ความลับ ความสุข ความสำเร็จ..ฉบับดอกเตอร์
ลายแทงความสำเร็จเริ่มต้นที่ "ใจ" ของ 8 คนเก่งระดับดอกเตอร์เมืองไทย
ฮาวทูความสุขความสำเร็จกลายเป็นคู่มือชีวิตที่หลายคนแสวงหา ล่าสุดหนังสือสุดยอดเดอะซีเคร็ต (The Meta Secret) เขียนโดย ดร.เมล กิลล์ และดนัย จันทร์เจ้าฉาย นำมาเรียบเรียง ขึ้นแท่นกลายเป็นหนังสือขายดิบขายดีอีกเล่มในเมืองไทย เรียบร้อยโรงเรียน"ดีเอ็มจีบุ๊คส์"..
ความลับเหนือโลกที่ ดร.เมล กิลล์ค้นพบ แท้จริงแล้วอาจจะอยู่ใกล้แค่เอื้อมในตัวของเรา นอกจากสุดยอดเดอะซีเคร็ตแล้ว แง่คิดการใช้ชีวิตที่ตกผลึกโดย 8 ดอกเตอร์ชั้นนำของเมืองไทยที่มาร่วมสนทนาแลกเปลี่ยนมุมมองความสำเร็จในงานเปิดตัวหนังสือเมื่อเร็วๆ นี้ จึงล้วนเป็นความลับว่าด้วยหลักบริหารใจเข้ามาเกี่ยวข้องทั้งสิ้น
"ความสำเร็จอยู่ที่ใจของเรา ถ้าเราตั้งไว้ถูกไว้ตรงมันก็เป็นไปตามนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีอะไรเกิดขึ้นโดยบังเอิญ ต้องมีเหตุทำให้เกิด ถ้าเราสร้างเหตุดี ผลดีย่อมเกิด" ในมุมมองของ ดร.สนอง วรอุไร ปราชญ์ด้านศาสนาและการปฏิบัติธรรม ทุกวันนี้คนที่มีปัญหาเพราะมันขึ้นอยู่ที่จิต ถ้าเริ่มจากคิดดี หรืออย่างที่ฝรั่งเรียกว่า"Positive Thinking" คิด พูด ทำดี มีสติกำกับ ชีวิตดีแน่นอน..สำคัญที่สุดจึงอยู่ที่ "ใจ"
เช่นเดียวกับ ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา ที่มองว่า มนุษย์เราพยายามวิ่งหาความจริงไปทั่ว คิดว่าวิทยาศาสตร์ยิ่งใหญ่มากศึกษาทุกอย่างรอบตัวแต่ไม่ได้ศึกษาข้างในตัวเรา แต่สิ่งที่เราต้องเข้าใจให้ถ่องแท้ที่สุดคือการรู้จักตัวเอง เมื่อเราค้นหาจิตใจ ค้นพบตัวเองแล้วเราจะเข้าใจทุกสรรพสิ่ง
"ความมหัศจรรย์ ความจริงทุกอย่างอยู่ในจิตใจเรานี่แหละครับ ไม่ต้องไปหาที่ไหนไกล ค้นหาที่ตัวเรา แล้วเราจะค้นพบศักยภาพยิ่งใหญ่ในตัวมนุษย์ ค้นพบความลับที่ยิ่งใหญ่ที่เราสามารถรู้ได้ทุกอย่าง เข้าใจได้ทุกอย่าง เข้าใจความจริงของชีวิต เข้าใจความลับของจักรวาล"
ส่วนนักจิตวิทยา ดร.วัลลภ ปิยะมโนธรรม เชื่อว่าความสำเร็จที่แท้จริงของคนเราจะเกิดขึ้นได้ ก็ต่อเมื่อความสุขเป็นเหตุของความสำเร็จ
