[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
16 พฤษภาคม 2567 01:09:42 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: การลงทัณฑ์หฤโหด ในซีกโลกตะวันตกโบราณ  (อ่าน 5616 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ใบบุญ
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 12
*

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 2334


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 9.0 MS Internet Explorer 9.0


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 04 สิงหาคม 2556 11:28:44 »

.

http://static.cdn.thairath.co.th/media/content/2010/07/10/95193/hr1667/630.jpg
การลงทัณฑ์หฤโหด ในซีกโลกตะวันตกโบราณ


http://static.cdn.thairath.co.th/media/content/2010/07/10/95193/o4/420.jpg
การลงทัณฑ์หฤโหด ในซีกโลกตะวันตกโบราณ

การโบยด้วยแส้

การลงโทษลงทัณฑ์ให้ต้องทรมานสุดสาหัสนั้นมีมานานนับพันปีในอดีตกาลแล้ว โดยเฉพาะในซีกโลกตะวันตก  ซึ่งจะขอนำมาเล่าในที่นี้
 
อย่างแรก ได้แก่ การฉีกแข้งฉีกขา  (rack torture)  ซึ่งมีขึ้นตั้งแต่กรีกโบราณที่ใช้ในการทรมานทาส  โดยกรีกมองเห็นทาสเป็นเหมือนมิใช่มนุษย์ จะลงโทษลงทัณฑ์ให้โหดสุดๆ แค่ไหนก็ทำได้ จึงนำมาพันธนาการด้วยการเอาเชือกรั้งแขนขาแล้วดึงออกมาทั้งสี่ทิศ ซึ่งอาจใช้รอกดึงหรือใช้ ม้าลากก็ได้ ค่อยๆ ดึงแบบช้าๆ เพื่อเพิ่มความเจ็บปวดให้นักโทษหรือทาสทีละน้อย  กระทั่งแขนขาเริ่มฉีกขาดออกจากตัว  คิดดูละกันว่าผู้ถูกทรมานจะร้องโหยหวนดังและนานเพียงใดกว่าจะสิ้นชีพ
 
เรื่องนี้   ดร.ไมค์   เอ็ดวาร์ด   ศัลยแพทย์กระดูก ให้ความเห็นว่า"เรามักจะคิดว่านักโทษเจ็บปวดจากการที่เอ็นและกล้ามเนื้อฉีกขา แต่ที่จริงแล้วสองอย่างนี้ สามารถยืดตัวได้ยาวและรับแรงดึงได้ดี  กลับเป็นส่วนกระดูกที่เราคิดว่าแข็งแรงแต่มันจะแตกร้าว และเป็นส่วนที่โดนฉีกขาดไปจากลำตัว  ทั้งนี้เพราะในกระดูกนั้นมีส่วนที่เป็นแผ่นเนื้อเยื่อที่เกิดใหม่ และอ่อนแอที่สุด"

ดังนั้น  จึงสรุปได้ว่า  การฉีกแข้งฉีกขาโดยเพิ่มแรงดึงช้าๆทีละน้อยนั้น  เส้นเอ็นจะไม่เสียหายมากนัก  หากแต่กระดูกจะแตกทำลาย  ส่วนในกรณีที่ใช้วิธีกระชากโดยแรงเส้นเอ็นจะขาดกระจุย  โดยกระดูกจะคงอยู่ได้


http://static.cdn.thairath.co.th/media/content/2010/07/10/95193/o5/420.jpg
การลงทัณฑ์หฤโหด ในซีกโลกตะวันตกโบราณ


http://static.cdn.thairath.co.th/media/content/2010/07/10/95193/o6/420.jpg
การลงทัณฑ์หฤโหด ในซีกโลกตะวันตกโบราณ

