[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
15 พฤษภาคม 2567 08:22:30 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก เวบบอร์ด ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

  แสดงกระทู้
หน้า:  1 ... 246 247 [248] 249 250 ... 1128
4941  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - เปิดจดหมาย ครอบครัวเด็ก 14 น้อมรับผิดเหตุกราดยิงพารากอน ขอโทษและขอขมาเหยื่อ เมื่อ: 06 ตุลาคม 2566 20:32:55
เปิดจดหมาย ครอบครัวเด็ก 14 น้อมรับผิดเหตุกราดยิงพารากอน ขอโทษและขอขมาเหยื่อ
         


เปิดจดหมาย ครอบครัวเด็ก 14 น้อมรับผิดเหตุกราดยิงพารากอน ขอโทษและขอขมาเหยื่อ" width="75" height="75
  
         

https://www.sanook.com/news/9064538/
         
4942  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - 'พีมูฟ' แถลงการณ์ตั้งคำถามถึงรัฐบาลเศรษฐา กับการปิดกั้นเสรีภาพในการชุมนุม เมื่อ: 06 ตุลาคม 2566 20:30:40
'พีมูฟ' แถลงการณ์ตั้งคำถามถึงรัฐบาลเศรษฐา กับการปิดกั้นเสรีภาพในการชุมนุม
 


<span class="submitted-by">Submitted on Fri, 2023-10-06 20:17</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>'พีมูฟ' แถลงการณ์ตั้งคำถามถึงรัฐบาล 'เศรษฐา ทวีสิน' และการบังคับใช้กฎหมายจำกัดการชุมนุม ประกาศไปยังเครือข่ายประชาชนทั่วประเทศให้ร่วมกันออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องสิทธิและสนับสนุนการชุมนุมโดยสงบ - ศาลแพ่งยกคำร้อง ชี้ ผกก.สน.ดุสิตไม่มีอำนาจยื่นขอให้สั่งพีมูฟหน้ายูเอ็นยุติการชุมนุม</p>
<p style="text-align: center;">
<iframe allow="autoplay; clipboard-write; encrypted-media; picture-in-picture; web-share" allowfullscreen="true" frameborder="0" height="742" scrolling="no" src="https://www.facebook.com/plugins/post.php?href=https%3A%2F%2Fwww.facebook.com%2FPmove2011%2Fposts%2Fpfbid02CdVenauKcwqysZ629LKtfDhUFM8HmctwbPi3Ad2b1AMqyFqYSmkDSwQBtLbBhHUtl&amp;show_text=true&amp;width=500" style="border:none;overflow:hidden" width="500"></iframe></p>
<p>6 ต.ค. 2566 เพจขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม P-move เผยแพร่ แถลงการณ์ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม เรื่อง คำถามถึงรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน และการบังคับใช้กฎหมายจำกัดการชุมนุม ระบุว่าสืบเนื่องจากการปรากฏข่าวว่าผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลดุสิต ได้ยื่นคำร้องขอต่อศาลเพื่อให้กลุ่มพีมูฟยุติการชุมนุม ซึ่งภายหลังศาลยกฟ้องนั้น อย่างไรก็ตามการดำเนินการเช่นนี้ของตำรวจแสดงให้เห็นถึงเจตนาในการดำเนินการตามกฎหมายกับชาวบ้าน ซึ่งอาจนำไปสู่การสลายการชุมนุมตามที่พวกเราเครือข่ายประชาชนห่วงกังวลได้</p>
<p>ที่ผ่านมาเรายืนยันว่าเราได้เจรจากับรัฐบาลมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการแก้ไขปัญหาตามข้อเสนอเชิงนโยบายทั้ง 9 ด้าน และอีกทางหนึ่งคือการเจรจาเพื่อให้รัฐบาลไม่บังคับใช้มาตรการทางกฎหมายกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่มาเรียกร้องการแก้ไขปัญหา ดังที่เคยเกิดภาพความรุนแรงและการละเมิดสิทธิในการแสดงออกในสมัยรัฐบาลที่แล้ว ซึ่งผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลดุสิตก็ได้ยืนยันกับเราเสมอมาว่าเข้าใจว่ามีการเจรจากันแล้วในทำเนียบรัฐบาล ซึ่งขณะนี้ ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยืนยันว่าตนได้รับอำนาจเต็มจาก เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เพื่อเจรจาแก้ไขปัญหาให้พี่น้องแล้ว</p>
<p>แต่สิ่งที่เกิดขึ้นขณะนี้ ทำให้พวกเราพีมูฟไม่สบายใจ และจำเป็นต้องตั้งคำถามถึงท่าทีของรัฐบาล โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ว่ามีความจริงใจในการเดินหน้าแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชนคนยากคนจนจริงหรือไม่ เมื่อทางหนึ่งรัฐบาลก็พยายามเปิดการเจรจากับประชาชน แต่อีกทางหนึ่งก็ยังใช้มาตรการทางกฎหมายเพื่อควบคุมเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชนเช่นเดิม</p>
<p>เรายืนยันว่า เราชุมนุมโดยสงบ ปราศจากอาวุธ และไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน การชุมนุมของเรานั้นเกิดขึ้นจากปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้านในทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย และได้เรียกร้องการแก้ไขปัญหามาหลายรัฐบาล เมื่อนโยบายของรัฐบาลมีแนวโน้มจะสร้างผลกระทบต่อประชาชน เราจึงมีความชอบธรรมในการออกมาใช้สิทธิเสรีภาพของเรา ซึ่งได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ และการใช้กฎหมายพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. 2558 นั้น ควรเป็นไปเพื่อการเอื้ออำนวยและคุ้มครองสิทธิในการชุมนุมโดยสงบของประชาชน มิใช่ใช้เป็นเครื่องมือในการควบคุมและปราบปรามประชาชนเหมือนรัฐบาลเผด็จการที่ผ่านมา ซึ่งรัฐบาลจะต้องมีคำอธิบายให้กับประชาชนว่าเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ทั้งที่การเจรจากำลังไปได้ดี และทุกท่านก็รับปากว่าจะไม่ใช้มาตรการทางกฎหมายจัดการกับพวกเรา</p>
<p>ทั้งนี้ เราขอประกาศไปยังเครือข่ายประชาชนทั่วประเทศที่จับตาการเคลื่อนไหวของพวกเรา ให้ร่วมกันออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องสิทธิ และสนับสนุนการชุมนุมโดยสงบของกลุ่มพีมูฟนับแต่วันนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะถึงการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันอังคารที่ 10 ตุลาคมนี้ และเรายืนยันว่าจะไม่ย้ายสถานที่ปักหลักชุมนุมเด็ดขาดแม้จะต้องเผชิญกับมาตรการทางกฎหมายที่ละเมิดสิทธิรวมถึงการกดดันจากเจ้าหน้าที่หลังจากนี้</p>
<p>พีมูฟทวงสิทธิ สร้างอำนาจกำหนดชีวิตประชาชน
6 ต.ค. 2566
ณ ประตู 5 ทำเนียบรัฐบาล</p>
<h2><span style="color:#3498db;">ศาลแพ่งยกคำร้อง ชี้ ผกก.สน.ดุสิตไม่มีอำนาจยื่นขอให้สั่งพีมูฟหน้ายูเอ็นยุติการชุมนุม</span></h2>
<p>ผู้จัดการออนไลน์ รายงานเมื่อวันที่ 5 ต.ค. 2566 ว่าจากกรณีที่พีมูฟไม่แก้ไขการชุมนุมตามประกาศเจ้าพนักงานดูแลการชุมนุมสาธารณะ ตามที่ผู้กำกับสน.ดุสิตได้มาเจรจาในช่วงวันที่ 2-4 ต.ต. 2566 ประกอบกับกองบัญชาการตำรวจนครบาลมีคำสั่งที่ 409/2566 ลงวันที่ 2 ต.ค.2566 เรื่อง ประกาศห้ามชุมนุมสาธารณะในรัศมีไม่เกิน 50 เมตร รอบทำเนียบรัฐบาล ตามมาตรา 7 วรรคท้ายแห่งพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 จึงขอให้กลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนย้ายกลับไปจัดการชุมนุมที่บริเวณหน้าองค์การสหประชาชาติ (UN) แต่ทางพีมูฟยังคงยืนยันปักหลักชุมนุมที่เดิม สน.ดุสิตจึงขอให้ศาลมีคำสั่งให้ผู้ชุมนุมยุติการชุมนุม</p>
<p>เมื่อวันที่ 5 ต.ค. 2566 ที่ผ่านมา มีความคืบหน้ากรณีผู้กำกับ สน.ดุสิตยื่นคำร้องต่อศาลแพ่ง คือ ในคดีหมายเลขแดงที่ ชส 4/2566 มีคำสั่งโดยสรุปได้ว่า ในกรณีที่เป็นการชุมนุมสาธารณะที่ต่อเนื่องหลายพื้นที่ ให้ผู้บังคับการหรือผู้บัญชาการตำรวจซึ่งรับผิดชอบพื้นที่การชุมนุม แล้วแต่กรณี เป็นเจ้าพนักงานดูแลการชุมนุมสาธารณะ ตามมาตรา 19 วรรคสอง เมื่อปรากฏว่าการชุมนุมสาธารณะดังกล่าวเป็นการชุมนุมสาธารณะที่ต่อเนื่องหลายพื้นที่ระหว่างสน.ดุสิต ดังนั้นผู้มีอำนาจยื่นคำร้องขอต่อศาลเพื่อมีคำสั่งให้ผู้ชุมนุมเลิกการชุมนุมสาธารณะคือ ผู้บังคับการหรือผู้บัญชาการตำรวจซึ่งรับผิดชอบพื้นที่การชุมนุมแล้วแต่กรณี และผู้ร้องเป็นผู้กำกับสน.ดุสิต มายื่นคำร้องขอต่อศาล โดยไม่ปรากฏว่ามีการมอบอำนาจหรือได้รับมอบหมายจากผู้บังคับการหรือผู้บัญชาการตำรวจ แล้วแต่กรณี ตามมาตรา 19 วรรคสอง</p>
<p>ดังนั้นผู้ร้องจึงไม่อำนาจยื่นคำร้อง เรื่องอำนาจฟ้องร้องเป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลมีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เอง จึงมีคำสั่งให้ยกคำร้องนี้</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ขhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/10/106247
 
4943  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - 'เพื่อไทย' เตือนระวังขัดแย้ง-นิรโทษกรรม จะยื่นร่างคู่ขนานหรือไม่หารือภายใน เมื่อ: 06 ตุลาคม 2566 18:59:59
'เพื่อไทย' เตือนระวังขัดแย้ง-นิรโทษกรรม จะยื่นร่างคู่ขนานหรือไม่หารือภายในพรรคก่อน
 


<span class="submitted-by">Submitted on Fri, 2023-10-06 17:00</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>'ชูศักดิ์ ศิรินิล' รักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เตือน 'ก้าวไกล' ระวังขัดแย้ง ย้ำร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ต้องชัดเจนก่อน จะยื่นร่างคู่ขนานหรือไม่ต้องหารือภายในพรรคก่อน หากยุติความขัดแย้งได้เป็นเรื่องดี - 'ก้าวไกล' ระบุแม้ไม่ได้เป็น กก.ประชามติ แต่พร้อมหนุนออกเสียงประชามติ เลือกตั้ง ส.ส.ร.ทั้ง 200 คน ชี้ต้องแก้ รธน.ได้ทุกหมวด หวั่นโดนยื้อเวลา</p>
<p>6 ต.ค. 2566 นายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะรักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่พรรคก้าวไกล ยื่นเสนอร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม ต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวานนี้ (5 ต.ค.66) ว่า อย่าให้ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เป็นตัวการสร้างความขัดแย้งในสังคม เพราะปัญหาการตีความคดีการเมือง หรือการแสดงออกทางการเมืองยังไม่ชัดเจน ดังนั้น จึงจะต้องมีความชัดเจนก่อน รวมถึงความครอบคลุมการนิรโทษกรรม เช่น คดีความผิดที่เกี่ยวข้องกับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 หรือคดีชุมนุมทางการเมืองอื่นๆ ที่ควรให้ตกผลึกร่วมกันก่อน</p>
<p>สำหรับการเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ของพรรคเพื่อไทย นายชูศักดิ์ ระบุว่า สมควรจะยื่นร่างกฎหมายคู่ขนานไปกับพรรคก้าวไกลหรือไม่นั้น ทางพรรคเพื่อไทยยังไม่มีการประชุมหารือเรื่องนี้ เนื่องจากความคิดเห็นภายในพรรคยังไม่ตรงกัน อย่างไรก็ตาม พ.ร.บ.นิรโทษกรรม พรรคเพื่อไทยเคยตกเป็นจำเลยของสังคมในอดีต จึงต้องหารือกันในพรรคก่อนว่าควรจะดำเนินการอย่างไร</p>
<p>ส่วนกรณีที่พรรคก้าวไกลเห็นว่าจะเป็นก้าวแรกของการหยุดนิติสงคราม นายชูศักดิ์ กล่าวว่า โดยหลักการแล้ว ความขัดแย้งหากยุติลงได้ ก็ถือเป็นเรื่องดี แต่ปัญหาที่จะต้องตอบ คือ สามารถยุติลงได้จริงหรือไม่ หรือจะกลายเป็นประเด็นความขัดแย้งเพิ่มเติมมากขึ้น ซึ่งเรื่องดังกล่าวต้องคิดให้รอบคอบ</p>
<h2><span style="color:#3498db;">'ก้าวไกล' ระบุแม้ไม่ได้เป็น กก.ประชามติ แต่พร้อมหนุนออกเสียงประชามติ เลือกตั้ง ส.ส.ร.ทั้ง 200 คน ชี้ต้องแก้ รธน.ได้ทุกหมวด หวั่นโดนยื้อเวลา</span></h2>
<p>นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่พรรคก้าวไกล ไม่ส่งตัวแทนเข้าร่วมคณะกรรมการศึกษาการจัดการออกเสียงประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า พรรคก้าวไกลพร้อมสนับสนุนให้จัดการออกเสียงประชามติ ใช้อำนาจประชาชนจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่มาจากสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ที่มาจากการเลือกตั้งทางตรง แม้พรรคก้าวไกล จะไม่ได้เป็นกรรมการ แต่พร้อมเข้าร่วมให้ความเห็น แต่ขอให้รัฐบาลระมัดระวังสถานการณ์ทางการเมืองที่มีหลายขั้วการเมือง หากไม่สามารถจัดการได้ดี อาจจะเกิดความขัดแย้งใหม่ได้ ดังนั้น การจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ จึงควรเปิดพื้นที่ให้กับทุกฝ่าย ทุกความขัดแย้งให้มีพื้นที่ปลอดภัยในการเสนอแนวคิด แม้จะไม่ได้มีผู้เห็นด้วยทั้งหมด แต่ทำให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วม ไม่มีใครถูกกีดกัน</p>
<p>ขณะที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ยืนยันว่า การตัดสินใจไม่ร่วมเป็นคณะกรรมการศึกษาแนวทางการทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ เนื่องจากพรรคก้าวไกลกังวลว่าการตั้งคณะกรรมการศึกษามาแล้วหลายครั้ง ซึ่งพรรคก้าวไกลต้องการให้มีส.ส.ร.ที่มาจากการเลือกตั้ง “แก้ไขรัฐธรรมนูญได้ทุกหมวด จึงเป็นข้อสรุปที่พูดคุยตั้งแต่ปี 2562 แต่กังวลว่า คณะกรรมการฯ ชุดใหม่ จะย้อนหลักการสิ่งที่เคยพูดคุยกันมาจนกลายเป็นความพยายามประวิงเวลา และย้อนหลักการข้อสรุปที่เคยมีร่วมกันมาแล้ว” นายพิธา กล่าว</p>
<p><span style="color:#3498db;">ที่มาเรียบเรียงจากสำนักข่าวไทย </span><span style="color:#3498db;">[1]</span><span style="color:#3498db;"> </span><span style="color:#3498db;">[2]</span>
 </p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ข่
4944  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [การเมือง] - ประวัติ บรู๊ค ดนุพร อดีตพระเอกดังช่อง 7 ผันตัวสู่เส้นทางการเมือง รวยเฉียด 600 ล้าน เมื่อ: 06 ตุลาคม 2566 18:02:54
ประวัติ บรู๊ค ดนุพร อดีตพระเอกดังช่อง 7 ผันตัวสู่เส้นทางการเมือง รวยเฉียด 600 ล้าน
         


