07 พฤษภาคม 2567 01:20:55
ยินดีต้อนรับคุณ,
บุคคลทั่วไป
กรุณา
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
1 ชั่วโมง
1 วัน
1 สัปดาห์
1 เดือน
ตลอดกาล
เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
หน้าแรก
เวบบอร์ด
ช่วยเหลือ
ห้องเกม
ปฏิทิน
Tags
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
ห้องสนทนา
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!
[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
นั่งเล่นหลังสวน
สุขใจ ห้องสมุด
.:::
ไข้ทรพิษ ในประวัติศาสตร์กรุงศรีอยุธยา
:::.
หน้า: [
1
]
ลงล่าง
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
พิมพ์
ผู้เขียน
หัวข้อ: ไข้ทรพิษ ในประวัติศาสตร์กรุงศรีอยุธยา (อ่าน 6484 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์
เพศ:
Thailand
กระทู้: 5472
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น
ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 9.0
ไข้ทรพิษ ในประวัติศาสตร์กรุงศรีอยุธยา
«
เมื่อ:
14 พฤศจิกายน 2557 12:56:15 »
Tweet
.
มัมมี่ของฟาโรห์รามเสสที่ ๕ แห่งอียิปต์
อายุประมาณ ๓,๐๐ ปี บนศีรษะมีร่องรอยแผลจากตุ่มหนองไข้ทรพิษ
ไข้ทรพิษ
ในประวัติศาสตร์สมัยอยุธยา
ไข้ทรพิษ
(
smallpox
) เป็นโรคติดต่อชนิดหนึ่งที่เกิดจากเชื้อไวรัส ติดต่อผ่านการสัมผัสหรือการหายใจเป็นโรคที่มีการระบาดรุนแรงและรวดเร็ว คร่าชีวิตผู้คนเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังทำให้ผู้ติดโรคมีตุ่มหนองพุพองขึ้นทั่วทั้งตัว เป็นที่น่าสะพรึงกลัวของผู้พบเห็น จึงมักมีการนำไปเชื่อมโยงกับความเชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติต่างๆ เช่น ภูตผีปีศาจ ห่า เทพเจ้า คำสาป ฯลฯ เป็นโรคที่สำคัญในประวัติศาสตร์ ปรากฏหลักฐานการระบาดอยู่ในแหล่งอารยธรรมหลายแห่งของโชก เช่น ในอียิปต์มีการขุดค้นพบมัมมี่ของฟาโรห์ อายุประมาณ ๓,๐๐๐ ปี ที่เสียชีวิตด้วยโรคไข้ทรพิษและปรากฏร่องรอยแผลตุ่มหนองอยู่ตามผิวหนัง ในอินเดียมีการกล่าวถึงโรคไข้ทรพิษในตำราการแพทย์ภาษาสันสกฤตอายุกว่า ๒,๐๐๐ ปี ส่วนในจีนมีคำอธิบายเกี่ยวกับโรคไข้ทรพิษในตำราการแพทย์อายุกว่า ๑,๗๐๐ ปี
นักประวัติศาสตร์หลายท่านเชื่อว่าไข้ทรพิษมีกำเนิดจากแหล่งอารยธรรมที่ผู้คนอยู่อาศัยกันอย่างหนาแน่น จึงมีโอกาสเกิดโรคติดต่อได้ง่าย เช่น บริเวณลุ่มแม่น้ำไนล์ในอียิปต์ จากนั้นจึงแพร่ระบาดไปยังดินแดนอื่นผ่านการติดต่อค้าขายหรือการทำสงคราม เนื่องจากการติดต่อค้าขายทำให้ผู้คนต่างถิ่นที่มีภูมิคุ้มกันต่อโรคมากน้อยต่างกันมาพบปะกัน ส่วนในสงครามการเดินทัพหรือการถูกปิดล้อมอยู่ในเมืองทำให้ผู้คนมารวมตัวกันอย่างหนาแน่น สุขอนามัยไม่ดี ขาดแคลนน้ำและอาหาร จึงมีโอกาสทำให้โรคระบาดได้ง่าย เช่น จากอียิปต์ระบาดไปยังอินเดีย แล้วระบาดต่อไปยังจีน ญี่ปุ่น เกาหลี และเอาเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือจากอียิปต์ระบาดไปยังตะวันออกกลาง แล้วระบาดต่อไปยังยุโรป และดินแดนอาณานิคมในสมัยต่อมา
