[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => พุทธประวัติ - ประวัติพระสาวก => ข้อความที่เริ่มโดย: ไอย ที่ 15 มีนาคม 2553 06:56:40



หัวข้อ: โอวาทก่อนปรินิพพาน Lecture before nirvana
เริ่มหัวข้อโดย: ไอย ที่ 15 มีนาคม 2553 06:56:40

“ดูกรภิกษุทั้งหลาย ! ครั้งก่อนแต่ตรัสรู้เมื่อเรายังเป็นโพธิสัตย์ยังไม่ตรัสรู้นั่นเทียว
ได้เกิดการปริวิตกขึ้นว่า อะไรหนอเป็นรสอร่อยในโลก อะไรเป็นโทษในโลก
อะไรเป็นอุบายเครื่องออกไปจากโลก ภิกษุทั้งหลาย ! ความรู้สึกได้เกิดขึ้นแก่เราว่า
สุข โสมนัสที่ปรารภโลกเกิดขึ้นนี้เองเป็นรสอร่อยในโลก โลกไม่เที่ยง ทรมาน
มีการเปลี่ยนแปลงเป็นธรรมดา นี่เองเป็นโทษในโลก การนำออกเสียสิ้นเชิง
ซึ่งความกำหนัดด้วยอำนาจเพลินในโลกนี่เอง ถ้าเป็นอุบายเครื่องออกไปจากโลกได้

ภิกษุทั้งหลาย !ตลอดเวลาเพียงไรที่เรายัง ไม่รู้ จักว่ารสอร่อยของโลกว่าเป็นรสอร่อย
ยังไม่รู้จักโทษของโลกว่าเป็นโทษ ยังไม่รู้จักเครื่องออกว่าเป็นเครื่องออกตามที่เป็นจริง
ตลอดเวลาเพียงนั้น เรายังไม่ได้ตรัสรู้พร้อมเฉพาะซึ่งอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ
ในโลกพร้อมทั้งเทวดา มาร พรหม หมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณะพราหมณ์ เทวดา
พร้อมทั้งมนุษย์ ภิกษุทั้งหลาย !

เมื่อใดแล เรา ได้รู้จักรสอร่อยของโลกว่าเป็นรสอร่อย รู้จักโทษของโลกว่าเป็นโทษ
รู้จักอุบายเครื่องออกว่าเป็นเครื่องออกตามที่เป็นจริง ด้วยอาการอย่างนี้ เมื่อ นั้น
เราได้ตรัสรู้พร้อมเฉพาะซึ่งอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณในโลกพร้อมทั้งเทวดา มาร
พรหม หมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณะพราหมณ์ เทวดา พร้อมทั้งมนุษย์ ก็แหละญาณทรรศนะ
เครื่องรู้เครื่องเห็นเกิดขึ้นแล้วว่า ความหลุดพ้นของเราไม่กำเริบชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย
บัดนี้ภพเป็นที่เกิดใหม่ไม่มีอีกดังนี้”
           
“ดูกรภิกษุทั้งหลาย  !พรหม จรรย์นี้เราประพฤติมิใช่เพื่อหลอกลวงคน
มิใช่เพื่อให้คนทั้งหลายมานับถือ มิใช่เพื่ออานิสงส์ลาภสักการะและความสรรเสริญ
มิใช่จุดมุ่หมายเพื่อเป็นเจ้าลัทธิและแก้ลัทธิอย่างนั้นอย่างนี้ มิใช่เพื่อให้ใครรู้จักตัวว่า
เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ที่แท้ พรหมจรรย์นี้เราประพฤติเพื่อสังวระ คือ ความสำรวม
เพื่อปหานะ คือ ความละ เพื่อวิราคะ คือ คลายความกำหนัดยินดี และเพื่อนิโรธะ
คือความดับทุกข์”           

“ดูกรภิกษุทั้งหลาย  ! ธรรมที่เราได้บรรลุแล้วนี้ลึกซึ้งเห็นได้ยาก รู้ตามได้ยาก
สงบประณีตมิใช่วิสัยแห่งตรรก คือคิดเอาไม่ได้หรือไม่ควรลงความเห็นด้วยการเดา
แต่เป็นธรรมที่บัณฑิตพอจะรู้ได้”