ประวัติ บรู๊ค ดนุพร อดีตพระเอกดังช่อง 7 ผันตัวสู่เส้นทางการเมือง รวยเฉียด 600 ล้าน" width="75" height="75
&nbsp;&nbsp;ประวัติ บรู๊ค ดนุพร อดีตพระเอกดังช่อง 7 ผันตัวสู่เส้นทางการเมืองคนละขั้วกับพี่ชายแท้ๆ เปิดทรัพย์สินรวยเฉียด 600 ล้าน
         

https://www.sanook.com/news/9064426/
         
4945  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - อัปเดตรายชื่อผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ตุลาคม 2566 เมื่อ: 06 ตุลาคม 2566 18:02:54
อัปเดตรายชื่อผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ตุลาคม 2566
         


อัปเดตรายชื่อผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ตุลาคม 2566" width="75" height="75
&nbsp;&nbsp;ัอัปเดตรายชื่อผู้ว่าราชการจังหวัด 76 จังหวัดทั่วประเทศ ตามข้อมูลเดือน ต.ค. 2566
         

https://www.sanook.com/news/9064442/
         
4946  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - ศาลสั่งปรับ เหตุพ่นสีสัญลักษณ์ 3 ขีด บนป้ายสถานีตำรวจ อัยการชี้ ไม่ใช่ทรัพย์สิน เมื่อ: 06 ตุลาคม 2566 17:27:07
ศาลสั่งปรับ เหตุพ่นสีสัญลักษณ์ 3 ขีด บนป้ายสถานีตำรวจ อัยการชี้ ไม่ใช่ทรัพย์สินสาธารณะ
 


<span class="submitted-by">Submitted on Fri, 2023-10-06 15:54</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>ศาลแขวงเชียงใหม่ปรับ 2 ประชาชน เหตุพ่นสีเป็นสัญลักษณ์สามขีด “III” บนป้าย สภ.เมืองเชียงใหม่ เมื่อปี 63 ระบุผิดข้อหาทำให้เสียทรัพย์ อัยการชี้ ป้าย สภ. ไม่ใช่ทรัพย์สินสาธารณะ โดยอัยการไม่สั่งฟ้องประชาชนทั้งสองในข้อหาทำให้ทรัพย์สาธารณะเสียหาย  ม.360 ซึ่งมีอัตราโทษต่ำกว่าทำให้เสียทรัพย์ ม.358 ศาลลงโทษปรับคนละ 12,000 บาท ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์ลดโทษลงกึ่งหนึ่ง เหลือปรับคนละ 6,000 บาท และให้ริบทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำความผิด</p>
<p> </p>
<p>6 ต.ค. 2566 ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนรายงานเมื่อวันที่ 5 ต.ค. 2566 เวลา 09.30 น. อัยการคดีศาลแขวงเชียงใหม่นัด พิชญ์ ไกรมาก และ “เก่ง”(นามสมมติ) ประชาชนสองราย เพื่อฟ้องคดีต่อศาลแขวงเชียงใหม่ ในข้อหา “ทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งทรัพย์ของผู้อื่น” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358 เหตุจากการพ่นสีเป็นเส้นขีดสามขีด “III” บริเวณป้ายหน้า สภ.เมืองเชียงใหม่ เพื่อแสดงออกทางการเมือง เมื่อช่วงกลางดึกของวันที่ 17 ต.ค. 2563</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">อัยการจังหวัดเชียงใหม่มีคำสั่ง “ไม่ฟ้อง” ข้อหาทำให้ทรัพย์สาธารณะเสียหาย </span></h2>
<p>สำหรับคดีนี้ ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 18 ต.ค. 2563 พิชญ์และเก่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมจากห้องพัก โดยไม่มีหมายจับมาควบคุมตัวไว้ที่ สภ.เมืองเชียงใหม่ โดย ร.ต.ท.ธนวัฒน์ สุวรรณกูล พนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหา “ทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ ซึ่งทรัพย์ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 360 โดยทั้งสองให้การปฏิเสธ เนื่องจากเห็นว่าป้าย สภ. ไม่ใช่ทรัพย์สินสาธารณะตามกฎหมาย จึงไม่มีความผิดตามมาตรานี้</p>
<p>หลังจากนั้นวันที่ 20 ธ.ค. 2564  พนักงานสอบสวนส่งสำนวนคดีต่อพนักงานอัยการจังหวัดเชียงใหม่ ต่อมาอัยการจังหวัดเชียงใหม่มีความเห็นไม่ฟ้องทั้งสองในข้อหาตามมาตรา 360 เพราะเห็นว่าเป็นความผิดข้อหาตามมาตรา 358 ซึ่งมีอัตราโทษต่ำกว่า และไม่อยู่ในอำนาจของอัยการจังหวัด จึงส่งสำนวนกลับคืนให้พนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินการต่อไป</p>
<p>ในช่วงปี 2566 พนักงานสอบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่ ได้เรียกผู้ต้องหาทั้งสองคนมาแจ้งข้อหาใหม่ ตามมาตรา 358 ซึ่งไม่ได้แจ้งมาก่อนแทน</p>
<p>ต่อมาวันที่ 13 ก.ย. 2566 พนักงานสอบสวนได้นัดทั้งสองเพื่อรายงานตัวและส่งสำนวนต่อพนักงานอัยการคดีศาลแขวงเชียงใหม่</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">จำเลยรับสารภาพ ไม่ต้องการให้เป็นภาระคดี ศาลแขวงปรับคนละ 6,000 บาท</span></h2>
<p>วันที่ 5 ต.ค. 2566 เวลา 9.30 น. ที่ศาลแขวงจังหวัดเชียงใหม่ อัยการโจทก์นัดหมายยื่นฟ้องจำเลยทั้งสอง โดยคำฟ้องระบุว่า ระหว่างวันที่ 18-19 ต.ค. 2563 จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าและทำให้ไร้ประโยชน์ ป้ายสถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงใหม่ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณหน้า สภ.เมืองเชียงใหม่ อันเป็นทรัพย์สินของ สภ.เมืองเชียงใหม่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยการใช้สีสเปรย์สีแดง พ่นเป็นสัญลักษณ์เส้นตรงจำนวน 3 เส้นเรียงกัน เป็นเหตุให้ป้ายของผู้เสียหายได้รับความเสียหายและเสื่อมค่าใช้การไม่ได้ คิดเป็นมูลค่าความเสียหายจำนวน 10,000 บาท </p>
<p>ต่อมาเมื่อวันที่ 18 ต.ค. 2563 เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวจำเลยทั้งสองพร้อมยึดกระป๋องสีสเปรย์สีแดง จำนวน 2 กระป๋อง และกระป๋องสีสเปรย์สีดำ จำนวน 1 กระป๋องเป็นของกลาง</p>
<p>หลังฟังคำฟ้องคดี จำเลยทั้งสองคนตัดสินใจให้การรับสารภาพตามข้อกล่าวหา เนื่องจากไม่ต้องการให้เป็นภาระทางคดี ทั้งจำเลยรายหนึ่งได้ย้ายถิ่นฐานไปอยู่ในต่างประเทศแล้ว จึงไม่อยากให้มีคดีพัวพันอยู่</p>
<p>จากนั้น ศาลแขวงเชียงใหม่ได้พิพากษาทันที โดยเห็นว่าทั้งสองคนมีความผิดตามฟ้อง ลงโทษปรับจำเลยคนละ 12,000 บาท ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา ลดโทษลงกึ่งหนึ่ง เหลือปรับคนละ 6,000 บาท และให้ริบทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำความผิด</p>
<p>ศูนย์ทนายฯ ตั้งข้อสังเกต คดีนี้ใช้ระยะเวลาเกือบ 3 ปี ตั้งแต่วันที่จับกุมจนถึงวันที่อัยการฟ้องต่อศาล ส่งผลกระทบเป็นการสร้างภาระในการดำเนินชีวิตต่อทั้งสองคน ทั้งการพิจารณาสำนวนคดีเป็นไปอย่างล่าช้า ในขณะที่ทั้งคู่ต้องมารายงานตัวต่อตำรวจและอัยการไม่ต่ำกว่า 6 ครั้ง ทำให้เสียค่าใช้จ่ายและเวลาในการเดินทาง โดยที่ทั้งสองคนไม่ได้อยู่อาศัยในจังหวัดเชียงใหม่ในช่วงหลังแล้ว</p>
<p>สำหรับการแสดงออกดังกล่าว เกิดขึ้นในช่วงที่มีการสลายการชุมนุมของในกรุงเทพฯ ช่วงกลางเดือนตุลาคม 2563 โดยการใช้แก๊สน้ำตาและฉีดน้ำความดันสูง และมีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรง จับกุมแกนนำผู้ชุมนุม ทำให้มีการชุมนุมและแสดงออกในต่างจังหวัดในหลายพื้นที่</p>
<p> </p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ขhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/10/106242
 
4947  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - 'พีมูฟ' เคลื่อนขบวนไปศูนย์สิริกิตติ์ ค้านนโยบายขายคาร์บอนเครดิต ฟอกเขียวกล เมื่อ: 06 ตุลาคม 2566 15:56:30
'พีมูฟ' เคลื่อนขบวนไปศูนย์สิริกิตติ์ ค้านนโยบายขายคาร์บอนเครดิต ฟอกเขียวกลุ่มทุน
 