แผนภาพแสดงการแพร่ระบาดของไข้ทรพิษไปยังแหล่งอารยธรรมต่างๆ ตั้งแต่สมัยโบราณ
การระบาดของไข้ทรพิษในยุโรปช่วงพุทธศตวรรษที่ ๒๓ – ๒๓ เป็นสาเหตุการตายหลักที่คร่าชีวิตประชากรยุโรปถึงปีละประมาณ ๔๐๐,๐๐๐ คน หรือเกือบหนึ่งในสามของบางพื้นที่ แม้แต่พระมหากษัตริย์และพระราชวงศ์ต่างๆ ในยุโรปก็ต้องสิ้นพระชนม์ด้วยโรคไข้ทรพิษ ในจำนวนนี้รวมไปถึงพระราชินีแมรีที่ ๒ แห่งอังกฤษ จักรพรรดิโจเซฟที่ ๑ แห่งออสเตรีย พระเจ้าหลุยส์ที่ ๑ แห่งสเปน พระเจ้าซาร์ ปีเตอร์ที่ ๒ แห่งรัสเซีย และพระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๕ แห่งฝรั่งเศส เป็นต้น
สำหรับประเทศไทยปรากฏหลักฐานการระบาดของไข้ทรพิษตั้งแต่สมัยอยุธยา เรียกในชื่อต่างๆ กัน เช่น ทรพิษ ไข้ทรพิษ ออกหัดทรพิษ ออกฝี เป็นต้น และอาจเป็นโรคระบาดที่ทำให้พระเจ้าอู่ทองต้องอพยพผู้คนหนีลงมาตั้งเมืองใหม่ที่อยุธยา โดยพระราชพงศาวดารกรุงสยามฉบับบริติชมิวเซียมระบุว่า...ครั้งนั้นบังเกิดไข้ทรพิษนัก ราษฎรทั้งปวงล้มตายเป็นอันมาก พระองค์จึ่งยังเสนาแลอพยพราษฎรออกจากเมืองแต่เพลาราตรีภาค ไปโดยทักขิณทิศเพื่อจะหนีห่า...
อย่างไรก็ตามนักวิชาการหลายท่านเชื่อว่าโรคระบาดในครั้งนั้นน่าจะเป็นอหิวาตกโรคโดยเชื่อมโยงกับที่สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงวินิจฉัยว่าสาเหตุของโรคเกิดจากลำน้ำจระเข้สามพันตื้นเขิน ทำให้เมืองอู่ทองขาดแคลนน้ำจนเกิดความเจ็บไข้ขึ้น และในรัชกาลเดียวกันก็มีบันทึกกล่าวถึงเจ้าแก้ว เจ้าไท ที่เสียชีวิตจากอหิวาตกโรคต้องขุดศพขึ้นมาเผา ปัจจุบัน สุจิตต์ วงษ์เทศ เสนอแนวคิดใหม่ว่าโรคระบาดในครั้งนั้นน่าจะเป็นกาฬโรคที่ระบาดไปทั่วโลกระหว่างพุทธศักราช ๑๘๙๐ – ๑๘๙๕ ซึ่งตรงกับช่วงที่มีการสถาปนากรุงศรีอยุธยา และแพร่ระบาดจากจีนเข้ามาทางเรือสินค้า
ในสมัยอยุธยายังปรากฏหลักฐานการระบาดของไข้ทรพิษอีกหลายครั้ง เช่น ในรัชสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ พระราชพงศาวดารกรุงเก่าฉบับหลวงประเสริฐระบุว่า...ศักราช ๘๑๖ จอศก (พ.ศ. ๑๙๙๗) ครั้งนั้นคนทั้งปวงเกิดทรพิษตายมากนัก...(พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาฉบับพันจันทนุมาศ ระบุว่าเป็นศักราช ๘๐๒ ปีวอกโทศก หรือพุทธศักราช ๑๙๘๓)
