[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
15 พฤษภาคม 2567 05:24:35 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า:  [1] 2   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: พระราชพิธิบรมราชาภิเศก  (อ่าน 22095 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
sometime
บุคคลทั่วไป
« เมื่อ: 17 กุมภาพันธ์ 2553 10:09:34 »

<table class="maeva" cellpadding="0" cellspacing="0" border="0" style="width: 800px" id="sae1"> <tr><td style="width: 800px; height: 576px" colspan="2" id="saeva1"><script type="text/javascript"><!-- // --><![CDATA[ var oldLoad = window.onload; window.onload = function() { if (typeof(oldLoad) == "function") oldLoad(); if (typeof(aevacopy) == "function") aevacopy(); } // ]]></script><embed type="application/x-mplayer2" src="http://www.se-ed.com/ads/pr/sile/song/08.%20Track%208.wma" width="800px" height="576px" wmode="transparent" quality="high" allowFullScreen="true" allowScriptAccess="never" ShowControls="True" autostart="false" autoplay="false" /></td></tr> <tr><td class="aeva_t"><a href="http://www.se-ed.com/ads/pr/sile/song/08.%20Track%208.wma" target="_blank" class="aeva_link bbc_link new_win">http://www.se-ed.com/ads/pr/sile/song/08.%20Track%208.wma</a></td><td class="aeva_q" id="aqc1"></td></tr></table>

พระราชพิธีบรมราชาภิเษก เป็นพิธีที่ผสมด้วยลัทธิพราหมณ์ และพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาท และยังมีลัทธิ เทวราชของเขมรมาผสมอยู่อีกส่วนหนึ่ง มีร่องรอยให้เห็นคือ น้ำพุที่เขาลิงคบรรพต ข้างบนวัดภู ทางใต้นครจำปาศักดิ์ ได้นำมาใช้เป็นน้ำอภิเษก ตามความในศิลาจารึก (พ.ศ. 1132)
ตามหลักเดิมของไทยนั้น เมื่อกษัตริย์พระองค์ใหม่ จะทรงเป็นแต่ผู้สำเร็จราชการแผ่นดินไปก่อน จนกว่า จะได้ทรงรับราชาภิเษก ในระหว่างนั้นเครื่องยศบางอย่างก็ต้องลด เช่น พระเศวตฉัตร มีเพียง 7 ชั้น ไม่ใช่ 9 ชั้น คำสั่งของพระองค์ไม่เป็นโองการ ฯลฯ
ก่อนรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าบรมโกศ ไม่ได้มีหลักฐานบรรยายการทำพิธีบรมราชาภิเษกเอาไว้ เมื่อครั้งสมเด็จพระเจ้าบรมโกศ รับราชสมบัติ ในปี พ.ศ. 2275 ได้ทำพิธีบรมราชาภิเษกเป็นพิธีลัด
ในรัชสมัยพระเจ้าตากสินมหาราช สันนิษฐานว่าได้มีการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เพราะได้พบหลักฐานที่อ้างพระบรมราชโองการของพระองค์ การใช้พระบรมราชโองการแสดงว่าได้รับราชาภิเษกแล้ว
เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า ฯ ขึ้นเสวยราชสมบัตินั้นได้ทำพิธีบรมราชาภิเษกอย่างลัด ครั้งหนึ่งก่อน เนื่องจากติดงานพระราชสงครามกับพม่า จนเมื่อสร้างพระนครทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยาเสร็จ จึงได้ทรงทำบรมราชาภิเษกโดยพิสดารอีกครั้งหนึ่ง เมื่อ ปีพ.ศ. 2328 และได้เป็นแบบแผนในรัชกาลต่อ ๆ มา โดยเปลี่ยนรายการบางอย่างไปบ้าง เช่น ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า ฯ พราหมณ์และราชบัณฑิตย์กราบบังคมทูลเป็นภาษาบาลี แล้วแปลเป็นภาษาไทย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงตอบทั้ง 2 ภาษา ในรัชกาลต่อ ๆ มา ก็คงใช้แบบอย่างนี้ โดยมีการแก้ไขเล็กน้อยเช่นกัน
พิธีบรมราชาภิเษกสมัยนี้ แต่เดิมสำคัญอยู่ที่ทรงรับน้ำอภิเษก เพื่อแสดงความเป็นใหญ่ในแคว้นทั้ง 8 แต่ในสมัยนี้อนุโลมเอาการสวมพระมหาพิชัยมงกุฎเป็นการสำคัญที่สุด เพราะตอนนี้พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา ชาวพนักงานประโคมสังข์ บัณเฑาะว์ ฆ้องชัย ฯลฯ พระอารามทั้งหลายย่ำระฆัง   แบบอย่างพระราชพิธีบรมราชาภิเษกนั้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ ได้พระราชทานพระบรมราชาธิบายไว้ว่าได้ทำกันมาเป็น 2 ตำรา คือ หลักแห่งการราชาภิเษกมีรดน้ำแล้วเถลิงราชอาสน์เป็นเสร็จพิธี การสรงมุรธาภิเษกกับขึ้นอัฐทิศรับน้ำเป็นการรดน้ำเหมือนกัน ขึ้นภัทรบิฐกับขึ้นพระแท่นเศวตฉัตร เป็นเถลิงราชาอาสน์เหมือนกัน การขึ้นพระที่นั่งอัฐทิศและภัทรบิฐนั้น เป็นอย่างน้อย ทำพอเป็นสังเขป การสรงมุรธาภิเษก และขึ้นพระแท่นเศวตฉัตรนั้นเป็นอย่างใหญ่ ทั้งสองอย่างสำหรับให้เลือกทำตามโอกาสจะอำนวย  ถ้าสงสัยไม่แน่ใจว่าจะเอาอย่างไหน ก็เลยทำเสียทั้ง 2 อย่าง
งานพระบรมราชาภิเษก พระบาทสมเด็จพระปกเกล้า ฯ มีแบบอย่างที่มีทั้งของเก่าและของใหม่ โดยก่อนเริ่มพระราชพิธีที่กรุงเทพ ฯ ได้มีการเสกน้ำสรงปูชนียสถานสำคัญ หรือที่ตั้งมณฑลทั้ง 17 มณฑล เพิ่มวัดพระมหาธาตุสวรรคโลกซึ่งอยู่ในมณฑลพิษณุโลกอีกแห่งหนึ่ง รวมเป็น 18 มณฑล ส่วนที่กรุงเทพ ฯ ก็มีพิธีจารึกพระสุพรรณบัตร ดวงพระชาตา และพระราชลัญจกรแผ่นดิน.................................