<span class="submitted-by">Submitted on Fri, 2023-10-06 15:01</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>'พีมูฟ' เคลื่อนขบวนไปยังศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิตติ์ สถานที่จัดการประชุมภาคีขับเคลื่อนการปฏิบัติงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของไทยครั้งที่ 2 (TCAC2) คัดค้านนโยบายขายคาร์บอนเครดิต ฟอกเขียวกลุ่มทุน แย่งยึดที่ดินคนจน</p>
<p style="text-align: center;">
<iframe allow="autoplay; clipboard-write; encrypted-media; picture-in-picture; web-share" allowfullscreen="true" frameborder="0" height="837" scrolling="no" src="https://www.facebook.com/plugins/post.php?href=https%3A%2F%2Fwww.facebook.com%2FPmove2011%2Fposts%2Fpfbid026wTiWtTJFEnWoh7P9FV6CK5SqtBqHCSWwHpANu7thVLUy7DKA8g2Cra4F2tRmfn2l&amp;show_text=true&amp;width=500" style="border:none;overflow:hidden" width="500"></iframe></p>
<p>6 ต.ค. 2566 เพจขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม P-move รายงานว่าวันนี้ (6 ต.ค.) เวลาประมาณ 11.00 น. ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม หรือ พีมูฟ เดินทางจากทำเนียบรัฐบาลซึ่งเป็นที่ปักหลักชุมนุม ไปยังศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิตติ์ ซึ่งเป็นสถานที่จัดการประชุมภาคีขับเคลื่อนการปฏิบัติงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของไทยครั้งที่ 2 (TCAC2) โดยมีเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นประธานในพิธีเปิด</p>
<p>ระหว่างการเดินทาง ตัวแทนพีมูฟได้ผลัดกันขึ้นปราศรัยบนรถเครื่องเสียง โดยเริ่มปราศรัยตั้งแต่บริเวณแยกอโศกมนตรีจนถึงบริเวณหน้าศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิตติ์ และปราศรัยต่อเนื่องทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษเป็นระยะเวลาเกือบหนึ่งชั่วโมง </p>
<p>พชร คำชำนาญ ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม ได้กล่าวถึงประเด็นการละเมิดสิทธิชุมชนและสิทธิมนุษยชน ผ่านการดำเนินการตามแนวนโยบายเศรษฐกิจสีเขียว อาทิ BCG คาร์บอนเครดิต ที่มีเป้าหมายในการเพิ่มพื้นที่ป่าในไทยสูงถึง 55% ซึ่งแต่เดิมในแผนแม่บทป่าไม้ของไทยได้ระบุเป้าหมายในการเพิ่มพื้นที่ป่าไว้ 40% ผ่านนโยบายป่าไม้ที่ดินมาเป็นระยะเวลาหลายสิบปี ซึ่งผลกระทบที่เกิดขึ้นในพื้นที่ ทำให้ประชาชนถูกดำเนินคดีจากนโยบายทวงคืนผืนป่า ถูกบังคับให้อพยพจากบ้านที่อยู่ในผืนป่า สูญเสียวิถีชีวิตและความมั่นคงทางอาหาร รวมถึงกรณี 'บิลลี่ พอละจี รักจงเจริญ' นักปกป้องสิทธิชุมชนบางกลอย จ.เพชรบุรี ที่ถูกบังคับให้สูญหายจากการออกมาต่อสู้และปกป้องสิทธิที่ถูกละเมิดจากนโยบายทวงคืนผืนป่าในรัฐบาล คสช.</p>
<p>ณัฐพร อาจหาญ กรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน ภาคอีสาน ได้กล่าวถึงประเด็นปัญหาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในภาคอีสาน ที่ได้รับผลกระทบตั้งแต่ยุคสัมปทานป่าโดยหน่วยงานรัฐทำให้สภาพป่าในพื้นที่เสื่อมโทรม ความพยายามในการนำโครงการพัฒนาขนาดใหญ่ทั้งของรัฐและเอกชนเข้าไปในพื้นที่ อาทิ เขื่อน อ่างเก็บน้ำ ซึ่งทำลายทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และวิถีชีวิตของคนในพื้นที่ จนมาถึงปัจจุบันที่มีนโยบายเศรษฐกิจสีเขียวที่รัฐกล่าวว่า มีเป้าหมายในการลดก๊าซเรือนกระจก แต่กลับเลือกใช้การเพิ่มพื้นที่ป่าเพื่อรองรับการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกและฝุ่นละอองของกลุ่มทุนพลังงานและอุตสาหกรรมเป็นวิธีการหลัก มากกว่าการควบคุมสาเหตุในการปล่อยมลพิษ</p>
<p>กัญญรัตน์ ตุ้มปามา สหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ (สกน.) ได้กล่าวถึงประเด็นการออกมาปักหลักชุมนุมบริเวณทำเนียบรัฐบาลในครั้งนี้ว่า การที่ประชาชนหลั่งไหลเข้ามายังกรุงเทพฯ เพื่อชุมนุมครั้งนี้ ล้วนเกิดผลกระทบจากนโยบายป่าไม้ที่ดินที่ไม่ได้รับการสะสางและแก้ไขปัญหาไม่ว่าจะในรัฐบาลใด ๆ มาเป็นระยะเวลานับสิบปี แม้แต่ในรัฐบาลของเศรษฐา ทวีสิน ที่มักกล่าวว่าเป็นรัฐบาลที่มีจากการเลือกตั้งของประชาชน แต่เมื่อประชาชนประสบปัญหาความเดือดร้อนที่ไม่ได้รับการแก้ไขในพื้นที่ จนต้องมาปักหลักชุมนุมบริเวณที่ใกล้นายกฯ มากที่สุด แต่เศรษฐา ทวีสิน ก็ไม่ได้ออกมาพบปะ พูดคุยทำความเข้าใจ และรับฟังเสียงของประชาชนแต่อย่างใด ปล่อยให้ประชาชนนอนตากแดดตากฝนมาเป็นระยะเวลาเกือบหนึ่งสัปดาห์ และได้ย้ำเตือนถึงจุดยืนในการทำหน้าที่ของรัฐบาลว่า ต้องเคารพประชาชนผู้จ่ายภาษีที่เป็นค่าตอบแทนการทำงานของผู้แทนราษฎรทุกคน</p>
<p>ณัฐกรณ์ ต้นน้ำเพชร กลุ่มบางกลอยคืนถิ่น ได้กล่าวถึงประเด็นคนอยู่กับป่า และชุมชนบางกลอยว่า คนอยู่กับป่าเป็นจำเลยของปัญหาป่าไม้ในไทยมาโดยตลอด แต่ความจริงคนอยู่กับป่าไม่ได้เป็นผู้ทำลายป่า แต่เป็นคนรักษา ดูแล ที่ผ่านมารัฐบาลและหน่วยงานปฏิบัติกับกลุ่มชาติพันธุ์เหมือนไม่ใช่มนุษย์คนหนึ่ง พยายามบังคับอพยพคนออกจากป่า ทำลายและเผาบ้าน เพียงเพราะต้องการพื้นที่ป่าเพื่อนำในอุทยานฯแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ไปประกาศเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ อยากฝากไปยังสังคมว่า มรดกโลกทางธรรมชาติจะอนุรักษ์ป่าอย่างเดียวไม่ได้ ต้องอนุรักษ์คนอยู่กับป่าด้วย</p>
<p>ในช่วงท้าย พชร คำชำนาญ ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม ได้อ่านแถลงการณ์คัดค้านนโยบายขายคาร์บอนเครดิต ฟอกเขียวกลุ่มทุน แย่งยึดที่ดินคนจน โดยมีเนื้อหาแถลงการณ์ดังนี้</p>
<p style="margin-left: 40px;">"ทันทีที่การจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จ นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย เศรษฐา ทวีสิน ได้มีท่าทีชัดเจนเพื่อเดินหน้านโยบายเอื้อกลุ่มทุนใหญ่และทิ้งประชาชนคนจนไว้ข้างหลัง อันปรากฏเป็นภาพผ่านสื่อมวลชนว่าได้มีการเข้าพบปะกับกลุ่มทุนใหญ่ทั้งในและนอกประเทศ รวมถึงการแถลงนโยบายด้านที่ดินและสิ่งแวดล้อมที่ส่อเค้ากระทบกับสิทธิชุมชนท้องถิ่น และจะยิ่งทวีปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคมไทยให้ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น</p>
<p style="margin-left: 40px;">และทันทีที่การจัดตั้งรัฐบาลเกิดขึ้นได้ เศรษฐาได้แถลง ณ มหานครนิวยอร์ก เดินหน้านโยบายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero และความเป็นกลางทางคาร์บอน หรือ Carbon Neutrality อ้างว่าจะแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แก้ไขปัญหาโลกร้อน แต่ท่านนายกรัฐมนตรีเคยได้รับทราบไหมว่าการแถลงนโยบายเช่นนั้นจะสร้างผลกระทบอย่างไรกับประชาชนจำนวนมหาศาล</p>
<p style="margin-left: 40px;">ท่านได้แถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภา เดินหน้านโยบายเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมดังกล่าวเช่นกัน และท่านทราบหรือไม่ว่าการแถลงนโยบายเหล่านั้นได้สร้างความระส่ำระส่ายต่อหลากหลายชุมชนท้องถิ่นที่ต่อสู้เพื่อสิทธิในการจัดการที่ดินและทรัพยากรมากว่าหลายทศวรรษ</p>
<p style="margin-left: 40px;">ในขณะที่พวกเราพีมูฟกำลังปักหลักชุมนุมอยู่ที่ประตู 5 ทำเนียบรัฐบาล พวกเราเรียกร้องอยากพบท่านเพื่อเจรจา พูดคุย ให้ความเข้าใจต่อท่านว่าท่านกำลังดำเนินแนวนโยบายที่บิดเบี้ยว ท่านกำลังสานต่อเจตนารมณ์ลิดรอนสิทธิประชาชนและเอื้อกลุ่มทุนซึ่งต่อเนื่องมาจากรัฐบาลเผด็จการประยุทธ์ จันทร์โอชา และในขณะที่ท่านกำลังเดินหน้าแนวนโยบายเช่นนั้น พวกเราพี่น้องคนอยู่กับป่าต่างเดินหน้ากันเข้าคุก ถูกยึดที่ดินทำกิน กลายเป็นคนจนที่ยิ่งไร้สิทธิ ไร้เสียง ไร้ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ในรัฐอภิสิทธิ์ชนเช่นนนี้</p>
<p style="margin-left: 40px;">ท่านทราบหรือไม่ ว่ามีคนที่ต้องตายจากการออกมาต่อสู้ปกป้องผืนป่าผืนดินจากการแย่งยึดของหน่วยงานรัฐ คนต้องตาย ถูกอุ้มหาย และความเป็นธรรมยังไปไม่ถึง
แล้วท่านยังจะเดินหน้าแนวนโยบายเช่นนี้หรือ</p>
<p style="margin-left: 40px;">เรามาที่นี่เพื่อขอประกาศเจตนารมณ์ของพวกเราในนามประชาชนคนจนที่มีความเป็นคนไม่ต่างจากท่าน และไม่ต่าฃจากกลุมทุนมากมายที่หนุนหลังท่าน ว่าเราไม่เห็นด้วยกับนโยบายคาร์บอนเครดิต เพราะกำลังเอื้อกลุ่มทุนให้ยังทำลายล้างโลกนี้ต่อไปได้ ฟอกตัวคนบาปให้กลับมาขาวสะอาด ฟอกเขียวให้กลุ่มทุนยังเดินหน้าลิดรอดสิทธิประชาชน กอบโกยผลประโยชน์บนผืนดินนี้ต่อไปอย่างมูมมาม</p>
<p style="margin-left: 40px;">และเราขอเรียกร้องให้ท่านหยุดนโยบายการค้าคาร์บอนเครดิตโดยทันที ฟังเสียงของพวกเรา เห็นหัวพวกเราประชาชนคนจนให้เหมือนเห็นหัวพวกพ้องกลุ่มทุนของท่านบ้าง</p>
<p style="margin-left: 40px;">และเราขอเรียกร้องให้รัฐบาลของท่านต้องเร่งเดินหน้าสังคายนากฎหมายและนโยบายด้านป่าไม้-ที่ดินทั้งระบบ คืนความเป็นธรรม คืนความเป็นคนให้กับประชาชนคนจนผู้หล่อเลี้ยงประเทศนี้ ก่อนที่สถานการณ์จะยิ่งย่ำแย่ และศรัทธาของประชาชนต่อตัวท่านจะหมดสิ้นลง"</p>
<p>ก่อนเดินทางกลับไปยังบริเวณประตู 5 ทำเนียบรัฐบาล ทางพีมูฟได้สื่อสารไปยังสื่อมวลชนว่า หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการปักหลักชุมนุมในครั้งนี้ สามรถเดินทางมายังบริเวณที่ชุมนุมเพื่อรับข้อมูล ข้อเท็จจริงในพื้นที่จากประชาชนทั่วประเทศที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายป่าไม้ที่ดิน และยืนยันจะปักหลักชุมนุมต่อไป</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/10/106241
 
4948  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - "ขวัญ อุษามณี" เบื้องหลังถ่ายแบบ ท่อนบนอย่างปัง แต่ท่อนล่างสู้ชีวิตมาก เมื่อ: 06 ตุลาคม 2566 15:27:16
"ขวัญ อุษามณี" เบื้องหลังถ่ายแบบ ท่อนบนอย่างปัง แต่ท่อนล่างสู้ชีวิตมาก
         


&quot;ขวัญ อุษามณี&quot; เบื้องหลังถ่ายแบบ ท่อนบนอย่างปัง แต่ท่อนล่างสู้ชีวิตมาก" width="75" height="75
&nbsp;&nbsp;โถ! เอ็นดู "ขวัญ อุษามณี" เปิดคลิปเบื้องหลังถ่ายแบบ ท่อนบนอย่างปัง แต่ท่อนล่างสู้ชีวิตมาก
         

https://www.sanook.com/news/9064318/
         
4949  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - 'กรีนพีซ' ขอนายกทบทวนกรอบท่าทีเจรจา COP28 ซึ่งเอื้ออุตสาหกรรมฟอสซิล-บรรษัทขนาด เมื่อ: 06 ตุลาคม 2566 14:25:52
'กรีนพีซ' ขอนายกทบทวนกรอบท่าทีเจรจา COP28 ซึ่งเอื้ออุตสาหกรรมฟอสซิล-บรรษัทขนาดใหญ่
 