"ผมยืนยันว่า ต้อง Inner-Out คือคุณต้องสุขก่อนแล้วจึงจะสำเร็จ ไม่ใช่มัวแต่มองหาความสำเร็จเพื่อที่จะมีความสุข หลายคนเรียนเก่ง ทำงานประสบความสำเร็จ แต่เครียด เป็นมะเร็ง เป็นหัวใจ เส้นเลือดในสมองแตก อย่างนั้นไม่เรียกว่าสำเร็จ ทั้งหมดจะต้องทำอย่างมีความสุขนั่นจึงจะสำเร็จ ความสุขคือการพอใจในสิ่งที่มี และมันเปลี่ยนไปได้ทุกขณะไปเรื่อยๆ เหมือนเซลล์ที่มีชีวิตเปลี่ยนรูปร่างไปเรื่อย ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้สร้างขึ้นได้ ถ้าเราคิดแต่เรื่องร้ายๆ ชีวิตก็จะเจอแต่เรื่องร้ายๆ ถ้าคิดดี ทำดี เซลล์ดีๆก็จะเกิดขึ้น จากที่ไม่ดีก็เปลี่ยนเป็นดีได้ มันจะเปลี่ยนแปลงชีวิตไปสิ้นเชิง ถ้าต้องการสิ่งดีๆ เราต้องเริ่มจากคิดเรื่องดีๆ ก่อน"
ดร.ดาราวรรณ เด่นอุดม นักการศึกษาที่อุทิศตัวเองให้กับการพัฒนาจิตให้กับเยาวชน ถ่ายทอดประสบการณ์ว่า การจะพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ไม่มีทฤษฎีไหนเวิร์คเท่ากับทฤษฎีของพระพุทธเจ้า นั่นคือ "ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน ทุกอย่างสำเร็จด้วยใจ เมื่อเราจะพัฒนาอะไรให้เริ่มที่จิต"
" ดิฉันใช้ตรงนี้ในการพัฒนาจิตตัวเองก่อนจากความทุกข์ เมื่อก่อนทุกข์ก็สวดอ้อนวอนให้พ้นทุกข์ แต่อกหักทุกข์มาก จิตมากระซิบไปทำสมาธิแล้วจะหายทุกข์ ก็ฝึกจิต พัฒนาจิตด้วยการเจริญสติ จนเดี๋ยวนี้ผ่านมา 30 กว่าปี ตอนนี้สิ่งกระทบไม่ว่าจะเป็นทางโลกธรรม 8 เสื่อมลาภ เสื่อมยศ มันกระทบใจน้อยมากแล้วก็ดับได้เร็ว"
ด้าน นพ.วิโรจน์ ตระการวิจิตร ผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ โรงพยาบาลนครธน คุณหมอนักเขียนหนังสือ"สปาใจ" แบ่งปันประสบการณ์เรื่องกฎของแรงสั่นสะเทือน โดยเชื่อว่าทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวล้วนมีพลังงาน โดยเฉพาะพลังจากจิตที่สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงดีๆ สู่ชีวิต ชีวิตที่เร่งรีบเกินไป ทำให้หลายคนไม่เคยหยุดนิ่งๆ ใช้เวลากับตัวเอง
"ถ้าเรารู้จักคำว่าพอเพียงในชีวิตเรา เราจะสามารถจัดการสิ่งไม่จำเป็นออกไปจากชีวิต เริ่มจากการตั้งหลักอยู่กับตัวเรา อยู่เฉยๆ เงียบๆ ควบคุมประสาทสัมผัสให้ได้หมดทุกอย่าง หลับตา สูดอากาศบริสุทธิ์ ปิดปากสัมผัสแต่น้ำลายในปาก กายสัมผัสผ่อนคลายสบายๆ ที่น่าสนใจคืออายตนะที่หู เสียงเป็นพลังงานสามารถเข้าไปทำให้เกิดพลังงาน ช่วยปรับคลื่นความถี่สมอง เมื่อก่อนผมเคยฝึกสมาธิไม่ได้ หลังๆ ใช้เสียงเพลงสวดมนตร์มาช่วยได้เยอะมาก ศูนย์พลังงานในร่างกายเรามี 7 ศูนย์ ถ้าลองเอาจิตไปจับตรงที่หัวใจ จะสัมผัสได้ถึงพลังการสั่นสะเทือนที่อยู่ในใจ"
ส่วนสาวหัวใจแกร่ง ดร.ปาริชาติ สถาปิตานนท์ มาพร้อมเทคนิคการฝึกคิดบวก มองโลกในแง่ดี โดยมองว่าธรรมชาติของมนุษย์ทุกคนไม่ได้จะคิดอย่างนี้กันได้แต่กำเนิด แต่เชื่อว่าเราต้องฝึกเปลี่ยนจากคำว่า "ทุกข์"และ"โทสะ"มาเป็นคำว่า"ทน"กับสภาวะแวดล้อมที่มากระทบจิตใจขณะนั้นว่ามันผ่านมาแล้วก็ผ่านไป หลังจาก "ทน"แล้ว ขั้นต่อไปคือต้อง "ท่อง"ในใจเหมือนกับเด็กท่องจำ
