ความตายนั้นเมื่อมันมาถึงเข้า ใน
รูปธรรม นามธรรมของบุคคลใดแล้ว มันไม่ได้รอช้า มันแตกไป ดับไป เจริญไป หมดไป สิ้นไป ขึ้นชื่อว่า
สังขารทั้งหลาย มีความชำรุดทรุดโทรมอย่างนี้เอง เป็นธรรมดาของมนุษย์และสัตว์โลกทั้งหลาย ทางแก้ไม่มี แต่มีทางแก้อยู่ทางเดียวคือว่า เราคือ
ดวงจิตดวงใจผู้รู้อยู่ภายในใจของเราในขณะนี้เวลานี้แหละ จะต้องเจริญรำลึกถึงอยู่ทุกขณะทุกเวลา จน
กำหนดได้จริงๆ ว่าตายนั้นไม่ใช่เป็นภาษาที่พูดโก้ๆ เล่น แต่มันเป็นความจริงอยู่ในจิตใจคนเรา
เมื่อมีชีวิตอยู่ก็เท่ากับว่ารอวันตายอยู่ทุกขณะทุกเวลา ทุกลมหายใจเข้าออก ความจริงแล้วพระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราทั้งหลายนั้น ท่านให้รำลึกให้ถึงว่า
ความแตกดับความตายของแต่ละบุคคลนั้นเป็นได้มีได้ทุกขณะทุกเวลา ทุกลมหายใจเข้าไป ทุกลมหายใจออกมา มันแสดง
บทบาทให้เราเห็นอยู่ทุกขณะทุกเวลา เรียกว่ามันตายอยู่ทุกขณะ...
เราอย่านิ่งนอนใจ จงเป็นผู้
รำลึกอยู่ในกาย ในจิต ในตัวของเราอยู่เสมอ...ผู้ปฏิบัติทั้งหลายจงมีความเพียรเพ่งอยู่
เพ่งดูให้แจ้งในจิตใจของตัวเอง นั่งอยู่ ยืนอยู่ เดินไปมาที่ไหนอยู่ก็ตาม แม้เรานอนอยู่ยังไม่หลับก็ให้มีความเพียรความหมั่น ความขยันตั้งอกตั้งใจ
ปฏิบัติภาวนา ทำความเพียรเพื่อละกิเลส นึกถึงมรณกรรมฐาน อันพระศาสดาจารย์สัมมาสัมพุทธเจ้าของเราทั้งหลาย พระองค์กำหนดได้ และเตือนสาวกทั้งหลายว่าอย่าได้ประมาทมัวเมา ไม่มีใครที่จะมาช่วยเรา
ดีได้เท่ากับดวงจิตดวงใจภาวนาอยู่นี้ ใจของผู้ใดภาวนาอยู่ไม่ท้อแท้อ่อนแอประการใด เรียกว่าภาวนาได้ทุกลมหายใจเข้าทุกลมหายใจออก มองเห็นภัยอันตรายอันจะมาถึงตนทุกขณะทุกเวลาว่า
เราจะต้องพลัดพรากจากกันไปเป็นธรรมดาในเวลาที่ความแตกดับ ความตายนั้นมาถึงเข้า
จิตก็ให้มีความรู้เท่าทัน...
จงพากันภาวนานึกถึงความตายที่จะมาถึงตัวเองให้ได้ทุกลมหายใจเข้าไป ทุกลมหายใจออกมา เมื่อผู้ใดมาเจริญภาวนาให้ได้ทุกลมหายใจแล้ว เป็นผู้ไม่ประมาท ใครทำใครได้ ใครภาวนาละกิเลสก็เป็นไปเพื่อความเจริญรุ่งเรือง
ถ้าใครไม่ภาวนา ไม่สังวรระวังจิตใจ จิตเมื่อมันตกไปอยู่ในความประมาทมัวเมาแล้ว มีอยู่ก็เหมือนไม่มี มันเข้าใจไปอีกรูปหนึ่งอย่างหนึ่ง เห็นคนก็เห็นว่าไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ไข้ ไม่ตายจิตใจก็ประมาทไปมัวเมาไป อันผู้ปฏิบัติธรรมกรรมฐานในทางพุทธศาสนานี้ จงพากันเจริญภาวนา ปฏิบัติบูชาในดวงจิตใจของตนให้ได้ตลอดเวลา ไม่ว่าวันเวลาจะผ่านไปมากน้อยอย่างไรก็ตาม หน้าที่ของเราต้องภาวนา ตั้งจิตเจตนาลงไปทุกขณะลมเข้าลมออก มองให้เห็นแจ้งว่าความตายใกล้เข้ามาแล้ว
มรณํ เม ภวิสติ เราจะต้องตายแน่ๆ ทุกขณะลมเข้า ทุกขณะลมออก มีความเพียรเพ่งอยู่ในดวงจิตดวงใจ ชื่อว่าเป็นผู้ภาวนาอยู่เสมอ
นี่เป็น
อุบายภาวนาในทางพุทธศาสนา เมื่อเราท่านทั้งหลายพากันได้ยินได้ฟังแล้ว ให้พากัน
กำหนดจดจำไว้ ณ ภายใน แล้วน้อมนำไปประพฤติปฏิบัติ ก็คงได้รับความสุข ความเจริญ เอวังก็มีด้วยประการละฉะนี้