วลัด นั่งดื่มกินอย่างสบายใจ ท่ามกลางหมู่คนที่โดนเสียบ
 
 
การลงทัณฑ์มหาโหดที่ 2 คือ ห่อหุ้มตัวด้วยเชื้อเพลิงแล้วเผาให้กลายเป็นมนุษย์ติดไฟ (human fireball) โลกโรมันโบราณมีวิธีการหาความบันเทิงโดยเอามนุษย์มาจุดติดไฟวิ่งไปมาภายในสนาม มหรสพ หรือ แอมฟิเธียเตอร์ (Amphitheatre) ที่มีอยู่ทั่วอาณาจักรโรมัน  โดยผู้ที่โปรดปรานการได้ดูได้ชมมากที่สุดก็คือ จักรพรรดิเนโร (Nero) ผู้โด่งดังอื้อฉาวนั่นเอง  มีบันทึกเมื่อศตวรรษที่ 1 โดยกวี  ลูซิลลิอุส   (Lucillius)  ว่าเนโรได้นำเอาวิธีการเผามนุษย์หรือเรียกกันว่า ตูนิกา โมเลสตา (Tunica Molesta)  มาจากตำนานเทพเจ้าตอนที่  เฮอร์คิวลิส  (Hercules)  ผู้ทรงพลัง ต้องม้วยมรณาด้วยยาพิษร้ายแรงชนิดหนึ่ง  เมื่อเฮอร์คิวลิสดื่มยาพิษนี้เข้าไป เนื้อภายในร่างก็ถูกเผาผลาญไปจนถึงกระดูก  ความเจ็บปวดรวดร้าวนั้นเกินทน  จนเฮอร์คิวลิสต้องใช้ไฟเผาร่างตนเอง
 
สำหรับในโรงมหรสพแอมฟิเธียเตอร์ของโรมันนั้นคาดว่านักโทษคงถูกหุ้มร่างด้วยผ้าลินินแล้วชโลมด้วยน้ำมันไวไฟแนพธา  (naptha) จนชุ่ม  เมื่อจุดไฟก็จะลุกพรึบท่วมร่างนักโทษ ความร้อนจะทำให้เหยื่อผู้เคราะห์ร้ายต้องลุกวิ่งทุรนทุรายร้องโหยหวนไปรอบสนาม  สร้างความตื่นเต้นสุดๆ แก่ทั่นผู้ชม


http://static.cdn.thairath.co.th/media/content/2010/07/10/95193/o7/420.jpg
การลงทัณฑ์หฤโหด ในซีกโลกตะวันตกโบราณ

วลัดจอมเสียบ

เรื่องนี้ สก็อต แม็คอินไทร์ ผู้เชี่ยวชาญการทำดอกไม้ไฟ ให้ความเห็นว่า จักรพรรดิเนโรอาจใช้วัสดุประเภทขี้ผึ้งใส่เพิ่มเติมลงไปในชุดตูนิกา โมเลสตา  เพื่อให้มีเชื้อเพลิงมากขึ้นและสามารถ ยืดระยะเวลาการติดไฟของมนุษย์บอลล์เพลิงได้  เพราะถ้าใช้เพียงแต่แนพธา  ก็จะมอดไหม้ในแค่ 1 นาที แต่ขี้ผึ้งจะยาวนานไปอีก 3 เท่าตัว  ไหม้ลึกลงไปถึงใต้ผิวหนังและสร้างความเจ็บปวดมหาศาล


http://static.cdn.thairath.co.th/media/content/2010/07/10/95193/o8/420.jpg
การลงทัณฑ์หฤโหด ในซีกโลกตะวันตกโบราณ

ลูกแพร์ สุดทรมาน

การลงโทษแบบที่ 3 คือ โบยด้วยแส้  (whipping)  ซึ่งเป็นแบบที่ใช้กันกว้างขวางทั่วโลก  และโรมันโบราณก็มีชื่อลือเลื่องในเรื่องนี้ จากการเฆี่ยนตี จีซัส ไครสท์ หรือ พระเยซู ไปตลอดเส้นทางที่ไปสู่สถานที่ตรึงไม้กางเขน
 
แส้ธรรมดาๆนั้นก็สร้างความเจ็บปวดอยู่แล้ว แต่ก็ยังมีการออกแบบให้มีตะขอคมๆติ ดไว้เป็นพวงที่ปลายแส้อีกด้วย  ยามที่ตะขอเกี่ยวลึกลงไปในเนื้อแล้วกระชากกลับนั่นก็จะดึงเอาเนื้อหนังกระจุยขาดวิ่นจนเลือดกระฉูด  ดังนั้น  จึงมีกฎข้อหนึ่งซึ่งอาณาจักรโรมันกำหนดไว้ คือ ให้เฆี่ยนได้ไม่เกิน 40 ครั้ง  เพราะถ้าเกินกว่านี้นักโทษจะทนไม่ไหวและตายคาหลักที่มัดไว้
 