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17 กุมภาพันธ์ 2553 14:55:56 โดย บางครั้ง » บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #1 เมื่อ: 17 กุมภาพันธ์ 2553 10:22:29 »

เมื่อถึงกำหนดงานก็มีพิธีตั้งน้ำวงด้ายวันหนึ่ง กับสวดมนต์เลี้ยงพระอีก 3 วัน ครั้งถึงวันที่ 4 เวลาเช้า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สรงพระมุรธาภิเษกสนาน แล้วทรงเครื่องต้นออกสู่พระที่นั่งไพศาลทักษิณ ประทับเหนือพระราชอาสน์แปดเหลี่ยม ซึ่งเรียกว่า พระที่นั่งอัฐทิศ ภายใต้พระเศวตฉัตรเจ็ดชั้น ราชบัณฑิต และพราหมณ์นั่งประจำทิศทั้งแปด ผลัดเปลี่ยนกันคราวละทิศ กล่าวคำอัญเชิญให้ทรงปกปักรักษาทิศนั้น ๆ แล้วถวายน้ำอภิเษก และถวายพระพรชัย เมื่อเวียนไปครบ 8 ทิศแล้ว กลับมาประทับทิศตะวันออก หัวหน้าราชบัณฑิตย์ซึ่งนั่งประจำทิศตะวันออก กราบบังคมทูลรวบยอดอีกทีหนึ่ง

บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #2 เมื่อ: 17 กุมภาพันธ์ 2553 10:25:35 »

จากนั้นจึงเสด็จไปสู่พระราชอาสน์อีกด้านหนึ่ง ซึ่งเรียกว่า พระที่นั่งภัทรบิฐ

พระมหาราชครู ร่ายเวทสรรเสริญไกรลาสจนเสร็จพิธีพราหมณ์ แล้วกราบบังคมทูลเป็นภาษาบาลีก่อน แปลเป็นไทยว่า....................
ขอเดชะฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม ขอได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานพระบรมราชวโรกาส แก่ข้าพระพุทธเจ้าด้วยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงรับพระมุรธาภิเษก เป็นบรมราชาธิราช เป็นเจ้าเป็นใหญ่ของประชาชนชาวสยามเหตุดังนั้น....ข้าพระพุทธเจ้าทั้งพระบรมวงศานุวงศ์ ข้าทูลละอองธุลีพระบาท มีท่านเสนาบดีเป็นประธาน และสมณพราหมณ์จารย์ทั้งปวง พร้อมเพรียงมีน้ำใจเป็นอันเดียวกัน ขอขนานพระปรมาภิไธย ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ดั่งได้จารึกไว้ในพระสุพรรณบัตรนั้น  และขอมอบถวายเครื่องราชกกุธภัณฑ์ อันสมพระราชอิสริยยศ ขอได้ทรงเฉลิมพระปรมาภิไธยโดยกำหนดนั้น และทรงรับเครื่องราชกกุธภัณฑ์นี้ ครั้นแล้ว ขอได้ทรงราชภาระดำรงราชสมบัติโดยธรรมสม่ำเสมอ เพื่อประโยชน์เกื้อกูล และสุขแห่งมหาชนสืบไปทรงรับว่า ชอบละ พราหมณ์


บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #3 เมื่อ: 17 กุมภาพันธ์ 2553 10:27:08 »

ลำดับนี้พระมหาราชครู จึงถวายพระสุพรรณบัตร พระสังวาลย์สามสาย เครื่องราชกกุธภัณฑ์ และพระแสงอัษฎาวุธ

บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #4 เมื่อ: 17 กุมภาพันธ์ 2553 10:29:51 »

เครื่องราชกกุธภัณฑ์ที่พระมหาราชครูถวาย คือ 1.พระมหาพิชัยมงกุฏ
ทรงรับมาสวม พราหมณ์เป่าสังข์ขับบัณเฑาะว์ ชาวประโคม ประโคมแตรสังข์ดุริยดนตรี ทหารยิงปืนถวายคำนับ พระสงฆ์ย่ำระฆังและสวดชัยมงคลคาถาทั่วพระราชอาณาจักร


บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #5 เมื่อ: 17 กุมภาพันธ์ 2553 10:31:48 »



2.พระแสงขรรค์ชัยศรีซึ่งถือว่าเป็นพระแสงของพระเจ้าปทุมสุริยวงศ์ แห่งเขมรโบราณ เป็นพระแสงคู่บ้านคู่เมืองของเขมร สมัยนั้น


บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #6 เมื่อ: 17 กุมภาพันธ์ 2553 10:38:50 »

3.พระแส้จามรีเป็นราชกกุธภัณฑ์ อันนิยมกันว่าเป็นของสูงคู่พระองค์พระมหากษัตริย์ มาแต่อินเดียโบราณ


4.ธารพระกร


พระแส้หางช้างเผือก

6.ฉลองพระบาทเชิงงอนเป็นราชกกุธภัณฑ์สำคัญสิ่งหนึ่งตามแบบอินเดียโบราณ

บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #7 เมื่อ: 17 กุมภาพันธ์ 2553 10:42:08 »



7.พัดวาลวิชนีเป็นราชกกุธภัณฑ์ที่ใช้คู่กับพระแส้จามรี


ยังมีเครื่องราชูปโภคได้แก่ พระแสงฝักเกลี้ยง เป็นพระแสงประจำพระองค์ ที่มหาดเล็กเชิญตามเสด็จทานพระกร เทวรูป พระสุพรรณศรีบัวแฉก พานพระขันหมาก พระมณฑป พระเต้าทักษิโณทก เป็นเครื่องทรงใช้ประจำวัน ซึ่งมหาดเล็กเชิญตามเสด็จทุกงานพระราชพิธี


บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #8 เมื่อ: 17 กุมภาพันธ์ 2553 10:45:13 »


ส่วนพระแสงอัษฎาวุธ เป็นอาวุธของพระเป็นเจ้า (ตรี จักร ธนู) บ้างเป็นพระแสงอันเกี่ยวเนื่องทางประวัติศาสตร์
(พระแสงปืนต้นข้ามแม่น้ำสะโตง)บ้างและอื่น ๆ อีกบ้าง
จากนั้น พระสิทธิชัยบดี กล่าวคำถวายพระเศวตฉัตร พราหมณ์อื่นกล่าวศิวมนต์ วิษณุมนต์ เป็นภาษาโบราณ และถวายชัยด้วยภาษามคธ และภาษาสยาม ซึ่งพระเจ้าอยู่หัวทรงรับว่า..................................................
ดูกรพราหมณ์บัดนี้......เราทรงราชภาระครองแผ่นดินโดยธรรมสม่ำเสมอ เพื่อประโยชน์เกื้อกูลและสุขแห่งมหาชน เราแผ่อาณาเหนือท่านทั้งหลาย กับโภคสมบัติเป็นที่พึ่งจัดการป้องกันอันเป็นธรรมสืบไป ท่านทั้งหลายจงวางใจอยู่ตามสบายเทอญ
พระมหาราชครูรับว่า
ข้าพระพุทธเจ้าขอรับพระบรมราชโองการ พระบัณฑูรสุรสิงหนาท ประถมธรรมิกราชวาจา ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ นี้
เป็นระยะสำคัญระยะที่สอง เพราะพระมหากษัตริย์มีพระบรมราชโองการเป็นครั้งแรก แล้วทรงหลั่งน้ำจากเต้าทักษิโณทก ตั้งสัตยาธิษฐานที่จะทรงเป็นธรรมิกราช มีการประโคมอีกครั้งหนึ่ง เมื่อสุดเสียงประโคมจึงทรงโปรยพิกุลเงินพิกุลทองแก่พราหมณ์ แล้วเปลื้องเครื่องทรงพระมหาพิชัยมงกุฎ แล้วเสด็จขึ้นจากมหาสมาคมสู่พระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน ทรงรับพรจากพระสงฆ์ราชาคณะที่เข้างานวันก่อน ๆ มาแล้วทั้งสามวัน เป็นเสร็จงานส่วนใหญ่ในตอนเช้า
บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #9 เมื่อ: 17 กุมภาพันธ์ 2553 10:48:49 »