<span class="submitted-by">Submitted on Fri, 2023-10-06 13:35</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>กรีนพีซ ประเทศไทย ส่งสารถึงนายกรัฐมนตรีให้ทบทวนกรอบท่าทีเจรจา COP28 ซึ่งเอื้ออุตสาหกรรมฟอสซิลและบรรษัทขนาดใหญ่ที่ทรงอิทธิพลทางการเมืองเข้าแสวงกำไรจากการค้าคาร์บอน</p>
<p><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53238252845_bc911a7b72_k_d.jpg" /></p>
<p>6 ต.ค. 2566 นักกิจกรรมกรีนพีซ ประเทศไทยกางป้ายผ้า “ผืนป่า ≠ คาร์บอนเครดิต หยุดฟอกเขียว” และฉายโปรเจคเตอร์ “หยุดใช้ผืนป่าแลกคาร์บอน Real Zero Not Net Zero” ส่งสารถึงนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน และคณะรัฐบาลไทยในพิธีเปิดการประชุมภาคีการขับเคลื่อนการปฎิบัติงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของไทยครั้งที่ 2 (2nd Thailand Climate Action Conference) ซึ่งจัดโดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสนับสนุนโดยอุตสาหกรรมฟอสซิลยักษ์ใหญ่ภายใต้เครือข่ายคาร์บอนนิวทรัลประเทศไทย <span style="color:#3498db;">[1]</span> ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์</p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53237758991_b6ca48209d_k_d.jpg" /></p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53238252840_dffc72ec88_k_d.jpg" /></p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53237758996_014870057b_k_d.jpg" /></p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53238252905_2847da7446_k_d.jpg" /></p>
<p>กรีนพีซ ประเทศไทย เรียกร้องให้รัฐบาลไทยทบทวนกรอบท่าทีเจรจาในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสมัยที่ 28 (COP28) ที่จะมีขึ้นช่วงปลายปี 2566 นี้ ที่นครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) กรีนพีซ ประเทศไทยเห็นว่านโยบายสภาพภูมิอากาศของไทยยังคงขาดสมดุล ไม่ได้สัดส่วน โดยทุ่มทรัพยากรทางการเงินส่วนใหญ่ไปกับมาตรการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก(mitigation)  ให้ความสำคัญกับการรับมือปรับตัวจากวิกฤตสภาพภูมิอากาศ (adaptation) น้อยมาก และแทบไม่พูดถึงความสูญเสียและความเสียหาย(loss and damage) <span style="color:#3498db;">[2]</span> และเปิดช่องให้มีการฟอกเขียว (greenwashing) มากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการชดเชยคาร์บอนภาคป่าไม้ (forest carbon offset)</p>
<p>ธารา บัวคำศรี ผู้อำนวยการกรีนพีซ ประเทศไทยกล่าวว่า “การประชุมภาคีการขับเคลื่อนการปฎิบัติงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของไทย (Thailand Climate Action Conference) ซึ่งมีต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 คือรูปธรรมที่ชี้ให้เห็นว่า กลุ่มอุตสาหกรรมยักษ์ใหญ่ได้ช่วงชิงนโยบายสภาพภูมิอากาศของไทยเพื่อผลประโยชน์ของตนไปแล้ว แม้ภาครัฐระบุว่าจะจัดทำข้อเสนอสู่ COP28 รวมถึงท่าทีของไทยเรื่องการเงินสีเขียว (green finance) แหล่งดูดซับคาร์บอน(Carbon Sink) และเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) แต่ข้อเสนอเหล่านี้ย้อนแย้งกับความเป็นจริงที่เกิดขึ้น ทั้งการแย่งยึดที่ดิน การทวงคืนผืนป่า และการจัดสรรที่ดินและป่าไม้จำนวนมหาศาลให้กับกลุ่มทุนเพื่อการค้าคาร์บอน และเปิดทางให้อุตสาหกรรมฟอสซิลผู้ก่อมลพิษยังสามารถปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อไป” </p>
<p>ธารา กล่าวต่อไปว่า “โครงการชดเชยคาร์บอนที่แปลงธรรมชาติให้กลายเป็นสินค้าคือรูปแบบหนึ่งของการล่าอาณานิคมคาร์บอน(Carbon Colonialism) ซึ่งบรรษัทอุตสาหกรรมและกลุ่มชนชั้นนำทางเศรษฐกิจการเมืองของประเทศ เช่น เครือข่ายคาร์บอนนิวทรัลประเทศไทย เป็นต้น ใช้เครื่องมือทางเศรษฐศาสตร์ เช่น โครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทย (Thailand Voluntary Emission Reduction Program: T-VER) และความช่วยเหลือแบบมีเงื่อนไขเพื่อกำหนดวิธีการรักษาที่ดินและป่าไม้ให้กับชุมชนท้องถิ่นที่ไร้อำนาจต่อรอง รวมถึงกลุ่มคนชายขอบและเปราะบางโดยอ้างว่าเป็นทางออกจากวิกฤตสภาพภูมิอากาศ”</p>
<p>ตามแผน Net Zero ของประเทศไทย <span style="color:#3498db;">[3]</span> คาดว่าภายในปี 2608 การปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากภาคพลังงาน(การผลิตไฟฟ้าและการคมนาคมขนส่ง) ภาคเกษตรกรรม กระบวนการอุตสาหกรรมและการใช้ผลิตภัณฑ์ ภาคของเสีย รวมกันเป็น 120 ล้านตัน ภาคที่ดินและป่าไม้ (landuse, landuse change, and forestry) จะต้องมีศักยภาพในการดูดซับก๊าซเรือนกระจก 120 ล้านตัน จึงจะทำให้การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ พื้นที่ป่าธรรมชาติและป่าเศรษฐกิจในประเทศไทยซึ่งมีอยู่เดิมแล้ว 102.04 ล้านไร่ และ 32.65 ล้านไร่ตามลำดับ นั้นสามารถดูดกลับก๊าซเรือนกระจกรวมกัน 100 ล้านตันของคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าในปี 2564 ดังนั้น เพื่อบรรลุเป้าหมาย net zero ในปี 2608 ต้องใช้พื้นที่ป่าธรรมชาติและป่าเศรษฐกิจเพิ่มราว 28 ล้านไร่ เพื่อดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ อีก 20 ล้านตัน</p>
<p>ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ยืนยันว่า เราไม่สามารถทำการชดเชยคาร์บอนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายความตกลงปารีสที่มุ่งจำกัดมิให้อุณหภูมิเฉลี่ยผิวโลกเพิ่มเกิน 1.5 องศาเซลเซียส <span style="color:#3498db;">[4]</span> คาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศที่ถูกปลดปล่อยออกมานั้นสามารถคงอยู่ต่อไปได้อีกนับศตวรรษ หรือยาวนานกว่านั้น และต้นไม้ที่ปลูกใหม่นั้นกว่าจะมีศักยภาพเพียงพอในการดูดซับคาร์บอนอาจจะต้องใช้เวลาหลายทศวรรษ <span style="color:#3498db;">[5]</span> และยังมีตัวแปรอื่นๆ อีกที่สามารถทำให้ป่าปลูกใหม่ตายไป เช่น ไม่ใช่พันธุ์ท้องถิ่น ภัยแล้ง ไฟป่า และการทำลายป่าด้วยปัจจัยต่างๆ</p>
<p>ธารา กล่าวเพิ่มเติมว่า “การนำผืนป่ามาชดเชยคาร์บอนไม่ใช่ทางออกจากวิกฤตสภาพภูมิอากาศ แต่คือแนวทางที่เปิดโอกาสให้บรรษัทอุตสาหกรรมและกลุ่มประเทศที่ร่ำรวยแสวงหาผลกำไรโดยการแย่งยึดที่ดินและทรัพยากรป่าไม้ที่ดูแลโดยชุมชนท้องถิ่น ขณะเดียวกัน บรรษัทอุตสาหกรรมและกลุ่มประเทศที่ร่ำรวยเหล่านั้นก็หลีกเลี่ยงภาระรับผิดต่อความสูญเสียและความเสียหายจากวิกฤตสภาพภูมิอากาศที่ตนก่อขึ้น”</p>
<p>กรีนพีซ ประเทศไทย เรียกร้องให้รัฐบาลไทยทบทวนกรอบท่าทีเจรจาที่ COP28 บนพื้นฐานดังต่อไปนี้
จัดตั้งคณะกรรมาธิการรัฐสภาว่าด้วย “ความเป็นธรรมทางสภาพภูมิอากาศ” โดยมีตัวแทนจากกลุ่มชาติพันธุ์ ชุมชนท้องถิ่น กลุ่มสตรี กลุ่มเยาวชน กลุ่มแรงงาน และกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ และออกแถลงการณ์ “ภาวะฉุกเฉินสภาพภูมิอากาศ (Climate Emergency Declaration)” ที่เปรียบดังสัญญาณชีพ (vital signs) ที่เอื้อให้ผู้กำหนดนโยบาย ภาคเอกชน และสาธารณะชน ตลอดจนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมดเข้าใจถึงขนาดของวิกฤต คณะกรรมาธิการรัฐสภาดังกล่าวนี้จะมีบทบาทในการติดตามตรวจสอบการดำเนินนโยบายสภาพภูมิอากาศของประเทศ และจัดทำข้อเสนอต่อกลยุทธ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในแต่ละภาคส่วน การลดผลกระทบจากหายนะภัยทางธรรมชาติและการสร้างศักยภาพในการฟื้นคืนจากวิกฤต (Resilience) ของชุมชนและสังคมโดยรวม</p>
<p>ให้ความสำคัญและเปิดพื้นที่อย่างกว้างขวางต่อองค์ความรู้และภูมิปัญญาชุมชนท้องถิ่นใน การต่อกรกับวิกฤตสภาพภูมิอากาศและการฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ยั่งยืนและเป็นธรรมและรับรองว่ามาตรการทางเศรษฐกิจและสังคมต่าง ๆ เพื่อฟื้นฟูผลกระทบจากวิกฤตสภาพภูมิอากาศนั้นมุ่งส่งเสริมและปกป้องสิทธิมนุษยชนและเคารพศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์</p>
<p>กำหนดจุดยืนในเวทีโลกที่ชัดเจนและหนักแน่นในการจัดตั้งและดำเนินการกองทุนว่าด้วยความสูญเสียและความเสียหาย (Loss and Damage) เพื่อกลุ่มประเทศและชุมชนที่เสี่ยงและเปราะบางมากที่สุดจากวิกฤตสภาพภูมิอากาศทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต</p>
<p>ตระหนักว่าการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อบรรลุเป้าหมาย 1.5 องศาเซลเซียส ตามความตกลงปารีสต้องมีการเปลี่ยนแปลงเชิงระบบ (systemic change) และกลยุทธ์ที่โปร่งใสเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์อย่างแท้จริง (real zero) เริ่มจากการปลดระวางถ่านหินและปลดแอกเชื้อเพลิงฟอสซิล การปฏิวัติระบบอาหาร และลดนโยบายสนับสนุนการผลิตและบริโภคเนื้อสัตว์เชิงอุตสาหกรรม ตลอดจน ยุติโครงการพัฒนาอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่ก่อมลพิษและเชื่อมโยงกับห่วงโซ่อุปทานของแหล่งสำรองเชื้อเพลิงฟอสซิลแห่งใหม่</p>
<p>ป้องกันการครอบงำของบรรษัทข้ามชาติเหนือสิทธิบัตรพันธุ์พืช พันธุ์สัตว์และสิ่งมีชีวิตซึ่งบ่อนทำลายศักยภาพการปรับตัวจากวิกฤตสภาพภูมิอากาศของเกษตรกรรายย่อย ชุมชนท้องถิ่น ชนเผ่าพื้นเมืองและกลุ่มชาติพันธุ์</p>
<p>คุ้มครองและสนับสนุนสิทธิชุมชนและประชาชนในการอนุรักษ์ฟื้นฟูระบบนิเวศทะเล พื้นที่ชุ่มน้ำและชายฝั่งที่เป็นรากฐานของเศรษฐกิจแบบเกื้อกูล (supportive economy) และแหล่งความมั่นคงทางอาหารของชุมชนและประเทศ</p>
<p>สร้างความร่วมมือด้านสภาพภูมิอากาศกับประชาคมโลกในด้านเงินทุน การแลกเปลี่ยนเทคโนโลยี การแบ่งปันองค์ความรู้ และการสร้างศักยภาพ โดยปฏิเสธแนวทางการชดเชยคาร์บอน (carbon offset) ที่เป็นเรื่องการฟอกเขียว (greenwash) และเปิดโอกาสให้ประเทศร่ำรวยและบรรษัท อุตสาหกรรมใช้ประโยชน์จากวัฏจักรคาร์บอนตามธรรมชาติ แย่งยึดที่ดิน และทรัพยากรธรรมชาติในประเทศให้เป็นสินค้าแสวงผลกำไร แต่กลับหลีกเลี่ยงภาระรับผิดชอบ (accountability) ต่อวิกฤตสภาพภูมิอากาศที่ตนก่อขึ้น</p>
<p><strong>หมายเหตุ:</strong>
<span style="color:#3498db;">[1]</span> เครือข่ายคาร์บอนนิวทรัลประเทศไทยจัดตั้งโดยองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก(องค์การมหาชน) โดยหนึ่งในภารกิจคือสร้างมูลค่าเพิ่มจากการรับรองและแลกเปลี่ยนคาร์บอนเครดิตภายในประเทศ คณะผู้บริหารกรรมการเครือข่ายคาร์บอนนิวทรัลประเทศไทย (Council Board)ประกอบด้วยบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย  บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด บริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด เป็นต้น
<span style="color:#3498db;">[2]</span> ไทยถูกจัดเป็นประเทศที่มีความเสี่ยงสูงที่สุดอันดับที่ 9 ของโลกที่จะได้รับผลกระทบระยะยาวจากวิกฤตสภาพภูมิอากาศ แต่นโยบายสภาพภูมิอากาศ(Climate Policy)ของไทยไม่ได้สัดส่วน โดยมุ่งให้ความสำคัญกับมาตรการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (mitigation) และเน้นการปรับตัวจากวิกฤตสภาพภูมิอากาศ (adaptation) น้อยเกินไปโดยเปรียบเทียบ กรอบท่าทีเจรจาของไทยในเวทีเจรจาโลกไม่พูดถึงประเด็นความสูญเสียและความเสียหาย (Loss and Damage) ซึ่งเป็นหนึ่งในประเด็นหลักที่ผลักดันโดยกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา https://www.greenpeace.org/thailand/press/25228/climate-emergency-cop27-thailand-opinion/
<span style="color:#3498db;">[3]</span> https://www.tgo.or.th/2020/index.php/th/page/thailand-s-long-term-low-greenhouse-gas-emission-development-strategy-lt-leds-revised-version-867
<span style="color:#3498db;">[4]</span> Babiker, M., et al. 2022. Chapter 12: Cross-sectoral perspectives. In IPCC, 2022: Climate Change 2022: Mitigation of Climate Change. Contribution of Working Group III to the Sixth Assessment Report of the Intergovernmental Panel on Climate Change [P.R. Shukla, et al. (eds.)]. Cambridge University Press, Cambridge, UK and New York, NY, USA. doi: 10.1017/9781009157926.005. Page 1262.
<span style="color:#3498db;">[5]</span> https://www.greenpeace.org.uk/news/the-biggest-problem-with-carbon-offsetting-is-that-it-doesnt-really-work/</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/10/106238
 
4950  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - สปสช.เริ่มแคมเปญ 'ตรวจมะเร็งปากมดลูกด้วยตัวเอง' ชวนผู้ประกอบการจัดบริการแก เมื่อ: 06 ตุลาคม 2566 12:55:45
สปสช.เริ่มแคมเปญ 'ตรวจมะเร็งปากมดลูกด้วยตัวเอง' ชวนผู้ประกอบการจัดบริการแก่ พนง.
 