ต่อมาในรัชสมัยสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ เมื่อครั้งที่พระเจ้าหงสาวดียกทัพมารุกรานกรุงศรีอยุธยาโดยมีชนวนเหตุจากการขอช้างเผือกแล้วไม่ได้ตามประสงค์ พระเจ้าหงสาวดีจึงยกทัพมาตีหัวเมืองเหนือของกรุงศรีอยุธยา ครั้งนั้นพระราชพงศาวดารกรุงเก่า ฉบับหลวงประเสริฐระบุว่า...ศักราช ๙๒๕ กุนศก (พ.ศ. ๒๑๐๖) เมืองพีศนูโลกข้าวแพง ๓ สัดต่อบาท อนึ่งคนทั้งปวงเกิดทรพิษตายมาก แล้วพระเจ้าหงษาจึงได้เมืองฝ่ายเหนือทั้งปวง...เนื้อความตอนนี้ตรงกับที่ปรากฏในจดหมายเหตุโหร
ต่อมาในรัชสมัยพระเจ้าทรงธรรม มีหลักฐานว่าเกิดการระบาดของไข้ทรพิษ ๒ ปีติดต่อกัน ดังที่ปรากฏในจดหมายเหตุโหรว่า...ปีระกา จ.ศ.๙๘๓ (พ.ศ. ๒๑๖๔) เศษ ๓ ออกฝีตายมาก ปีจอ จ.ศ. ๙๘๔ (พ.ศ. ๒๑๖๕) เศษ ๘ ช้างเผือกล้ม คนออกฝีตายมาก...คำว่าออกฝีแสดงถึงโรคที่มีอาการคือฝีหนองขึ้นเต็มตัว ซึ่งก็หมายถึงโรคไข้ทรพิษ หรือฝีดาษนั่นเอง
นายแพทย์แดน บีช แบรดเลย์ (
Dan Brdley
: คริสต์ศักราช ๑๘๐๔ – ๑๘๗๓)
หรือหมอบรัดเลย์ แพทย์ชาวอเมริกัน ผู้ทำการทดลองปลูกฝีขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย
โรคไข้ทรพิษไม่ได้ส่งผลเฉพาะกับสามัญชนเท่านั้น แต่ยังส่งผลไปถึงพระบรมวงศานุวงศ์หรือแม้แต่พระเจ้าแผ่นดินด้วย เช่น สมเด็จพระบรมราชาหน่อพุทธางกูร พระมหากษัตริย์ในราชวงศ์สุพรรณภูมิสวรรคตด้วยโรคไข้ทรพิษหลังจากครองราชย์สมบัติอยู่ ๕ ปี ดังที่ปรากฏในพระราชพงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขาว่า ...ศักราช ๘๗๕ ปีระกา เบญจศก (พ.ศ. ๒๐๕๖) สมเด็จพระบรมราชาหน่อพุทธางกูรทรงประชวรทรพิษเสด็จสวรรคต อยู่ในราชสมบัติ ๕ ปี...
ต่อมาในรัชสมัยสมเด็จพระมหาธรรมราชา เมื่อครั้งที่พระเจ้าหงสาวดีจะยกทัพไปตีล้านช้าง และได้รับสั่งให้สมเด็จพระมหาธรรมราชาพร้อมทั้งสมเด็จพระนเรศวรยกทัพไปช่วย แต่สมเด็จพระนเรศวรทรงพระประชวรไข้ทรพิษกลางทางจนต้องยกทัพกลับ ดังที่ปรากฏในพระราชพงศาวดารกรุงสยามฉบับบริติชมิวเซียมว่า...ลุศักราช ๙๒๑ ปีมะแมเอกศก (พ.ศ. ๒๑๐๒) ขณะนั้นสมเด็จพระนะเรศวรเป็นเจ้าทรงพระประชวรทรพิษ พระเจ้าหงษาวดีตรัสให้สมเด็จพระมหาธรรมราชากับสมเด็จพระนะเรศวรเป็นเจ้าเสด็จคืนมายังพระนครศรีอยุธยา (พระราชพงศาวดารกรุงเก่าฉบับหลวงประเสริฐกล่าวโดยย่อถึงเหตุการณ์ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอทรงพระประชวรทรพิษ ในจุลศักราช ๙๓๖ จอศก หรือพุทธศักราช ๒๑๑๗ ซึ่งเมื่อพิจารณาบริบทแล้วน่าจะหมายถึงเหตุการณ์เดียวกัน)
ไข้ทรพิษยังอาจส่งผลให้เกิดความพิการ ดังเช่นเจ้าฟ้าศรีเสาวภาคย์ผู้เป็นพระราชโอรสของสมเด็จพระเอกาทศรถและต่อมาได้ขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์ในพุทธศักราช ๒๑๕๓ ทรงเสียพระเนตรข้างหนึ่งจากโรคไข้ทรพิษ ดังที่ปรากฏในเทศนาจุลยุทธการวงศ์ว่า...
เจ้าฟ้าศรีเสาวภาคย์นั้นประชวรทรพิษเสียพระเนตรข้างหนึ่ง จึ่งตั้งพระราชบุตรผู้พี่เป็นพระมหาอุปราช
...