ตอนกลางวันทรงพระมหาพิชัยมงกุฎเสด็จ ฯ ออกท้องพระโรงพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ทรงรับพรจากมหาสมาคม แห่งพระบรมวงศานุวงศ์ เสนามาตยราชบริพาร มีพระราชดำรัสขอบใจ และทรงอนุญาตให้ผู้ทำราชการดำรงตำแหน่งสืบไปด้วย พิธีเดิมไม่ใช่แต่การถวายพระพรเท่านั้น แต่ท่านมุขอำมาตย์หัวหน้ารัฐบาลทั้งหก คือสมุหพระกลาโหม สมุหนายก และเสนาบดีเวียง วัง คลัง นา ซึ่งเรียกว่าจตุสดมภ์ ต่างถวายราชสมบัติอันอยู่ในหน้าที่ของตน
จากตัวอย่างในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธหล้านภาลัย สมุหกลาโหมถวายรถหลวง เรือหลวง ศัตราวุธ และหัวเมืองขึ้นกลาโหม สมุหนายกถวายพระยาช้างต้น ม้าต้น  พลเรือน และหัวหัวเมืองขึ้นมหาดไทย เสนาบดีคลังถวายราชพัทยากร และราชสมบัติทั้งสิบสองท้องพระคลัง ฯลฯ เมื่อถวายทั่วแล้ว จึงพระราชทานอนุญาต ให้บรรดาข้าราชการดำรงตำแหน่งรักษาราชอาณาจักรและราชสมบัติในหน้าที่ของตน ๆ สืบไป ต่อจากนี้เสด็จขึ้นพระที่นั่งไพศาลทักษิณ ฝ่ายในเฝ้าถวายพระพร เช่นฝ่ายหน้า  ในสมัยโบราณเป็นหน้าที่ท้าววรจันทร์ ถวายสิบสองพระกำนัล แต่ธรรมเนียมนี้ได้เลิกไปตั้งแต่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า ฯ และในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้า ฯ ได้เติมการทรงสถาปนาพระชายาขึ้นเป็น สมเด็จพระบรมราชินี ในระยะนี้


บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #10 เมื่อ: 17 กุมภาพันธ์ 2553 10:51:53 »



เวลาเย็นเสด็จพระราชดำเนินไปแสดงพระองค์เป็นอัคร ศาสนุปถัมภกต่อหน้าคณะสงฆ์ในพระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยกระบวนราชอิสริยยศแล้วเสด็จขึ้นทรงสักการะสมเด็จพระบรมราชบูรพการี ทุกพระองค์


เวลาค่ำเสด็จขึ้นเถลิงพระราชมณเทียรในพระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน เป็นพิธีอย่างคนไทยขึ้นบ้าน คือประทับบนพระแท่นบรรทม ทรงรับกุญแจทอง จั่นหมากทอง ทานพระกร พรรณผัก หินบด และแมว ฯลฯ เจ้านายผู้ใหญ่ฝ่ายในถวายพระพร แล้วเอนพระองค์ลงบนแท่นบรรทมพอเป็นมงคลฤกษ์
ยังมีงานมงคลและสังคมต่อจากนี้อีกในวันต่อ ๆ มา เช่นการที่เจ้านาย ข้าราชการ ถวายดอกไม้ ธูปเทียน สักการะพระองค์ในฐานะพระมหากษัตริย์ การที่ทรงอาราธนาพระมหารเถร มาถวายเทศนาว่าด้วยมงคลธรรม และหน้าที่พระราชาผู้ได้ทรงรับอภิเษก และการที่คณะต่าง ๆ เข้าเฝ้าถวายพระพรชัย เป็นต้น


บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #11 เมื่อ: 17 กุมภาพันธ์ 2553 10:53:15 »

ส่วนท้ายของพระบรมราชาภิเษก คือ การเลียบเมือง อันเป็นธรรมเนียมมีมาแต่อินเดียโบราณ ดังปรากฏ ในพระบาลีต่าง ๆ มีชาดกเป็นต้น ทางพราหมณ์ก็นิยมธรรมเนียมนี้ดุจกัน ดังปรากฏในคัมภีร์อัคนิปุราณ เป็นต้น แต่เดิมพระมหากษัตริย์เสด็จประทักษิณพระนคร เพื่อแสดงพระองค์แด่ทวยราษฎร  ต่อมาในรัชสมัยพระบาท สมเด็จพระจอมเกล้า ฯ พระองค์ได้ทรงแปรรูปงานนี้ เป็นการเสด็จพระราชดำเนินไปสักการะพระศาสนา ในพระอารามสำคัญ เป็นงานสองวัน ทางบกวันหนึ่ง และทางเรือวันหนึ่ง แล้วเป็นอันเสร็จการ

บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #12 เมื่อ: 17 กุมภาพันธ์ 2553 10:55:56 »



การพระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

เชิญพระพุทธพรรณี และพระพุทธมณีรัตนปฏิมากร ประดิษฐานในพระที่นั่งบุษบกมาลา ตั้งพระอภิรุมชุมสาย 1 สำรับ  ภายในพระที่นั่ง
บนพระที่นั่งมหาเศวตฉัตร ตั้งพระที่นั่งพุดตานกาญจนสิงหาสน์ เป็นบรมราชบัลลังก์ที่ประทับ เวลาเสด็จออกมหาสมาคม มีโต๊ะทองสำหรับตั้งเครื่องราชูปโภคทั้ง 2 ข้าง  ที่มุมพระที่นั่งมหาเศวตฉัตร ตั้งต้นไม้เงินทอง 4 มุม ๆ ละต้น และปักพระมหานพปฎลเศวตฉัตรไว้พร้อม  ตั้งพระราชอาสน์ตรงหน้าพระที่นั่งมหาเศวตฉัตร เป็นที่เสด็จออกประทับ ข้างหลังพระราชอาสน์ทอดพระแสงง้าวและพระแสงปืนตรงเสาคู่หน้าพระที่นั่งเศวตฉัตร ติดพระสูตรทอง สำหรับไขเวลาเสด็จออกมหาสมาคม
ตรงหน้าพระสูตรออกไป ระหว่างเสาท้องพระโรงด้านตะวันออก ตั้งอาสนสงฆ์ 4 แถว สำหรับพระสงฆ์ 45 รูป เจริญพระพุทธมนต์ ตรงข้ามอาสนสงฆ์ตั้งเก้าอี้หมู่ สำหรับข้าราชการเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ริมผนัง ด้านเหนือตั้งพระแท่นสำหรับพระสงฆ์ 4 รูปสวดภาณวาร และตั้งเตียงพระราชาคณะนั่งปรก หน้าพระแท่นสวดภาณวาร ตั้งกระโจมเทียนชัย (ใช้ขี้ผึ้งหนัก 36 กิโลกรัม ไส้ 108 เส้น)


บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #13 เมื่อ: 17 กุมภาพันธ์ 2553 11:01:29 »

พระที่นั่งไพศาลทักษิณ

พระแท่นมณฑล พระแท่นมณทลน้อย ตั้งอยู่ด้านตะวันออก มุมผนังด้านเหนือพระที่นั่งไพศาลทักษิณ เป็นพระแท่นสำหรับตั้งเครื่องมงคลต่าง ๆ ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก นับว่าเป็นพระแท่นสำคัญ มีเครื่องตั้งไว้เป็นหมวด ๆ คือ
หมวดสิ่งสักการะ มีอยู่ 10 รายการ
หมวดพระราชสิริ มีอยู่ 3 รายการ
หมวดเครื่อง พระมุรธาภิเษก มีอยู่ 13 รายการ
หมวดเครื่องต้น มี 9 รายการ
หมวดพระแสง มี 30 รายการ
หมวดเครื่องสูง มี 10 รายการ
พระที่นั่งอัฐทิศอุทุมพรราชอาสน์ ตั้งอยู่ด้านตะวันออกริมผนังด้านใต้ หน้าพระทวารที่ลงจากหอ พระสุลาลัยพิมาน เคียงพระแท่นมณฑล ปักพระบวรเศวตฉัตร 7 ชั้น ณ.ท่ามกลางพระที่นั่ง ตั้งตั่งอัฐทิศ 6 เหลี่ยม บนตั่งอัฐทิศตั้งเทวรูป นพเคราะห์ประจำทิศในษุษบกลายทอง พื้นสีตามนพเคราะห์ด้านหน้าตั้งเทวรูปอธิไทโพธิบาต
พระที่นั่งภัทรบิฐ ตั้งอยู่ด้านตะวันออก หน้าพระทวารที่ลงจากพระธาตุมณเทียร ปักนพปฎลมหาเศวตฉัตร ตั้งโต๊ะทองข้างพระที่นั้งสองข้าง สำหรับตั้งเครื่องราชูปโภค ตรงที่ประทับบนพระที่นั่งภัทรบิฐ   พราหมณ์ทำพิธีลาดหญ้าคา โรยแป้งข้าวสาลี และข้าว 5 สี ( แดง เหลือง เขียว ขาว ดำ ) ปูแผ่นทอง สลักรูปราชสีห์ทับ แล้วลาดพระยี่ภู่
วิมานพระสยามเทวาธิราช ประดิษฐาน ณ ตอนกลาง พระที่นั่งไพศาลทักษิณด้านเหนือ ตรงลับแลทวารเทวราชมเหศวร
ในพระที่นั่งไพศาลทักษิณนี้ มียันต์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า อักขระขอมตัวทองพื้นขาว แขวนห้อยอยู่กับระย้าแก้วไฟฟ้า มียันต์พระอริยสาวก อักขระคาถาตัวทอง แขวนที่สายสิญจ์ติดผนังตามแนวลวดบัวประจำทิศทั้ง 8
ท้องพระโรงหน้าพระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน ตั้งหมู่เก้าอี้ สำหรับพระบรมวงศานุวงศ์ ท้าวนาง เถ้าแก่เฝ้า ฯลฯ


บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #14 เมื่อ: 17 กุมภาพันธ์ 2553 11:03:48 »



..........................พระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน..................

ตั้งพระแท่นบรรทมในพระฉากด้านตะวันออกห้องเหนือ  มีนพปฎลเศวตฉัตรแขวนลอยบนเพดาน เหนือพระแท่นบรรทม บนพระแท่นบรรทมตั้งม้าหมู่ประดิษฐาน พระชัยนวโลหะรัชกาลที่ 5 ตั้งเครื่องเฉลิมพระราชมณเทียร
ในพระฉากด้านใต้ ห้องทรงเครื่อง ตั้งพระแท่นลาดพระราชอาสน์ มีนพปฎลเศวตฉัตร แขวนลอยเหนือพระแท่น


บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #15 เมื่อ: 17 กุมภาพันธ์ 2553 11:06:07 »

......................มณฑปพระกระยาสนาน...................

ปลูกที่ชาลาชานพักท้องพระโรงหน้า ด้านตะวันออก ตั้งพระมณฑปพื้นขาว ฐานยกพื้นขาวตั้งตั่งไม้อุทุมพรหุ้มผ้าขาว ข้างตั่งไม้อุทุมพรตั้งโต๊ะทอง 2 ชั้น บนโต๊ะตั้งครอบมุรธาภิเษก ที่ยกพื้นฐานมณฑป ตั้งราชวัตรพื้นขาวลายทอง มีเครื่องสูงทองแผ่ลวด 3 ชั้น สีทอง นาก เงิน ปักทั้ง 4 มุม ๆ ละ 3 องค์
ด้านตะวันออกและตะวันตกมณฑปพระกระยาสนาน ตั้งบุษยกน้อย สำหรับประดิษฐานพระชัยนวโลหะและพระคเณศร์ ซึ่งจะได้เชิญนำเสด็จสู่พระมณฑป วันสรงมุรธาภิเษก เชิญพระชัยนวโลหะไปประดิษฐาน ณ บุษบกด้านตะวันออก เชิญพระคเณศร์ไปประดิษฐาน ณ บุษบกด้านตะวันตก
ตั้งศาลพระอินทร์  ที่ชาลาตรงทางขึ้นลงมณฑปทิศตะวันออก บนพื้นมณฑปมีศาลเทวดาจตุโลกบาลทั้ง 4 คือ
ท้าวธตรฐจอมภูติอยู่ทิศตะวันออก  ท้าววิสุฬหกจอมเทวดาอยู่ทิศใต้  ท้าววิรูปักษ์จอมนาคอยู่ทิศตะวันตก  ท้าวกุเวรจอมยักษ์อยู่ทิศเหนือ
ศาลทั้ง 4  ตั้งที่มุมราชวัตรทั้ง 4 มุม
ที่ชาลาทิศตะวันออกของมณฑปพระกระยาสนาน หน้าศาลพระอินทร์ ตั้งโต๊ะเครื่องสังเวยเทวดากลางหาว ข้างโต๊ะบูชาตั้งฆ้องชัย สำหรับโหรบอกพระฤกษ์สรงพระมุรธาภิเษก ตั้งโต๊ะทองปูผ้าเยียระบับ ข้างทางขึ้นลงมณฑปพระกระยาสนานด้านตะวันออก สำหรับวางสังข์และพระเต้าต่าง ๆ ซึ่งจะถวายในเวลาสรงมุรธาภิเษก
บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #16 เมื่อ: 17 กุมภาพันธ์ 2553 11:09:43 »



............................สถานที่ทำพิธีพราหมณ์.........................