           “ดูกรภิกษุทั้งหลาย  ! จงดูกายอันนี้เถิด ฟันหัก ผมหงอก หนังเหี่ยวๆ ยานๆ
มีอาการทรุดโทรมให้เห็นอย่างเด่นชัด เหมือนเกวียนที่ชำรุดแล้วชำรุดอีก ได้อาศัยแต่
ไม้ไผ่มาซ่อมไว้ผูกกระหนาบคาบค้ำไว้จะยืนนานไปได้สักเท่าไร การแตกสลายย่อม
จะมาถึงเข้าสักวันหนึ่ง

ภิกษุทั้งลาย !พวกเธอจงมีธรรมเป็นที่เกาะที่พึ่งเถิด อย่าคิดถึงสิ่งอื่นเป็นที่พึ่งเลย
แม้ตถาคตก็เป็นเพียงผู้บอกทางเท่านั้น”

            “ดูกรภิกษุทั้งหลาย  !จง ดูกายอันเปื่อยเน่านี้เถิด มันอาดูรไม่สะอาด สิ่งสกปรก
มันไหลเข้าไหลออกอยู่เสมอ ถึงกระนั้นก็ตามมันยังเป็นที่พอใจปรารถนายิ่งนักของผู้ไม่รู้
ความจริงข้อนี้ ภิกษุทั้งหลาย ! ร่างกายนี้ไม่นานนักหรอกคงจะทับถมแผ่นดิน ร่างกายนี้
เมื่อปราศจากวิญญาณครองแล้ว ก็ถูกทอดทิ้งเหมือนท่อนไม้ที่ไร้ค่าอันเขาทิ้งเสียแล้วโดยไม่ใยดี”

           “ดูกรภิกษุทั้งหลาย  ! อันร่างกายนี้สะสมไว้แต่ของสกปรกโสโครก มีสิ่งปฏิกูล
ออกจากทวารทั้งเก้า มีช่องหู ช่องจมูก เป็นต้น เป็นที่อาศัยแห่งสัตว์เล็กสัตว์น้อย เป็นป่าช้า
แห่งซากสัตว์นานาชนิด เป็นรังแห่งโรค เป็นที่เก็บมูตรและกรีษ อุปมาเหมือนถุงหนังซึ่งบรรจุ
เอาสิ่งโสโครกต่างๆ เข้าไว้แล้วซึมออกมาเสมอๆ เจ้าของกานจึงต้องชำระล้างขัดถูวันละ
หลายๆครั้ง เมื่อเว้นจากการชำระล้างแม้เพียงวันเดียวหรือสองวัน กลิ่นเหม็นก็ปรากฏเป็น
ที่น่าขยะแขยง”
             “ดูกรภิกษุทั้งหลาย  ! ร่างกายนี้เป็นเหมือนเรือนซึ่งสร้างด้วยโครงกระดูก
มีหนังและเลือดเป็นฉาบทา ที่มองเห็นเปล่งปลั่งผุดผาดนั้น เป็นเพียงผิวหนังเท่านั้น
เหมือนมองเห็นความงามแห่งหีบศพอันวิจิตรตระการตา ผู้ไม่รู้ก็ติดในหีบศพนั้น แต่ผู้รู้
เมื่อทราบว่าเป็นหีบศพ แม้ภายนอกจะวิจิตรตระการตาเพียงไร ก็หาพอใจยินดีไม่
เพราะทราบชัดว่าภายในแห่งหีบอันสวยงามนั้นมีสิ่งปฏิกูลพึงรังกียจ”


หัวข้อ: Re: โอวาทก่อนปรินิพพาน Lecture before nirvana
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 15 มีนาคม 2553 12:22:06


(http://www.artofflower.com/product/SF055.jpg)
นำมาขอบคุณน้องไอย ใจดี   สำหรับการแบ่งปันเหล่านี้ค่ะ
สาธุ สาธุ สาธุ