จากหลักฐานจะเห็นได้ว่าแม้แต่พระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ชั้นสูงก็มีโอกาสเป็นโรคไข้ทรพิษ ทั้งที่ประทับอยู่ในพระราชวังและไม่ค่อยมีโอกาสติดต่อกับราษฎรสามัญ แสดงให้เห็นว่าโรคไข้ทรพิษคงจะมีอยู่ทั่วไปในราษฎรแม้จะไม่ได้เกิดการระบาดใหญ่ เมื่อขุนนางหรือข้าราชบริพารมีการติดต่อกับราษฎรจึงอาจติดโรคมาได้ และนำโรคไข้ทรพิษมาติดต่อในราชสำนัก
ทางด้านชาวตะวันตกที่เข้ามาติดต่อค้าขายในประเทศไทยสมัยอยุธยาก็มีการกล่าวถึงโรคไข้ทรพิษไว้เช่นกัน เช่น ลาลูแบร์ (
Simon de La Loubere
) ระบุว่าโรคห่า (
plague
) ที่แท้จริงของสยามก็คือโรคไข้ทรพิษซึ่งทำลายชีวิตชาวสยามเป็นจำนวนมากอยู่เนืองๆ ผู้ที่เสียชีวิตด้วยไข้ทรพิษจะถูกฝังมิใช่เผาตามปกติ จนผ่านไปสามปีหรือนานกว่านั้นจึงจะขุดศพขึ้นมาเผาตามธรรมเนียม เนื่องจากกลัวว่าถ้าขุดขึ้นมาเผาเร็วกว่านั้น ไข้ทรพิษจะกลับมาระบาดอีก
ส่วนตุรแปง (
Francois Henri Turpin
) ระบุว่าไข้ทรพิษเป็นโรคที่ทำให้คนตายมากที่สุด และเป็นมหาภัยที่น่ากลัวที่สุด แต่ถึงแม้โรคนี้จะก่อความเสียหายอย่างร้ายแรง ชาวสยามก็ยังละเลยคุณประโยชน์ของการฉีดเชื้อเข้าไปในร่างกาย ตุรแปงยังกล่าวไว้อีกว่าชาวสยามหลายคนมีแผลเป็นที่หน้าซึ่งเกิดจากโรคไข้ทรพิษ ทำให้เสียโฉม
ภาพวาดชาวพื้นเมืองอเมริกาติดเชื้อไข้ทรพิษ ในพุทธศตวรรษที่ ๑๒
อันเป็นผลมาจากการล่าอาณานิคมและการติดต่อค้าขายกับดินแดนใหม่ๆ ทำให้โรคระบาดเดินทางไปถึง
ในพุทธศักราช ๒๒๐๒ ผู้จัดการสถานีการค้าของบริษัทดัตช์อีสต์อินเดียในกรุงศรีอยุธยาประมาณการณ์ไว้ว่าประชากรสยามอย่างน้อยหนึ่งในสามต้องเสียชีวิตด้วยโรคไข้ทรพิษ ในช่วงเวลา ๖ เดือนที่มีการระบาด
ในพุทธศักราช ๒๒๓๙ มีจดหมายของเมอสิเยอร์ปินโต ไปถึงเมอสิเยอร์บาร์เชต์ เมื่อวันที่ ๑๐ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๒๓๙ ระบุว่าในกรุงศรีอยุธยาเกิดไข้ร้ายขึ้น และมีไข้ทรพิษระบาดแทรกซ้อนอีกทั่วราชอาณาจักรทำให้...ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ตั้งแต่อายุ ๗๐ ถึง ๘๐ ปี
เป็นไข้ทรพิษล้มตายเป็นอันมาก ตั้งแต่เดือนมกราคมมาได้มีคนตายทั่วพระราชอาณาเขตรวมเกือบ ๘ หมื่นคนแล้ว ตามวัดต่างๆ ไม่มีที่จะฝังศพ และตามทุ่งนาก็เต็มไปด้วยศพทั้งสิ้น
ในจดหมายยังระบุว่าพระมหากษัตริย์ทรงแสดงพระองค์เป็นพุทธศาสนิกชนที่ดีด้วยการสวดมนต์เลี้ยงพระและทำพิธีต่างๆ หลายพันอย่างทั้งในเมืองและนอกเมือง อีกทั้งยังทรงรับสั่งให้แพทย์ออกรักษาพยาบาลผู้ป่วย และพระราชทานยากและเงินแจกเป็นทานทั่วหน้ากัน พระสังฆราชชาวฝรั่งเศสได้ถวายคำแนะนำว่าควรจะถ่ายยาให้ผู้ป่วยและฉีดเอาเลือดออกเพื่อป้องกันมิให้ป่วยไข้อีก ซึ่งพระมหากษัตริย์ก็ทรงเห็นชอบด้วยและทรงรับสั่งให้ราษฎรปฏิบัติตามคำแนะนำของพระสังฆราช และเจ้าพนักงานต้องนำความกราบทูลทุกคืนว่าคนที่ได้ฉีดเลือดออกเช่นนี้มีจำนวนมากน้อยเท่าใด
ในปีเดียวกันมีจดหมายจากเมอสิเยอร์โปเกไปถึงผู้อำนวยการคณะต่างประเทศ เมื่อวันที่ ๒๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๒๓๙ ระบุถึงการเกิดไข้ทรพิษระบาดในปีนี้ไว้คล้ายกันว่า...การที่ฝนแล้งและน้ำน้อยมาตั้งแต่ปีก่อนตลอดมาจนถึงปีนี้ ได้ทำให้เกิดไข้ทรพิษขึ้นหลายชนิด บางอย่างเป็นไข้ดำ บางอย่างก็แดง ความไข้นี้ได้ทำให้คนตายทั้งเด็กและผู้ใหญ่มีจำนวนมากมายจนเหลือที่จะเชื่อ...ในจดหมายยังกล่าวถึงการที่ข้าวราคาแพง และบางครั้งก็หาซื้อไม่ได้ ซึ่งพระมหากษัตริย์ก็ทรงพระกรุณาช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนของคนยากจน
ต่อมาในพุทธศักราช ๒๒๕๕ – ๒๒๕๖ มีบันทึกของบาทหลวงฝรั่งเศสที่กล่าวถึงการระบาดของไข้ทรพิษในกรุงศรีอยุธยาอีก โดยอยู่ในจดหมายจากมองสิเออร์เดอซีเซ มีไปถึงผู้อำนวยการคณะต่างประเทศ เมื่อวันที่ ๑๔ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๒๕๕ ระบุว่า...