<span class="submitted-by">Submitted on Fri, 2023-10-06 12:28</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>เปิดแคมเปญตรวจมะเร็งปากมดลูกด้วยตัวเอง (HPV Self Sampling) ชี้ตรวจพบเร็วรักษาให้หายขาดได้ ด้าน สปสช. ชี้ผู้ประกอบการที่สนใจจัดบริการนี้แก่พนักงานของตน สามารถประสาน สปสช. ผ่านสายด่วน 1330 ได้ตลอดเวลา </p>
<p><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53236831817_9049f13eec_k_d.jpg" /></p>
<p>6 ต.ค. 2566 สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) แจ้งข่าวว่า นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และ นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เดินทางลงพื้นที่เยี่ยมชมการคัดกรองมะเร็งปากมดลูกโดยการเก็บสิ่งส่งตรวจด้วยตนเอง (HPV Self Sampling) ณ โรงงานแปรรูปนครราชสีมา บริษัท ซีพีเอฟ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 4 ต.ค. 2566  </p>
<p>นพ.ชลน่าน กล่าวว่า โครงการคัดกรองมะเร็งปากมดลูกโดยการเก็บสิ่งส่งตรวจด้วยตนเองเป็นโครงการสำคัญยิ่งในการตอบสนองต่อนโยบายของรัฐบาลและนโยบายของกระทรวงสาธารณสุข โดยเฉพาะนโยบาย Quick Win ที่ต้องทำให้เห็นผลสำเร็จได้ภายใน 100 วันของมะเร็งครบวงจร ในกลุ่มอายุ 11-20 ปี จะมีการให้วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก 1 ล้านโดส ขณะที่สตรีอายุ 30-60 ปี ก็จะมีโครงการนี้เพื่อเฝ้าระวัง ถ้าตรวจเจอตั้งแต่ระยะเริ่มแรกก็จะสามารถรักษาหายขาดได้ เสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่าการรักษาในระยะลุกลาม ทำให้ภาระค่าใช้จ่ายในการดูแลสุขภาพของประชาชนลดลง สตรีไทยมีสุขภาพที่แข็งแรง ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทย </p>
<p>ด้าน นพ.จเด็จ กล่าวว่า ในทุกๆ ปี จะมีผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูก 4,000-5,000 คน ในจำนวนนี้ 2,000 กว่าคนมาหาหมอเมื่อเข้าสู่ระยะรุนแรงแล้วและเสียชีวิต แต่ปัจจุบันมีนวัตกรรมใหม่ จากเดิมที่ให้สุภาพสตรีต้องขึ้นขาหยั่งให้คุณหมอตรวจ เปลี่ยนมาเป็นการเก็บสิ่งส่งตรวจด้วยตัวเองแล้วส่งเข้าห้องแลป หากพบว่ามีผลบวกก็จะเริ่มการรักษาได้ทันที และโรคมะเร็งปากมดลูกนี้ หากตรวจพบเร็วก็สามารถรักษาให้หายขาดได้แน่นอน ดังนั้นด้วยนโยบายที่จะทำการดูแลเรื่องมะเร็งครบวงจร และนวัตกรรมการคัดกรองในรูปแบบการตรวจด้วยตนเองของสุภาพสตรี จะช่วยทำให้เข้าถึงบริการคัดกรองและรักษาได้เร็วมากขึ้น </p>
<p>นพ.จเด็จ กล่าวว่า บริการการตรวจด้วยตนเองนี้ เป็นสิทธิประโยชน์ที่เสนอโดยกรมการแพทย์เข้าสู่ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ให้บริการแก่ประชาชนทุกสิทธิการรักษา อย่างเช่นพื้นที่ที่มาดูงานของโรงงานบริษัท ซีพีเอฟ ในวันนี้ ผู้ที่เข้ารับบริการ 2,500 กว่าคนใช้สิทธิประกันสังคม ซึ่งกลุ่มเป้าหมายการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก ส่วนใหญ่คือสตรีวัยเจริญพันธุ์ซึ่งใช้สิทธิประกันสังคมจำนวนมาก การจะให้ปลีกเวลาไปโรงพยาบาลเพื่อรับการตรวจคัดกรองในขั้นเกือบจะเป็นไปได้ยาก บางคนก็มีเรื่องปัญหาเรื่องค่าตอบแทนที่ได้รับเป็นรายวัน ดังนั้น การมีหน่วยบริการเข้ามาตรวจให้ถึงที่ เชื่อว่าถ้ารูปแบบการให้บริการแบบนี้ประสบความสำเร็จ โรงงานหรือสถานประกอบการในพื้นที่ต่างๆ จะใช้ระบบนี้เข้าไปดูแลพี่น้องสุภาพสตรีมากขึ้น </p>
<p>“โรคมะเร็งปากมดลูก หากพบได้เร็ว หายขาดได้แน่ ๆ ขอประชาสัมพันธ์กับสุภาพสตรีที่อยู่ในวัย 30-59 ปี ถ้ายังไม่ได้รับบริการตรวจคัดกรอง สามารถติดต่อสายด่วน สปสช. 1330 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ก็ยังมีช่องทางอื่นๆ เช่น กระเป๋าสุขภาพในแอปพลิเคชันเป๋าตัง หรือในพื้นที่เขตสุขภาพที่ 3 และ 7 ก็สามารถไปรับชุดตรวจที่ร้านยาใกล้บ้านหรือคลินิกการพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการได้ หรือบางที่ก็ไปรับที่ รพ.สต. หรือโรงพบาบาลใกล้บ้านได้ ซึ่ง สปสช. จะเร่งประชาสัมพันธ์ช่องทางการรับชุดตรวจให้ประชาชนรับทราบให้มากขึ้นในอนาคต” นพ.จเด็จ กล่าว </p>
<p>นพ.จเด็จ กล่าวด้วยว่า ต้องขอบคุณบริษัท ซีพีเอฟ ที่เข้าใจและให้ความสำคัญต่อการดูแลบุคลากร การจัดบริการนี้ยังช่วยทำให้ภาพลักษณ์ของบริษัทดีขึ้น และไม่อยากให้มีแค่ซีพีเอฟที่เดียว บริษัทอื่นๆที่มีความสนใจการจัดบริการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกแก่บุคลากร สามารถติดต่อประสานงานมาที่สายด่วน สปสช. 1330</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ขhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/10/106231
 
4951  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - "คุณหญิงแมงมุม" ผ่าตัดใหญ่ 7 ชั่วโมง! หลอดเลือดแดงใหญ่หัวใจฉีกขาด เมื่อ: 06 ตุลาคม 2566 12:55:45
"คุณหญิงแมงมุม" ผ่าตัดใหญ่ 7 ชั่วโมง! หลอดเลือดแดงใหญ่หัวใจฉีกขาด
         


&quot;คุณหญิงแมงมุม&quot; ผ่าตัดใหญ่ 7 ชั่วโมง! หลอดเลือดแดงใหญ่หัวใจฉีกขาด" width="75" height="75
&nbsp;&nbsp;กำลังใจล้นหลาม "คุณหญิงแมงมุม" ผ่าตัดใหญ่ 7 ชั่วโมง! หลังมีภาวะหลอดเลือดแดงใหญ่หัวใจฉีกขาด ด้านสามีคู่ชีวิตเคียงข้างไม่ห่างทุกวินาที
         

https://www.sanook.com/news/9064190/
         
4952  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [การเมือง] - "ปิยบุตร" ยอมผิดคำพูด ต้องชี้ปัญหา "ก้าวไกล" ชักแปลกๆ นินทาในวงเหล้าไม่ช่ว เมื่อ: 06 ตุลาคม 2566 11:55:51
"ปิยบุตร" ยอมผิดคำพูด ต้องชี้ปัญหา "ก้าวไกล" ชักแปลกๆ นินทาในวงเหล้าไม่ช่วยอะไร
         


&quot;ปิยบุตร&quot; ยอมผิดคำพูด ต้องชี้ปัญหา &quot;ก้าวไกล&quot; ชักแปลกๆ นินทาในวงเหล้าไม่ช่วยอะไร" width="75" height="75
&nbsp;&nbsp;ปิยบุตร ยอมกลืนน้ำลายตัวเอง กลับมาพูดเรื่อง "ก้าวไกล" ชี้ถ้าคนในไม่ "เอ๊ะ" มันไม่ใช่แล้ว ลั่นต้องกล้าพูดตรงๆ นอนทาในวงข้าว วงเหล้า ไม่ช่วยอะไร
         

https://www.sanook.com/news/9064102/
         
4953  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - ‘สปสช.-กทม.-ภาคประชาชน’ ผนึกกำลังลุยค้นหา-พิสูจน์-ยืนยันตัวตน 'คนไทยไร้สิทธิ' เมื่อ: 06 ตุลาคม 2566 11:23:44
‘สปสช.-กทม.-ภาคประชาชน’ ผนึกกำลังลุยค้นหา-พิสูจน์-ยืนยันตัวตน 'คนไทยไร้สิทธิ'
 


<span class="submitted-by">Submitted on Fri, 2023-10-06 10:43</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>สปสช. ร่วมภาคีเครือข่าย ลุยงานเชิงรุกเขตบางกอกน้อย ร่วมค้นหาคนไทยไร้สิทธิในกรุงเทพฯ ช่วยเหลือพิสูจน์สิทธิเพื่อให้ใช้บัตรทองรักษาโรค-ส่งเสริมสุขภาพ  </p>
<p><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53236707227_c910ffdcb7_o_d.jpg" /></p>
<p>เมื่อวันที่ 5 ต.ค. 2566 สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) รายงานว่าคณะทำงานพัฒนาระบบการเข้าถึงบริการของกลุ่มเปราะบางและกลุ่มที่ยังเข้าไม่ถึงบริการ พร้อมด้วยผู้บริหารสำนักงานเขตบางกอกน้อย สำนักทะเบียนและประมวลผล กรุงเทพมหานคร และมูลนิธิพัฒนาที่อยู่อาศัย ตลอดจนผู้นำชุมชนจากหลายพื้นที่ในเขตบางกอกน้อย ร่วมกันขับเคลื่อนดำเนินการแก้ไขปัญหาสถานะทางทะเบียน กลุ่มคนไทยตกหล่นทางทะเบียนราษฎร หรือบุคคลที่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านกลาง และบุคคลที่ถูกจำหน่ายชื่อทางทะเบียนราษฎร หรือบุคคลที่เป็นคนไทยแต่ไม่มีบัตรประชาชน ให้ได้รับการพิสูจน์สถานะ เมื่อวันที่ 21 ก.ย. 2566 เพื่อให้สามารถเข้าถึงสิทธิสวัสดิการต่างๆ จากภาครัฐ โดยเฉพาะสิทธิด้านการรักษาพยาบาลในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สิทธิบัตรทอง) ให้มากขึ้น  </p>
<p>น.ส.อมาวศรี เปาอินทร์ ผู้อำนวยการกลุ่ม สปสช. เขต 13 กทม. รับผิดชอบดูแลพื้นที่ฝั่งธนบุรี เปิดเผยว่า สปสช. มียุทธศาสตร์สำคัญที่จะยกระดับสิทธิบัตรทองในระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2566-2570) โดยหนึ่งในนั้นคือ การคุ้มครองหลักประกันสุขภาพของประชาชน ที่มุ่งเน้นค้นหากลุ่มเปราะบาง กลุ่มคนที่เข้าม่ถึงบริการหรือเข้าถึงได้น้อย เพื่อเป็นการสร้างกลไกการรับรู้ในการเข้าถึงสิทธิด้านสุขภาพ ชุดสิทธิประโยชน์ที่เป็นสิทธิของประชาชนทุกคน เพื่อให้เกิดการเข้าถึงและทำให้ระบบบัตรทองมีความเข้มแข็งและมีประสิทธิภาพมากขึ้น  </p>
<p>ทั้งนี้ ในพื้นที่ กทม. มีกลุ่มประชากรที่มีปัญหาในการเข้าถึงสิทธิบริการด้านสุขภาพขั้นพื้นฐาน โดยเฉพาะประชากร 2 กลุ่ม คือ 1. กลุ่มที่มีปัญหาสถานะทางทะเบียน และคนที่อยู่ในทะเบียนบ้านกลาง ซึ่งเป็นกลุ่มที่ตกหล่นจากทะเบียนราษฎร และ 2. กลุ่มคนไร้บ้าน ซึ่งเป็นประชากรใช้ชีวิตในพื้นที่สาธารณะหรือศูนย์พักคนไร้บ้านของภาครัฐและภาคประชาสังคม  </p>
<p>น.ส.อมาวศรี กล่าวต่อไปว่า การทำงานร่วมกันกับภาคีเครือข่ายต่างๆ มีความสำคัญต่อการค้นหากลุ่ม เป้าหมายในชุมชนอย่างมาก โดยเฉพาะกับภาคประชาชน ที่ได้กำลังขับเคลื่อนจากผู้นำชุมชน ประธานชุมชน อาสาสมัครสาธารณสุข กทม. (อสส.) รวมไปถึงศูนย์คุ้มครองสิทธิบัตรทอง หรือหน่วย 50 (5) ที่ร่วมค้นหาและพากลุ่มเป้าหมายที่มีปัญหาสถานะทางทะเบียน เข้าสู่การพิสูจน์สิทธิ และหากมีหลักฐานการยืนยัน ทีมสปสช.จัดเตรียมเจ้าหน้าที่ออกหน่วยบริการเชิงรุกลงทะเบียนเลือกหน่วยบริการ เพื่อให้สามารถใช้สิทธิบริการสุขภาพจากสิทธิบัตรทองได้ทันที </p>
<p>"พร้อมกันนี้ สปสช.ยังทำข้อตกลงร่วมกันกับโรงพยาบาลราชพิพัฒน์ เพื่อให้เก็บสิ่งส่งตรวจพันธุกรรม (DNA) กับผู้ป่วยที่เข้ามารับบริการ แต่มีปัญหาสถานะ หรือไม่พบสิทธิการรักษา และต้องมีการพิสูจน์สถานะ โดยเพิ่มโรงพยาบาลราชพิพัฒน์ เป็นหน่วยเก็บสิ่งส่งตรวจมายังสถาบันนิติวิทยาศาสตร์เพื่อสูจน์ DNA ในการยืนยันสถานะ โดยผู้ป่วยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ซึ่งจะเป็นอีกช่องทางในการช่วยให้ประชาชนเข้าถึงสิทธิบริการสุขภาพได้มากขึ้น" ผู้อำนวยการกลุ่ม สปสช. เขต 13 กทม. กล่าว  </p>
<p>นายอนรรฆ พิทักษ์ธานิน ประธานคณะทำงานพัฒนาระบบการเข้าถึงบริการของกลุ่มเปราะบาง และกลุ่มที่ยังเข้าไม่ถึงบริการ เขตพื้นที่ กทม. กล่าวว่า ที่ผ่านมามีการสำรวจคนไร้บ้านที่ยังมีปัญหาสถานะทางทะเบียน ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงสิทธิบริการต่างๆ โดยเฉพาะสิทธิบริการด้านสุขภาพ กอปรกับในพื้นที่ กทม. มีคนไร้บ้านอาศัยอยู่ตามที่สาธารณะ  </p>
<p>รวมถึงประชาชนที่อยู่ในชุมชนและเช่าอาศัยอยู่ในชุมชน ยังคงไม่มีสิทธิ์และตกหล่นสถานะทางทะเบียน ทำให้ไม่มีบัตรประชาชนจำนวนมาก ดังนั้น การขับเคลื่อนร่วมกันกับภาคีเครือข่ายดำเนินการเชิงรุก เพื่อค้นหากลุ่มคนเปราะบางในกรุงเทพฯ ให้มีการพิสูจน์สิทธิ์ สถานะ เมื่อพิสูจน์ทราบแล้วจะได้ทำบัตรประชาชน เพื่อให้เข้าถึงบริการโดยเฉพาะบริการสุขภาพให้มากยิ่งขึ้น  </p>
<p>ทั้งนี้ เป้าหมายการขับเคลื่อนของคณะทำงานพัฒนาระบบการเข้าถึงบริการของกลุ่มเปราะบางฯ ในปี 2566 จะนำร่อง 6 เขตในพื้นที่ กทม. ประกอบด้วย 1. เขตบางกอกน้อย 2. เขตคลองสามวา 3. เขตสวนหลวง 4. เขตมีนบุรี 5. เขตภาษีเจริญ และ 6. เขตหนองจอก โดยจะให้เขตบางกอกน้อยเป็นพื้นที่นำร่อง หรือโมเดลแรกของการขับเคลื่อนแบบมีส่วนร่วม ก่อนจะขยายไปยังเขตอื่นๆ ในปีต่อไปเพื่อให้เกิดการค้นหากลุ่มเปราะบางและนำเข้าสู่ระบบการพิสูจน์สถานะสิทธิต่างๆ ทางทะเบียนเพื่อนำไปสู่การทำบัตรประชาชน และเป็นการลดความเหลื่อมล้ำ และให้สิทธิสวัสดิการเกิดขึ้นอย่างครอบคลุมคนไทยทุกคน โดยเฉพาะในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ  </p>
<p> "การไม่มีสิทธิ เพราะไม่มีบัตรประชาชน ทั้งที่เป็นคนไทย จะทำให้กลุ่มคนเหล่านี้ขาดโอกาสในชีวิต โดยเฉพาะสิทธิด้านสุขภาพที่ควรจะได้รับ ทั้งการรักษา ส่งเสริมป้องกันโรค ฟื้นฟูสมรรถภาพ รวมถึงสิทธิสวัสดิการอื่นๆ จากภาครัฐ ซึ่งจะยกระดับคุณภาพชีวิตของพวกเขาให้ดียิ่งขึ้นได้" ประธานคณะทำงานพัฒนาระบบการเข้าถึงบริการของกลุ่มเปราะบาง และกลุ่มที่ยังเข้าไม่ถึงบริการ เขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร กล่าว  
 