แบบที่ 4 ยัดปากด้วยลูกแพร์สุดทรมาน (Pear of anguish)  ลูกแพร์ที่ว่านี้ทำด้วยเหล็ก ประกอบด้วยกลีบ 4 กลีบ โดยมีเกลียวอยู่ตรงกลางภายใน รูปร่างลักษณะและขนาดละม้ายคล้ายผลแพร์ แต่เมื่อบิดก้านที่เป็นด้ามจับ กลีบทั้งสี่ก็จะขยายบานออกช้าๆ กว้างกว่าเดิมถึง 3 เท่า

ลูกแพร์เหล็กมีใช้ตั้งแต่สมัยยุคกลางในยุโรป เมื่อเอาใส่ปากนักโทษแล้วกลีบขยายออกก็ลองนึกภาพดูว่าสยดสยองแค่ไหน นอกจากปากฉีกและฟันแตกหักแล้ว มันยังปิดกั้นช่องทางหายใจด้วย

ดร.แคเธอรีน อดัมส์ ทันตแพทย์หญิง กล่าวว่า สิ่งแรกที่เกิดขึ้นกับนักโทษผู้เคราะห์ร้ายก็คือฟัน แรงดันจากกลีบทั้งสี่นั้นทำให้ฟันบางซี่ แตกร้าว และฟันก็เป็นส่วนที่มีเส้นประสาทเชื่อมต่ออยู่มากมาย  นักโทษจึงเจ็บปวดแสนสาหัส  และเมื่อกลีบยังคงขยายกว้างขึ้นอีกก็จะไปดันเหงือกและกราม กลีบและฟันจะกดกรามด้านใน และดันออกไป...ออกไป  กระทั่งในที่สุดฟันกรามก็หลุดจากเหงือก

ถัดจากนั้นเหงือกก็จะอักเสบและบวมเป่ง เหงือกด้านในจะปิดกั้นช่องอากาศ การหายใจก็ลำบากเข้าทุกที  ทำให้ได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ เมื่อเลือดขาดการส่งออกซิเจนไปเลี้ยงสมอง  และหัวใจก็จะเกิดสภาวะหัวใจล้มเหลว...นำไปสู่ความตายอย่างรวดร้าวยิ่ง


http://static.cdn.thairath.co.th/media/content/2010/07/10/95193/o9/420.jpg
การลงทัณฑ์หฤโหด ในซีกโลกตะวันตกโบราณ

เครื่องฉีกแข้งฉีกขา

http://static.cdn.thairath.co.th/media/content/2010/07/10/95193/o10/420.jpg
การลงทัณฑ์หฤโหด ในซีกโลกตะวันตกโบราณ

การเผาทั้งเป็น

แบบที่ 5 การเผาทั้งเป็น (burning at stake) ยาวนานกว่า 700 ปีในช่วงสมัยยุคกลางของยุโรป ความหวาดหวั่นพรั่นพรึงได้บังเกิดขึ้นจากการลงโทษทัณฑ์ของศาสนจักรโรมันคาทอลิก ที่มีต่อผู้คน ซึ่งขาดศรัทธาในคริสต์ศาสนา เขาเหล่านั้นมีบาปหนักที่ต่อต้านพระเจ้า  หลายหมื่นคนจึงถูกนำตัวไปมัดติดกับเสาเหล็กแล้วโดนเผาทั้งเป็น...อันนับเป็นความปรานียิ่งแล้วของทางโบสถ์  เพราะวิญญาณของเขายังมีโอกาสขึ้นสู่สวรรค์ได้ แทนที่จะต้องไปถูกเผาด้วยไฟนรก!?
 
