให้ฉันสบาย มีกิน มีใช้ ก็พอใจแล้ว
          - บางคน ไม่ยึดมั่นในตัวเอง แต่ยึดมั่นและเป็นห่วงแต่คนอื่น กลัวเขาจะทุกข์ยากลำบาก กลัวเขาจะอดอยาก กลัวเขาจะเดือดร้อน กลัวเขาจะเจ็บป่วย กลัวไปสารพัด
          - บางคน ก็เป็น "โรคเงินขึ้นสมอง" ขอให้ได้เงินก็แล้วกัน ใครจะยังไงก็ช่าง ผัวหรือเมีย พ่อหรือแม่ลูกหลาน ไม่ห่วง ไม่กังวลทั้งสิ้น ขอแต่ให้ได้เงินก็แล้วกัน ใครจะเป็นจะตายก็ช่าง !


          - บางคน ก็ห่วงแต่ผัวหรือเมีย และลูกเท่านั้น เงินทองข้าวของใด ๆ จะเสียหายหรือหมดไป ก็ไม่เป็นไร หลงยึดผัว (เมีย) และลูก จนลืมพ่อแม่และแม่ของตัว
          - บางคน ชอบหาความทุกข์ ด้วยการเก็บเอาเรื่องเก่าๆ มาคิดฝัน เช่น ผัวตีจากมีเมียน้อยไปแล้ว หรือเมียมีชู้ไปแล้ว ก็เฝ้าแต่อาลัยนึกถึงแต่ความสุขครั้งอดีต จนชีวิตหมดความสุข แต่คนที่เราไปคิดถึงเขา เขากลับกำลังระเริงสุขอยู่ น่าทุเรศและเวทนายิ่งนัก !
          - บางคน อะไร ๆ ก็ดูจะไม่ยึดถือ เหมือนกับว่าจะปล่อยวางได้หมด แต่ยึดถือหมาและแมวเป็นสรณะ มีใจห่วงกังวลไปสารพัด กลัวมันจะอดอยาก กลัวมันจะเจ็บป่วยจะไปไหนแต่ละทีก็แสนยาก นี่ก็ยึดมั่น
          - บางคน ดูภายนอกก็เห็นเป็นคนใจบุญสุนทานดี ชอบใส่บาตร ชอบเข้าวัดรักษาศีล แต่ก็หน้าโลหิตเหลือร้าย ใครยืมเงินก็เอาดอกแพงหูฉี่ ปากคอก็เหลือร้าย ลูกหลานเข้าหน้าไม่ติด นี่ก็แหละยึดมั่น


Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Chrome 19.0.1084.52 Chrome 19.0.1084.52


ดูรายละเอียด
« ตอบ #1 เมื่อ: 12 มิถุนายน 2555 13:54:13 »




          รวมความว่า มีความยึดมั่นในอะไร ? ที่ไหน ? เป็นเกิดความทุกข์ที่นั่น ! ต่างกันแต่ว่าปริมาณของความยึดมั่นนั้น จะมีมากน้อยแต่ไหนเท่านั้น ?
          อุปมา อุปาทานเหมือนการเล่นกันหมาดุ เอามือแหย่เข้าไปทีไร มันเป็นต้องงับทุกที แต่มันจะงับได้มากน้อยแค่ไหน ? ก็ขึ้นอยู่ที่เราแหย่มือเข้าไปใกล้มันมากหรือน้อย ? มันกัดได้ถนัดหรือไม่ถนัด ? (ยึดมากถือน้อย ?)
          ทุกสิ่งในโลกนี้ รวมทั้งตัวเราด้วย ไม่มีอะไรที่เราจะยึดมั่นถือมั่นได้เลย ยึดมากก็ทุกข์มาก ยึดน้อยก็ทุกข์น้อย ไม่ยึดเลยก็ไม่มีทุกข์เลย เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว เรายังจะดันทุรังไปยึดมั่นให้โง่อยู่อีกหรือ ?

          เมื่อมีความทุกข์ขึ้นแล้ว ไม่ว่าจะมากหรือน้อยปานใด ขอให้ตั้งข้อสังเกตดูเถอะ ว่ามีความทุกข์อะไรบ้าง ? ที่เกิดขึ้นโดยไม่มีความยึดถือ ? หรือไม่มีตัวตนของตนเข้าไปหุ้นอยู่ด้วย ?
          ผู้เขียนเองเคยประสบความทุกข์มาจนแทบว่าจะฆ่าตัวตายหลายครั้ง ก็ยังไม่เคยพบเลยว่า มีความทุกข์ครั้งไหน ? ที่ปราศจากความยึดถือหรือยึดมั่นถือมั่นเลย !

