การละเมอ ในทางการแพทย์เรียกอาการกลุ่มนี้ว่า Somnambulism เป็นการนอนที่ผิดปกติ มีการเคลื่อนไหว พฤติกรรม อารมณ์ การตอบรับ การตอบรับขณะหลับ (Parasomnias)
การละเมอเกิดขึ้นในช่วงการหลับลึก (Slow wave sleep or SWS) เป็นช่วงที่ที่มีสติสัมปชัญญะต่ำและสามารถทำกิจกรรมที่ทำเป็นปกติในช่วงที่ มีสติสมบูรณ์ได้
กิจกรรมเหล่านี้จะเริ่มต้นตั้งแต่การลุกขึ้นจากเตียง เดินเข้าห้องน้ำและทำความสะอาดหรือกิจกรรมที่เป็นอันตราย เช่นการทำอาหาร ขับรถ การแสดงพฤติกรรมรุนแรง การหยิบจับ
ภาพหลอนหรือแม้แต่การฆาตกรรม ถึงแม้ว่าการละเมอจะเป็นการกระทำอะไรที่ง่ายๆ ซ้ำๆ จนในบางครั้งมีรายงานว่ามนุษย์จะแสดงพฤติกรรมที่ซับซ้อนขณะนอนหลับถึงแม้บางครั้ง
อาจจะไม่ชอบธรรมตามกฎหมายก็ตาม ในปี ค.ศ. 2004 ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับยานอนหลับในประเทศออสเตรเลียออกมาอ้างว่าได้ประสบความ สำเร็จในการบำบัดหญิงสาวที่มีอาการ
นอนละเมอแล้วไปมีเพศสัมพันธ์กับชายแปลก หน้า ต่อมาเดือนธันวาคม ค.ศ. 2008 มีรายงานจากประเทศอังกฤษเกี่ยวกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ละเมอแล้วส่ง e-mail ไปเชิญเพื่อนๆมา
ร่วมรับประทานอาหารเย็นและสังสัรรค์กันที่บ้าน คนที่ละเมอจะไม่สามารถจดจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้หรือจำได้เพียงเล็กน้อย เป็นเพราะว่าในช่วงที่ละเมอจะไม่มีสติที่แท้จริง ถึงแม้ว่า
ตาจะเปิดแต่การตอบสนองอย่างอื่นมืดมัวและถูกปิด ในการละเมอแต่ละครั้งจะใช้เวลาตั้งแต่ 30 วินาทีถึง 30 นาที
นักวิชาการหลายคนได้ศึกษาสาเหตุของการเกิดการละเมอได้ตั้งทฤษฎีขึ้นมาว่า การพัฒนาการละเมอจะเริ่มจากวัยเด็กมีสาเหตุมาจากการเจริญเติบโตที่คลาดเคลื่อน ในคนที่
นอนละเมอจะมีคลื่นไฟฟ้าสมอง (delta wave) ที่สูงมากเมื่อมีอายุ 17 ปี ช่วงระยะเวลานี้จะมาจากการพัฒนาอย่างไม่สมบูรณ์ของระบบประสาทซึ่งเป็นสาเหตุ ของการนอนละเมอ
การนอนละเมอมักจะพบในครอบครัวที่มีสมาชิกนอนละเมอ โดยเด็กจะมีโอกาสนอนละเมอเพิ่มขึ้น 45% ถ้ามีพ่อหรือแม่นอนละเมอและเพิ่มขึ้น 60% ถ้าทั้งสองคนนอนละเมอ อย่างไร
ก็ตามไม่มีการรายงานว่าการนอนละเมอจะเกิดกับผู้หญิงหรือผู้ชาย มากกว่ากัน
ดังนั้นปัจจัยการถ่ายทอดทางพันธุกรรมกับการนอนละเมอมีความเกี่ยวข้องกัน และมีผลมาจากปัจจัยทาง
สิ่งแวดล้อม เช่น ความเครียด เสียงดัง การดื่มสุรา อาการไข้ การหมดสติ ความเหนื่อย เป็นต้น การใช้ยาที่รักษาอาการจิตเพศและการสะกดจิตก็เป็นสาเหตุของการนอนละเมอได้ เช่นกัน
ซึ่งปัจจัยทางสิ่งแวดล้อมดังกล่าวนี้จะมีผลต่อช่วงเวลาการหลับลึก (SWS) ในปัจจุบันมียาบางตัวสามารถรักษาอาการนอนละเมอได้ เช่น Benzodiazepine, tricyclic antidepressants และ clonazepam แต่ ต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์
