โลกเดือดเกินขีดจำกัดอุณหภูมิเฉลี่ยผิวโลก 12 เดือน วอนลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างเร่งด่วน
<span class="submitted-by">Submitted on Sat, 2024-02-10 11:33</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>กรีนพีซชี้โลกเดือดเกินขีดจำกัดอุณหภูมิเฉลี่ยผิวโลก 1.5°C เป็นเวลา 12 เดือน วอนรัฐบาลทั่วโลกลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างเร่งด่วนกว่าที่เคยเป็นมา</p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="
https://live.staticflickr.com/65535/53519984318_99f88345e8_o_d.jpg" />
<span style="color:#f39c12;">ที่มาภาพ </span>
<span style="color:#f39c12;">Gerd Altmann</span><span style="color:#f39c12;"> จาก </span>
<span style="color:#f39c12;">Pixabay</span></p>
<p>กรีนพีซ รายงานเมื่อวันที่ 8 ก.พ. 2567 ว่าสืบเนื่องจากข้อมูลซึ่งเผยแพร่โดยศูนย์คอเปอร์นิคัสซึ่งเป็นหน่วยงานบริการข้อมูลด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของสหภาพยุโรปที่แสดงให้เห็นว่า เป็นครั้งแรกที่อุณหภูมิเฉลี่ยผิวโลกมีแนวโน้มเกินขีดจำกัด 1.5 องศาเซลเซียสเมื่อเทียบกับปีฐานในช่วงก่อนยุคอุตสาหกรรมโดยเกิดขึ้นตลอดทั้งปีตั้งแต่เดือน ก.พ. 2566 ถึง ม.ค. 2567 </p>
<p>เอียน ดัฟฟ์ นักรณรงค์ด้านสภาพภูมิอากาศ กรีนพีซ สากล และหัวหน้าโครงการรณรงค์ Stop Drilling Start Paying กล่าวว่า “การประกาศดังกล่าวข้างต้นคือเสียงเตือนอันน่าสะพรึงกลัวว่า ปฏิบัติการของรัฐบาลต่างๆ ทั่วโลกเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์อย่างแท้จริงนั้นเร่งด่วนกว่าที่เคยเป็นมา ทุกเศษเสี้ยวของอุณหภูมิเฉลี่ยผิวโลกที่เพิ่มขึ้นคือสภาพอากาศสุดขั้วที่รุนแรงมากขึ้นและระดับน้ําทะเลที่สูงขึ้นส่งผลกระทบต่อผู้คนนับล้านและสรรพชีวิตบนโลก</p>
<p>นี่คือเหตุผลที่เราต้องยุติโครงการแหล่งน้ํามันและก๊าซฟอสซิลใหม่ทั้งหมด และผู้ก่อมลพิษ เช่นบริษัทเชฟรอน (Chevron), เอ็กซอน (Exxon), เชลล์ (Shell) และ โททาล (TotalEnergies) จะต้องชดใช้ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากวิกฤตสภาพภูมิอากาศ และจัดหาเงินทุนในการเปลี่ยนผ่านจากยุคเชื้อเพลิงฟอสซิลที่เป็นธรรมและเท่าเทียม</p>
<p>ไม่มีความเป็นธรรมแม้แต่น้อยในขณะที่ยักษ์ใหญ่ฟอสซิลแถลงผลกําไรทางธุรกิจจำนวนมหาศาลในขณะที่พื้นที่ในประเทศชิลีกำลังเผชิญไฟป่าล้างผลาญ ประเทศต่างๆ ตั้งแต่สเปนและโมร็อกโกไปจนถึงเอธิโอเปียกําลังเผชิญกับวิกฤตภัยแล้งที่ร้ายแรง ออสเตรเลียเผชิญกับคลื่นความร้อนที่รุนแรง และสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกเผชิญกับอุทกภัยที่เลวร้ายที่สุดในรอบหลายทศวรรษ</p>
<p>กลุ่มบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ล่วงรู้ถึงวิกฤตสภาพภูมิอากาศมานานกว่าเจ็ดทศวรรษ และใช้เงินหลายล้านดอลลาร์เพื่อปฏิเสธความจริงและถ่วงให้ปฏิบัติการกู้วิกฤตล่าช้าออกไป ขณะนี้ สายเกินไปแล้วในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเล็กๆ น้อยๆ แต่ยังไม่สายเกินไปที่จะบรรลุเป้าหมายความตกลงปารีสเพื่อปกป้องบ้านของเราและรักษาโลกที่น่าอยู่ด้วยการเปลี่ยนผ่านระบบเศรษฐกิจอย่างถึงรากถึงโคน</p>
<p>สิ่งที่เรารู้คือ อุตสาหกรรมฟอสซิลยักษ์ใหญ่จะไม่มีวันปฏิรูปตัวเอง : รัฐบาลทั่วโลกต้องมีบทบาทสำคัญเพื่อบังคับให้อุตสาหกรรมเชื้อเพลิงฟอสซิลหยุดการขุดเจาะน้ํามันและก๊าซฟอสซิลแห่งใหม่ และเริ่มจ่ายเงินให้กับความสูญเสียและเสียหายจากวิกฤตสภาพภูมิอากาศที่เกิดขึ้นอย่างมหาศาลต่อโลกและผู้คน</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ข
https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์
https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
https://prachatai.com/journal/2024/02/107998