          เขียนมาถึงตรงนี้แล้ว อาจจะมีผู้ถามว่า
          "ก็แล้วไปยึดถือมั่นหาพระแสงอะไรเล่า ?"
          ก็ขอตอบด้วยสัจจะว่า
          "ก็ตอนนั้นมันยังอ่อนปัญญาอยู่ จึงเอามือไปแหย่หมามันเล่นดู คิดว่าหมามันจะเล่นด้วย แต่มันไม่ยักกะเล่นด้วยแฮะ ! แหย่เข้าไปทีไร ? ก็ถูกมันงับเอาทุกที ไม่แหย่มันก็ไม่ถูกงับ จนทุกวันนี้ แม้ใจมันก็ยังอยากจะแหย่มันอยู่ แต่ก็ไม่กล้าแหย่มือเข้าไป มันโดนกัดเสียจนเข็ดจริง ๆ

          อันที่จริง ไม่ว่าความชั่วหรือความดี เมื่อเข้าไปยึดมั่นแล้ว มันก็ทุกข์เหมือนกัน ต่างกันแต่ว่าความชั่วมันทุกข์ร้อน แต่ความดีมันทุกข์เย็น แต่ทั้งทุกข์ร้อนและทุกข์เย็น มันก็ทำให้นอนไม่หลับได้เหมือนกันหรือเท่ากัน
          ถ้าจะมีคำถามว่า
          " การที่จะถอนความยึดมั่นหรืออุปทานนั้น จำเป็นจะต้องโกนหัวเข้าวัด หรือรักษาศีลกินเพลหรือไม่ ?"
          ก็ตอบได้ว่า
          "ไม่ต้อง ! - ไม่ต้อง !! ดูแต่พระโสดาบัน และพระสกิทาคามีสิ ท่านก็ยังอยู่ครองเรือน นอนกอดเมีย (ผัว) และลูกอยู่เลย หรือแม้แต่พระอนาคามี ท่านก็ยังอยู่ครองเรือนได้"

บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Chrome 19.0.1084.52 Chrome 19.0.1084.52


ดูรายละเอียด
« ตอบ #2 เมื่อ: 12 มิถุนายน 2555 13:55:38 »




          ถ้ามีคำถามต่อว่า
          "ก็จะไม่ให้ยึดถือได้อย่างไร ? ก็อะไร ๆ มันก็เป็นของเราทั้งนั้นนี่น่า"
          ขอตอบว่า
          "ก็ให้มันเป็นอยู่ของมันอย่างเดิมนั้นแหละ ไม่ต้องขนไปให้วัด หรือให้ใครหรอก มันยังเป็นของเราอยู่เหมือนเดิมแต่... ฟังให้ดีนะว่า ให้เรา "จริงจังแต่อย่ายึดถือ" เพียงแต่เราถอนความยึดมั่นถือมั่น ว่ามันเป็นเราและของเราออกเสียให้หมด หรือให้เหลือแต่น้อยที่สุด ให้มีเหลือแต่ "หน้าที่" ที่จะต้องทำต่อบุคคลหรือสิ่งของเหล่านั้นเท่านั้น เพียงเท่านี้ความทุกข์มันก็จะเล่นงานเราไม่ได้เลย"

          เมื่อมีอะไรเกิดขึ้น เช่น พ่อ แม่ ลูก หรือใครตายก็ให้ปลงว่า มันเป็นธรรมดา มีเกิดก็ย่อมมีตาย ไม่มีใครจะฝืนหรืออยู่ค้ำฟ้าได้ แม้ตัวเราเอง ก็จะต้องตายอย่างแน่นอน ถ้าจะร้องให้ถึงคนที่ตายไป ก็ควรที่จะร้องไห้ให้แก่ตัวเราด้วย (๒๗/๑๔๑) ที่จะต้องตายแน่ๆ ในวันหน้า !
          เมื่อมีสิ่งของที่รักสูญหาย หรือต้องพลัดพรากจากกันก็ให้ปลงว่าเมื่อมีสมบัติ มันก็ย่อมจะต้องมีวิบัติได้เป็นธรรมดา ไม่มีใครจะฝืนกฎอันนี้ได้ ไม่ว่าการตายก็ตาม การพลัดพรากจากของรักของหวงก็ตาม เป็นสิ่งที่สาธารณะ คือมีได้แก่ทุกคน มิได้เจาะจงจะเกิดขึ้นเฉพาะกับเราเท่านั้น
          ความจริงสิ่งเหล่านี้ มันเกิดขึ้นทุกวันทั่วโลก แม้ว่าเรารู้ว่าเห็น แต่เราก็ไม่ทุกข์ด้วย นั่นเพราะอะไร ? ก็เพราะว่า มันไม่มี "เรา" หรือ "ของเรา" เข้าไปหุ้นอยู่ด้วย คือ ไม่ใช่พ่อแม่ของเรา ไม่ใช่เมีย (ผัว) และลูกของเราไม่ใช่ทรัพย์สมบัติของเรา เป็นต้น


บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Chrome 19.0.1084.52 Chrome 19.0.1084.52