ได้เกิดไข้ทรพิษขึ้นมาได้ ๕ – ๖ เดือนแล้ว และเวลานี้ก็กำลังเป็นกันอยู่ ผู้คนทั้งเด็กและผู้ใหญ่ได้ล้มตายเป็นอันมาก
...ในจดหมายยังกล่าวถึงการที่ข้าวราคาแพงอย่างที่สุดจนคนยากจนไม่สามารถซื้อข้าวรับประทาน
ในปีถัดมามีจดหมายจากมองเซนเยอร์เดอบูร์ ไปถึงเมอสิเยอร์เตเซีย เมื่อวันที่ ๑๐ กันยายน พุทธศักราช ๒๒๕๖ ระบุว่า...
เมื่อต้นปีนี้ได้เกิดไข้ทรพิษขึ้น ซึ่งกระทำให้พลเมืองล้มตายไปครึ่งหนึ่ง ทั้งการที่ข้าวยากหมากแพงก็ทำให้ราษฎรได้รับความเดือดร้อนเป็นอันมาก
... ในจดหมายยังเปรียบเทียบด้วยว่าเมืองไทยในเวลานั้นเหมือนกับ “เป็นป่าที่ไม่มีคนอยู่” เนื่องจากพลเมืองมีจำนวนน้อยลงกว่าครึ่ง
ช่วงปลายสมัยอยุธยามีหลักฐานการระบาดของไข้ทรพิษอีกหลายครั้ง ดังปรากฏในจดหมายเหตุโหรว่า...จ.ศ. ๑๑๑๑ (พ.ศ. ๒๒๙๒) ออกหัดทรพิษคนตายชุม... และเมื่อเกิดสงครามระหว่างกรุงศรีอยุธยากับพม่าช่วงก่อนเสียกรุง ก็มีปรากฏในจดหมายเหตุโหรอีกว่า...จ.ศ. ๑๑๒๗ (พ.ศ. ๒๓๐๘) พม่าล้อมกรุงชนออกฝีตายมากแล...
นับได้ว่าไข้ทรพิษเป็นโรคระบาดที่สำคัญในประวัติศาสตร์อยุธยา แม้แต่ในพงศาวดารฉบับสังเขปอย่างพงศาวดารกรุงเก่าฉบับหลวงประเสริฐ หรือในจดหมายเหตุโหรที่จดบันทึกเฉพาะเหตุการณ์สำคัญอย่างย่อๆ ก็มีการบันทึกเรื่องการระบาดของไข้ทรพิษ แสดงให้เห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญ เนื่องจากการที่คนตายจากโรคระบาดเป็นจำนวนมากย่อมส่งผลเสียหายอย่างร้ายแรงต่อเศรษฐกิจและความมั่นคงของอาณาจักร
ภาพการปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
เป็นที่น่าสังเกตว่าการระบาดของไข้ทรพิษหลายครั้งเกี่ยวข้องกับสงคราม เช่น การระบาดของไข้ทรพิษเมื่อครั้งที่พม่ายกทัพมาล้อมเมืองพิษณุโลก หรือเมื่อครั้งที่สมเด็จพระนเรศวรทรงพระประชวรไข้ทรพิษก็เกิดขึ้นระหว่างการเดินทัพไปช่วยพม่าตีล้านช้าง
ส่วนการระบาดของไข้ทรพิษในพุทธศักราช ๒๒๓๙ ตามที่ปรากฏในบันทึกของชาวฝรั่งเศสก็เกิดขึ้นในรัชสมัยสมเด็จพระเพทราชา ซึ่งเป็นสมัยที่มีปัญหาความไม่สงบภายในราชอาณาจักรอย่างมาก ทั้งปัญหากับชาวฝรั่งเศสช่วงผลัดเปลี่ยนรัชกาล ปัญหาหัวเมืองไม่ยอมรับอำนาจพระมหากษัตริย์ ได้แก่ เมืองนครราชสีมาและเมืองนครศรีธรรมราช รวมไปถึงการเกิดกบฏอีก ๒ ครั้ง คือ กบฏธรรมเถียรและกบฏบุญกว้าง บ้านเมืองจึงอยู่ในภาวะที่มีการสู้รบกันเป็นเวลาหลายปี
การระบาดของไข้ทรพิษในช่วงปลายสมัยอยุธยายิ่งเห็นได้ชัดเจนว่าเกี่ยวข้องกับการศึกสงคราม ดังที่ปรากฏในจดหมายเหตุโหรว่า เกิดไข้ทรพิษระบาดเมื่อพม่าล้อมกรุงศรีอยุธยาในพุทธศักราช ๒๓๐๘ และทำให้ผู้คนเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก
การระบาดของไข้ทรพิษยังอาจเกี่ยวข้องกับการติดต่อกับชาวต่างประเทศโดยเฉพาะที่มาจากแหล่งที่มีไข้ทรพิษระบาด กล่าวคือในพุทธศตวรรษที่ ๒๒ – ๒๓ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่กรุงศรีอยุธยามีการติดต่อกับชาติตะวันตก ได้แก่ โปรตุเกส สเปน ฮอลันดา อังกฤษ และฝรั่งเศส ตรงกับช่วงเวลาที่ไข้ทรพิษแพร่ระบาดอยู่ในยุโรปและเป็นโรคหลักที่ทำให้ผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะการระบาดทั่วยุโรปและดินแดนตะวันออกใกล้เมื่อพุทธศักราช ๒๑๕๗ ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นสาเหตุของการนำโรคไข้ทรพิษไประบาดยังดินแดนอาณานิคมของอังกฤษและฝรั่งเศสในทวีปอเมริกาเหนือ จึงมีความเป็นไปได้เช่นกันที่การติดต่อค้าขายกับชาติตะวันตกรวมไปถึงดินแดนใกล้เคียง เช่น เปอร์เซียอาจเป็นปัจจัยหนึ่งของการเกิดไข้ทรพิษระบาดในสมัยอยุธยา อันเนื่องมาจากการพบปะกันของผู้คนที่มีโรคและภูมิคุ้มกันต่อโรคแตกต่างกัน
นอกจากความสัมพันธ์กับชาติตะวันตกแล้ว การติดต่อค้าขายกับชาติตะวันออกก็อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการระบาดของไข้ทรพิษในกรุงศรีอยุธยาได้เช่นกัน ดังเช่นการระบาดในสมัยพระเจ้าทรงธรรม เมื่อพุทธศักราช ๒๑๖๔ และพุทธศักราช ๒๑๖๕ ตามที่ปรากฏในจดหมายเหตุโหร เป็นที่น่าสังเกตว่าเกิดขึ้นเพียงปีเดียวหลังการเข้ามาของชาวญี่ปุ่นดังมีบันทึกไว้ในจดหมายเหตุโหรฉบับเดียวกันว่า...
ปีวอก จ.ศ. ๙๘๒ (พ.ศ. ๒๑๖๓) เศษ ๘ ยี่ปุ่นเข้าเมือง
...ซึ่งในช่วงพุทธศตวรรษที่ ๒๒ – ๒๓ นี้ ก็เป็นเวลาที่ญี่ปุ่นประสบปัญหาการระบาดของไข้ทรพิษอย่างมาก แม้แต่เชื้อพระวงศ์ญี่ปุ่นก็ได้รับผลกระทบจากโรคนี้ จึงมีความเป็นไปได้ที่การติดต่อค้าขายระหว่างกรุงศรีอยุธยากับญี่ปุ่นจะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งในการเกิดไข้ทรพิษระบาดในสมัยอยุธยา
นอกจากนี้ การระบาดของไข้ทรพิษยังมักเกิดร่วมกับภาวะข้าวยากหมากแพง ทำให้ราษฎรได้รับความเดือดร้อนมาก ดังที่ปรากฏในจดหมายเหตุของบาทหลวงฝรั่งเศสช่วงปลายสมัยอยุธยา อาจกล่าวได้ว่าการเกิดโรคระบาดกับการขาดแคลนอาหารเป็นเหตุเป็นผลของกันและกัน กล่าวคือเมื่อเกิดโรคระบาดที่ทำให้ผู้คนเสียชีวิตมาก แรงงานปลูกข้าวก็ลดน้อยลง เมื่อข้าวหายากราคาก็แพงขึ้น เกิดภาวะข้าวยากหมากแพง ราษฎรไม่สามารถซื้อหาข้าวกินได้จนเกิดความอดอยาก เมื่อขาดแคลนอาหารประกอบกับสุขอนามัยเสื่อมโทรมก็ทำให้ภูมิคุ้มกันต่อโรคลดลง จึงมีโอกาสติดโรคมากขึ้น และทำให้โรคระบาดขยายวงศ์ต่อไป
เอ็ดเวิร์ด เจนเนอร์ (
Edward Jenner
: คริสต์ศักราช ๑๗๔๙ ๑๘๒๓)
แพทย์ชาวอังกฤษ ผู้ค้นพบวิธีปลูกฝี เพื่อป้องกันโรคไข้ทรพิษเป็นครั้งแรกของโลก
ผู้ที่เป็นโรคไข้ทรพิษแล้วครั้งหนึ่งหากไม่เสียชีวิตก็จะมีภูมิต้านทานโรคไปชั่วชีวิต การระบาดของโรคไข้ทรพิษจึงไม่ได้เกิดขึ้นตลอดเวลา แต่มักเกิดเป็นวัฏจักรหรือเป็นช่วงเวลาตามอายุของคนแต่ละรุ่น เมื่อเกิดการระบาดขึ้นครั้งหนึ่งก็จะสร้างกลุ่มคนที่รอดชีวิตและมีภูมิคุ้มกันขึ้นมารุ่นหนึ่ง เมื่อคนรุ่นนี้เสียชีวิตไปและเกิดคนรุ่นใหม่ที่ไม่มีภูมิคุ้มกันเข้ามาแทนก็มีโอกาสเกิดการระบาดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง เป็นเช่นนี้เรื่อยไป โรคไข้ทรพิษจึงมักเกิดขึ้นกับเด็กที่ไม่เคยมีภูมิคุ้มกันมาก่อน ทำให้เด็กเสียชีวิตจากโรคนี้จำนวนมาก และยังอาจเกิดขึ้นได้กับคนในราชสำนักและพระบรมวงศานุวงศ์ที่ไม่ค่อยมีโอกาสติดต่อกับชาวบ้านสามัญ จึงไม่มีโอกาสได้พัฒนาภูมิคุ้มกันเช่นคนทั่วไปที่เผชิญกับโรคอยู่ตลอด เมื่อถึงคราวที่เชื่อโรคเข้ามาถึงในราชสำนักจึงไม่สามารถต้านทานโรคได้
ในเพลงยาวพยากรณ์กรุงศรีอยุธยาซึ่งสันนิษฐานว่าแต่งขึ้นในสมัยอยุธยาตอนปลาย มีการกล่าวถึงภัยจากโรคไข้ทรพิษไว้เช่นกัน ดังคำกลอนที่ว่า
...ทั้งเข้าก็จะยากหมากจะแพง สารพันจะแห้งแล้งเป็นถ้วนถี่
จะบังเกิด
ทรพิษม์
มิคสัญญี ฝูงฝีจะวิ่งเข้าปลอมคน
กรุงประเทศราชธานี จะเกิดการกุลีทุกแห่งหน
จะอ้างว้างอกใจทั้งไพร่พล จะสาละวนทั่วโลกหญิงชาย...
แสดงให้เห็นว่าคนสมัยอยุธยามองไข้ทรพิษเป็นภัยร้ายแรงอย่างหนึ่ง เชื่อมโยงกับความเดือดร้อนต่างๆ เกิดภาวะมิคสัญญี ทุกสิ่งโกลาหลวุ่นวาย เป็นส่วนหนึ่งของคำพยากรณ์ถึงเภทภัยที่นำไปสู่การล่มสลายของกรุงศรีอยุธยา
เมื่อถึงสมัยรัตนโกสินทร์ การติดต่อกับชาติตะวันตกทำให้มีโอกาสได้รับวิทยาการใหม่ๆ มากมาย วิทยาการหนึ่งที่สำคัญก็คือการปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษ ตามแนวทางที่เอ็ดเวิร์ด เจนเนอร์ (Edward Jenner) ค้นพบ และนายแพทย์แดน บีช แบรดลีย์ (
Dan Beach Bradley
) หรือหมอบรัดเลย์เป็นผู้นำเข้ามาใช้ในประเทศไทยสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว หลังจากนั้นรัฐบาลทุกสมัยก็ให้ความสำคัญกับการปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษแก่ราษฎร รวมไปถึงพัฒนาพันธุ์หนองฝีขึ้นใช้เองเพื่อไม่ต้องสั่งซื้อจากต่างประเทศ มีผลทำให้การระบาดและจำนวนผู้เสียชีวิตจากไข้ทรพิษลดลงเรื่อยๆ จนในที่สุดก็หมดไปจากประเทศไทย เมื่อประมาณพุทธศักราช ๒๕๐๕
ที่มา
: เกร็ดความรู้จากประว้ติศาสตร์ 'ไข้ทรพิษ ในประวัติศาสตร์สมัยอยุธยา' โดย ธันวา วงศ์เสงี่ยม นักอักษรศาสตร์ปฏิบัติการ สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร
น.๖๗-๗๗ นิตยสารศิลปากร ปีที่ ๕๗ ฉบับ ก.ค. - ส.ค. ๕๗
บันทึกการเข้า
กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
คำค้น:
หน้า: [
1
]
ขึ้นบน
พิมพ์
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
กระโดดไป:
เลือกหัวข้อ:
-----------------------------
จากใจถึงใจ
-----------------------------
=> หน้าบ้าน สุขใจ
===> สุขใจ ป่าวประกาศ (ข้อความจากทีมงาน)
===> สุขใจ เสนอแนะ (ข้อความจากสมาชิก)
===> สุขใจ ให้ละเลง (มุมทดสอบบอร์ด)
-----------------------------
สุขใจในธรรม
-----------------------------
=> พุทธประวัติ - ประวัติพระสาวก
===> พุทธประวัติ แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
