[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

นั่งเล่นหลังสวน => สุขใจ ห้องสมุด => ข้อความที่เริ่มโดย: sometime ที่ 26 พฤษภาคม 2553 14:48:37



หัวข้อ: วันวิสาขบูชามีความหมายดังนี้คือ.................
เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 26 พฤษภาคม 2553 14:48:37
(http://album.taklong.com/addons/albums/images/648775027.jpg)

http://www.fungdham.com/download/song/sec1/1/sound002.mp3



.............................ถ่ายประกอบเนื้อหาโดยข้าพเ้จ้า(บางครั้ง)ขอรับ......................



....................ภาพจากงานสัปดาห์วัน วิสาขบูชา 15 - 28 พฤษภาคม 2553................



วันที่ประกอบด้วยคุณพิเศษ คือ

1.เป็นวันที่พระพุทธเจ้าประสูติ

2.เป็นวันที่ต้นศรีมหาโพธิ์เกิดขึ้น

3.เป็นวันที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้

4.เป็นวันที่พระพุทธเจ้าเสด็จดับชันธปรินิพพาน

ในวันเพ็ญ 15 ค่ำเดือน 8(อาสาฬหบูชา)พระโพธิสัตว์จุติจากสวรรค์ชั้นดุสิต ปฏิสนธิ

ในพระครรภ์พระนางมหามายาเทวีพร้อม ๆ กับแผ่นดินไหว

(ขณะที่ปฏิสนธิในพระครรภ์มารดาไม่ใช่ขณะประสูติ)

เทวดาต่างอารักขาพระโพธิสัตว์และพระมารดา พระมารดา

ไม่มีความลำบากในการทรงพระครรภ์ พระมารดาย่อมได้ยศ ได้ลาภอันเลิศ ไม่มีความพอใจในบุรุษ



หัวข้อ: Re: วันวิสาขบูชามีความหมายดังนี้
เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 26 พฤษภาคม 2553 14:52:15
(http://album.taklong.com/addons/albums/images/648775027.jpg)




........................................พระโพธิสัตว์ทรงประสูติ............................




ตามธรรมเนียมของสมัยนั้น สตรีเมื่อจะคลอดย่อมคลอดที่สกุลเดิมหรือบ้านของบิดา

มารดาของตน พระนางมหามายาเทวีจึงมีพระประสงค์จะไปที่กรุงเทวทหะอันเป็นเมือง

ของพระราชบิดาและพระราชมารดาของพระองค์

เมื่อเสด็จถึงป่าสาลวันชื่อลุมพินีวัน ขณะนั้นต้นสาละออกดอกบานสะพรั่ง พระเทวีมี

ประสงค์จะเล่นในสวนสาลวัน พระนางมีประสงค์จะจับกิ่งใด กิ่งนั้นก็น้อมมาที่พระหัตถ์

และลมกัมมัชวาตก็เกิดขึ้น มหาชนจึงล้อมม่านแล้วถอยออกไป พระนางได้ยืนจับกิ่ง

สาละนั่นแลได้ประสูติแล้ว

ในขณะนั้นนั่นเองท้าวมหาพรหมผู้มีจิตบริสุทธิ์  ๔ องค์  ก็มาถึงพร้อมกับถือข่ายทอง

มาด้วยเอาข่ายทองนั้นรับพระโพธิสัตว์วางไว้ตรงพระพักตร์ของพระราชมารดา  

พลางทูลว่าข้าแต่พระเทวีขอพระองค์จงดีพระทัยเถิดพระราชบุตรของพระองค์

มีศักดาใหญ่อุบัติขึ้นแล้ว..........พระโพธิสัตว์ก็ประทับยืนบนแผ่นดินทอดพระเนตรดู

ทิศตะวันออกจักรวาลนับได้หลายพันได้เป็นที่โล่งเป็นอันเดียวกันพวกเทวดาและ

มนุษย์ในที่นั้นต่างพากัน บูชาด้วยของหอมและดอกไม้เป็นต้น กราบทูลว่าข้าแต่ท่าน  

บุรุษคนอื่นในที่นี้เช่นกับท่านไม่มีคนที่ยิ่งกว่าท่านจักมีแต่ที่ไหน


หัวข้อ: Re: วันวิสาขบูชามีความหมายดังนี้
เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 26 พฤษภาคม 2553 14:58:38
(http://album.taklong.com/addons/albums/images/648775027.jpg)



