หัวข้อ: หลวงปู่พระสมุห์ดี วัดบ้านนางใย ต.ตลาด อ.เมือง จ.มหาสารคาม เริ่มหัวข้อโดย: ใบบุญ ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2561 16:22:22 (http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/27230675352944_view_resizing_images_1_.jpg) หลวงปู่พระสมุห์ดี วัดบ้านนางใย ต.ตลาด อ.เมือง จ.มหาสารคาม "พระครูวินัยรสฤดี" หรือ "หลวงปู่พระสมุห์ดี" วัดบ้านนางใย ต.ตลาด อ.เมือง จ.มหาสารคาม เป็นพระเถระชื่อดังสืบสายธรรมจากหลวงปู่พิมพ์ หรือพระครูโยคีอุทัยทิศ แห่งวัดบ้านนางใย ถือเป็นศิษย์เอกได้รับการถ่ายทอดวิทยาคมจากหลวงปู่พิมพ์อย่างครบถ้วนรอบด้าน มีนามเดิมว่า ดี ชมพูพาน เกิดปี พ.ศ.2420 ณ บ้านนางใย ต.ตลาด อ.เมือง จ.มหาสารคาม ชีวิตในวัยเยาว์ ช่วยงานไร่งานนา ครอบครัวด้วยความขยันขันแข็งตามวิถีชีวิตของชาวชนบทอีสาน เมื่ออายุได้กว่าสิบปี ด้วยความที่มีจิตใจโน้มเอียงเข้าหาพระธรรมจึงขอให้บิดานำท่านไปบรรพชาที่วัดบ้านนางใย เมื่ออายุ 20 ปีบริบูรณ์ เข้าพิธีอุปสมบท โดยมีพระครูโยคีอุทัยทิศ หรือหลวงปู่พิมพ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ อยู่จำพรรษาที่วัดบ้านเกิด เนื่องจากวัดบ้านนางใย ในสมัยนั้นเป็นสำนักเรียนใหญ่ และวัดอยู่ในความอุปการะของพระเจริญราชเดช (อุ่น ภวภูตานนท์ ณ มหาสารคาม) เจ้าเมืองคนที่ 3 มุมานะศึกษาพระปริยัติธรรม เรียนมูลกัจจายน์ เรียนหนังสือไทย อักขระโบราณ จนแตกฉานในเวลาอันรวดเร็ว ด้วยความเป็นพระหนุ่มสมองดีเรียนเก่ง จึงได้รับการแต่งตั้งเป็นครูสอนพระปริยัติธรรม ประจำสำนักเรียนวัดบ้านนางใย เป็นผู้มีความสนใจในด้านวิทยาคม ได้ฝากตัวเป็นศิษย์กับพระครูโยคีอุทัยทิศ ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์ พระอุปัชฌาย์ เมตตาถ่ายทอดวิทยาคมให้จนหมดสิ้น โดยเฉพาะด้านแคล้วคลาด เมตตามหานิยมและกันบ้านกันเมือง ต่อมา ได้รับการแต่งตั้งเป็นพระสมุห์ ในฐานานุกรมของพระครูโยคีอุทัยทิศ สนองงานท่านพระครูโยคีอุทัยทิศ ได้ทุ่มเทพัฒนาการเรียนการสอนพระปริยัติธรรมอย่างเต็มที่ พ.ศ.2465 พระครูโยคีอุทัยทิศ ได้ถึงแก่มรณภาพ แต่วัดบ้านนางใย ยังคงอยู่ในศรัทธาญาติธรรมไม่เปลี่ยนแปลง เนื่องจากหลวงปู่พระสมุห์ดีเป็นผู้สืบสายธรรมพระครูโยคีอุทัยทิศต่อ เป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ มีเมตตาธรรมสูง มุ่งวิปัสสนากัมมัฎฐาน ครองตนอยู่ในผ้ากาสาวพัสตร์อย่างสมถะเสมอต้นเสมอปลายเจริญรอยตามพระครูโยคีอุทัยทิศ ทำให้หลวงปู่พระสมุห์ดี มีชื่อเสียงโด่งดังอยู่ในศรัทธาพี่น้องชาวอีสานอย่างรวดเร็ว มีวัตรปฏิบัติเป็นประจำภายหลังออกพรรษา คือ การออกธุดงค์ไปตามป่าเขาลำเนาไพรหลายแห่งในภาคอีสาน เพื่อแสวงหาความหลุดพ้นตามรอยพระตถาคต ต่อมา ได้รับการยกย่องว่าเป็นพระกัมมัฏฐานรูปหนึ่งที่กราบไหว้ได้อย่างสนิทใจ ในแต่ละวันจะมีญาติโยมจากทั่วสารทิศมากราบนมัสการรับฟังธรรมจากหลวงปู่อย่างล้นหลาม ปัจจัยที่ได้จากการบริจาคจากศรัทธาญาติโยม นำมาพัฒนาสร้างความเจริญให้กับวัด ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง เจ้าอาวาสและเป็นพระอุปัชฌาย์ นอกจากนี้ยังได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรที่พระครูวินัยรสฤดี และได้รับตำแหน่งเป็นเจ้าคณะอำเภอเมืองมหาสารคาม ช่วงบั้นปลายของชีวิต สังขารหลวงปู่เริ่มโรยรา สุดท้ายหลวงปู่ได้มรณภาพอย่างสงบ ด้วยโรคชรา ในปี พ.ศ.2493 สิริอายุ 73 พรรษา 53 ข่าวสดออนไลน์ |