===> ประวิติพระอรหันต์ พระสาวก ในสมัยพุทธกาล
===> ประวัติพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ในยุคปัจจุบัน
===> นิทาน - ชาดก
=====> ชาดก พระเจ้า 500 ชาติ
=> ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน
===> ธรรมะจากพระอาจารย์
===> เกร็ดครูบาอาจารย์
=> ห้องวิปัสสนา - มหาสติปัฏฐาน 4
=> สมถภาวนา - อภิญญาจิต
=> จิตอาสา - พุทธศาสนาเพื่อสังคม
=> เสียงธรรมเทศนา - เอกสารธรรม - วีดีโอ
===> เอกสารธรรม
===> เสียงธรรมเทศนา
=====> ธรรมะจาก สมเด็จโต
=====> ธรรมะจาก หลวงปู่มั่น
=====> เสียงบทสวดมนต์
=====> เพลงสวดมนต์
=====> เพลงเพื่อจิตสำนึก แด่บุพการี
=====> ธรรมะ มิวสิค (เพลงธรรมทั่วไป)
===> ห้อง วีดีโอ
=> เกร็ดศาสนา
=> กฏแห่งกรรม - ท่องไตรภูมิ
=> ไขปัญหาโลก ธรรม และความรัก
=> บทสวด - คัมภีร์ คาถา - วิชา อาคม
=> พุทธวัจนะ - ภาษิตธรรม
===> พุทธวัจนะ ในธรรมบท
===> พุทธศาสนสุภาษิต
===> คำทำนายภัยพิบัติที่จะเกิด
===> รวมข่าวภัยพิบัติ ทั้งในอดีต และปัจจุบัน
===> รู้ เพื่อ รอด (การเตรียมการ)
=> ห้องประชาสัมพันธ์ ทั้งทางโลก และทางธรรม
===> ฐานข้อมูล มูลนิธิต่าง ๆ ในประเทศไทย (Donation Exchange Center)
-----------------------------
วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ
-----------------------------
=> วิทยาศาสตร์ - จักรวาล - การค้นพบ
===> เรื่องราว จากนอกโลก
=====> ประสบการณ์เกี่ยวกับ UFO
=====> หลักฐาน และ การพิสูจน์ยูเอฟโอ
=====> คลิปวีดีโอ ยูเอฟโอ
=> ไขตำนาน - ประวัติศาสตร์ - การค้นพบ อารยธรรม
=> เรื่องแปลก - ประสบการณ์ทางจิต - เรื่องลึกลับ
===> ร้อยภูติ พันวิญญาณ
=====> ประสบการณ์ ผี ๆ
=======> เรื่องเล่าในรั้วมหาลัย
=====> ประวัติ ต้นกำเนิด ตำนานผี
===> ดูดวง ทำนายทายทัก
===> ไดอะล็อก คือ ดอกอะไร - พลังไดอะล็อก (Dialogue)
===> กระบวนการ NEW AGE
=> เครื่องราง ของขลัง พุทธคุณ
-----------------------------
นั่งเล่นหลังสวน
-----------------------------
=> สุขใจ จิบกาแฟ
=> สุขใจ ร้านน้ำชา
=> สุขใจ ห้องสมุด
===> สุขใจ หนังสือแนะนำ
===> สุขใจ คลังความรู้ลวงโลก
===> สยาม ในอดีต
=> สุขใจ ใต้เงาไม้
=> สุขใจ ตลาดสด
=> สุขใจ อนามัย
=> สุขใจ ไปเที่ยว
=> สุขใจ ในครัว
===> เกร็ดความรู้ งานบ้าน งานครัว
=> สุขใจ ไปรษณีย์
=> สุขใจ สวนสนุก
===> ลานกว้าง (มุมดูคลิป)
===> เวที จำอวด (จำอวดหน้าม่าน)
===> หนังกลางแปลง (ดูหนัง รีวิวหนัง)
===> หน้าเวที (มุมฟังเพลง)
=====> เพลงไทยเดิม
===> แผงลอยริมทาง (รวมคลิปโฆษณาโดน ๆ)
คุณ
ไม่สามารถ
ตั้งกระทู้ได้
คุณ
ไม่สามารถ
ตอบกระทู้ได้
คุณ
ไม่สามารถ
แนบไฟล์ได้
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความได้
BBCode
เปิดใช้งาน
Smilies
เปิดใช้งาน
[img]
เปิดใช้งาน
HTML
เปิดใช้งาน
กำลังโหลด...