หัวข้อ: กะปิของชาวนาไทย เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 05 มิถุนายน 2555 11:21:08 (http://t3.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcR7PD59bqeHfWqMRNKBVyTicB5tl53DlxiXSvRsXAQq6hULJaw-Lo6QYQ)กะปิจากกุ้งฝอย....โดย กิมเล้ง
ภาพจาก : oknation.net กะปิของชาวนาไทย เมื่อถึงฤดูกาลเก็บเกี่ยวข้าว ชาวนาจะต้องปล่อยน้ำออกจากผืนนาเพื่อสะดวกแก่การเก็บเกี่ยวผลผลิต ทำให้บรรดาสัตว์น้ำต่าง ๆ ถอยร่นลงสู่ที่ลุ่มที่เป็นที่รองรับน้ำในที่ต่ำ และมารวมตกคลั่กกันในที่นั้น จึงนับว่าเป็นฤดูกาลที่สมบูรณ์ของชาวชนบทอย่างหนึ่ง ที่จะต้องรีบจับสัตว์น้ำเหล่านั้นรวบรวมไว้เพื่อบริโภคและถนอมอาหารไว้บริโภคนานถึงฤดูแล้งที่จะมาถึงต่อไป ชาวไทยนับแต่โบราณ มีวิธีถนอมอาหารจากสัตว์น้ำที่มีอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์ เรียกว่าทั้งกิน ทั้งแจก ทั้งฝาก ก็ยังไม่หมด จึงต้องนำสัตว์น้ำที่จับรวบรวมมาได้ ทั้ง กุ้ง หอย ปู ปลา นำมาตากแห้ง รมควัน หมักเป็นปลาส้ม ปลาร้า ปลาเจ่า กะปิ น้ำปลา ปูดอง หอยดอง ฯลฯ ก็ของมันมีเหลือเฟือมากมายก่ายกองเช่นนี้ จะทิ้งก็เน่าเสียเปล่า จะฝังเป็นปุ๋ยหมักหรือก็เสียดายของ ....แม้แต่ปลาจะเน่ามิเน่าแหล่ ก็ยังอุตส่าห์เอามาหมักทำเป็นปลาร้า – น้ำปลา สืบทอดภูมิปัญญาให้เราได้ลิ้มรสอย่างเอร็ดอร่อยตราบจนทุกวันนี้ สำหรับปลาที่จับได้ตอนน้ำลดในท้องทุ่งนาเหล่านี้ เป็นปลาเบญจพรรณ คือ ปลาต่าง ๆ ที่มีหลายชนิดหลายขนาด เช่น ปลาช่อน ปลากระสง ปลาหมอ ปลาดุก ปลากระดี่ ปลาซิว ปลาสร้อย ปลาหลด ปลาไหล ปลาตะเพียน และอีกสารพัดปลา ปลาเหล่านี้จะถูกนำมาคัดประเภท และขนาด ที่เหลือจากการนำไปประกอบอาหารสด จะนำมาย่างหรือตากแห้ง ส่วนที่มีขนาดเล็กจะถูกนำมาทำปลาร้า ปลาเจ่า และน้ำปลา ส่วนปูนาก็นำมาดอง และสัตว์น้ำอีกชนิดหนึ่งที่มีจำนวนมากและนำมาประกอบอาหารก็ได้รสที่อร่อย ได้แก่กุ้งฝอย กุ้งฝอย นำมาประกอบอาหารได้หลากหลายชนิด ทั้งกุ้งเต้น (เคยเห็นแต่ไม่เคยกิน) กุ้งหวาน แกงส้มกุ้งฝอยกับมะละกอ ห่อหมกกุ้งฝอยก็ยังมี กุ้งฝอยจะมีมากมายในช่วงปลายฤดูฝน ต้นฤดูหนาว ในช่วงระยะกาลดังกล่าว ชาวนาจะใช้เครื่องมือช้อนปลาชนิดหนึ่ง เรียกว่าสวิง หรือยอ ถักด้วยตาข่ายถี่ ๆ มีด้ามจับ ใช้รำข้าวโปรยบนผิวน้ำ เป็นเหยื่อล่อกุ้ง วิธีการนี้จะได้กุ้งฝอยแต่ละครั้งจำนวนมากมาย นำมาทำอาหารดังที่ได้กล่าวแล้วก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหมดได้ง่าย ๆ ก็ต้องหันมาทำกะปิ สาธยายน้ำท่วมทุ่งมาซะนาน เข้าเรื่องแล้วค่ะ กะปิจากกุ้งฝอย กุ้งฝอยที่ได้มาจากการช้อนด้วยสวิง หรือเครื่องมืออื่น ๆ นั้น จะมีกลิ่นโคลนตมติดตัวกุ้งอยู่ด้วย ทั้งนี้ กุ้งก่อนที่จะถูกจับมานั้น อาศัยอยู่ในน้ำที่มีปริมาณเหลือน้อย และขุ่น น้ำกำลังงวดและแห้งลง ประกอบกับคนลงไปจับสัตว์น้ำกันมาก ดังนั้น กุ้งฝอยที่รวบรวมมาได้ จะถูกเกลี่ยกระจายอยู่ในกระด้ง หรือกระจาด เพื่อทำการเก็บ ลูกปลา ลูกหอย ตัวเล็ก ๆ เศษหญ้า เศษกิ่งไม้ ใบไม้แห้ง ที่ติดมากับสวิงออกให้หมด จึงนำกุ้งล้างน้ำสะอาด