ดูรายละเอียด
« ตอบ #3 เมื่อ: 12 มิถุนายน 2555 13:56:23 »




          ผัวหรือเมียต้องแยกจากกัน ด้วยความบกพร่องของเขาหรือของเราก็ตาม ขอให้ปลงเสียว่า เราได้ทำบุญร่วมกันมาแค่นี้ อย่าไปฝืนกฎแห่งกรรมเลย มันจะยิ่งทุกข์หนักขึ้น
          เมื่อถูกเขาโกงทรัพย์สิน ก็ควรที่จะถือตามหลักพุทธศาสนาว่า เราได้เคยโกงเขาไว้ก่อน เมื่อเขาโกงเราไป เราก็ควรที่จะยินดี ที่ได้ชดใช้หนี้เก่าให้มันหมดสิ้นกันไป ในชาติต่อไปก็จะได้ไม่ต้องไปใช้กันอีก
          เรื่องการถูกโกง หรือถูกคนอื่นเอาเปรียบนี้ ผู้เขียนโดนมาเสียจนปลงตกแล้ว ให้คนยืมของทีไร เป็นถูกโกงทุกที จนทุกวันนี้ถ้าจะให้ใครยืมอะไร ? มากน้อยแค่ไหน ? ก็ไม่ยอมทำหนังสือสัญญา ได้แต่คิดว่าถ้าจะให้ใครยืม ก็ทำใจไว้ก่อนว่า "ใช้หนี้เขาไป ถ้าเราเคยโกงเขามา" พอเขาโกงจริง ๆ เราก็สบายใจ ไม่มีการทวงหรือโกรธเขา

          คำบริกรรม เพื่อจะถอนอุปาทาน มีมากมายแล้วแต่ว่าใครจะใช้อะไร ? ขอแต่ว่าเมื่อใช้แล้ว จิตใจมันถอนความยืดมั่น หรือคลายความยืดถือลงได้ ไม่ต้องถึงกับหมด ขอเพียงแต่ว่าให้มันเบาบาง ก็นับว่าน่าพอใจแล้ว
          สำหรับผู้เขียนนั้นใช้มาก และบางคำและบางครั้ง ก็ต้องใช้แรงๆ จนดูเป็นว่าหยาบคาย แต่ว่าถ้าไม่กระตุกหรือเขกกันแรงๆ อย่างนั้น มันก็กู่ไม่กลับเหมือนกัน เช่น
          "ทุกข์แท้ แปรผัน เน่าเหม็น แตกดับ"
          คาถานี้ส่วนมากจะใช้เกี่ยวกับเรื่องเพศ คือใช้บรรเทาราคะได้ดีมาก แต่คาถานี้ส่วนจะต้องสร้างมโนภาพศพคนตายเน่าเฟะให้ชัดเจนประกอบด้วย

          "สมบัติเป็นของนอกกาย ตายแล้วก็เอาอะไรไปไม่ได้"
          "รักเขาก็ทุกข์ ถูกเขารักก็ทรมาน (ต้องตามใจเขา) สู้อยู่เฉยๆ ไม่ได้ สบายใจกว่า"
          "มึงจะบ้าไปถึงไหนกันวะ ? โลกนี้มันมีอะไรที่แน่นอนและเป็นของเราบ้าง ?" (ไม่มีเลยจริง ๆ ใจมันจะบอก)
          "มึงอย่าโง่กว่าไอ้ด่างนะ ! ไอ้ด่างมันไม่เคยนอนไม่หลับ เพราะไม่ได้สนองความอยาก !"
          ตัวอุปทานนี่ จัดว่าเป็น "ยอดมาร" ที่ทำลายความสุขของคน และทำให้คนต้องตกเป็นทาสของมัน เพราะไม่รู้จักมันดีพอ


          ดังนั้น ผู้หวังความสุข จึงควรที่จะพยายามถอนอุปทาน ออกให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ การถอนอุปทานจึงเป็นการ "ตัดต้นเหตุ" แห่งทุกข์ ที่ตรงเป้าที่สุด เสียเวลาน้อยที่สุด เร็วที่สุด และได้ผลดีที่สุดด้วย

จาก.. หนังสือสู่ความสุข
เรียบเรียง  โดย  ธรรมรักษา




http://www.dhammajak.net/book/sukha/sukha26.php
http://dreamworlds.ru/kartinki/11450-pejjzazhi-drugikh-planet.html

บันทึกการเข้า
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
หัวข้อ เริ่มโดย ตอบ อ่าน กระทู้ล่าสุด
๘. สุขแบบชาวบ้าน โดย.. ธรรมรักษา
ไขปัญหาโลก ธรรม และความรัก
เงาฝัน 3 2840 กระทู้ล่าสุด 12 มิถุนายน 2555 14:31:46
โดย เงาฝัน
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.374 วินาที กับ 33 คำสั่ง

Google visited last this page วานนี้