อย่างไรก็ตามสำหรับคนที่นอนละเมอส่วนใหญ่ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะแนะนำให้เก็บของอันตรายไว้ในที่ที่ปลอดภัยและล๊อคประตู หน้าต่างก่อนนอนเพื่อลดความเสี่ยงในการนอนละเมอไป
ทำกิจกรรมที่อันตราย รวมไปถึงการมีสุขอนามัยในการนอนที่ดีและงดการอดนอน ในกรณีของเด็ก บางครั้งผู้ปกครองอาจเล่านิทานน่ารักๆ หรือเปิดเพลงให้เด็กฟังก่อนนอนเพื่อเป็น
การผ่อนคลายก็ได้
การนอนละเมอสามารถเกิดการแสดงออก ของพฤติกรรมรุนแรง พบว่ามีคดีความหลายคดีเกี่ยวข้องกับการนอนละเมอ เช่น การทำร้ายร่างกาย การข่มขืน และการฆาตกรรม
การลงโทษบุคคลในกรณีดังกล่าวเป็นที่โต้เถียงกันอย่างมากเพราะว่าบุคคลเหล่า นี้ไม่สามารถจดจำการกระทำของตนเองได้ โดยสามารถ เข้าใจได้ว่าคนที่นอนละเมอมีความเป็นไปได้ที่
จะเกิดความสับสน เกิดความรุนแรงและการข่มขืน มีโอกาสเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวเมื่อมีการยืดระยะเวลาในการละเมอและสภาพแวด ล้อมในขณะเวลานั้น มีการนำมาวิเคราะห์ความแตกต่างรวม
ถึงเงื่อนไขซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับความ รุนแรงในขณะหลับ พบว่ามีความเสี่ยง สูงถ้าบุคคลดังกล่าวมีอาการผิดปกติขณะหลับไม่สนิท (RSBD) คนที่ผิดปกติเกี่ยวกับความจำสลับขั้วและคนที่เดิน
อย่างไม่มีจุดหมาย
ในทางการแพทย์การนอนละเมอถือว่าเป็นลักษณะของโรคทางจิตเวทชนิดหนึ่ง สามารถบำบัดรักษาได้ แต่คนทั่วไปมักจะคิดว่าเป็นเรื่องปกติ ในรายที่อาการละเมอไม่รุนแรงก็ไม่เป็นไร
แต่ในรายที่มีอาการรุนแรงอย่างเช่นกรณีที่เกิดในต่างประเทศ เช่นการละเมอแล้วไปทำร้ายคนอื่น ละเมอแล้วไปมีเพศสัมพันธ์กับคนแปลกหน้า บุคคลเหล่าคนควรมีการระมัดระวังตัวเองและอยู่ใน
ความดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยว ชาญ ส่วนบุคคลทั่วไปถึงแม้ว่าจะไม่ได้มีอาการนอนละเมอหรือไม่รุนแรงขนาดนี้ ก็ควรดูแลสุขอนามัยการนอนให้ดี เพราะว่าปัญหาเกี่ยวกับการนอนมีหลายชนิดด้วยกัน
เช่น ปัญหานอนไม่หลับ การนอนผวา Jet lag การนอนกัดฟัน เป็นต้น
เราควรสร้างสุขอนามัยการนอนที่ดี เช่น การนอนให้ตรงเวลา ออกกำลังกาย ไม่กินอาหารก่อนนอน เลี่ยงบุหรี่ คาเฟอีนและ
ของมึนเมา ดื่มหรือรับประทานอาหารที่มีองค์ประกอบของกรด อะมิโน Tryptophan จากโปรตีน อย่างธัญพืช หรือเครื่องดื่ม Whole Grains ก่อนนอน จะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายปล่อยสาร Niacin
จากวิตามินบี 5 ทำให้สมองและร่างกายผ่อนคลาย และง่วงนอนง่ายขึ้น เป็นต้น เพื่อที่จะทำให้นอนหลับสบายและไม่มีปัญหาเกี่ยวกับการนอนต่อไปhttp://www.vcharkarn.com/varticle/41789