ด้าน น.ส.วรรณา แก้วชาติ เครือข่ายภาคประชาชน มูลนิธิพัฒนาที่อยู่อาศัย กล่าวว่า การค้นหากลุ่มเป้าหมายที่เป็นคนไทยไร้สิทธิใน กทม. ของพื้นที่เขตบางกอกน้อย เริ่มจากวันที่ 25 ส.ค. 2566 ซึ่งมีการอบรมประธานชุมชน แกนนำชุมชน อสส. ในพื้นที่ รวมถึงหน่วย 50 (5) ของ สปสช. เพื่อให้คำแนะนำเกี่ยวกับการค้นหากลุ่มเป้าหมายที่เป็นประชากรในพื้นที่ ซึ่งมีปัญหาสถานะทางทะเบียน ให้รวบรวมกลุ่มเป้าหมายเข้าสู่กระบวนการแก้ไขปัญหาที่เขตบางกอกน้อย กระทั่งมาถึงวันนี้ ที่ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยมีการนำเคสที่เป็นปัญหาเข้าสู่การแก้ไขได้ถึง 15 ราย และในจำนวนนี้ได้รับนัดหมายทำบัตรประชาชนแล้วด้วย  </p>
<p>อย่างไรก็ตาม ยังมีประชาชนที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย แต่มีปัญหาทางด้านสุขภาพ จึงไม่สามารถมายังเขตบางกอกน้อยเพื่อแก้ปัญหาได้ ภาคีเครือข่ายยังจัดคณะลงพื้นที่ไปยังชุมชนเพื่อสอบถาม และตรวจสอบสิทธิ รวมถึงหากพบว่าเป็นมีสิทธิสถานะทางทะเบียนก็สามารถทำบัตรประชาชนที่บ้านได้อีกด้วย ทั้งหมดจึงเป็นการทำงานเชิงรุกของภาคีเครือข่ายที่เข้ามาแก้ปัญหาคนไทยไร้สิทธิในกรุงเทพฯ โดยเฉพาะที่เขตบางกอกน้อยที่มีความราบรื่นอย่างมาก </p>
<p>"ทั้งหมดเพื่อให้เห็นเป็นโมเดลว่า เมื่อเจอเคสในชุมชนต้องทำอย่างไร และต้องให้คำแนะนำอย่างไร ผู้นำชุมชนสำคัญอย่างมาก เพราะการเข้าไปช่วย จะทำให้คนในชุมชนที่เคยเป็นปัญหา สามารถเข้าถึงสิทธิสวัสดิการตามบริการต่างๆ ได้ แต่หากไม่ช่วย คนที่แบกรับปัญหาก็คือประธานชุมชน และเครือข่ายต่างๆ ที่ต้องหาความช่วยเหลือจากภายนอกเข้าไปช่วยเขา แต่หากขับเคลื่อนให้เข้าถึงสิทธิที่มีระบบดูแลอยู่แล้ว ก็ช่วยให้ประธานชุมชนอยู่ได้อย่างไม่มีภาระปัญหาเช่นกัน" น.ส.วรรณา กล่าวตอนท้าย  </p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ขhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/10/106227
 
4954  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - แม่เลี้ยง "แอฟ ทักษร" โพสต์รูปคู่ "นนกุล-ทิม พิธา" แคปชั่นทำคนคอมเมนต์สนั่น เมื่อ: 06 ตุลาคม 2566 10:23:42
แม่เลี้ยง "แอฟ ทักษร" โพสต์รูปคู่ "นนกุล-ทิม พิธา" แคปชั่นทำคนคอมเมนต์สนั่น
         


แม่เลี้ยง &quot;แอฟ ทักษร&quot; โพสต์รูปคู่ &quot;นนกุล-ทิม พิธา&quot; แคปชั่นทำคนคอมเมนต์สนั่น" width="75" height="75
&nbsp;&nbsp;แม่เลี้ยง "แอฟ ทักษร" โพสต์รูปภาค2 ควงแขนคู่ "นนกุล-ทิม พิธา" โฟกัสแคปชั่นทำชาวเน็ตคอมเมนต์สนั่น
         

https://www.sanook.com/news/9064046/
         
4955  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - โมเมนต์น่ารัก "แพทริเซีย" อ่านนิทาน "น้องเอลิเซีย" ตาแป๋วตั้งใจฟังมาก เมื่อ: 06 ตุลาคม 2566 07:53:09
โมเมนต์น่ารัก "แพทริเซีย" อ่านนิทาน "น้องเอลิเซีย" ตาแป๋วตั้งใจฟังมาก
         


โมเมนต์น่ารัก &quot;แพทริเซีย&quot; อ่านนิทาน &quot;น้องเอลิเซีย&quot; ตาแป๋วตั้งใจฟังมาก" width="75" height="75
&nbsp;&nbsp;ต้าวก้อนน้อยๆ น้องเอลิเซีย นั่งฟัง แม่แพท ตาแป๋วเลยลูก
         

https://www.sanook.com/news/9061838/
         
4956  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [การเมือง] - "เก็ต ชินภัสร์" ถึงเป็น สส.สอบตก ได้ตำแหน่งโฆษกกระทรวง โป๊ะแตกก็อปรูปมีลิขสิท เมื่อ: 06 ตุลาคม 2566 05:55:33
"เก็ต ชินภัสร์" ถึงเป็น สส.สอบตก ได้ตำแหน่งโฆษกกระทรวง โป๊ะแตกก็อปรูปมีลิขสิทธิ์มาใช้
         


&quot;เก็ต ชินภัสร์&quot; ถึงเป็น สส.สอบตก ได้ตำแหน่งโฆษกกระทรวง โป๊ะแตกก็อปรูปมีลิขสิทธิ์มาใช้" width="75" height="75
&nbsp;&nbsp;เก็ต ชินภัสร์ สส.สอบตก ได้ตำแหน่งโฆษกกระทรวงอุตฯ ชาวเน็ตจับโป๊ะ ก็อปรูปมีลิขสิทธิ์ ลายน้ำหราเลย
         

https://www.sanook.com/news/9063770/
         
4957  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - ครูวัย 38 ล่วงละเมิด นร.ชายวัย 12 ประกาศข่าวช็อก "ฉันท้อง" แถมแชทขู่เด็กแจ้งความ เมื่อ: 06 ตุลาคม 2566 05:23:00
ครูวัย 38 ล่วงละเมิด นร.ชายวัย 12 ประกาศข่าวช็อก "ฉันท้อง" แถมแชทขู่เด็กแจ้งความ
         


ครูวัย 38 ล่วงละเมิด นร.ชายวัย 12 ประกาศข่าวช็อก &quot;ฉันท้อง&quot; แถมแชทขู่เด็กแจ้งความ" width="75" height="75
&nbsp;&nbsp;
         

https://www.sanook.com/news/9064010/
         
4958  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - นักศึกษา มช. จัด Performance Art รำลึก 6 ตุลา ตะโกนร้อง “อย่าหยุดวิ่ง แม้จะถูกยิง” เมื่อ: 06 ตุลาคม 2566 05:12:07
นักศึกษา มช. จัด Performance Art รำลึก 6 ตุลา  ตะโกนร้อง “อย่าหยุดวิ่ง แม้จะถูกยิง”
 


<span class="submitted-by">Submitted on Thu, 2023-10-05 19:45</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>นักศึกษา “ชมรมประชาธิปไตย สโมสรนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่” จัด Performance Art รำลึกเหตุการณ์ 6 ตุลา พร้อมตะโกนว่า “อย่าหยุดวิ่งแม้จะถูกยิง” และตะโกนบทกวี “เจตภูตที่ตกค้างกลางควันปืน”</p>
<p> </p>
<p>5 ต.ค. 2566 เมื่อเวลา 18.20 น. ที่บริเวณอ่างแก้ว ภายในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ นักศึกษา “ชมรมประชาธิปไตย สโมสรนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่” และนักกิจกรรมจัดแสดง Performance Art รำลึกเหตุการณ์ 6 ตุลา พร้อมตะโกนว่า “อย่าหยุดวิ่งแม้จะถูกยิง” และตะโกนบทกวี “เจตภูตที่ตกค้างกลางควันปืน”</p>
<div class="note-box">
<p><strong>“เจตภูตที่ตกค้างกลางควันปืน”</strong></p>
<p>.</p>
<p>ความฝัน ความหวัง อุดมการณ์</p>
<p>เป็นเมล็ดพันธุ์ รอวันเติบโต</p>
<p>แต่ร่างกายข้านั้น</p>
<p>ถูกฝังกลบด้วยห่ากระสุนปืน</p>
<p>.</p>
<p>จะกี่ปีหรือกี่ชาติ</p>
<p>จะประกาศและหยัดยืน</p>
<p>ทนสู้จนสุดฝืนใจ</p>
<p>แม้นล้มครืนจะเดินไ</p>
</div>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53235095147_b01d9254d1_b.jpg" /></p>
<p><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53236256333_6a333aa36c_b.jpg" /></p>
<p><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53236324114_af45f648d6_b.jpg" /></p>
<p><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53236451050_f2b0dd1a0d_b.jpg" /></p>
<p><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53236451060_876ccefeb2_b.jpg" /></p>
<p><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53235955691_e613817e86_b.jpg" /></p>
<p> </p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ข่https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/10/106221
 
4959  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - 'พริษฐ์' ถาม 'ภูมิธรรม' ขอความชัดเจน คกก.ศึกษาประชามติ ร่าง รธน.ใหม่ หวั่นต เมื่อ: 06 ตุลาคม 2566 03:08:43
'พริษฐ์' ถาม 'ภูมิธรรม' ขอความชัดเจน คกก.ศึกษาประชามติ ร่าง รธน.ใหม่ หวั่นติดกระดุมเม็ดแรกผิด
 