ตั้งสถานที่ทำพิธีที่ศาลาสหไทย ตั้งราชวัตรขาว 4 มุม มีฉัตรธงกระดาษ 5 ชั้น ตั้งเตียงมณฑลเล็ก มีโต๊ะทอง ตั้งพระอิศวร พระอุมา พระนารายณ์ พระลักษมี พระมเหศวรี พระพรหม พระมหาพิฆเนศ กับตั้งโต๊ะเทวดานพเคราะห์ โต๊ะเบญจคัพย ตั้งหม้อกุณฑ 9 หม้อ ตั้งเตาโหมกุณฑ วงด้ายสายสิญจ์รอบราชวัตร และแขวนพรหมโองการทั้ง 8พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม
มีเทียนพระมหามงคลวันละคู่หนึ่ง เทียนเท่าพระองค์วันละคู่หนึ่ง ตั้งเครื่องนมัสการทองใหญ่สำหรับบูชา และพระแท่นทรงกราบ ในวันพระสงฆ์เจริญพุทธมนต์



....................................แห่พระสุพรรณบัตรและจุดเทียนชัย..........................

วันที่ 4 พฤษภาคม 2493 เวลา 10.00 น.เจ้าพนักงานอาลักษณ์เชิญพระสุพรรณบัตร พร้อมด้วยดวงพระราชสมภพ และพระราชลัญจกรประจำรัชกาล ออกจาก พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม มาขึ้นพระราชยานกงที่เกยพลับพลาเปลื้องเครื่อง ประตูหลังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม มีกระบวนเครื่องสูง กลองชะนะและคู่แห่ แห่ไปตามถนนหน้าศาลาสหทัย เลี้ยวตามถนนจักรีจรัณย์เข้าประตูพิมานไชยศรี ไปตามถนนอมรวิถี ถึงหน้าประตูสนามราชกิจ แล้วเชิญไปประดิษฐาน ณ พระแท่นมณฑลในพระที่นั่งไพศาลทักษิณ
เวลา 18.00 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเครื่องเต็มยศจอมพลทหารบก ประดับราชอิสริยาภรณ์มหาจักรีบรมราชวงศ์ พร้อมด้วยสมเด็จพระราชินี ทรงรถยนต์พระที่นั่งเสด็จจากพระตำหนักจิตรลดาฯ มายังพระบรมมหาราชวัง เสด็จลงทรงพระราชดำเนินเข้าพระทวารเทเวศร์รักษา ณ.ชาลาพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย หม่อมราชวงศ์เทวาธิราช ป. มาลากุล สมุหพระราชพิธี กราบบังคมทูลเบิกผู้จัดหาช้างมาน้อมเกล้า ฯ ถวาย

บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #17 เมื่อ: 17 กุมภาพันธ์ 2553 11:14:14 »

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชปฏิสันถารแล้ว เสด็จพระราชดำเนินเข้าสู่พระที่นั่งอมรินทร์วินิจฉัย ทรงจุดธูปเทียนถวายนมัสการพระรัตนตรัย แล้วประทับพระราชอาสน์ พระยารามราชภักดี ปลัดกระทรวงมหาดไทย กราบบังคมทูลเบิกทายาทผู้สืบสกุลพระยาเมือง ข้าหลวงตรวจการกระทรวงมหาดไทย ข้าหลวงประจำจังหวัดเข้าเฝ้าทูลละอองธุลลีพระบาท คือ......................................
พลตรี เจ้าราชบุตร ผู้สืบสกุลเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่
เจ้าเพ็ชรคีรี (ไทย ณ ลำปาง) ผู้สืบสกุลเจ้าผู้ครองนครลำปาง
เจ้าพงศ์ธาดา ณ ลำพูน ผู้สืบสกุลเจ้าผู้ครองนครลำพูน
เจ้าราชบุตร ผู้สืบสกุลเจ้าผู้ครองนครน่าน
พระพิพิธภักดี ผู้สืบสกุลพระยาเมืองปัตตานี สายที่ 2
ตนกูมะ บินกูปูเต๊ะ ผู้สืบสกุลพระยาเมืองปัตตานี สายที่ 1
ตนกูตึงเงาะ ผู้สืบสกุลพระยาเมืองนราธิวาส
ตนกูอับดุลเลาะรงโซะ ผู้สืบสกุลพระยาเมืองยะลา
ตนกูอิบบราฮิม บินตนกูอหมัด ผู้สืบสกุลพระยาเมืองสตูล สายที่ 1
กูฮาหมัด บิบตำมะหงง ผู้สืบสกุลพระยาเมืองสตูล สายที่ 2
ข้าหลวงตรวจการกระทรวงมหาดไทย ภาค 5,4,3,2 และ 1 ตามลำดับ
ข้าหลวงประจำจังหวัด เชียงใหม่ ปัตตานี น่าน ลำพูน ยะลา นราธิวาส สตูล ตามลำดับ
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชปฏิสันถารแล้ว ปลัดกระทรวงมหาดไทยนำทายาทผู้สืบสกุล เจ้าผู้ครองนครทายาทผู้สืบสกุลพระยาเมือง และข้าราชการกระทรวงมหาดไทยออกจากที่เฝ้า
พระดุลยพากย์สุวมัณฑ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม นำข้าหลวงยุติธรรมประจำภาคทั้ง 5 ภาค เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชปฏิสันถารแล้ว ปลัดกระทรวงยุติธรรม  นำข้าหลวงยุติธรรมออกจากที่เฝ้า
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดเทียนชนวนพระราชทาน พระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าธานีนิวัต เพื่อทรงนำไปจุดเครื่องนมัสการ บูชาพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร แล้วสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดเทียนพระมหามงคลและเทียนเท่าพระองค์


บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #18 เมื่อ: 17 กุมภาพันธ์ 2553 11:17:09 »

เวลา 18.20 น. เสด็จขึ้นพระที่นั่งไพศาลทักษิณ ทางพระทวารเทวราชมเหศวร์ ชาวพนักงานประโดมสังข์ แตร และดุริยางค์
สังฆการี อาราธนาพระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ 30 รูป มีสมเด็จพระสังฆราชเป็นประธาน ขึ้นสู่พระที่นั่งไพศาลทักษิณ ทางประตูสนามราชกิจ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการพระรัตนตรัย สมเด็จพระสังฆราชถวายศีล
ถึงอุดมมหามงคลฤกษ์ เวลา 18.50 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดเทียนทองชนวน ทรงตั้งพระราชสัตยาธิษฐาน แล้วถวายเทียนทองชนวนนั้นแด่สมเด็จพระสังฆราช สมเด็จพระสังฆราชเสด็จไปจุดเทียนชัยที่ในพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย พระสงฆ์ทั้งนั้นเจริญมงคลคาถาจุดเทียนชัย ชาวพนักงานประโคมฆ้องชัย สังข์ บัณเฑาะว์ แตรและดุริยางค์ เมื่อสมเด็จพระสังฆราชจุดเทียนชัยแล้ว สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงจุดเทียนชนวนให้มหาดเล็กพร้อมด้วยธูปเงิน เทียนทอง ดอกไม้ ไปบูชา พระมหาเศวตฉัตร 5 แห่ง คือ.................................
พระมหาเศวตฉัตรในพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย
พระมหาเศวตฉัตรในพระที่นั่งไพศาลทักษิณ
พระมหาเศวตฉัตรในพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท
พระมหาเศวตฉัตรในพระที่นั่งอนันตสมาคม
พระมหาเศวตฉัตรในพระที่นั่งดุสิตมหาประสาท
และปูชนียสถาน สำคัญอีก 13 แห่งคือ............................................................
พระสยามเทวาในพระที่นั่งไพศาลทักษิณ
พระบรมรูปรัชกาลที่ 1 ทรงเครื่องต้นที่ห้องภูษามาลา
เทวสถานพระอิศวร เทวสถานพระนารายณ์ เทวสถานพระคเณศร์ เทวรูป ณ หอเชือก พระหลักเมือง พระเสื้อเมือง พระกาฬชัยศรี พระเพลิง พระเจตคุปต์ เทวรูป ณ หอแก้วพระภูมิ และเทวรูป ณ.ตึกดิน..........................................
บันทึกการเข้า
sometime
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #19 เมื่อ: 17 กุมภาพันธ์ 2553 11:20:53 »

สมเด็จพระสังฆราชกลับไปขึ้นนั่งอาสนะในพระที่นั่ง ไพศาลทักษิณ พระศาสนโสภณ (จวน อุฎฐายี) วัดมกุฎกษัตริยาราม อ่านประกาศการพระราชพิธีบรมราชภิเษก จบเล้วพระสงฆ์ในพระที่นั่งไพศาลทักษิณ 30 รูป และในพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยอีก 45 รูป เจริญพระพุทธมนต์พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พระครูวามเทพมุนี พราหมณ์พิธีถวายน้ำมหาสังข์ พราหมณ์เป่าสังข์แล้วถวายใบสมิต คือใบมะม่วง 25 ใบ ได้แก่ ภยันตราย  ใบทอง 32 ใบ ได้แก่อุปัทวันตราย ใบตะขบ 56 ใบ ได้แก่ โรคันตราย สำหรับทรงปัดพระองค์
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงรับและทรงปัด แล้วพระครูวามเทพมุนีรับพระราชทานกลับไปกระทำพิธีศาสตร์ปุณยา ชุบโหมเพลิงยังที่ทำพิธีพราหมณ์
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรง จุดเทียนมหามงคล เทียนเท่าพระองค์ ธูปเทียนบูชาพระสยามเทวาธิราช บูชาพระแท่นอัฐทิศ
บูชาพระที่นั่งภัทรบิฐ



บันทึกการเข้า
คำค้น:
หน้า:  [1] 2   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.306 วินาที กับ 29 คำสั่ง

Google visited last this page 15 มกราคม 2567 03:23:15