"ลองคิดดูว่าการที่เราพูดภาษาได้ ใช่หรือไม่ที่เราเริ่มฝึกจากการท่องก.ไก่ ท่องเอบีซี เช่นเดียวกับการมองโลกในแง่ดีเมื่อมีภาวะที่มากระทบ จะทำยังไงให้มันกระทบแล้วไม่กระเทือนแล้วไม่กระแทก ก็ต้องท่องว่าเราต้องผ่านไปให้ได้หลังจาก "ท่อง" ก็คือต้อง"ทำใจ" ไม่โกรธ ให้อภัยและเมตตา ทำใจให้นิ่ง ตั้งคำถามที่จะช่วยให้หาทางออก มองสิ่งต่างๆ เป็นอนิจจัง"
ส่วนนักธุรกิจหนุ่มที่ใช้ธรรมะนำทางธุรกิจจนโกอินเตอร์ ดร.วัชรมงคุล เบญจธนะฉัตร์ ประธานกรรมการบริษัท บาธรูมดีไซน์ จำกัด เล่าถึงหลักการบริหารธุรกิจที่ได้รับการถ่ายทอดจากท่านพุทธทาสจนนำมาเริ่มต้นธุรกิจเมื่อ 16 ปีที่แล้ว โดยสอนว่าการบริหารธุรกิจที่แท้จริง อย่างแรกต้องสุขทุกขั้นตอน สอง..บริหารธุรกิจทั้งเพื่อตัวเอง เพื่อผู้อื่น และเพื่อโลกด้วยได้ไหม เลยจับแนวคิดนี้มาทำธุรกิจด้วยความรักและความสุข เหมือนหลักธรรมะอิทธิบาท 4 ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา และยึดหลักสันโดษ ความพอดี พอใจในสิ่งที่ตัวเองมี มีความสุขทุกวันที่ทำงาน
" เราพัฒนาองค์กรจนสามารถขยายธุรกิจไปทั่วโลก โดยสุขจากการทำสิ่งที่รัก สุขจากความพอใจในสิ่งที่ทำ และสุขจากการให้"เจ้าของบาธรูมดีไซน์ เล่าถึงกฎความสำเร็จ
ปิดท้ายด้วย ดร.วิทย์ สิทธิเวคิน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด ดีซี คอนซัลแทนส์ แอนด์ มาร์เก็ตติ้ง คอมมูนิเคชั่น กับข้อคิดกฎขั้วตรงข้ามที่เป็นสัจธรรมให้พึงระลึกอยู่เสมอว่า เมื่อมีลาภ ยศ สรรเสริญ และสุข ก็ต้องมีเสื่อมลาภ เสื่อมยศ นินทา และทุกข์ เป็นของคู่กัน ขณะเดียวกันยังมีกิจกรรมขั้วตรงข้ามกันที่เราทำมากที่สุดในชีวิตนั่นคือการฝึกสติด้วยการหายใจเข้าออกซึ่งเป็นเหมือนสะพานเชื่อมระหว่างกายกับใจ
"เมื่อมีสุขแล้วก็ต้องมีทุกข์ สิ่งที่ทำได้คือการมีสติ ในการทำงานอะไรก็ตามเราอาจจะต้องเจอสิ่งที่ไม่คาดคิด ขึ้นกับจะบริหารจิตเราได้ดีขนาดไหน ถ้าเตรียมใจไว้ก่อน มีสติตั้งรับได้ เมื่อเกิดทุกข์จะแปรสภาพความทุกข์นั้นให้เป็นสุขได้อย่างไร"
เป็นลายแทงความสำเร็จเริ่มต้นที่ "ใจ" ของคนเก่งระดับดอกเตอร์เมืองไทยที่นำมาบอกเล่าสู่กันฟัง
---------------
http://www.facebook.com/photo.php?fbid=248796441878109&set=a.155259304565157.35434.100002432664085&type=3&theater