<span class="submitted-by">Submitted on Thu, 2023-10-05 19:55</span><div class="field field-name-field-byline field-type-text-long field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><p>ภาพปก: พริษฐ์ วัชรสินธุ (ที่มา: TP Channel)</p>
</div></div></div><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>‘พริษฐ์’ ตั้งกระทู้สดถาม 'ภูมิธรรม' ขอความชัดเจนกรอบ คกก.ศึกษาแนวทางประชาชาติ ร่าง รธน.ใหม่ สสร.เลือกตั้ง 100% หรือไม่ หวั่นติดกระดุมเม็ดแรกผิด พร้อมแจงจุดยืนของพรรคไม่เข้าร่วม คกก. ด้านรองนายกฯ ยันตั้ง คกก.เป็นกระดุมเม็ดแรกที่ถูกต้อง ไม่ตอบชัด สสร.มาจากเลือกตั้งหรือไม่ แต่ให้ความมั่นใจทุกฝ่ายมีส่วนร่วม ผ่านได้ไม่เกิน 4 ปี</p>
<p> </p>
<p>5 ต.ค. 2566 ยูทูบ "TP Channel" ถ่ายทอดสดการประชุมรัฐสภา สภาผู้แทนราษฎร วันนี้ (5 ต.ค.) พริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษก พรรคก้าวไกล ได้ตั้งกระทู้ถามสดต่อ ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ต่อกรณีการตั้งคณะกรรมการศึกษาแนวทางการทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ พร้อมขอให้ตอบยืนยันในหลักการสำคัญ </p>
<p style="text-align: center;">
<iframe allow="accelerometer; autoplay; clipboard-write; encrypted-media; gyroscope; picture-in-picture; web-share" allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/S0OzWEbcHu8?si=0P2jY1WaQZZCMkZQ" title="YouTube video player" width="560"></iframe></p>
<p>พริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ตั้งกระทู้สดถาม ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี กล่าวเกริ่นก่อนว่า ย้อนไปเมื่อวันที่ 2 ส.ค. 2566 พรรคเพื่อไทย ฉีก MOU เพื่อไปจัดตั้งรัฐบาล รัฐบาลนำโดยพรรคเพื่อไทย จะเสนอจัดทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญใหม่ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตั้งแต่นัดแรก แต่ในการประชุม ครม.นัดแรก เมื่อ 13 ก.ย.ที่ผ่านมา รัฐบาลกลับ ‘ยูเทิร์น’ แทนที่จะเดินหน้าทำประชามติ เพื่อนำไปสู่การร่าง รธน.ฉบับใหม่ กลับเป็นการตั้งคณะกรรมการศึกษาแนวทางการร่างรัฐธรรมนูญแทน ซึ่งมีการแต่งตั้งคณะกรรมการเมื่อ 2 วันที่แล้ว (3 ต.ค.)</p>
<p>พริษฐ์ ระบุต่อว่า เขาไม่ติดใจถ้ารัฐบาลตั้งคณะกรรมการฯ ขึ้นมาศึกษาเพื่อความรอบคอบ แต่การศึกษา ควรศึกษาสิ่งที่ไม่เคยมีการศึกษามาก่อนแล้ว หรือสิ่งที่เคยถูกศึกษามาแล้ว แต่ไม่ได้มีส่วนร่วมของทุกฝ่าย</p>
<p>“ผมเลยมีความกังวลว่าคณะกรรมการศึกษาที่ท่านตั้งขึ้นมานั้น จะกลายเป็นกระบวนการศึกษาที่อาจจะเสียทั้งเวลาและงบประมาณเพิ่มเติมโดยไม่จำเป็น หรือหากจะโลกในแง่ร้าย ก็เสี่ยงที่จะถูกลบหลักการที่เคยเป็นข้อสรุปร่วมกันมาก่อนแล้ว” พริษฐ์ ระบุ</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">แนวทางแก้ไข รธน.ปี’60 ผ่าน 4 เหตุการณ์สำคัญ</span></h2>
<p>สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า แนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2560 มีการศึกษา และถกเถียงร่วมกันมาโดยละเอียด ผ่านกระบวนการที่ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมกันอย่างต่อเนื่องตลอด 4 ปีที่ผ่านมา จนนำมาสู่ข้อสรุปที่หลายฝ่ายเคยเห็นตรงกันมาแล้ว โดยเขาขอฉายภาพว่า สังคมเคยได้ข้อสรุปอะไรกันแล้วบ้าง ผ่าน 4 เหตุการณ์ </p>
<p>เหตุการณ์ที่ 1 โดยเริ่มจากในปี 2562 มีการตั้งกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหาหลักเกณฑ์แนวทางการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 2560 ที่มีตัวแทนจากทุกพรรคในสภาฯ ณ เวลานั้น 
สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ระบุว่ากรรมาธิการดังกล่าวใช้เวลา 8 เดือนในการศึกษาทุกมาตราของ รธน.ปี’60 โดยละเอียด และได้จัดทำสรุปออกมาเป็นรายงานจำนวนกว่า 500 หน้า โดยในหน้าที่ 122 มีการสนับสนุนการร่าง รธน.ใหม่ โดยผ่านระบบสภาร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรง</p>
<div style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53236013111_a723a048b5_b.jpg" /></div>
<p style="text-align: center;"><span style="color:#d35400;">ที่มา: ยูทูบ TP Channel</span></p>
<p>เหตุการณ์ที่ 2 เมื่อปี 2563-2564 สมาชิกรัฐสภาบางกลุ่มได้นำข้อสรุปจากรายงานของ กมธ.นั้น แปลออกมาเป็นการเสนอร่างแก้ไขของ รธน. เพื่อเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา โดยมี 2 ร่าง หรือ 2 ฉบับ ที่มีหลักการเดียวกัน คือมี สสร. ร่าง รธน.ฉบับใหม่ที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรง</p>
<p>เมื่อเข้าสู่การพิจารณาในวาระที่ 1 สมาชิกสภาฯ ได้รับหลักการทั้ง 2 ร่าง ด้วยคะแนนเห็นชอบ สูงถึง 88% และ 79% ตามลำดับ เมื่อเข้าสู่วาระที่ 2 สมาชิกรัฐสภาส่วนใหญ่เห็นชอบ สภาร่างรัฐธรรมนูญ ต้องมาจากการเลือกตั้งทั้งหมด โดยพอดำเนินการโดยวาระที่ 3 เหตุผลที่ทำให้ร่าง รธน.ดังกล่าวตกไป ไม่ใช่เพราะสภาผู้แทนราษฎรไม่เห็นชอบ แต่เป็นเพราะสภา สว. เป็นผู้ปัดตก ซึ่งไม่ใช่เป็นเพราะไม่เห็นด้วยกับหลักการ สสร. แต่เป็นเพราะไปอ้างคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ 4/2564 ระบุว่าจะต้องจัดทำประชามติถามประชาชน ก่อนที่จะมีการเสนอร่างใดๆ เข้าสู่วาระที่ 1</p>
<p>ต่อมา เหตุการณ์ที่ 3 เมื่อร่าง สสร.ถูกปัดตก เพราะต้องทำประชามติก่อน เมื่อปี 2565 พรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย ได้ยื่นญัตติเข้าสภาฯ เพื่อเสนอกลไก พ.ร.บ.จัดทำประชามติ  เพื่อเสนอให้จัดทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญดังกล่าว ด้วยคำถามที่ว่าเห็นชอบหรือไม่ ประเทศไทยควรจะมีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทั้งฉบับ แทนที่รัฐธรรมนูญ 2560 โดย สสร.ที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชน</p>
<p>เมื่อมีการพิจารณาหรือลงมติข้อเสนอเกี่ยวกับคำถามประชามติดังกล่าวได้รับความ ‘เห็นชอบ’ เป็นเอกฉันท์จากสภาผู้แทนราษฎร รวมถึงจาก สส.ทุกพรรคที่เข้าประชุม และร่วมรัฐบาลอยู่ ณ เวลานี้ แม้ญัตติดังกล่าวถูกปัดตกไปเมื่อ 2566 แต่ก็ไม่มีคนหมดหวัง เพราะตามกลไกของ พ.ร.บ.ประชามติ เมื่อปี 2564 สว.สามารถปัดตกข้อเสนอประชามติที่เสนอโดย สส.ได้ แต่ สว.ไม่มีอำนาจปัดตกข้อเสนอประชามติ ที่เสนอโดย ครม.</p>
<p>พริษฐ์ ระบุต่อว่า เหตุการณ์ที่ 4 ช่วงการเลือกตั้ง 2566 หลายพรรค โดยเฉพาะพรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย เลยประกาศว่า ถ้าเป็นรัฐบาล จะออกประชามติ และจัดทำเดินหน้าร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ทันที โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยเสียงของ สว.</p>
<p>พริษฐ์ กล่าวว่า เมื่อพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล และมีอำนาจในการจัดทำประชามติ และนับหนึ่งไปสู่การร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แต่รัฐบาลกลับเลือกตั้งคณะกรรมการศึกษาขึ้นมาก่อน </p>
<p>โฆษกพรรคก้าวไกล ระบุ ที่ย้อนความมาทั้งหมด เพราะต้องการชี้ให้เห็นว่านี่ไม่ใช่เรื่องใหม่ที่ต้องศึกษาแนวทางร่าง รธน.กันทั้งหมด แต่ทุกฝ่ายเคยได้ข้อสรุปรวมกันแล้ว ว่าต้องมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เราแทบทุกฝ่ายเคยเห็นตรงกันว่าต้องมี สสร.ที่มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด เราแทบทุกฝ่ายเคยได้สรุปกันมาแล้วว่า ต้องเริ่มต้นจากการทำประชามติ เราแทบทุกฝ่ายเคยได้ข้อสรุปเรื่องคำถามประชามติ ตอนนี้จึงไม่ใช่เวลาของการศึกษา แต่เป็นเวลาแห่งการตัดสินใจ ว่าท่านจะเดินหน้าต่ออย่างไร 
 
สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ระบุว่า ขอถามชัดๆ ถึงรองนายกฯ ว่า ตั้งคณะกรรมการศึกษาฯ เพื่ออะไร ศึกษาอะไร และอะไรจะยึดเป็นกรอบในการศึกษาหลักการของคณะกรรมการชุดนี้ ที่จะไม่ย้อนกลับไปศึกษารายละเอียดปลีกย่อยของข้อสรุปที่เคยมีข้อสรุปร่วมกันมาแล้ว </p>
<p>"แต่ท่านช่วยยืนยันได้หรือไม่ว่า ท่านไม่ได้ตั้งขึ้นมา เพราะว่าท่านไม่กล้าตัดสินใจเดินหน้าในจุดยืนเดิม แต่ท่านต้องการยืมมือคนอื่นมาสร้างความชอบธรรมให้ท่าน ในการยูเทิร์น อีกครั้งหนึ่ง เพื่อย้อนหลักการเดิมบางส่วนที่ท่านเคยยืนยัน และแทบทุกฝ่ายเคยได้ข้อสรุปร่วมกันไปแล้ว" พริษฐ์ กล่าว</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">'ภูมิธรรม' คาดแก้ รธน.สำเร็จใน 4 ปี</span></h2>
<p>ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่า รัฐบาลไม่ได้ต้องการทำให้ปัญหาถูกดึงให้ล่าช้า แต่ต้องการทำให้รัฐธรรมนูญแก้ไขได้สำเร็จ ซึ่งจากการเสนอแก้ไขรัฐธรรรมนูญปี’60 ทั้ง 4 ครั้งและไม่สำเร็จ เนื่องจากคนในสังคมยังเห็นไม่ตรงกันโดยเฉพาะปัญหาสำคัญหลายเรื่อง</p>
<p>ภูมิธรรม ยืนยันว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญคาดว่าสำเร็จภายในระยะเวลา 4 ปี เราจะสามารถทำรัฐธรรมนูญฉบับนี้ให้เกิดความเห็นชอบทุกฝ่ายทุกกลุ่มในสังคม </p>
<p>รองนายกรัฐมนตรี ระบุต่อว่า รัฐบาลคาดว่าจะทำได้ภายใน 3 ปีกว่า และแต่ละกระบวนการสามารถร่นระยะเวลาลงมาได้ อันนี้จะเป็นการหารือในคณะกรรมการศึกษาฯ จะต้องไปหาแนวทาง ทำยังไงที่จะให้การทำประชามติตามกฎหมายที่ว่าไว้ และตามข้อบังคับต่างๆ ที่มีอยู่ ให้เหลือน้อยที่สุด เพราะการทำประชามติครั้งหนึ่งต้องใช้เงิน 3-4 พันล้านบาท เพราะว่าการทำเลือกตั้งหลายๆ ครั้ง ในเวลาอันใกล้ขนาดนี้ ไม่ควรจะต้องเสียเงินไปมากขนาดนั้น จึงพยายามหาลู่ทางว่า ถ้าเป็นไปได้ อยากทำประชามติสัก 2 ครั้ง แต่ถ้าดูตาม กฎ ตามระเบียบ ตามที่พูด มันอาจจะต้องเป็น 3-4 ครั้งตามที่มีการตีความแตกต่างกัน รัฐบาลมุ่งมั่นอยากจะให้เสียค่าใช้จ่ายน้อย ทำประชามติให้ตอบสนอง มีส่วนร่วมจากทุกคน และแก้ไขความแตกต่าง</p>
<p>เราอยากให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ ทำได้สำเร็จ ไม่เสนอขึ้นมา และตกไปเหมือน 4 ครั้งที่ผ่านมา เมื่อต้องการทำให้สำเร็จ จึงต้องการจุดร่วมให้ดีที่สุด ในการทำให้เกิดประชาธิปไตยให้ดีที่สุด อันนี้เป็นเป้าหมายของรัฐบาล ในการทำให้เกิดรัฐธรรมนูญที่มีความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น </p>
<h2><span style="color:#2980b9;">เว้นหมวด 1-2 อ้างประชาชนเห็นด้วยไม่ต้องแก้</span></h2>
<p>ภูมิธรรม ระบุต่อว่า คิดว่าเป็นประเด็นที่สำคัญคือ ร่าง รธน.ใหม่ ยกเว้น หมวด 1-2 เกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ และที่เกี่ยวข้องกับพระราชอำนาจพระมหากษัตริย์ คิดว่าประเด็นนี้ทุกคนเห็นพ้องต้องกันในสังคม จึงไม่คิดว่าต้องไปแตะต้อง และใช้เวลาที่เหลือพิจารณากฎข้อบังคับให้เป็นประชาธิปไตยใหม่ทั้งหมด ให้ได้ความเป็นประชาธิปไตยมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ซึ่งนี่เป็นเรื่องที่ต้องหารือกันต่อ </p>
<div style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53060171562_e77c91d6f9_b.jpg" /></div>
<p style="text-align: center;"><span style="color:#d35400;">ภูมิธรรม เวชยชัย</span></p>
<p>ภูมิธรรม ระบุต่อว่า เรื่องการทำประชามติ เป็นไปได้จะทำ 2 ครั้ง ครั้งแรกตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ และหลังร่างรัฐธรรมนูญเสร็จแล้วจะมีการทำอีกครั้ง ซึ่งต้องผ่านพรรคฝ่ายค้าน 20% ก็เราอยากให้รัฐธรรมนูญสำเร็จ อยากคุยกับฝ่ายค้านคุยกับพรรครัฐบาล คุยกับ สว. เพื่อให้ทั้งหมดได้ประสบความสำเร็จได้</p>
<p>ภูมิธรรม ยังระบุด้วยว่า ที่ต้องใช้เวลาในการดำเนินการ ก็เพราะการทำประชามติใหม่มีขั้นตอนและกระบวนการตามกฎหมาย เพื่อความรอบคอบจึงเสนอให้มีการรับฟังความเห็นของประชาชนให้เต็มที่ที่สุดเท่าที่จะทำได้ และได้มีความพยายามรวบรวมพรรคการเมืองทุกพรรคเข้ามาหาความเห็นแล้ว เสียดายที่พรรคก้าวไกลไม่ได้เข้าร่วม แต่ก็เคารพในเหตุผลของพรรคก้าวไกล และแม้พรรคก้าวไกลจะยังไม่ได้เข้าร่วม แต่ก็จะยังมีการขอความเห็นจากพรรคก้าวไกล และนี่จะไม่ได้ทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญสะดุดลง</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">'พริษฐ์' แจง 2 จุดยืนพรรค หวั่นเป็นตรายาง </span></h2>
<p>ในรอบที่ 2 พริษฐ์ ชี้แจงเรื่องที่พรรคก้าวไกล ยังไม่ร่วมคณะกรรมการศึกษาฯ ในตอนนี้ เนื่องจากทางพรรคมี 2 จุดยืนที่ชัดเจนคือ การสนับสนุนการทำรัฐธรรมนูญใหม่แก้ได้ทุกหมวดทุกมาตรา และจัดทำโดย สสร. ที่มาจากการเลือกตั้งทางตรงจากประชาชนทั้งหมด แม้จะเป็นกรอบกว้างๆ แต่มีความสำคัญกับการได้มาทั้งรัฐธรรมนูญ ที่มีความชอบธรรมทางประชาธิปไตย จึงขอยังไม่เข้าร่วม เนื่องจากเสี่ยงไปเป็นตรายางให้กับจุดยืนหลักของพรรคเรา แต่ทางพรรคยินดีมากที่จะให้ข้อมูล ความเห็น และข้อเสนอของพรรคต่อ คกก. ซึ่งเราเข้าใจการทำงานร่วมกัน</p>
<p>"เราเองก็เข้าใจความสำคัญของการทำงานร่วมกัน หากเราติดกระดุมเม็ดแรกผิด แม้ว่าเราจะร่วมกันดีแค่ไหน ภาพตรงนั้นก็จะผิดเพี้ยนไป" พริษฐ์ กล่าว </p>
<p>พริษฐ์ กล่าวต่อว่าจะดีอย่างมากถ้ารองนายกฯ สามารถให้ความชัดเจนได้ใน 2 ประเด็นหลัก ที่ยังค้างคาใจอยู่ เราจะได้เดินหน้าผลักดันรัฐธรรมนูญที่มีความเป็นประชาธิปไตยร่วมกัน คือประเด็นแรก เว้นเรื่องหมวด 1 และ 2 แล้ว หมวดที่ 3 เป็นต้นไป จะเสนอแก้ไขได้ทั้งฉบับหรือไม่ โดยไม่มีการลดเป็นการแก้ไขรายมาตรา ยืนยันได้หรือไม่ว่าไม่มีการล็อกว่าประเทศนี้ต้องใช้ระบบรัฐสภาคู่ หรือสภาเดี่ยว ยืนยันได้หรือไม่ว่าจะไม่มีการล็อกจากองค์กรอิสระว่าแบบไหนทำได้หรือทำไม่ได้ </p>
<p>พริษฐ์ ระบุต่อว่า ต่อมาคือเรื่องของการจัดทำรัฐธรรมนูญ ฉบับใหม่ ในส่วนของการไม่แก้ไข หมวด 1 และ 2 รองนายกฯ เคยชี้แจงแล้วและยืนยันอีกครั้งแล้วว่าจะล็อกไม่ให้มีการแก้ไข เนื่องจากประชาชนไม่อยากแก้ไข ตนคงไม่ตั้งคำถามว่าพิสูจน์ได้อย่างไร แต่อยากถามว่า หากประชาชนหรือบุคคลที่ไม่ใช่ประชาชนทั่วไป ประสงค์อยากแก้ไขข้อความในหมวด 1 หรือ 2 ที่ไม่ได้ไปกระทบต่อรูปแบบของรัฐ หรือกระทบต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ไม่ทราบว่ารัฐบาลจะตอบพวกเขาอย่างไร ที่ห้ามแม้กระทั่งไม่ให้มีการเสนอความเห็นของเขา หรือเสนอการแก้ไขบางข้อความ</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">'ภูมิธรรม' ย้ำตั้ง คกก.เป็นกระดุมเม็ดแรกที่ถูกต้อง</span></h2>
<p>ภูมิธรรม ระบุต่อว่าอยากแสดงความคิดเห็นซึ่งอาจจะแตกต่าง มองว่าสิ่งที่ทำตอนนี้เป็น “การติดกระดุมเม็ดแรก” ที่ถูกต้องแล้ว เพราะกระดุมเม็ดแรกคือกระดุมที่พยายามดึงทุกส่วนมาคุยยืนยันอีกครั้งหนึ่ง</p>
<p>รองนายกฯ ระบุว่า การเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ไม่ผ่าน 4 ครั้งแรก อาจจะเป็นเพราะว่าเรายังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน และกระดุมเม็ดแรกคือการตั้งคณะกรรมการ และพยายามรับฟังทุกส่วนอีกครั้ง เพื่อสรุป และคาดว่าไม่ใช้เวลานาน วางไว้ประมาณ 3 เดือน เพื่อหารือกับคณะกรรมการที่เกี่ยวข้อง</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">ยืนยัน คกก.ไม่เป็นตรายาง</span></h2>
<p>ประเด็นที่ 2 จะรับปากได้หรือไม่ ว่าคณะทำงานนี้จะไม่ได้เป็นตรายาง รัฐบาลรับรองด้วยเกียรติ และต้องให้เกียรติตัวแทนจากหลายส่วน และล้วนเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง เป็นทั้งอดีต กกต. อดีตคณบดี ผู้ทรงคุณวุฒิจากสาขาต่างๆ หรือผู้แทนวิชาชีพต่างๆ ทุกคนเข้ามาเพื่อดูว่ารัฐธรรมนูญใหม่จะคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ และรายละเอียดเกี่ยวกับเขาอย่างไร ผมอยากให้มองให้ภาพมันกว้างขึ้น ยอมรับในความเห็นที่แตกต่างกัน ผมคิดว่าการจะให้เรารับรองสิ่งที่ท่านคิด และต้องดำเนินการ</p>
<p>ภูมิธรรม ย้ำว่า สิ่งที่ต้องทำในเชิงหลักการคือ เราต้องทำรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องทำตามจุดยืน 2 ข้อที่พรรคก้าวไกลเสนอ สิ่งที่เรากำลังทำขณะนี้คือการทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น ดูจากความเป็นจริง และหาทาง เราอยู่ในสภา มันต้องการตกลงและทำความเข้าใจ เพราะทุกคนต่างมาจากคนละวิชาชีพ และคนละส่วน การที่ทำให้ทุกส่วนมาคุยกันเป็นหนทางที่ดีที่สุดในการแก้ไขอุปสรรคที่เป็นปัญหาของประเทศ โดยไม่สร้างความขัดแย้งใหม่ และตนเสียใจที่พรรคก้าวไกล ไม่เข้าร่วมคณะกรรมการศึกษาฯ ที่จัดตั้งขึ้น </p>
<p>ภูมิธรรม ระบุต่อว่า คณะกรรมการฯ ถูกตั้งขึ้นเพื่อความโปร่งใส การเข้ามาของพรรคก้าวไกล น่าจะเป็นเรื่องที่ดีกว่า อย่างไรก็ตาม ตนไม่ขัดข้อง และเชิญพรรคก้าวไกล หรือพรรคเล็กๆ อื่นๆ เข้ามาร่วมหารือต่อไป รวมถึงสื่อมวลชน หรือองค์กรภาครัฐทั้งหมด เปิดช่องทางให้แสดงความคิดเห็น </p>
<p>ภูมิธรรม ระบุต่อว่า การทำงานคณะกรรมการฯ ใช้เวลาประมาณ 3 เดือน ซึ่งการช้าไปแค่ 3 เดือน แต่ได้ความเห็นที่กว้างขวางขึ้น ตนว่าน่าจะเป็นประโยชน์มากกว่า และถ้าเราทำตามจุดยืนของพรรคก้าวไกล พรรคอื่นๆ ก็จะตั้งคำถาม และจะเกิดเป็นความขัดแย้ง เพราะฉะนั้น การหาจุดร่วม และพยายามผลักดันร่วมกัน จะเป็นหนทางที่ดีที่สุด นั่นคือกระดุมเม็ดแรกของเรา เราจะทำให้มันได้ผล และ 4 ปีนี้ได้ผล เสนอแล้วต้องผ่าน ไม่ใช่พิจารณาแล้วตกไปเหมือนที่ผ่านมา</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">ถาม สสร. จากเลือกตั้ง 100% หรือไม่</span></h2>
<p>พริษฐ์ กล่าวต่อว่า ชี้แจงเร็วๆ 2 ประเด็น ประเด็นเรื่องความกังวลของผมไม่ใช่เรื่องกรอบเวลาของคณะกรรมการศึกษาฯ แต่ที่ห่วงกังวล และยังไม่ได้รับคำตอบคือกรอบคิด หรือหลักการที่คณะกรรมการศีกษาฯ ยึดถือ </p>
<p>ประเด็นที่สองที่อยากจะชี้แจงคือความเห็นของประชาชน ที่อาจจะเหมือน หรือแตกต่างกัน จุดยืนของผม และพรรคก้าวไกล นี่เป็นเรื่องปกติที่จะต้องสอบถามก่อนตอบตกลงเข้าคณะกรรมการใดคณะกรรมการหนึ่ง หรือท้ายสุดแล้ว กรอบการทำงานขั้นพื้นฐาน หรือแนวคิดการทำงานที่คณะกรรมการศึกษาฯ จะยึดถือนั้นคืออะไร ผมถือว่ากระบวนการนี้เป็นการสอบถามด้วยเหตุด้วยผล ไม่ได้เป็นการไม่ให้เกียรติแต่อย่างใด เพื่อประกอบการตัดสินใจของพรรคก้าวไกล</p>
<p>สุดท้าย คือเรื่องจุดยืนพรรคก้าวไกล ต้องมาจาก ส.ส.ร. ที่มาจากการเลือกตั้ง 100% เราไม่ต้องการให้ สสร.ถูกผูกขาดโดยฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด แต่เป็นกระจกที่สะท้อนความหลากหลายในสังคม ผมคิดว่าวิธีที่ตีที่สุดคือ ไม่ควรมี สสร.ที่มาจากการแต่งตั้ง เนื่องจากอาจจะสุ่มเสี่ยงถูกแทรกแซงจากภายนอก แต่การเลือกตั้ง จะทำให้ได้ตัวแทนมาจากประชาชนทุกชุดกลุ่มความคิดที่มีอยู่ในสังคม ตามสัดส่วนที่มีอยู่ในสังคม </p>
<p>พริษฐ์ ระบุต่อว่า สำหรับคนที่กังวลประเด็นที่ว่า การเลือกตั้ง สสร.ให้มาจากการเลือกตั้ง 100% อาจทำให้ไม่มีที่ยืนของผู้เชี่ยวชาญทางด้านกฎหมายเลยหรือไม่นั้น ขอตอบว่า สสร.มาจากการเลือกตั้ง 100% แต่ สสร. สามารถเปิดพื้นที่ตั้ง กมธ. เพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายนั้น ที่อาจจะไม่ประสงค์ลงสมัครรับเลือกตั้ง เข้ามาเป็น กมธ. ให้คำแนะนำ หรือช่วยยกร่างได้ แต่การตัดสินใจต้องมาจาก สสร. ซึ่งเป็นตัวแทนของประชาชน </p>
<p>คำถามสุดท้าย สสร. ยืนยันว่ามาจากการเลือกตั้ง 100 % หรือ คกก.ชุดนี้จะมีการหารือรายละเอียดปลีกย่อย สสร. ที่มาจากการเลือกตั้งหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นจำนวนสมาชิก กรอบระยะเวลาทำงาน หรือรูปแบบวิธีการเลือกตั้ง หรือ คกก.ชุดนี้มีอำนาจในการพิจารณาลดทอน สสร. ที่มาจากการเลือกตั้ง 100% ที่เสียงส่วนใหญ่ของรัฐสภาเคยสนับสนุนก่อนหน้านี้ ให้กลายเป็น สสร. ที่มีส่วนผสมของการแต่งตั้ง</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">รองนายกฯ ตอบไม่ชัด สสร. 100% หรือไม่</span></h2>
<p>รองนายกรัฐมนตรี กล่าวตอบว่า คณะรัฐมนตรีมีจุดมุ่งหมายในการร่างให้ประชาชนมีส่วนร่วมมากที่สุด ซึ่งตรงนี้เป็นความปรารถนาของรัฐบาล และจะมีทุกวิชาชีพเข้ามาให้ความเห็น ตั้งแต่เกษตรกร สื่อมวลชน หรือสมาคมหลายภาคส่วน ยืนยันว่ารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่จะทำ จะทำให้ดีที่สุด เป็นประชาธิปไตยที่สุด และทำให้ประชาชนมีส่วนร่วมมากที่สุด ให้เป็นรัฐธรรมนูญที่ผ่านการพิจารณาจากข้อบังคับตามกฎหมายทั้งหมด เพื่อทำให้ประเทศหลุดออกจากกรอบปัญหารัฐธรรมนูญปี 2560 
 </p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/10/106222
 
4960  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - สาวสั่งเค้กแบบเห็ดๆ รีเควสขอที่กินได้ วันรับของถึงกับอึ้ง ย้อนอ่านแชททำตรงบรี เมื่อ: 06 ตุลาคม 2566 02:50:39
สาวสั่งเค้กแบบเห็ดๆ รีเควสขอที่กินได้ วันรับของถึงกับอึ้ง ย้อนอ่านแชททำตรงบรีฟเป๊ะ!
         


สาวสั่งเค้กแบบเห็ดๆ รีเควสขอที่กินได้ วันรับของถึงกับอึ้ง ย้อนอ่านแชททำตรงบรีฟเป๊ะ!" width="75" height="75
&nbsp;&nbsp;ร้านเค้กที่จริงใจ ทำตรงบรีฟลูกค้าเป๊ะ
         

https://www.sanook.com/news/9064014/
         
หน้า:  1 ... 246 247 [248] 249 250 ... 1128
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 1.235 วินาที กับ 26 คำสั่ง

Google visited last this page 04 กันยายน 2566 02:32:26