[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => ห้องวิปัสสนา - มหาสติปัฏฐาน 4 => ข้อความที่เริ่มโดย: phonsak ที่ 04 พฤศจิกายน 2553 15:29:50



หัวข้อ: อายตนะนิพพาน มีทั้งอายตนะภายนอก=เมืองนิพพาน และอายตนะภายในนิพพาน=ธรรมกาย
เริ่มหัวข้อโดย: phonsak ที่ 04 พฤศจิกายน 2553 15:29:50
อายตนะนิพพาน มีทั้งอายตนะภายนอก=เมืองนิพพาน และอายตนะภายในนิพพาน=ธรรมกาย


อ้างถึง
พระพุทธเจ้ทรงตรัสว่า

ดูกรภิกษุ
ทั้งหลาย อายตนะนั้นมีอยู่ ดิน น้ำ ไฟ ลม อากาสานัญจายตนะ
วิญญาณัญจายตนะ อากิญจัญญายตนะ เนวสัญญานาสัญญายตนะ โลกนี้ โลกหน้า
พระจันทร์และพระอาทิตย์ทั้งสอง ย่อมไม่มีในอายตนะนั้น

คือนิพพาน

สรุปคือ  นิพพานไม่เป็นทั้งมี  และ  ไม่มี

แล้วจะเป็นตัวตน  หรือ  อัตตาได้อย่างไร


ตอบ


ที่คุณสรุปนั่น  คุณคิดเอง เออออเองนะครับ  และคุณก็ยังเข้าไม่ถึงธรรม  ปัญญาจึงยังไม่เกิด  จะไปมั่วแบบนั้นไม่ได้

นิพพานไม่เป็นทั้งมี  และ  ไม่มี  พูดอย่างนั้นไม่ได้ครับ  เพราะทุกอย่างในโลกและจักรวาลที่คุณรับรู้โดยอายตนะทั้ง 5 ของคุณ มันไม่เคยมีอยู่  แต่คุณไปคิดเอาเองว่ามันมี  พระพุทธเจ้าจึงเรียกว่า อัตตานุทิฎฐิ อุปทาน และอนัตตา

ส่วนสิ่งที่มีตัวเดียว อันเดียว คือ นิพพาน สิ่งนี้เป็นอัตตา คุณกลับไปบอกว่ามันไม่มี

ตัวตน(อัตตา) ของพระพุทธเจ้า = สิ่งใดที่เที่ยง ไม่เป็นทุกข์ ไม่มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา

ธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ อากาสานัญจายตนะ วิญญาณัญจายตนะ อากิญจัญญายตนะ เนวสัญญานาสัญญายตนะ  พวกนี้ มันล้วนเป็นสิ่งที่ไม่เที่ยง มีแต่ทุกข์และแปรปรวน เกิดแก่เจ็บตาย   มันจะไปอยู่ในนิพพานและอายตนะนิพพานได้อย่างไร

นอกจากนี้ คุณจะยัดเยียด และบอกว่า นิพพานที่ไม่มีธาตุที่ไม่เป็นอมตะ หรือไม่มีแต่ธาตุแห่งอนัตตา เป็นสิ่งที่ไม่มี มันไม่ถูกนะครับ ธาตุที่เป็นอมตะและเป็นอัตตานั้น "มีอยู่"  เราจะรู้เห็นและรับรู้ได้ด้วย...จิตที่บริสุทธิ์ขั้นโสดาบันหรือกว่านั้นขึ้นไปเท่านั้น  คุณจึงจะรู้วาสิ่งนั้นมี

ดิน น้ำ ลม ไฟ  = รูปธาตุ
อากาสานัญจายตนะ วิญญาณัญจายตนะ อากิญจัญญายตนะ เนวสัญญานาสัญญายตนะ = อรูปธาตุ
นิพพาน และอายตนะนิพพาน= ทางสายกลางระหว่างรูปและอรูปต่างๆ  ไว้ผมจะนำหลักฐานมาให้ดูวันหลัง

หลวงปู่ดุลย์กล่าวว่า:

“จิตของเรานั้น ถ้าเราทำความสงบเงียบอยู่จริงๆ เว้นขาดจากการคิดนึก ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวของจิตแม้แต่น้อยที่สุดเสียให้ได้จริงๆ ตัวแท้ของมันจะปรากฏออกมาเป็นความว่าง     แล้วเราจะได้พบว่า มันเป็นสิ่งที่ปราศจากรูป ...เพราะเหตุที่สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เรารู้สึกไม่ได้โดยทางอายตนะ

นิพพาน และอายตนะนิพพาน เป็นสิ่งที่เรารู้สึกไม่ได้โดยทางอายตนะ  จะรู้เห็นและรับรู้ได้ด้วยจิตที่บริสุทธิ์ขั้นโสดาบันหรือกว่านั้นขึ้นไปเท่านั้น  คุณจึงจะรู้วาสิ่งนั้นมี

ตัวแท้ของมันจะปรากฏออกมาเป็นความว่าง นี่แหละคือ นิพพานจิต ซึ่งนิรมิตอายตนะนิพพานภายใน(ธรมกาย) ขึ้นมารองรับ เพื่อไปอยู่ในแดนพระนิพพาน(อายตนะภายนอกนิพพาน)

หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต เล่าว่านิพพานไม่สูญ:

(นิพพาน)เป็น แดนของวิสุทธิเทพคือผู้เป็นพระอรหันต์ ที่ละลายกายทิพย์หมดสิ้นแล้วเหลืออยู่แต่จิตสุขใสเป็นดวงประกายพรึกพระ อรหันต์สถิตย์อยู่ในแดนพระนิพพานนั้น.......

ไม่ใช่กายทิพย์ธรรมดาเหมือนโอปปาติกะทั้งหลาย กายทิพย์ หรือ ธรรมกาย ของพระอรหันต์ในแดนนิพพานเป็นกายทิพย์ที่นฤมิตขึ้นด้วยธรรม

ไม่ได้เกิดขึ้นเองเป็นเองโดยธรรมชาติของโลกวิญาณ ร่างธรรมกายของพระอรหันต์เป็นทิพย์ละเอียดใสสะอาดใสเป็นประกายคล้ายแก้วประกายพรึก มีรัศมีสว่างไสวมากกว่าพระพรหมอย่างเทียบกันไม่ได้เลย มีความสุขที่สุดอย่างไม่มีอะไรเปรียบเทียบเพราะความรู้สึกอื่นไม่มี  มีแต่จิตสงเคราะห์


สรุป


จิตอรหันต์บริสุทธิ์ที่ว่างจากความคิดปรุงแต่งทั้งปวง ได้นิรมิตกายธรรม หรือ ธรรมกาย ขึ้นมาอาศัยอยู่ในแดนนิพพาน  ซึ่งไม่มี ธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ อากาสานัญจายตนะ วิญญาณัญจายตนะ อากิญจัญญายตนะ เนวสัญญานาสัญญายตนะ  เพราะธาตุพวกนี้ มันล้วนเป็นสิ่งที่ไม่เที่ยง จะไปอยู่ในอายตนะนิพพานได้อย่างไร

อายตนะนิพพาน ทั้งอายตนะภายนอกและภายใน อายตนะภายนอก=เมืองนิพพาน, อายตนะภายในนิพพาน=ธรรมกาย  สิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดขึ้นจากจิตสงเคราะห์ หรือ จิตนิรมิตให้เกิดขึ้น