พระโพธิสัตว์มองตรวจดูตลอดทิศให้ทิศเล็กแม้ทั้ง 10 คือทิศใหญ่ 4 ทิศเล็ก 4

เบื้องล่างเบื้องบนก็มิได้ทรงมองเห็นใครที่เช่นกับตน................................ต่อจากนั้นประทับยืนที่

พระบาทที่ 7 ทรงเปล่งอาสภิวาจา วาจาแสดงความยิ่งใหญ่ ว่า..............................  

เราเป็นผู้เลิศในโลกเราเป็นผู้เจริญที่สุดในโลกเราเป็นผู้ประเสริฐที่สุด

ในโลกการเกิดครั้งนี้เป็นการเกิดครั้งสุดท้ายบัดนี้ภพใหม่ไม่มีต่อไป





.............................ย้อนรำลึกเหตุการณ์ใน วันวิสาขบูชา ตรัสรู้..................................





ในเวลาเช้าของวันเพ็ญเดือน 6 วันวิสาขบูชา ขณะนั้นมีพระชนมายุ 35 พระชันษา

ขณะนั้นทรงประทับที่ต้นไทรนาง สุชาดา นำข้าวมธุปายาสที่ใส่ถาดทองมาถวายพระโพธิสัตว์ พระโพธิสัตว์ทรงรับและเสวยข้าวมธุปายาสแล้วได้

เสด็จไป

ที่ท่าน้ำเนรัญชราพระองค์ทรงอธิษฐานว่าหากเราได้เป็นพระพุทธเจ้าก็ขอให้ถาดลอยทวนน้ำไปเมื่อพระองค์ทรงปล่อยถาดลงในกระแสน้ำถาด นั้นก็

ลอย

ทวนกระแสน้ำและได้จมลงไปในที่อยู่ของนาคราชเมื่อถึงเวลาเย็น นายโสตถิยะก็ถวายหญ้า 8 กำ กับพระโพธิสัตว์พระโพธิสัตว์ทรงวางหญ้าที่โพธิ

บัลลังก์ที่ต้นพระศรีมหาโพธิ์ทรงประทับนั่งแล้วอธิษฐานว่าหากเรายังไม่บรรลุสัมมาสัมโพธิญาณแล้วแม้เนื้อและเลือดจะเหือดแห้ง

ไปก็จะไม่ลุกไปเด็ดขาดพระองค์ทรงกำจัดมารในเวลาเย็นในเวลาปฐมยามทรงระลึกชาติได้แต่ยังไม่เป็นพระพุทธเจ้าเวลามัจฌิมยาม พระองค์ทรง

เห็น

สัตว์เกิดสัตว์ตายด้วยพระญาณแต่ไม่เป็นพระพุทธเจ้าเวลาปัจฉิมยามทรงพิจารณาปฏิจจสมุปบาท

ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในเวลาใกล้รุ่งของวันวิสาขบูชา


หัวข้อ: Re: วันวิสาขบูชามีความหมายดังนี้
เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 26 พฤษภาคม 2553 15:05:56
(http://album.taklong.com/addons/albums/images/648775027.jpg)



.............เมื่อพระองค์ทรงตรัสรู้ได้เปล่งพระอุทานที่พระพุทธเจ้าทั้งปวงมิได้ทรงละว่า..........



เราเมื่อแสวงหานายช่าง(คือตัณหา)ผู้กระทำ
        
เรือนเมื่อไม่ประสบได้ท่องเที่ยวไปยังสงสารมิใช่
    
น้อยความเกิดบ่อย ๆ เป็นทุกข์ ดูก่อนนายช่างผู้
      
กระทำเรือนเราเห็นท่านแล้วท่านจักทำเรือนไม่ได้
        
อีกต่อไปซี่โครงทั้งปวงของท่านเราหักแล้วยอด
    
เรือนเรากำจัดแล้วจิต(ของเรา)ถึงวิสังขาร(นิพพาน)
      
แล้วเราได้ถึงความสิ้นตัณหาแล้ว


....................................สิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้คืออะไร....................................



