[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => พุทธวัจนะ - ภาษิตธรรม => ข้อความที่เริ่มโดย: phonsak ที่ 04 กันยายน 2553 20:36:44



หัวข้อ: พุทธเกษตร=เมืองพระนิพพาน นิพพานแท้=พุทธภาวะดั้งเดิม
เริ่มหัวข้อโดย: phonsak ที่ 04 กันยายน 2553 20:36:44
พุทธเกษตร=เมืองพระนิพพาน ที่อยู่สำหรับสัมโภคกาย หรือธรรมกาย

แล้วผู้ที่เชื่อว่า "นิพพาน เป็นเมืองแก้วที่เป็นอมตะนคร ...

และเชื่อว่ามี รูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณที่เที่ยง ไม่แปรปรวน และเป็นอัตตา"นี้เป็นสัมมาทิฎฐิ?

ตอบ

มนุษย์เราเป็นกายเนื้อหรือนิรมาณกาย ที่ประกอบด้วยขันธ์ 5 มนุษย์จึงต้องละความยึดมั่นถือมั่นในรูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณที่ไม่เที่ยง ไม่แปรปรวน เสียก่อน  เมื่อละได้แล้ว  เขาผู้นั้นจะได้ภาวะบุคคลศูนยตา หรือ พระอรหันต์ กายของอรหันต์นี้แหละมีรูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณที่เที่ยง ไม่แปรปรวน  เรียกว่า "อัตตา"= อายตนะนิพพาน หรือสัมโภคกาย หรือธรรมกาย  ขึ้นอยู่กับว่าเรียกแบบมหายานหรือเถรวาท

อธิบายให้ชัดๆไปเลย  บุคคลศูนยตา หรือ พระอรหันต์ มีที่ไป 2 ที่ คือ:

1. วิสุทธิภูมิหรือพุทธเกษตร - พระอรหันต์ ที่เข้าไปในวิสุทธิภูมิหรือพุทธเกษตร จะมีอายตนะด้วย เรียกว่า อายตนะนิพพาน หรือ ธรรมกาย  ทางมหายานเรียกธรรมกายของเถรวาทว่า "สัมโภคกาย"

2. ธรรมกาย(ตามความหมายของมหายาน) หรือ นิพพาน(ตามความหมายของเถรวาท) - เป็นแสงสุกสกาวในท้องฟ้าอันเวิ้งว้าง 

บุคคลศูนยตา (อรหันต์ หรืออายตนะนิพพาน หรือธรรมกายตามความหมายของเถรวาท) จะเข้าไปในจุดนี้ได้ คือ เข้าไปในธรรมกาย(ตามความหมายของมหายาน) หรือ นิพพาน(ตามความหมายของเถรวาท)  บุคคลศูนยตา (อรหันต์ หรืออายตนะนิพพาน)จะต้องละอายตนะนิพพานของตนเองเสียก่อน = ธรรมศูนยตา

จะเห็นว่า มีมนุษย์เพียงไม่กี่คนที่สามารถพึ่งอำนาจตนเอง จนสามารถเข้าไปเป็นบุคคลศูนยตา(อรหันต์)  และเมื่อทิ้งขันธ์ 5 แล้ว ได้อายตนะนิพพาน - "ธรรมกาย" ตามความหมายของเถรวาท หรือ  "สัมโภคกาย" ตามความหมายของมหายาน

ดังนั้น มนุษย์ส่วนใหญ่ในโลกเป็นไปไม่ได้เลยหรือยากมากๆที่จะช่วยตัวเอง  ปุถุชนสามัญ จึงพึ่งอำนาจผู้อื่น (คือพระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์) เพื่อออกจากสังสารวัฏฏ์ไปก่อน   แล้วค่อยไปขัดเกลากิเลสด้วยตนเองในพุทธเกษตรต่างๆ เมื่อขัดเกลากิเลอออกหมดแล้ว ก็จะเป็นบุคคลศูนยตา(อรหันต์)ในพุทธเกษตร(เมืองพระนิพพาน)นั้น  ถ้าไม่อยากอยู่ในพุทธเกษตร(เมืองพระนิพพาน)นั้น  อยากเข้านิพพานสูงสุดหรือธรรมกาย(ตามความหมายของมหายาน) หรือ นิพพาน(ตามความหมายของเถรวาท)ไปเลย ก็ต้องเอาอายตนะนิพพานของตนเองออก

สรุป

ศูนยตา มี 2 ชั้น คือ 1. บุคคลศูนยตาและ 2. ธรรมศูนยตา บุคคลศูนยตาได้แก่การละกิเลสทั้งปวงหรือบรรลุอรหันต์นั่นเอง  พระอรหันต์จะได้อายตนะนิพพาน = ธรรมกาย(เถรวาท) หรือสัมโภคกาย(มหายาน) ซึ่งจะออกมารองรับเมื่อดับขันธ์ 5 ไปแล้ว

ส่วนธรรมศูนยตา ได้แก่ การละความยึดถือแม้ในอายตนะนิพพานและวิสุทธิภูมิ(พุทธเกษตร)ที่ตนเองอยู่  นี่ล่ะคือนิพพานแท้ที่ไม่มีเมืองพระนิพพาน(พุทธเกษตร)