แต่กระนั้น กลิ่นโคลนก็ยังไม่หมดจากตัวกุ้งไปง่าย ๆ จึงต้องกำจัดกลิ่นไม่พึงปรารถนานี้ให้หมดสิ้นไป โดยการนำมาล้างด้วยน้ำแกว่งสารส้มอีกครั้งหนึ่ง เท่านั้นเอง กลิ่นโคลนและเศษโคลนเล็ก ๆ ก็จะตกตะกอนนอนก้น จึงช้อนเอากุ้งนั้นมาล้างน้ำสะอาดอีกครั้ง จากนั้น นำกุ้งมาคลุกกับเกลือให้ทั่วถึงกัน โดยใช้อัตราส่วน ๑ : ๓ หมายถึงใช้เกลือ ๑ กิโลกรัม ต่อกุ้ง ๓ กิโลกรัม อันเป็นสัดส่วนที่มาตรฐาน จากนั้นนำกุ้งใส่ในกระจาดและเกลี่ยกุ้งให้กระจาย นำไปผึ่งไว้ในที่ร่ม ๑ คืน กุ้งฝอยเหล่านี้จะเป็นสีชมพูสวยงาม จึงนำมาใส่ครกตำข้าวขนาดใหญ่ (ครกและสากทำด้วยต้นไม้ มีใช้ตามชนบทสมัยก่อน) จนละเอียด ยิ่งละเอียดมากเท่าไหร่ยิ่งดี จากนั้นจึงนำใส่ภาชนะมี่ฝาปิดมิดชิด นำไปตากแดดทิ้งไว้ประมาณ ๑ เดือน ก็ใช้ได้ (http://t0.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcS8WVZdXU7yjWvjyQTLxAAaXHTM85ffn_Ngu-Zw3KRsXRI2Q4vnVEvKdI4) กะปิจากเคย ภาพจาก : velamall.com ส่วนกะปิเคย....เป็นผลิตผลจากการแปรรูปแพลงตอนน้ำชนิดหนึ่ง แพลงตอนที่นิยมนำมาทำกะปิมากที่สุด หากว่าด้วยการจัดกลุ่มทางวิทยาศาสตร์จะเป็นสัตว์น้ำที่อยู่ในกลุ่มแฟมิลี ในประเทศไทยพบอยู่ ๕ สกุล แพลงตอน หรือ เคย สกุล Acetes นิยมนำมาทำกะปิมากที่สุด เนื่องจากเป็นเคยขนาดใหญ่ มีตั้งแต่ขนาดยาว ๗ ม.ม. ถึง ๓.๒ ม.ม. มีเนื้อเยอะ เคยสกุลนี้มิได้นิยมนำไปแปรรูปเป็นกะปิอย่างเดียว แต่มีการนำไปทำกุ้งแห้งด้วย “เคย” ชนิดนี้ พบมากตามแนวชายฝั่งทะเลแถวจังหวัดระยอง ชลบุรี ฉะเชิงเทรา สมุทรสาคร สมุทรปราการ เรื่อยตลอดไปจนถึงชุมพร นครศรีธรรมราช สงขลา ปัตตานี กรรมวิธีการทำกะปิจาก “เคย” เริ่มจากการนำเคยที่หามาได้ล้างให้สะอาด จากนั้นนำมาเคล้ากับเกลือในอัตราส่วน ๑๒ : ๑ คือเคย ๑๒ ส่วน ต่อเกลือ ๑ ส่วน คลุกเคล้าให้เข้ากันทั่วดีแล้ว นำไปหมัก ๑ คืน หลังจากนั้นนำไปตากแดด ให้น้ำจากตัวเคยระเหยออกไป แล้วจึงนำเคยนั้นไปบดให้ละเอียด แล้วนำไปตากแดดอีก ๑ วัน จึงบรรจุลงภาชนะ ตั้งทิ้งไว้อีก ๑ สัปดาห์ เพื่อให้กะปิระอุหรือสุก ก็จะได้กะปิอย่างดี หัวข้อ: Re: กะปิของชาวนาไทย เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 05 มิถุนายน 2555 12:11:44 "เคย" หรือ "เคอย" คนมักเรียกติดปากกันอีกอย่างว่า "กุ้งเคย" ว่ากันว่ากะปิที่อร่อยที่สุดคือกะปิที่ทำมาจากเคย หรือกะปิเคย นั่นเอง (http://chm-thai.onep.go.th/chm/MarineBio/WEBPAGE_USED/IMAGES/Mangrove/Animal/acetes.jpg) จัดอยู่ในไฟลั่มอาร์โทรโปดา คลาสครัสเตเชียน ใครที่เรียนชีวะวิทยา ม.ปลาย ต้องโดนท่องทุกคน กุ้งเคยมีขนาดเล็กรูปร่างคล้ายกุ้ง แต่ดำรงชีวิตอยู่ใกล้ผิวทะเลโดยไม่จมลง คลานตามพื้นอย่างกุ้งทั่วไป ขนาดยาวประมาณ 1.5 เซนติเมตร เปลือกบาง และนิ่ม อาศัยอยู่รวมกันเป็นฝูงตามชายทะเล และลำคลองบริเวณป่าชายเลน (http://www.prachatai.com/sites/default/files/u8/20090727_002.jpg) (http://www.prachatai.com/sites/default/files/u8/20090727_001.jpg) ภาพการจับกุ้งเคย จาก prachatai.com/journal/2009/07/25237 |