ปี ค.ศ.1555  สาธุคุณ  จอห์น  ฮูเปอร์  (John Hooper) บิชอปแห่งกลอสเตอร์ ถูกเผาทั้งเป็นด้วยข้อหาอารยะขัดขืน ไม่ยอมเปลี่ยนจากการนับถือนิกายเชิร์ช ออฟอิงแลนด์  ไปเป็นคาทอลิก ท่านบิชอปยังคงมีสติในขณะที่เปลวไฟลุกไหม้รอบตัว  ท่านพร่ำสวดมนต์ไปเรื่อยๆ แม้เปลวไฟจะสูงจนถึงใบหน้าของท่าน กระทั่งใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีดำ  และลิ้นบวมจุกปาก  ท่านเปลี่ยนมาใช้มือทั้งสองทุบหน้าอกแทน  กว่าท่านจะหมดลมหายใจก็กินเวลานานถึง 45 นาที
 
เรื่องนี้  ดร.ไมค์ เอ็ดวาร์ด  ให้ความเห็นว่า ท่านน่าจะสิ้นใจไปก่อนหน้านี้แล้ว 45 นาทีนั้น  คงเป็นเวลาที่ใช้สำหรับเผาร่างของท่านให้มอดไหม้หมดไป  การที่ปากของท่านขยับอยู่ได้คงเนื่องมาจากกล้ามเนื้อหดตัว  จึงเกิดอาการกระตุก  เช่นกันกับข้อศอกก็มีการหดตัวจึงดูเสมือนว่าท่านทุบตีอกตนเอง
 
ทรมาทรกรรมแบบสุดท้าย สุดโหด ได้แก่ การเสียบทั้งเป็น (Impalement)ผู้ ที่เลื่องชื่อที่สุดในการเสียบทั้งเป็นมนุษย์ ตาดำๆ ด้วยกันก็คือ  วลัด  แดรกคูล่า  (Vlad Dracula)  ผู้ปกครองแคว้นวัลลาเชีย   (Wallachia) อยู่ในดินแดนที่เป็นประเทศโรมาเนียในปัจจุบัน ซึ่งตำนานความเหี้ยมโหดแห่งเขาผู้นี้ได้ถูกนำมาเป็นเรื่องราวสยองขวัญของจอมผีดิบดูดเลือดเคานท์แดรกคูล่า ซึ่ง แบรม สโตเกอร์ (Bram Stoker)  ประพันธ์ขึ้นนั่นเอง  ฉายาของท่านวลัด ก็คือ "วลัด จอมเสียบ (Vlad the Impaler)"
 
มีหลักฐานชัดเจนว่า หลาวที่วลัดนำมาใช้เสียบผู้คนนั้นทำจากต้นสน โดยวลัดจะมีทีมงานที่เรียกว่า แอมลาส (A mlas) ทำหน้าที่แสวงหาไม้สนที่มีลำตรงจากในป่า  พอตัดมาแล้วก็เหลาปลายให้แหลมเปี๊ยบ ปลายหนึ่งปักแน่นกับพื้นดิน อีกปลายหนึ่งชูตั้งเด่บนดิน  จากนั้นก็นำเหยื่อมาเสียบทะลุจากก้นขึ้นมาโผล่บนอก  หรือไม่ก็ทางปาก  เป็นที่น่าหวาดเสียวสยดสยองยิ่งนัก  นับเป็นความหฤหรรษ์สะใจของท่านวลัดที่จะได้เห็นมนุษย์ถูกเสียบร้องโหยหวนอยู่เป็นชั่วโมงๆ หรืออาจนานถึง 2 วัน...กว่าจะขาดใจตาย

ประวัติศาสตร์บันทึกว่าในปี ค.ศ.1462 ทัพใหญ่ของเติร์กได้ยกมาที่วัลลาเชีย และวลัดตั้งรับต่อสู้ แต่ด้วยไพร่พลน้อยกว่าฝ่ายเติร์ก เมื่อสู้ไม่ได้ ก่อนจะยอมตายวลัดได้สั่งให้เสียบมนุษย์ราว 20,000 คน! มีทั้งเชลยเติร์ก แต่ส่วนใหญ่แล้วเป็นราษฎรวัลลาเชียเอง!
 
ทีมงานนิตยสาร ต่วย'ตูน

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.368 วินาที กับ 31 คำสั่ง

Google visited last this page 10 ตุลาคม 2566 13:12:46