หลวงปู่ดู่ พูดถึงเมืองพระนิพพานและพระนิพพานแท้ดังนี้

 “เมื่อ ไปถึงวิมานแก้วได้แล้ว เป็นวิมานแก้วของพระพุทธเจ้าก็เหมือนกุฏิของพระพุทธเจ้า นอกจากนี้ก็มีวิมานพระธรรม อยู่ไปทางขวามือของพระพุทธเจ้ามีตู้พระไตรปิฎกอยู่หลายตู้ เขียนเป็นภาษาบาลีอักษรขอม ถ้าอยากรู้แปลว่าอะไรให้ถามหลวงปู่ทวด ซ้ายมือเป็นวิมานของพระสงฆ์ มีพระสงฆ์อยู่พระพุทธเจ้าเป็นประธาน แกเดินจิตให้ดีจากวิมานแก้วจะไปถึงพระพุทธรูป 4 องค์ของกัปป์นี้ มีลักษณะหน้าตักกว้างไม่เท่ากันตามบารมี องค์แรกเป็นของพระกกุสันโธมีหน้าตักกว้าง 20 วา องค์ที่สองพระโกนาคม หน้าตัก 15 วา องค์ที่สาม ของพระกัสสปหน้าตัก 10 วา องค์ที่สี่ หน้าตัก 5 วา ถ้าเป็นพระศรีอริย์องค์ที่ห้า ยังไม่ปรากฎถ้าอธิษฐาน ขอดูจะพบว่ามีหน้าตักเท่ากับองค์แรก เพราะท่านสร้างบารมีมาถึง 16 อสงไขยกับแสนมหากัปป์ ทำจิตให้ดี เดินจิตให้ถึงที่หลังพระทั้ง สี่องค์ มีที่เวิ้งว้างไม่มีประมาณนั้นแหละคือ แดนพระนิพพานจริงๆ ไม่มีอะไรเลยเป็นสภาพของความว่าง แต่ไม่ใช่สูญนะแก”

-  เมื่อไปถึงวิมานแก้วได้แล้ว เป็นวิมานแก้วของพระพุทธเจ้าก็เหมือนกุฏิของพระพุทธเจ้า = หนึ่งในเมืองพระนิพพานที่พระพุทธเจ้าของเรา(สัมโภคกาย)อยู่

-  มีที่เวิ้งว้างไม่มีประมาณนั้นแหละคือ แดนพระนิพพานจริงๆ ไม่มีอะไรเลยเป็นสภาพของความว่าง แต่ไม่ใช่สูญนะแก = พระนิพพานของแท้ ที่จิตบริสุทธิ์และว่างเปล่าอยู่

หลวงปู่ดุลย์ พูดถึงพระนิพพานของแท้ดังนี้:

" โดยปราศจากรูปปรมาณู(หมายถึง ดับวิญญาณธาตุและดับนามรูปแล้ว ความว่างนั้น จึงบริสุทธิ์และสว่าง รวมเข้ากับความว่าง บริสุทธิ์ สว่าง ของจักรวาลเดิม เข้าเป็นหนึ่งเรียกว่า นิพพาน"

- โดยปราศจากรูปปรมาณู(หมายถึง ดับวิญญาณธาตุและดับนามรูปแล้ว = จะได้อายตนะนิพพาน(ธรรมกาย เถร. สัมโภคกาย มหา.)

- ความว่างนั้น จึงบริสุทธิ์และสว่าง รวมเข้ากับความว่าง บริสุทธิ์ สว่าง ของจักรวาลเดิม เข้าเป็นหนึ่งเรียกว่า นิพพาน =  ทิ้งอายตนะนิพพาน ไปรวมกับ แสงสุกสกาวบริสุทธิ์สว่างของจักรวาลเดิม ที่เรียกว่า อาทิพุทธ  นี่แหละพุทธภาวะแท้ๆ  ธรรมธาตุทุกดวงรวมกันเป็นหนึ่ง

- ศาสนาพราหมณ์เรียกว่า อาตมัน เข้าไปรวมกับ ปรมาตมัน = พระอรหันต์ทั้งหมด เข้าไปรวมกับ พระพุทธเจ้าต้นธาตุต้นธรรม


หัวข้อ: Re: พุทธเกษตร=เมืองพระนิพพาน นิพพานแท้=พุทธภาวะดั้งเดิม
เริ่มหัวข้อโดย: phonsak ที่ 20 กันยายน 2553 20:31:57
ดับ นามธรรม และรูปธรรม

เหลือ จิต เนอะ ;D

ใช่แล้วครับ

แต่ดับนามรูป = ดับจิตสังขารที่ไม่บริสุทธิ์+ดับอายตนะ(ขันธ์ 5)ที่เป็นอนัตตา ไม่เที่ยง และทุกข์

แต่เหลือจิต = จิตบริสุทธิ์มีอายตนรองรับเช่นกัน  พระพุทธเจ้าเรียกว่า อายตนะนิพพาน ชาวพุทธเถรวาทเรียกว่า "ธรรมกาย" ชาวพุทธมหายานเรียกว่า "สัมโภคกาย"

- อายตนะมี 2 อย่างคือ เช่น อายตนะของโลก อายตนะภายใน(ขันธ์ 5) ภายนอกเมืองต่างๆ รวมกันเรียกว่า โลก

- อายตนะนิพพานก็มมี 2 เช่นกัน  อายตนะนิพพาน ภายใน(ธรรมขันธ์ หรือ ธรรมกาย) อายตนะนิพพาน ภายนอกคือ เมืองพระนิพพานหรือพุทธเกษตร

การเข้านิพพาน เป็นอีกกีตัว คือ การที่จิดบริสุทธิ์ที่สว่างแต่ละดวง เข้าไปรวมกับ จิตบริสุทธิ แอละสว่างต้นกำเนิด ที่เป็นพุทธภาวะเบื้องค้น