ในปัจฉิมยามพระองค์ทรงพิจารณา ปฏิจจสมุปบาท นั่นก็คือพระองค์ทรงตรัสรู้สัจจะ

ความจริงที่เป้นสภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ทรงตรัสรู้ความจริงที่เป็นเพียง จิต เจตสิก

รูป นิพพาน ไม่ใชสัตว์ บุคคล อาศัยเหตุปัจจัยจึงเกิดขึ้น เพราะมีความไม่รู้ จึงมีสภาพ

ธรรมอื่น ๆ เกิดวนเวียนเป็นสังสารวัฏฏ์ ไม่มีที่สิ้นสุดแต่เมื่อวิชชา คือปัญญาเกิดก็

สามารถดับสังสารวัฏฏ์ได้พระองค์ตรัสรู้ความจริงที่เป็นเพียงสภาพธรรมด้วยปัญญา

ของพระองค์ตามความเป็นจริงการจะรู้ความจริงจึงรู้ขณะนี้ด้วยการฟัง การศึกษาให้

เข้าใจสภาพธรรมทำ หน้าที่เองให้ปัญญาเจริญขึ้นจนประจักษ์แจ้งสภาพธรรมที่มี

ในขณะนี้


หัวข้อ: Re: วันวิสาขบูชามีความหมายดังนี้
เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 26 พฤษภาคม 2553 15:10:06
(http://album.taklong.com/addons/albums/images/648775027.jpg)




...............................ย้อนรำลึกเหตุการณ์ในวันวิสาขบูชาปรินิพพาน...............................



ในวัน มาฆบูชา พระพุทธองค์ทรงปลงมายุสังขาร ณ.ปาวาลเจดีย์จากนี้ไปอีก 3 เดือน

เราจะปรินิพพานพระองค์ทรงตรัสเตือนภิกษุทั้งหลายว่า................................................

ชนเหล่าใดทั้งเด็กผู้ใหญ่ - ทั้งพาล - ทั้งบัณฑิต - ทั้งมั่งมีทั้ง - ขัดสน ล้วนมีความตาย

เป็นเบื้องหน้าภาชนะดิน ที่ช่างหม้อทำทั้งเล็กทั้งใหญ่ทั้งสุกทั้งดิบทุกชนิดมีความ

แตกเป็นที่สุดฉันใดชีวิตของสัตว์ทั้งหลายก็ฉันนั้น…..ดูก่อนภิกษุทั้งหลายพวก

เธอจงไม่ประมาทมี สติ มีศีลด้วยดีเถิดจงเป็นผู้มีความดำริตั้งมั่นด้วยดีจงตามรักษา

จิตของตนเถิดผู้ใดจักเป็นผู้ไม่ประมาทอยู่ในธรรมวินัยนี้ผู้นั้นจักละชาติสงสารแล้ว

จะกระทำที่สุดทุกข์ได้


หัวข้อ: Re: วันวิสาขบูชามีความหมายดังนี้
เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 26 พฤษภาคม 2553 15:13:09
(http://album.taklong.com/addons/albums/images/648775027.jpg)



ในวันวิสาขบูชา พระพุทธองค์เสด็จไปที่เมืองกุสินารา แม้จะลงพระโลหิตอย่างมาก

ใกล้จะปรินิพพานแล้วแต่พระองค์ก็เสด็จไปเพื่อที่จะโปรดสุภัททะปริพาชกให้บรรลุ

ธรรมและเพื่อที่จะแสดงมหาสุทัสสนสูตรเพื่อให้มหาชนได้ฟังพระธรรมและอีกเหตุผล

หนึงคือหากพระองค์ปรินิพพานที่กุสินาราจะไม่มีการทะเลาะกันในเรื่องของการแบ่งพระ

ธาตุจะเห็นได้ถึงพระมหากรุณาคุณของพระองค์แม้พระองค์จะปรินิพานแล้วก็ยังช่วย

สัตว์โลกแม้จะทรงประชวรอย่างหนักก็ตาม

พระพุทธเจ้าเสด็จถึงป่าสาลวัน รับสั่งให้พระอานนท์จัดเตียงหันพระเศียรไปทาง

ทิศเหนืออันอยู่ระหว่างต้นสาละคู่ครั้งนั้นเทวดาและมนุษย์ต่างบูชาด้วยดอกไม้ของ

หอมมากมาย พระพุทธองค์ตรัสกับพระอานนท์ว่า อานนท์การบูชา ด้วยสักการะเหล่านี้

อามิสบูชา ยังไม่ชื่อว่าสักการะ เคารพพระองค์จริง แต่ผู้ใดปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม

ชื่อว่าบูชาพระองค์ นั่นคือการให้ทาน รักษาศีล ฟังธรรมเจริญกุศลทุกประการจนถึง

การดับกิเลสได้เป็นการปฏิบัติธรรมสมควรแก่......................................ธรรม

พระพุทธองค์ทรงแสดงเรื่องสังเวชนียสถานว่าเป็นที่ที่ควรระลึกถึง ควรเห็นของผู้มี

ศรัทธาเมื่อพระศาสดาล่วงไปแล้ว

พระอานนท์ร้องไห้ที่ประตูวิหาร พระพุทธเจ้าทรงตรัสเรียก พระอานนท์ และเตือนว่า

ทุกสิ่งมีความแตกสลายไปธรรมดาเธออย่าประมาทจงทำที่สุดทุกข์และตรัสสรรเสริญพระอานนท์มากมาย



หัวข้อ: Re: วันวิสาขบูชามีความหมายดังนี้
เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 26 พฤษภาคม 2553 15:20:45
(http://album.taklong.com/addons/albums/images/648775027.jpg)



พระพุทธเจ้าทรงโปรดสุภัททะปริพพาชกจนสุดท้ายได้บรรลุเป็นพระอรหันต์

พระพุทธเจ้าตรัสว่าเธออย่าสำคัญว่าศาสดาล่วงไปแล้วจะหาพระศาสดาไม่ได้

พระธรรมของเราจะเป็นศาสดาของพวกเธอ




...........................เมื่อพระภิกษุสงฆ์ประชุมพร้อมกันแล้ว พระองค์ได้ตรัสพระปัจฉิมโอวาทว่า...................




ดูก่อนภิกษุทั้งหลายบัดนี้เราขอเตือนพวกเธอว่า.............................

สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดาพวกเธอจงยังความ

ไม่ประมาทให้ถึงพร้อมเถิดนี้เป็นพระปัจฉิมวาจาของพระตถาคต.

พระพุทธเจ้าทรงเข้าฌานและออกจากฌานและทรงออกจากจตุตถฌานแล้ว

พระพุทธเจ้าก็ปรินิพพานดับรอบซึ่งสังขารธรรมและขันธ์ทั้งหลายในคืนวันวิสาขบูชา




.................................พระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้วไปไหน ?................................



นิพพานไม่ใช่สถานที่ ไม่มีปัจจัยปรุงแต่ง เมื่อจุติจิตของพระพุทธเจ้าหรือพระอรหันต์

เกิดขึ้นก็ไม่มีเหตุปัจจัยให้ปฏิสนธิจิตเกิดจึงไม่เป็นเหตุให้มีขันธ์ 5 เกิดขึ้นอีกจึงไม่

สามารถกล่าวได้ว่าไปที่ไหนเหมือนเปลวเทียนเมื่อดับไป เปลวเทียนไปไหนช่างตี

เหล็กใช้ฆ้อนเหล็กเมื่อตีเหล็กติดไฟแล้วไฟก็ดับไปไฟไปไหนพระอรัหันต์ผู้ดับ

กิเลสแล้วเมื่อปรินิพพานจึงหา(คติ)ที่ไปไมได้อีก....................................................................